เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 229.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 229.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 229.2

ราวีนีเอ่ยเรียกนางกำนัลคนหนึ่งที่ยืนรออยู่ด้านนอกเข้ามา

ใบหน้าของนางกำนัลซีดเผือดเมื่อเข้ามาในห้องแล้วเห็นเจ้าตระกูลอังเกนัสที่มีเลือดไหลท่วมปาก

“ระ…เรียกหม่อมฉันหรือเพคะ องค์จักรพรรดินี”

“ไปเรียกตัวหัวหน้านางกำนัลโอทัวร์มา”

ต่างจากทัศนียภาพอันน่าสะพรึงกลัวภายในห้อง เสียงของราวีนีนิ่งสงบเป็นอย่างยิ่ง

“ทราบแล้วเพคะ”

นางกำนัลตอบแล้วรีบวิ่งหนีออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

‘หัวหน้านางกำนัล’

นัยน์ตาของดิวอิจซึ่งได้แต่พยายามห้ามเลือดที่ไหลทะลักออกมาจากแผล และคู้กายด้วยความเจ็บปวดอันสาหัสถึงกับเบิกกว้าง

หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์เป็นนางกำนัลที่คอยรับใช้ข้างกายองค์จักรพรรดิ

‘หรือว่า’

สายตาพลันสบเข้ากับนัยน์ตาของราวีนีที่หันมามองตนเข้าพอดี

“คราวนี้คงพอจะมีไหวพริบขึ้นมาบ้างแล้วสิ”

ราวีนีโยนผ้าขนหนูใส่ดิวอิจ นางหัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ

“หากฝ่าบาทสวรรคตทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แต่งตั้งองค์รัชทายาท สถานการณ์จะกลายเป็นเช่นไรล่ะ ดิวอิจ”

“ตะ…แต่ ท่านพี่…”

“ใช่แล้ว หลังจากนั้นอำนาจในการตัดสินใจเลือกผู้สืบบัลลังก์ก็จะเป็นของข้าผู้เป็นจักรพรรดินี”

อึก

ดิวอิจกลืนน้ำลายเสียงดังโดยไม่รู้ตัว รสชาติขมปร่าของเลือดแผ่ซ่านไปทั่วโพรงปาก แต่ดิวอิจกำลังตกตะลึงจนไม่อาจรับรู้ได้กระทั่งเรื่องพวกนั้น

“หากไม่อาจช่วยให้โอรสของข้าเป็นองค์รัชทายาทได้ ก็แค่จับเขานั่งลงบนบัลลังก์ด้วยตัวข้าเองเสียก็หมดเรื่อง”

ไม่นานหลังจากนั้น หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์ก็มายืนอยู่หน้าจักรพรรดินี

“เรียกหม่อมฉันหรือเพคะ องค์จักรพรรดินี…”

หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์เอ่ยพูดโดยไม่กล้าแม้แต่จะเบือนสายตามองไปทางดิวอิจ

“ตอนนี้ฝ่าบาทอยู่ที่ใด หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์”

“ยังไม่เสด็จกลับมาจากลานล่าเหยี่ยวเพคะ”

“ถ้าออกไปล่าสัตว์ เช่นนั้นตอนกลับมาคงกระหายน้ำน่าดู”

จักรพรรดินีวางขวดแก้วใบเล็กใบหนึ่งลงตรงหน้าหัวหน้านางกำนัลโอทัวร์

หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์หลับตาแน่นทั้งๆ ที่ยังก้มหน้านิ่ง

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จักรพรรดินีวาง ‘ขวดแก้วใบเล็ก’ นั่นลงตรงหน้านาง

“ที่ให้มาครั้งก่อน…ยังเหลืออยู่เลยเพคะ”

“ข้าสั่งให้คอยใช้มันอยู่ประจำแท้ๆ แต่ดูเหมือนจะเกียจคร้านเหลือเกิน”

จักรพรรดินีราวีนีกล่าวด้วยน้ำเสียงราวกับตำหนิเด็กตัวน้อย

“ไม่ใช่อย่างนั้น…”

“นำมันไปเสีย คราวนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ”

รับสั่งของจักรพรรดินีทำให้หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์เก็บขวดแก้วใบเล็กลงในอกเสื้ออย่างเลี่ยงไม่ได้

ปลายนิ้วสั่นเทาเล็กน้อย

“พิษแมงมุมทีที คราวนี้เทลงไปให้หมดทั้งขวด”

ความหมายนั้น หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์เองก็เข้าใจดี

นางเองก็คาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วนับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มผสมยาลงในพระกระยาหารขององค์จักรพรรดิตามรับสั่งของจักรพรรดินี ว่าสักวันวันนี้จะต้องมาถึง

“แล้วชีวิตของหม่อมฉันจะเป็นเช่นไรเพคะ”

หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์ถาม

“เป็นคำถามที่น่าสนใจ”

ทันใดนั้นจักรพรรดินีก็กระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะตอบกลับไป

“เจ้าคิดจะต่อรองกับข้างั้นหรือ”

“หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจจะหยาบคายเพคะ! เพียงแต่ถ้าหม่อมฉันผสมยาพิษนี่ลงในสุราของฝ่าบาท แล้วพระองค์จะสามารถรับรองชีวิตของหม่อมฉันได้…!”

“คิดว่าใครกันที่ผลักดันจนเจ้าสามารถขึ้นมารับตำแหน่งหัวหน้านางกำนัลในตอนนี้ได้”

หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์เม้มปากแน่น

ถึงแม้จะเป็นนางกำนัล แต่นางมีฐานะทางบ้านที่ต่ำต้อยนัก การได้ทำงานรับใช้องค์จักรพรรดิในฐานะหัวหน้านางกำนัลอยู่ในตอนนี้ แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นเพราะแรงผลักดันจากจักรพรรดินีราวีนี

ราวีนีเอ่ยพูดกับหัวหน้านางกำนัลที่ได้แต่กัดริมฝีปากแน่น ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก

“อย่าลืมว่าครอบครัวของเจ้ายังอยู่ที่อังเกนัส”

“…ทราบแล้วเพคะ”

หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์ทิ้งท้ายไว้เพียงแค่คำพูดประโยคนั้น ก่อนจะเดินทางกลับไปยังวังจักรพรรดิ

“จะไว้ใจได้หรือพ่ะย่ะค่ะ”

อีเดน ครูส ซึ่งเฝ้ามองอยู่เงียบๆ เอ่ยถาม

“ถ้าเชื่อไม่ได้ แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ”

“กระหม่อมจะไล่ตามไปพ่ะย่ะค่ะ”

หมายความว่าจะสังหารปิดปากทันทีหากต้องการ

“อีเดน ข้าดีใจที่เจ้าจงรักภักดีต่อข้าอยู่เสมอ แต่คนคนนั้นสามารถไว้ใจได้”

จักรพรรดินีราวีนีนั่งลงบนเก้าอี้เป็นครั้งแรกหลังจากเข้ามาในห้องนี่ นางเอ่ยพูดต่อ

“ที่ผ่านมาเป็นตัวนางเองที่ผสมยาพิษลงในสุราของฝ่าบาทด้วยมือของตัวเอง หากคิดจะผลักไสข้าเอาตอนนี้ มันก็ไม่ต่างอันใดจากฆ่าตัวตายหรอก”

อีกอย่างครอบครัวของหัวหน้านางกำนัลโอทัวร์ก็ยังเป็นตัวประกันอยู่ในเขตแดนอังเกนัส

“หัวหน้านางกำนัลไม่อาจทรยศข้าได้”

ราวีนีกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะหันไปออกคำสั่งกับอีเดน ครูส

“เจ้ากลับไปที่คฤหาสน์ จัดเตรียมกำลังพลของอังเกนัสให้พร้อม และหากข้าส่งสารแจ้งไปเมื่อไหร่ ก็ให้พากำลังทหารทั้งหมดบุกมาที่พระราชวังได้เลย”

จักรพรรดินีราวีนีหยิบผ้าเช็ดหน้าอีกผืนขึ้นมาเช็ดมือที่เลอะหยาดเลือดออกจนสะอาด ในขณะที่กล่าวต่อไป

“ถ้าฝ่าบาทสวรรคต อาจจะมีกองกำลังกบฏที่ไหนก็ย่อมเป็นไปได้มิใช่หรือ”

“น้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”

อีเดน ครูส ตอบรับอย่างเคร่งครัด

แต่ราวีนีไม่ได้เหลียวมองเขาเลยแม้แต่น้อย

คิ้วเรียวได้รูปขมวดแน่น นัยน์ตาหรี่มองเลือดที่เปรอะอยู่บนเดรสของตัวเอง

รอยเลือดสีแดงสดที่ไม่อาจซักล้างมันให้เลือนหายไปกระเซ็นเป็นรอยด่างบนชุดเดรสผ้ากำมะหยี่สีฟ้าตัวงาม

* * *

ยามอาทิตย์อัสดง

กว่ารถม้าที่จักรพรรดิโยบาเนสโดยสารออกไปจะเดินทางกลับเข้ามายังพระราชวังก็กินเวลาค่อนข้างนานทีเดียว

ราวีนีถอดเดรสเปื้อนเลือดออก เปลี่ยนไปสวมชุดใหม่ นางนั่งอยู่เพียงลำพังในห้อง

ราวกับเวลาที่ไหลผ่านมีเพียงหญิงสาวเท่านั้นที่หยุดนิ่ง กระทั่งแพขนตายาวงอนก็ไม่กระดิกเลยแม้แต่วินาทีเดียว

เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ

“องค์จักรพรรดินี!”

ราวีนีลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกนางด้วยความร้อนรน

“ฝ่าบาท! ฝ่าบาททรงหมดสติไปเพคะ!”

“นั่นมันเรื่องอะไรกัน!”

ราวีนีมองสำรวจภาพตัวเองในกระจกเป็นครั้งสุดท้าย ในขณะที่แสร้งกรีดเสียงร้องอย่างตื่นตกใจ

เครื่องประดับบนชุดเดรสเองก็เปลี่ยนเป็นแค่เครื่องประดับชิ้นเล็กๆ และลดจำนวนให้น้อยลง

จักรพรรดินีที่สวมเสื้อผ้าหรูหราอยู่ข้างกายองค์จักรพรรดิที่สวรรคตคงดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“มะ…หม่อมฉันเองก็ไม่ทราบ…ดูเหมือนทางวังจักรพรรดิจะเพิ่งส่งข่าวมา…คะ…คงต้องเสด็จไปดูด้วยตัวพระองค์เองเพคะ!”

“หากเป็นแค่ข่าวลือไร้สาระ คอเจ้าหลุดจากบ่าแน่!”

จักรพรรดินีตวาดเสียงลั่น เปิดประตูพรวดออกไป

ไร้ซึ่งภาพที่เคยมองส่องกระจกอย่างสบายอารมณ์เมื่อครู่นี้ เหลือเพียงใบหน้าตื่นตกใจกับข่าวกะทันหันที่ได้ยินเท่านั้น

ราวีนีกุมชายชุดเดรสแน่น นางรีบเดินมุ่งตรงไปยังวังจักรพรรดิด้วยความร้อนรน

ยิ่งเข้าไปใกล้ห้องบรรทมของจักรพรรดิมากเท่าไหร่ จักรพรรดินีก็ยิ่งผุดแย้มรอยยิ้มแห่งชัยชนะอยู่ในใจ

เพราะบรรยากาศอลหม่านของวังจักรพรรดินั้นเป็นหลักฐานบ่งบอกได้อย่างดีว่า แผนการของนางกำลังเป็นไปตามที่วางไว้

แต่ว่า

“มาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”

แพทย์หลวงเช็ดเหงื่อพลางเดินออกมาจากห้องบรรทมขององค์จักรพรรดิ และถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเอ่ยพูดกับนาง

“ฝ่าบาททรงพ้นอาการวิกฤตแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 229.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 229.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 229.2

ราวีนีเอ่ยเรียกนางกำนัลคนหนึ่งที่ยืนรออยู่ด้านนอกเข้ามา

ใบหน้าของนางกำนัลซีดเผือดเมื่อเข้ามาในห้องแล้วเห็นเจ้าตระกูลอังเกนัสที่มีเลือดไหลท่วมปาก

“ระ…เรียกหม่อมฉันหรือเพคะ องค์จักรพรรดินี”

“ไปเรียกตัวหัวหน้านางกำนัลโอทัวร์มา”

ต่างจากทัศนียภาพอันน่าสะพรึงกลัวภายในห้อง เสียงของราวีนีนิ่งสงบเป็นอย่างยิ่ง

“ทราบแล้วเพคะ”

นางกำนัลตอบแล้วรีบวิ่งหนีออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

‘หัวหน้านางกำนัล’

นัยน์ตาของดิวอิจซึ่งได้แต่พยายามห้ามเลือดที่ไหลทะลักออกมาจากแผล และคู้กายด้วยความเจ็บปวดอันสาหัสถึงกับเบิกกว้าง

หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์เป็นนางกำนัลที่คอยรับใช้ข้างกายองค์จักรพรรดิ

‘หรือว่า’

สายตาพลันสบเข้ากับนัยน์ตาของราวีนีที่หันมามองตนเข้าพอดี

“คราวนี้คงพอจะมีไหวพริบขึ้นมาบ้างแล้วสิ”

ราวีนีโยนผ้าขนหนูใส่ดิวอิจ นางหัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ

“หากฝ่าบาทสวรรคตทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แต่งตั้งองค์รัชทายาท สถานการณ์จะกลายเป็นเช่นไรล่ะ ดิวอิจ”

“ตะ…แต่ ท่านพี่…”

“ใช่แล้ว หลังจากนั้นอำนาจในการตัดสินใจเลือกผู้สืบบัลลังก์ก็จะเป็นของข้าผู้เป็นจักรพรรดินี”

อึก

ดิวอิจกลืนน้ำลายเสียงดังโดยไม่รู้ตัว รสชาติขมปร่าของเลือดแผ่ซ่านไปทั่วโพรงปาก แต่ดิวอิจกำลังตกตะลึงจนไม่อาจรับรู้ได้กระทั่งเรื่องพวกนั้น

“หากไม่อาจช่วยให้โอรสของข้าเป็นองค์รัชทายาทได้ ก็แค่จับเขานั่งลงบนบัลลังก์ด้วยตัวข้าเองเสียก็หมดเรื่อง”

ไม่นานหลังจากนั้น หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์ก็มายืนอยู่หน้าจักรพรรดินี

“เรียกหม่อมฉันหรือเพคะ องค์จักรพรรดินี…”

หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์เอ่ยพูดโดยไม่กล้าแม้แต่จะเบือนสายตามองไปทางดิวอิจ

“ตอนนี้ฝ่าบาทอยู่ที่ใด หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์”

“ยังไม่เสด็จกลับมาจากลานล่าเหยี่ยวเพคะ”

“ถ้าออกไปล่าสัตว์ เช่นนั้นตอนกลับมาคงกระหายน้ำน่าดู”

จักรพรรดินีวางขวดแก้วใบเล็กใบหนึ่งลงตรงหน้าหัวหน้านางกำนัลโอทัวร์

หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์หลับตาแน่นทั้งๆ ที่ยังก้มหน้านิ่ง

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จักรพรรดินีวาง ‘ขวดแก้วใบเล็ก’ นั่นลงตรงหน้านาง

“ที่ให้มาครั้งก่อน…ยังเหลืออยู่เลยเพคะ”

“ข้าสั่งให้คอยใช้มันอยู่ประจำแท้ๆ แต่ดูเหมือนจะเกียจคร้านเหลือเกิน”

จักรพรรดินีราวีนีกล่าวด้วยน้ำเสียงราวกับตำหนิเด็กตัวน้อย

“ไม่ใช่อย่างนั้น…”

“นำมันไปเสีย คราวนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ”

รับสั่งของจักรพรรดินีทำให้หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์เก็บขวดแก้วใบเล็กลงในอกเสื้ออย่างเลี่ยงไม่ได้

ปลายนิ้วสั่นเทาเล็กน้อย

“พิษแมงมุมทีที คราวนี้เทลงไปให้หมดทั้งขวด”

ความหมายนั้น หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์เองก็เข้าใจดี

นางเองก็คาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วนับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มผสมยาลงในพระกระยาหารขององค์จักรพรรดิตามรับสั่งของจักรพรรดินี ว่าสักวันวันนี้จะต้องมาถึง

“แล้วชีวิตของหม่อมฉันจะเป็นเช่นไรเพคะ”

หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์ถาม

“เป็นคำถามที่น่าสนใจ”

ทันใดนั้นจักรพรรดินีก็กระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะตอบกลับไป

“เจ้าคิดจะต่อรองกับข้างั้นหรือ”

“หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจจะหยาบคายเพคะ! เพียงแต่ถ้าหม่อมฉันผสมยาพิษนี่ลงในสุราของฝ่าบาท แล้วพระองค์จะสามารถรับรองชีวิตของหม่อมฉันได้…!”

“คิดว่าใครกันที่ผลักดันจนเจ้าสามารถขึ้นมารับตำแหน่งหัวหน้านางกำนัลในตอนนี้ได้”

หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์เม้มปากแน่น

ถึงแม้จะเป็นนางกำนัล แต่นางมีฐานะทางบ้านที่ต่ำต้อยนัก การได้ทำงานรับใช้องค์จักรพรรดิในฐานะหัวหน้านางกำนัลอยู่ในตอนนี้ แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นเพราะแรงผลักดันจากจักรพรรดินีราวีนี

ราวีนีเอ่ยพูดกับหัวหน้านางกำนัลที่ได้แต่กัดริมฝีปากแน่น ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก

“อย่าลืมว่าครอบครัวของเจ้ายังอยู่ที่อังเกนัส”

“…ทราบแล้วเพคะ”

หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์ทิ้งท้ายไว้เพียงแค่คำพูดประโยคนั้น ก่อนจะเดินทางกลับไปยังวังจักรพรรดิ

“จะไว้ใจได้หรือพ่ะย่ะค่ะ”

อีเดน ครูส ซึ่งเฝ้ามองอยู่เงียบๆ เอ่ยถาม

“ถ้าเชื่อไม่ได้ แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ”

“กระหม่อมจะไล่ตามไปพ่ะย่ะค่ะ”

หมายความว่าจะสังหารปิดปากทันทีหากต้องการ

“อีเดน ข้าดีใจที่เจ้าจงรักภักดีต่อข้าอยู่เสมอ แต่คนคนนั้นสามารถไว้ใจได้”

จักรพรรดินีราวีนีนั่งลงบนเก้าอี้เป็นครั้งแรกหลังจากเข้ามาในห้องนี่ นางเอ่ยพูดต่อ

“ที่ผ่านมาเป็นตัวนางเองที่ผสมยาพิษลงในสุราของฝ่าบาทด้วยมือของตัวเอง หากคิดจะผลักไสข้าเอาตอนนี้ มันก็ไม่ต่างอันใดจากฆ่าตัวตายหรอก”

อีกอย่างครอบครัวของหัวหน้านางกำนัลโอทัวร์ก็ยังเป็นตัวประกันอยู่ในเขตแดนอังเกนัส

“หัวหน้านางกำนัลไม่อาจทรยศข้าได้”

ราวีนีกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะหันไปออกคำสั่งกับอีเดน ครูส

“เจ้ากลับไปที่คฤหาสน์ จัดเตรียมกำลังพลของอังเกนัสให้พร้อม และหากข้าส่งสารแจ้งไปเมื่อไหร่ ก็ให้พากำลังทหารทั้งหมดบุกมาที่พระราชวังได้เลย”

จักรพรรดินีราวีนีหยิบผ้าเช็ดหน้าอีกผืนขึ้นมาเช็ดมือที่เลอะหยาดเลือดออกจนสะอาด ในขณะที่กล่าวต่อไป

“ถ้าฝ่าบาทสวรรคต อาจจะมีกองกำลังกบฏที่ไหนก็ย่อมเป็นไปได้มิใช่หรือ”

“น้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”

อีเดน ครูส ตอบรับอย่างเคร่งครัด

แต่ราวีนีไม่ได้เหลียวมองเขาเลยแม้แต่น้อย

คิ้วเรียวได้รูปขมวดแน่น นัยน์ตาหรี่มองเลือดที่เปรอะอยู่บนเดรสของตัวเอง

รอยเลือดสีแดงสดที่ไม่อาจซักล้างมันให้เลือนหายไปกระเซ็นเป็นรอยด่างบนชุดเดรสผ้ากำมะหยี่สีฟ้าตัวงาม

* * *

ยามอาทิตย์อัสดง

กว่ารถม้าที่จักรพรรดิโยบาเนสโดยสารออกไปจะเดินทางกลับเข้ามายังพระราชวังก็กินเวลาค่อนข้างนานทีเดียว

ราวีนีถอดเดรสเปื้อนเลือดออก เปลี่ยนไปสวมชุดใหม่ นางนั่งอยู่เพียงลำพังในห้อง

ราวกับเวลาที่ไหลผ่านมีเพียงหญิงสาวเท่านั้นที่หยุดนิ่ง กระทั่งแพขนตายาวงอนก็ไม่กระดิกเลยแม้แต่วินาทีเดียว

เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ

“องค์จักรพรรดินี!”

ราวีนีลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกนางด้วยความร้อนรน

“ฝ่าบาท! ฝ่าบาททรงหมดสติไปเพคะ!”

“นั่นมันเรื่องอะไรกัน!”

ราวีนีมองสำรวจภาพตัวเองในกระจกเป็นครั้งสุดท้าย ในขณะที่แสร้งกรีดเสียงร้องอย่างตื่นตกใจ

เครื่องประดับบนชุดเดรสเองก็เปลี่ยนเป็นแค่เครื่องประดับชิ้นเล็กๆ และลดจำนวนให้น้อยลง

จักรพรรดินีที่สวมเสื้อผ้าหรูหราอยู่ข้างกายองค์จักรพรรดิที่สวรรคตคงดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“มะ…หม่อมฉันเองก็ไม่ทราบ…ดูเหมือนทางวังจักรพรรดิจะเพิ่งส่งข่าวมา…คะ…คงต้องเสด็จไปดูด้วยตัวพระองค์เองเพคะ!”

“หากเป็นแค่ข่าวลือไร้สาระ คอเจ้าหลุดจากบ่าแน่!”

จักรพรรดินีตวาดเสียงลั่น เปิดประตูพรวดออกไป

ไร้ซึ่งภาพที่เคยมองส่องกระจกอย่างสบายอารมณ์เมื่อครู่นี้ เหลือเพียงใบหน้าตื่นตกใจกับข่าวกะทันหันที่ได้ยินเท่านั้น

ราวีนีกุมชายชุดเดรสแน่น นางรีบเดินมุ่งตรงไปยังวังจักรพรรดิด้วยความร้อนรน

ยิ่งเข้าไปใกล้ห้องบรรทมของจักรพรรดิมากเท่าไหร่ จักรพรรดินีก็ยิ่งผุดแย้มรอยยิ้มแห่งชัยชนะอยู่ในใจ

เพราะบรรยากาศอลหม่านของวังจักรพรรดินั้นเป็นหลักฐานบ่งบอกได้อย่างดีว่า แผนการของนางกำลังเป็นไปตามที่วางไว้

แต่ว่า

“มาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”

แพทย์หลวงเช็ดเหงื่อพลางเดินออกมาจากห้องบรรทมขององค์จักรพรรดิ และถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเอ่ยพูดกับนาง

“ฝ่าบาททรงพ้นอาการวิกฤตแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+