เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 23.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 23.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 23

 

 

“เอาละ นั่นแหละ ย่อเข่าตรงนั้น…”

 

พอพยายามย่อเข่าลงตามคำสั่งของชานาเนสจากท่วงท่าหลังยืดตรง ขาของฟีเรนเทียก็สั่นระริก

 

“อีกหน่อย”

 

ทว่าชานาเนสกลับพูดอย่างเคร่งครัด ไม่คิดจะยอมผ่อนปรนให้เลยแม้แต่น้อย

 

“ใช่แล้ว ทำได้ดีมาก แบบนั้นแหละ”

 

“ฮู่ว! ลำบากสุดๆ เลยค่ะ!”

 

ที่จริงแล้วเธอรู้สึกตกใจจริงๆ ไม่นึกเลยว่าการทำความเคารพตามแบบฉบับชาววังด้วยร่างกายของเด็กเล็ก มันจะลำบากขนาดนี้

 

ถึงแม้ช่วงนี้เธอจะกินเยอะโดยไม่เลือกกินแล้วก็ตาม แต่ร่างกายของเธอที่ยังเป็นแค่เด็กก็ยังเล็กและอ่อนแอกว่าเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกันมากอยู่ดี

 

จะว่าไปอาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อก็ได้ ขนาดท่าง่ายๆ ร่างกายยังเอาแต่โงนเงนทรงตัวไม่ได้อยู่เรื่อย

 

“ยิ่งทำช้าอย่างตอนนี้ยิ่งเหนื่อย ไหนลองทำตามที่ข้าแสดงให้ดูในครั้งเดียวเลยหน่อยซิ เทีย”

 

ชานาเนสลุกขึ้นจากที่นั่งมาหยุดยืนตรงหน้าเธอ

 

พับแขนข้างขวา แตะมือลงบนหน้าอก ข้างซ้ายจับกระโปรงยกขึ้นเล็กน้อย โค้งศีรษะพร้อมกับก้าวขาขวาไปข้างหลัง ก่อนจะย่อเข่าทั้งสองข้างลง

 

นี่คือวิธีการทักทายตามแบบฉบับมารยาทชาววัง ที่เหล่าชนชั้นสูงใช้เวลาพบปะเชื้อพระวงศ์เป็นมารยาทพื้นฐานดั้งเดิมของอาณาจักร แต่สมัยนี้เรื่องขนบธรรมเนียมมารยาทก็หย่อนคลายลงไปมากแล้ว จึงไม่ใช่ว่าเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์จะรับการทักทายเช่นนี้

 

มีแต่ระดับองค์จักรพรรดิกับองค์จักรพรรดินี เจ้าชายรัชทายาทหรือองค์หญิงรัชทายาทเท่านั้น ที่จะมีสิทธิ์รับการถวายบังคมอย่างเป็นทางการ

 

“สง่าและงามมากเลยค่ะ”

 

เธอมองชานาเนสที่ถวายบังคมเสร็จแล้วกลับมายืนตัวตรงได้ในทันทีพลางปรบมือ

 

ชานาเนสถวายบังคมตามระเบียบของชาววังได้โดยไม่ต้องเสริมแรงแม้แต่น้อย ช่างเหมือนหงส์สง่างามเหลือเกิน

 

ตั้งแต่ลำคอเพรียวระหงที่ก้มเล็กน้อยยามหลุบสายตามองต่ำ กระทั่งปลายนิ้วที่ยกชายชุดเดรสโค้งเว้า ทั้งหมดนั่นงดงามราวกับหงส์สยายปีก

 

“ทำแบบนั้นได้ยังไงเหรอคะ”

 

อยากรู้จริงๆ

 

เคล็ดลับความสง่าจนทำให้คนคลั่งได้ของชานาเนส

 

ชานาเนสดีดปลายจมูกของเธอที่ยืนเบิกตากว้างเป็นประกาย ก่อนจะหัวเราะน้อยๆ พลางเอ่ยพูด

 

“ฝึกซ้อม”

 

“เห”

 

แบบนี้จะต่างอะไรกับบอกว่าเข้ามหาวิทยาลัยโซลได้เพราะมุ่งมั่นอ่านหนังสือกันล่ะ

 

เธอทำปากยื่นอย่างแง่งอน

 

“ไม่ได้ล้อเล่นนะ ไม่มีวิธีอื่นนอกจากการฝึกซ้อมแล้วจริงๆ เทีย โดยเฉพาะร่างกายผอมบางไร้เรี่ยวแรงอย่างเจ้า ยิ่งต้องฝึกจนร่างกายชินกับมัน”

 

“ค่ะ…”

 

ที่ชานาเนสพูดนั้นถูกต้องแล้ว

 

คงจะเหมือนท่านพ่อที่ร่างกายผอมบางละมั้ง ขนาดเธอพยายามใส่ใจ กินเยอะ นอนเยอะ แต่ร่างกายก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรให้เห็นอยู่ดี

 

“ยังอีกนานเหรอครับ”

 

“พวกเราอยากเล่นกับเทียครับ ท่านแม่”

 

สองแฝดร้องคร่ำครวญกลิ้งไปมาบนโซฟา

 

พวกเขารักษาสัญญาที่บอกว่าจะคอยเฝ้าดูอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ข้างๆ ในระหว่างที่เธอเรียนมารยาทฉบับชาววังจากชานาเนสกันได้ค่อนข้างดีทีเดียว

 

“ตอนนี้ก็พอจะรู้วิธีการถวายบังคมบ้างแล้วใช่มั้ย เทีย”

 

“ค่ะ จะพยายามฝึกซ้อมให้หนัก พรุ่งนี้รบกวนช่วยดูให้อีกครั้งนะคะ”

 

ยังไงหากไม่อยากกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าองค์จักรพรรดิและจักรพรรดินี อย่างน้อยก็ต้องเรียนรู้วิธีการถวายบังคมให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

โดยเฉพาะเจ้าชายลำดับที่หนึ่งนั่น ต่อให้ตายเธอก็ไม่อาจทนมองหมอนั่นหัวเราะเยาะเธอได้

 

ชานาเนสลูบศีรษะเธอที่กำหมัดทั้งสองข้างแน่นด้วยความอ่อนโยน

 

“ข้าน่าจะมีลูกสาวอย่างเจ้าบ้าง”

 

เหมือนจะไม่ได้พูดเฉยๆ น้ำเสียงของชานาเนสเปี่ยมไปด้วยความเสียดาย

 

“ทำไมถึงได้กลายเป็นแม่ของแฝดซุกซนแบบนี้ไปได้”

 

ชานาเนสยิ้มจนจมูกย่นในขณะที่หยิกแก้มยุ้ยของเมโลนกับคิลลีวูเบาๆ

 

“ยังไม่สายไปเสียหน่อยนี่คะ”

 

ภาพของชานาเนสที่ดูเหมือนจะอยากได้ลูกสาวจริงๆ ทำให้เธอเผลอหลุดพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว

 

“…หืม”

 

อา คำพูดเมื่อครู่นี้ มันไม่ใช่คำพูดที่ควรจะหลุดออกมาจากปากของเด็กอายุแปดขวบ ที่ยังไม่ได้เรียนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงและยังไม่รู้เรื่องราวอะไร

 

จะแก้ตัวให้มันดูคลุมเครือยังไงดี เธอหัวเราะออกไปก่อนก็แล้วกัน

 

“แหะๆ”

 

สุดท้ายฟีเรนเทียจึงเบี่ยงลูกศรไปทางสองแฝดแทน

 

“ทั้งสองคนเองก็อยากมีน้องสาวใช่มั้ย”

 

นึกว่าถามออกไปแบบนี้ แล้วจะตอบกลับมาในทันทีว่า ‘อื้อ’ เสียอีก

 

เด็กสองคนนี่ดูเบื่อหน่ายอยู่ตลอดเวลา เธอเลยคิดว่าพวกเขาเองก็คงจะคิดว่าหากมีน้องก็คงจะได้มาเล่นด้วยกันแต่ปฏิกิริยาของคิลลีวูกับเมโลนกลับเฉยชามาก

 

“หืม ไม่ค่อยนะ”

 

“ข้าก็ไม่ค่อยอยาก”

 

“ทำไมล่ะ”

 

คิลลีวูกลอกนัยน์ตากลมโตไปมาอยู่รอบหนึ่ง ก่อนจะตอบคำถามของเธอ

 

“พวกเราชอบเล่นกับเทียละมั้ง”

 

“อื้อ เล่นด้วยกันแค่สามคนแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว”

 

“ไม่ชอบให้เด็กคนอื่นเข้ามาแทรก”

 

เด็กพวกนี้ทำราวกับมันเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ เลยนะ

 

“แต่นอกจากทั้งสองคน ข้าก็มีเพื่อนให้เล่นตั้งเยอะนะ”

 

ต่อไปก็น่าจะมากสุดๆ เลยละมั้ง

 

“โกหก! เทียน่ะ ถ้าพวกเราไม่เล่นด้วย ทุกวันก็เอาแต่อ่านหนังสืออยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ”

 

“ตะ…ตอนนี้อาจจะเป็นอย่างนั้นก็จริงแต่ว่า”

 

พูดจาทิ่มแทงตรงจุดเหมือนกันนะยะ

 

เธอหลบสายตาสองแฝด

 

ทันใดนั้นสองแฝดก็แสยะยิ้ม คล้องแขนเธอคนละข้าง เริ่มร้องเอาแต่ใจ

 

“เล่นกัน! ไปเล่นกัน!”

 

“ไปเล่นซ่อนแอบกันอีกเถอะ! ”

 

สุดท้ายเหล่าลูกหมาบีเกิ้ลที่ถูกขังไว้ก็หลบหนีออกมาจนได้

 

“เข้าใจแล้ว งั้นก่อนอื่น…”

 

ปล่อยก่อนแล้วค่อยพูดกันดีๆ เถอะ พูดกันด้วยคำพูดน่ะ

 

เธอกำลังแกะมือของทั้งคู่ที่จับเธอไว้แน่นออกด้วยความยากลำบาก แต่ประตูห้องบ้านพักของชานาเนสกลับเปิดออก พร้อมกับใครบางคนเดินเข้ามา

 

“ท่านพ่อ!”

 

คู่แฝดที่เขย่าแขนเธอไม่ยอมปล่อยทั้งๆ ที่ขนาดตัวก็ใหญ่กว่าเธอ ต่างก็ผละออกไปในพริบตา ก่อนจะวิ่งกรูกันเข้าไปหาชายหน้าตาดีที่เดินเข้ามาข้างใน

 

“วันนี้ทำไมกลับมาเร็วแบบนี้ล่ะครับ”

 

“งั้นตอนนี้ก็เล่นกับพวกเราจนถึงเวลานอนได้แล้วใช่มั้ยครับ”

 

ชายกลางคนอายุประมาณสามสิบกว่าร่างสูงใหญ่เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์เข้มที่ถูกหวีเป็นทรงคนนี้คือเวสติน ชูลส์ สามีของชานาเนส หรือบิดาของสองแฝดนั่นเอง

 

เขาเข้ามาอาศัยอยู่ในฐานะบุตรเขยที่แต่งเข้าตระกูล แต่ก็ยังคงรักษานามสกุลของตระกูลเดิมก่อนแต่งงาน ไม่เปลี่ยนมาใช้นามสกุลลอมบาร์เดีย

 

“โอ้ เจ้าเด็กพวกนี้!”

 

เวสตินยิ้มหัวเราะ อุ้มสองแฝดไว้บนแขนคนละข้าง

 

“มาแล้วหรือคะ”

 

ชานาเนสลุกขึ้นทักทายเวสติน

 

“วันนี้งานไม่ค่อยมีอะไรนัก ก็เลยกลับมาเร็วน่ะครับ อยู่กับพวกเด็กๆ เรียบร้อยกันดีมั้ยครับ ชานาเนส”

 

เวสตินยิ้มอ่อนโยน จุมพิตลงข้างแก้มของชานาเนส

 

คำทักทายที่เปี่ยมไปด้วยความรักนั่น ทำให้เธอได้แต่เงยหน้าเหม่อมองคู่สามีภรรยาที่ดูมีความสุขกันดี

 

คำว่าคู่สร้างคู่สม คือคู่แบบนี้หรือเปล่านะ

 

แววตาที่มองสบประสานกันนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น

 

“โอ้ ฟีเรนเทียมาหรอกหรือ สบายดีหรือเปล่าเรา”

 

ในตระกูลของพวกเรามีคนทักทายเธออย่างปกติตามแบบที่เธอต้องการด้วยหรือเนี่ย!

 

พอเวสตินผู้มีหน้าตาหล่อเหลา ทั้งยังสูงยาวเข่าดี ยิ้มใจดีออกมา บรรยากาศรอบตัวก็ดูเหมือนจะพลันสดใสขึ้นมาเลย

 

“สวัสดีค่ะ”

 

เธอประสานมือ โค้งศีรษะทักทายด้วยความนอบน้อม

 

“ขอโทษด้วยนะ ที่ครั้งก่อนไปร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดของเจ้าไม่ได้ วันนั้นงานยุ่งมากเลยน่ะ”

 

ถึงแม้เวสตินจะไม่ใช่คนของตระกูลลอมบาร์เดีย แต่เขาก็รับผิดชอบกิจการเล็กๆ ของตระกูลหลายอย่าง เพราะเป็นคนมีความสามารถรอบด้าน

 

กิจการที่ช่วงนี้กำลังร้อนแรงมากที่สุดก็คือกิจการขนส่งแร่ที่ขุดได้จากเหมืองทางเหนือที่ทางลอมบาร์เดียเป็นเจ้าของ และขนส่งเข้ามาขายในภาคกลางแต่แร่ที่ค้นพบเมื่อหลายปีก่อนถูกขุดหมดแล้ว เลยนึกว่าจะว่างไปจนกว่าจะถึงช่วงขุดหาแร่ใหม่ในปีหน้าเสียอีก ไม่ใช่หรอกเหรอ

 

ถึงยังไงกิจการที่เวสตินรับผิดชอบดูแลไม่ได้มีแค่ธุรกิจเหมืองแร่อยู่แล้ว เธอจึงไม่คิดอะไรมาก

 

“ชานาเนส พวกเราเองก็ลองพยายามมีลูกสาวน่ารักๆ แบบฟีเรนเทียกันบ้างดีมั้ยครับ แน่นอนว่าเด็กผู้ชายเองก็น่ารัก แต่ว่า…”

 

เวสตินหันมามองเธอด้วยความเสียดาย พลางเอ่ยพูด

 

“…พวกเด็กๆ ฟังอยู่นะคะ อย่าพูดแบบนั้นสิ”

 

ชานาเนสหน้าแดงก่ำ ผลักหน้าอกของเวสตินที่กอดเอวนางอยู่ ในขณะที่เอ่ยพูดไปด้วย

 

ว้ายๆ ดูสิ สองคนนี้เคมีเข้ากันได้ดีจริงๆ

 

เธอตั้งใจขยับตัวเอื้อมไปหยิบคุกกี้ที่วางอยู่ตรงหน้ามาหลายชิ้น แบ่งให้สองแฝด แล้วเอ่ยพูดกับพวกเขา

 

“พวกเราออกไปเล่นกันดีมั้ย”

 

โล่งอกที่สองแฝดพยักหน้าตอบว่าไปในทันที พวกเราจึงเดินออกมาข้างนอก

 

พอเล่นซ่อนแอบกันทีไร เธอก็เป็นคนหาทุกที เธอจึงยืนมองคิลลีวูกับเมโลนที่ส่งเสียงหัวเราะคิกคักวิ่งหนีไปไกล แต่แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา

 

คู่สามีภรรยาที่มีความสัมพันธ์กันดีขนาดนั้น ทำไมอีกสามปีให้หลังถึงได้หย่าร้างกันเสียล่ะ

 

แถมสองแฝดนี่ก็โดนพ่อพาตัวไป ส่วนชานาเนสก็เดินทางลงไปยังบ้านพักตากอากาศของลอมบาร์เดียที่อยู่แถบชานเมืองของอาณาจักร

 

หลังจากนั้นกว่าชานาเนสจะกลับมายังคฤหาสน์ลอมบาร์เดียอีกครั้ง ก็มีเพียงแค่งานศพของท่านปู่เท่านั้น

 

เธอนึกถึงคู่สามีภรรยาที่จับมือมองหน้ากันและกัน แล้วก็ได้แต่เอียงคอด้วยความงุนงง

 

Related

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 23.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 23.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 23

 

 

“เอาละ นั่นแหละ ย่อเข่าตรงนั้น…”

 

พอพยายามย่อเข่าลงตามคำสั่งของชานาเนสจากท่วงท่าหลังยืดตรง ขาของฟีเรนเทียก็สั่นระริก

 

“อีกหน่อย”

 

ทว่าชานาเนสกลับพูดอย่างเคร่งครัด ไม่คิดจะยอมผ่อนปรนให้เลยแม้แต่น้อย

 

“ใช่แล้ว ทำได้ดีมาก แบบนั้นแหละ”

 

“ฮู่ว! ลำบากสุดๆ เลยค่ะ!”

 

ที่จริงแล้วเธอรู้สึกตกใจจริงๆ ไม่นึกเลยว่าการทำความเคารพตามแบบฉบับชาววังด้วยร่างกายของเด็กเล็ก มันจะลำบากขนาดนี้

 

ถึงแม้ช่วงนี้เธอจะกินเยอะโดยไม่เลือกกินแล้วก็ตาม แต่ร่างกายของเธอที่ยังเป็นแค่เด็กก็ยังเล็กและอ่อนแอกว่าเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกันมากอยู่ดี

 

จะว่าไปอาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อก็ได้ ขนาดท่าง่ายๆ ร่างกายยังเอาแต่โงนเงนทรงตัวไม่ได้อยู่เรื่อย

 

“ยิ่งทำช้าอย่างตอนนี้ยิ่งเหนื่อย ไหนลองทำตามที่ข้าแสดงให้ดูในครั้งเดียวเลยหน่อยซิ เทีย”

 

ชานาเนสลุกขึ้นจากที่นั่งมาหยุดยืนตรงหน้าเธอ

 

พับแขนข้างขวา แตะมือลงบนหน้าอก ข้างซ้ายจับกระโปรงยกขึ้นเล็กน้อย โค้งศีรษะพร้อมกับก้าวขาขวาไปข้างหลัง ก่อนจะย่อเข่าทั้งสองข้างลง

 

นี่คือวิธีการทักทายตามแบบฉบับมารยาทชาววัง ที่เหล่าชนชั้นสูงใช้เวลาพบปะเชื้อพระวงศ์เป็นมารยาทพื้นฐานดั้งเดิมของอาณาจักร แต่สมัยนี้เรื่องขนบธรรมเนียมมารยาทก็หย่อนคลายลงไปมากแล้ว จึงไม่ใช่ว่าเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์จะรับการทักทายเช่นนี้

 

มีแต่ระดับองค์จักรพรรดิกับองค์จักรพรรดินี เจ้าชายรัชทายาทหรือองค์หญิงรัชทายาทเท่านั้น ที่จะมีสิทธิ์รับการถวายบังคมอย่างเป็นทางการ

 

“สง่าและงามมากเลยค่ะ”

 

เธอมองชานาเนสที่ถวายบังคมเสร็จแล้วกลับมายืนตัวตรงได้ในทันทีพลางปรบมือ

 

ชานาเนสถวายบังคมตามระเบียบของชาววังได้โดยไม่ต้องเสริมแรงแม้แต่น้อย ช่างเหมือนหงส์สง่างามเหลือเกิน

 

ตั้งแต่ลำคอเพรียวระหงที่ก้มเล็กน้อยยามหลุบสายตามองต่ำ กระทั่งปลายนิ้วที่ยกชายชุดเดรสโค้งเว้า ทั้งหมดนั่นงดงามราวกับหงส์สยายปีก

 

“ทำแบบนั้นได้ยังไงเหรอคะ”

 

อยากรู้จริงๆ

 

เคล็ดลับความสง่าจนทำให้คนคลั่งได้ของชานาเนส

 

ชานาเนสดีดปลายจมูกของเธอที่ยืนเบิกตากว้างเป็นประกาย ก่อนจะหัวเราะน้อยๆ พลางเอ่ยพูด

 

“ฝึกซ้อม”

 

“เห”

 

แบบนี้จะต่างอะไรกับบอกว่าเข้ามหาวิทยาลัยโซลได้เพราะมุ่งมั่นอ่านหนังสือกันล่ะ

 

เธอทำปากยื่นอย่างแง่งอน

 

“ไม่ได้ล้อเล่นนะ ไม่มีวิธีอื่นนอกจากการฝึกซ้อมแล้วจริงๆ เทีย โดยเฉพาะร่างกายผอมบางไร้เรี่ยวแรงอย่างเจ้า ยิ่งต้องฝึกจนร่างกายชินกับมัน”

 

“ค่ะ…”

 

ที่ชานาเนสพูดนั้นถูกต้องแล้ว

 

คงจะเหมือนท่านพ่อที่ร่างกายผอมบางละมั้ง ขนาดเธอพยายามใส่ใจ กินเยอะ นอนเยอะ แต่ร่างกายก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรให้เห็นอยู่ดี

 

“ยังอีกนานเหรอครับ”

 

“พวกเราอยากเล่นกับเทียครับ ท่านแม่”

 

สองแฝดร้องคร่ำครวญกลิ้งไปมาบนโซฟา

 

พวกเขารักษาสัญญาที่บอกว่าจะคอยเฝ้าดูอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ข้างๆ ในระหว่างที่เธอเรียนมารยาทฉบับชาววังจากชานาเนสกันได้ค่อนข้างดีทีเดียว

 

“ตอนนี้ก็พอจะรู้วิธีการถวายบังคมบ้างแล้วใช่มั้ย เทีย”

 

“ค่ะ จะพยายามฝึกซ้อมให้หนัก พรุ่งนี้รบกวนช่วยดูให้อีกครั้งนะคะ”

 

ยังไงหากไม่อยากกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าองค์จักรพรรดิและจักรพรรดินี อย่างน้อยก็ต้องเรียนรู้วิธีการถวายบังคมให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

โดยเฉพาะเจ้าชายลำดับที่หนึ่งนั่น ต่อให้ตายเธอก็ไม่อาจทนมองหมอนั่นหัวเราะเยาะเธอได้

 

ชานาเนสลูบศีรษะเธอที่กำหมัดทั้งสองข้างแน่นด้วยความอ่อนโยน

 

“ข้าน่าจะมีลูกสาวอย่างเจ้าบ้าง”

 

เหมือนจะไม่ได้พูดเฉยๆ น้ำเสียงของชานาเนสเปี่ยมไปด้วยความเสียดาย

 

“ทำไมถึงได้กลายเป็นแม่ของแฝดซุกซนแบบนี้ไปได้”

 

ชานาเนสยิ้มจนจมูกย่นในขณะที่หยิกแก้มยุ้ยของเมโลนกับคิลลีวูเบาๆ

 

“ยังไม่สายไปเสียหน่อยนี่คะ”

 

ภาพของชานาเนสที่ดูเหมือนจะอยากได้ลูกสาวจริงๆ ทำให้เธอเผลอหลุดพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว

 

“…หืม”

 

อา คำพูดเมื่อครู่นี้ มันไม่ใช่คำพูดที่ควรจะหลุดออกมาจากปากของเด็กอายุแปดขวบ ที่ยังไม่ได้เรียนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงและยังไม่รู้เรื่องราวอะไร

 

จะแก้ตัวให้มันดูคลุมเครือยังไงดี เธอหัวเราะออกไปก่อนก็แล้วกัน

 

“แหะๆ”

 

สุดท้ายฟีเรนเทียจึงเบี่ยงลูกศรไปทางสองแฝดแทน

 

“ทั้งสองคนเองก็อยากมีน้องสาวใช่มั้ย”

 

นึกว่าถามออกไปแบบนี้ แล้วจะตอบกลับมาในทันทีว่า ‘อื้อ’ เสียอีก

 

เด็กสองคนนี่ดูเบื่อหน่ายอยู่ตลอดเวลา เธอเลยคิดว่าพวกเขาเองก็คงจะคิดว่าหากมีน้องก็คงจะได้มาเล่นด้วยกันแต่ปฏิกิริยาของคิลลีวูกับเมโลนกลับเฉยชามาก

 

“หืม ไม่ค่อยนะ”

 

“ข้าก็ไม่ค่อยอยาก”

 

“ทำไมล่ะ”

 

คิลลีวูกลอกนัยน์ตากลมโตไปมาอยู่รอบหนึ่ง ก่อนจะตอบคำถามของเธอ

 

“พวกเราชอบเล่นกับเทียละมั้ง”

 

“อื้อ เล่นด้วยกันแค่สามคนแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว”

 

“ไม่ชอบให้เด็กคนอื่นเข้ามาแทรก”

 

เด็กพวกนี้ทำราวกับมันเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ เลยนะ

 

“แต่นอกจากทั้งสองคน ข้าก็มีเพื่อนให้เล่นตั้งเยอะนะ”

 

ต่อไปก็น่าจะมากสุดๆ เลยละมั้ง

 

“โกหก! เทียน่ะ ถ้าพวกเราไม่เล่นด้วย ทุกวันก็เอาแต่อ่านหนังสืออยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ”

 

“ตะ…ตอนนี้อาจจะเป็นอย่างนั้นก็จริงแต่ว่า”

 

พูดจาทิ่มแทงตรงจุดเหมือนกันนะยะ

 

เธอหลบสายตาสองแฝด

 

ทันใดนั้นสองแฝดก็แสยะยิ้ม คล้องแขนเธอคนละข้าง เริ่มร้องเอาแต่ใจ

 

“เล่นกัน! ไปเล่นกัน!”

 

“ไปเล่นซ่อนแอบกันอีกเถอะ! ”

 

สุดท้ายเหล่าลูกหมาบีเกิ้ลที่ถูกขังไว้ก็หลบหนีออกมาจนได้

 

“เข้าใจแล้ว งั้นก่อนอื่น…”

 

ปล่อยก่อนแล้วค่อยพูดกันดีๆ เถอะ พูดกันด้วยคำพูดน่ะ

 

เธอกำลังแกะมือของทั้งคู่ที่จับเธอไว้แน่นออกด้วยความยากลำบาก แต่ประตูห้องบ้านพักของชานาเนสกลับเปิดออก พร้อมกับใครบางคนเดินเข้ามา

 

“ท่านพ่อ!”

 

คู่แฝดที่เขย่าแขนเธอไม่ยอมปล่อยทั้งๆ ที่ขนาดตัวก็ใหญ่กว่าเธอ ต่างก็ผละออกไปในพริบตา ก่อนจะวิ่งกรูกันเข้าไปหาชายหน้าตาดีที่เดินเข้ามาข้างใน

 

“วันนี้ทำไมกลับมาเร็วแบบนี้ล่ะครับ”

 

“งั้นตอนนี้ก็เล่นกับพวกเราจนถึงเวลานอนได้แล้วใช่มั้ยครับ”

 

ชายกลางคนอายุประมาณสามสิบกว่าร่างสูงใหญ่เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์เข้มที่ถูกหวีเป็นทรงคนนี้คือเวสติน ชูลส์ สามีของชานาเนส หรือบิดาของสองแฝดนั่นเอง

 

เขาเข้ามาอาศัยอยู่ในฐานะบุตรเขยที่แต่งเข้าตระกูล แต่ก็ยังคงรักษานามสกุลของตระกูลเดิมก่อนแต่งงาน ไม่เปลี่ยนมาใช้นามสกุลลอมบาร์เดีย

 

“โอ้ เจ้าเด็กพวกนี้!”

 

เวสตินยิ้มหัวเราะ อุ้มสองแฝดไว้บนแขนคนละข้าง

 

“มาแล้วหรือคะ”

 

ชานาเนสลุกขึ้นทักทายเวสติน

 

“วันนี้งานไม่ค่อยมีอะไรนัก ก็เลยกลับมาเร็วน่ะครับ อยู่กับพวกเด็กๆ เรียบร้อยกันดีมั้ยครับ ชานาเนส”

 

เวสตินยิ้มอ่อนโยน จุมพิตลงข้างแก้มของชานาเนส

 

คำทักทายที่เปี่ยมไปด้วยความรักนั่น ทำให้เธอได้แต่เงยหน้าเหม่อมองคู่สามีภรรยาที่ดูมีความสุขกันดี

 

คำว่าคู่สร้างคู่สม คือคู่แบบนี้หรือเปล่านะ

 

แววตาที่มองสบประสานกันนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น

 

“โอ้ ฟีเรนเทียมาหรอกหรือ สบายดีหรือเปล่าเรา”

 

ในตระกูลของพวกเรามีคนทักทายเธออย่างปกติตามแบบที่เธอต้องการด้วยหรือเนี่ย!

 

พอเวสตินผู้มีหน้าตาหล่อเหลา ทั้งยังสูงยาวเข่าดี ยิ้มใจดีออกมา บรรยากาศรอบตัวก็ดูเหมือนจะพลันสดใสขึ้นมาเลย

 

“สวัสดีค่ะ”

 

เธอประสานมือ โค้งศีรษะทักทายด้วยความนอบน้อม

 

“ขอโทษด้วยนะ ที่ครั้งก่อนไปร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดของเจ้าไม่ได้ วันนั้นงานยุ่งมากเลยน่ะ”

 

ถึงแม้เวสตินจะไม่ใช่คนของตระกูลลอมบาร์เดีย แต่เขาก็รับผิดชอบกิจการเล็กๆ ของตระกูลหลายอย่าง เพราะเป็นคนมีความสามารถรอบด้าน

 

กิจการที่ช่วงนี้กำลังร้อนแรงมากที่สุดก็คือกิจการขนส่งแร่ที่ขุดได้จากเหมืองทางเหนือที่ทางลอมบาร์เดียเป็นเจ้าของ และขนส่งเข้ามาขายในภาคกลางแต่แร่ที่ค้นพบเมื่อหลายปีก่อนถูกขุดหมดแล้ว เลยนึกว่าจะว่างไปจนกว่าจะถึงช่วงขุดหาแร่ใหม่ในปีหน้าเสียอีก ไม่ใช่หรอกเหรอ

 

ถึงยังไงกิจการที่เวสตินรับผิดชอบดูแลไม่ได้มีแค่ธุรกิจเหมืองแร่อยู่แล้ว เธอจึงไม่คิดอะไรมาก

 

“ชานาเนส พวกเราเองก็ลองพยายามมีลูกสาวน่ารักๆ แบบฟีเรนเทียกันบ้างดีมั้ยครับ แน่นอนว่าเด็กผู้ชายเองก็น่ารัก แต่ว่า…”

 

เวสตินหันมามองเธอด้วยความเสียดาย พลางเอ่ยพูด

 

“…พวกเด็กๆ ฟังอยู่นะคะ อย่าพูดแบบนั้นสิ”

 

ชานาเนสหน้าแดงก่ำ ผลักหน้าอกของเวสตินที่กอดเอวนางอยู่ ในขณะที่เอ่ยพูดไปด้วย

 

ว้ายๆ ดูสิ สองคนนี้เคมีเข้ากันได้ดีจริงๆ

 

เธอตั้งใจขยับตัวเอื้อมไปหยิบคุกกี้ที่วางอยู่ตรงหน้ามาหลายชิ้น แบ่งให้สองแฝด แล้วเอ่ยพูดกับพวกเขา

 

“พวกเราออกไปเล่นกันดีมั้ย”

 

โล่งอกที่สองแฝดพยักหน้าตอบว่าไปในทันที พวกเราจึงเดินออกมาข้างนอก

 

พอเล่นซ่อนแอบกันทีไร เธอก็เป็นคนหาทุกที เธอจึงยืนมองคิลลีวูกับเมโลนที่ส่งเสียงหัวเราะคิกคักวิ่งหนีไปไกล แต่แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา

 

คู่สามีภรรยาที่มีความสัมพันธ์กันดีขนาดนั้น ทำไมอีกสามปีให้หลังถึงได้หย่าร้างกันเสียล่ะ

 

แถมสองแฝดนี่ก็โดนพ่อพาตัวไป ส่วนชานาเนสก็เดินทางลงไปยังบ้านพักตากอากาศของลอมบาร์เดียที่อยู่แถบชานเมืองของอาณาจักร

 

หลังจากนั้นกว่าชานาเนสจะกลับมายังคฤหาสน์ลอมบาร์เดียอีกครั้ง ก็มีเพียงแค่งานศพของท่านปู่เท่านั้น

 

เธอนึกถึงคู่สามีภรรยาที่จับมือมองหน้ากันและกัน แล้วก็ได้แต่เอียงคอด้วยความงุนงง

 

Related

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+