เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 196.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 196.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 196.2

“โอ๊ย แม่ง!”

อาสทาน่าตะโกนใส่เบเลซักด้วยความหงุดหงิด

ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเมามายจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ไปเสียแล้ว

“ไสหัวไปให้หมด!”

อาสทาน่าตวาดเสียงดังลั่นใส่เบเลซัก รวมถึงพวกบุตรหลานตระกูลชั้นสูงที่ห้อมล้อมอยู่รอบตัวเขา

‘ไอ้พวกตัวน่ารำคาญ’

คนอื่นๆ อาจจะเรียกเจ้าพวกนี้ว่า ‘คนสนิทของเจ้าชายลำดับที่หนึ่ง’ ก็จริง แต่สำหรับอาสทาน่าแล้ว คนพวกนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากแมลงที่บินว่อนอยู่ข้างหูจนสร้างความรำคาญใจให้ไม่หยุดเลยสักนิด

มองหน้าไอ้พวกนี้ที่ขนาดเขาหงุดหงิดใส่ ก็ยังเอาแต่ลังเลไม่ยอมถอยห่างไปสักที สุดท้ายอาสทาน่าก็ยกเหล้าขึ้นดื่มลงคออีกอึก

หลังจากแอลกอฮอล์ดีกรีร้อนแรงแผ่ซ่านสู่สมอง ก็ค่อยช่วยให้ความหงุดหงิดงุ่นง่านที่เต็มตื้นอยู่ในหัวพอจะจางหายลงไปได้บ้าง

“ไอ้พวกปรสิต…”

อาสทาน่าพึมพำพลางใช้แขนเสื้อเช็ดเหล้าที่เลอะเปรอะริมฝีปากออกลวกๆ

ไอ้พวกที่วางแผนว่าถ้าเขาได้เป็นจักรพรรดิเมื่อไหร่ อย่างน้อยพวกมันก็ต้องได้ประโยชน์อะไรบ้างพวกนี้

ขนาดได้ยินเสียงสบถด่าของเขาแต่ก็ไม่มีใครมีท่าทีไม่พอใจเลยสักคน

ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเขาต่างก็คุ้นชินกับการปฏิบัติอันแสนย่ำแย่ของอาสทาน่าที่มีต่อพวกเขากันแล้วนั่นเอง

“แค่นี้ก็หงุดหงิดจะตายอยู่แล้ว ไม่ต้องมายุ่ง ถอยออกไป!”

อาสทาน่าผลักไหล่เบเลซักอย่างแรง

และนัยน์ตาเหม่อลอยเสียจุดโฟกัสก็เหม่อมองจับจ้องไปยังป่ามืดมิดที่ตั้งอยู่ค่อนข้างไกลจากบริเวณที่พวกเขาอยู่

พอตกกลางคืนหมอกก็เริ่มก่อตัวหนาขึ้นอีกระดับ สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านส่งเสียงดังหวีดหวิวออกมาจากป่าวิกลจริต

อึก

อาสทาน่าลอบกลืนน้ำลายด้วยความตึงเครียด

เขาไม่เคยนึกฝันเลยว่าเทศกาลแข่งล่าสัตว์จะจัดขึ้นในรูปแบบนี้

หากรู้ก่อนหน้านี้ละก็ เขาคงจะไม่วางท่าเสียใหญ่โตเกทับใส่ไอ้เฟเรสมันไปแบบนั้นหรอก

“เบเลซัก เจ้าก็น่าจะบอกข้าก่อนไม่ใช่หรือไงว่าเทศกาลแข่งล่าสัตว์ของลอมบาร์เดียเป็นแบบนี้น่ะ!”

อาสทาน่าระบายอารมณ์ใส่เบเลซักที่ยืนนิ่งไม่รู้จะทำตัวยังไงอยู่ข้างๆ

“กะ…กระหม่อมก็ไม่ทราบมาก่อนเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ”

“ไร้ประโยชน์”

แถมฝ่าบาทก็ดันเสด็จมาด้วย

ทั้งยังมีคนมาร่วมงานมากมายเสียจนไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า นี่เป็นแค่งานเทศกาลแข่งล่าสัตว์จริงๆ

ถ้าแพ้มันที่นี่ อย่าว่าแต่เสียหน้าเลย เขาคงไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดที่ไหนด้วยซ้ำ

อีกอย่าง ช่วงนี้เขาได้ยินมาว่า พวกชนชั้นสูงต่างก็พนันกันเสียสนุกปากว่าระหว่างเจ้าชายลำดับที่หนึ่งกับเจ้าชายลำดับที่สอง ใครจะเป็นผู้ชนะการแข่งขันครั้งนี้

“นี่มันไม่ยุติธรรมชัดๆ !”

อาสทาน่าสบถ

“ไอ้ชั้นต่ำนั่นมันเป็นถึงนักดาบระดับมาสเตอร์ที่ใช้ออร่าได้เชียวนะ! แล้วยังจะมาท้าแข่งกับข้าอีก!”

ในหัวสมองของอาสทาน่าได้ลบความจริงที่ว่า ตัวเขาเองเป็นฝ่ายท้าทางนั้นก่อนไปจนหมดสิ้นแล้ว

“ไปเอาเหล้ามาเพิ่มอีก!”

อาสทาน่าตะโกนใส่เบเลซัก

“พ่ะย่ะค่ะ เจ้าชาย”

แต่แล้วในจังหวะที่เบเลซักตอบรับ แล้วหมุนตัวเพื่อที่จะมองหาพวกข้ารับใช้

“อะไรกัน เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

หนึ่งในบรรดาคนสนิทของอาสทาน่าก็พูดขึ้นด้วยความสงสัย

อาสทาน่าเองปรือตาที่พร่ามัวเสียจนเริ่มมองภาพตรงหน้าได้ไม่ค่อยชัดนักไปยังทิศทางที่ฝูงชนรวมตัวกันอยู่

“มีอะไรกันแน่ ทำไมวุ่นวายกันขนาดนั้น”

สิ่งที่ปรากฏเข้าสู่ห้วงสายตาก็คือ ชนชั้นสูงมากมายหลายคนยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกตะลึง ท่าทางจะตกใจกันเป็นอย่างมาก

* * *

“ใครกันหรือครับ คนที่อยากจะแนะนำให้ข้ารู้จัก”

จักรพรรดิโยบาเนสเอ่ยถามรูลลัก

ใบหน้าแฝงไปด้วยความใคร่รู้อย่างเต็มเปี่ยม

ตอนที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่ในห้องเบื้องหลังเฉกเช่นงานเลี้ยงอื่นๆ จู่ๆ รูลลักก็เสนอกับโยบาเนสขึ้นมา

ว่า ‘มีคนอยากแนะนำให้รู้จัก ให้ออกไปด้านนอกด้วยกันสักครู่’

ถึงแม้เขาจะบอกให้เรียกตัวคนที่ว่าเข้ามาในห้องก็ได้ แต่รูลลักก็แค่ตอบบ่ายเบี่ยงว่า ‘จำนวนคนค่อนข้างเยอะ’ เท่านั้น

ในระหว่างที่รูลลักนำทางเขาไปยังบริเวณใจกลางงานเลี้ยง ความสงสัยของจักรพรรดิจึงยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

และในที่สุดรูลลักก็หยุดเดิน เขาจึงพบว่าสถานที่ที่พวกเขาเดินมาถึงคือใจกลางบริเวณงานเลี้ยงที่จัดขึ้นด้านนอกอาคารนั่นเอง

ทั้งยังเป็นสถานที่ที่คุณหญิงคุณนายทั้งหลายต่างก็กำลังจับจองที่นั่งจิบไวน์กันไปพลางสนทนากันไปพลางอีกด้วย

“ฝ่าบาท?”

ขนาดจักรพรรดินีราวีนียังเดินเข้ามาหาด้วยความสงสัย

“ทำไมถึงเสด็จกลับออกมาอีกล่ะเพคะ”

“พอดีเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียบอกว่ามีคนอยากจะแนะนำให้รู้จัก…”

“อ๊ะ มาทางด้านนั้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

รูลลักเอ่ยพลางยิ้มกว้างราวกับรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

สายตาของจักรพรรดิโยบาเนสเองก็มองตามไปทางด้านนั้นโดยธรรมชาติ

“พวกนั้น…”

โยบาเนสหรี่ตาลง

คนที่กำลังเดินเข้ามาทางด้านนี้เป็นชายกลุ่มใหญ่

ใบหน้าของคนกลุ่มนั้นไม่ใช่ใบหน้าที่คุ้นเคยนัก แต่ความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ มันแล่นวาบไปทั่วแนวกระดูกสันหลังของโยบาเนส

ใบหน้าของชายวัยกลางคนที่เดินนำหัวขบวนนั้นดูคุ้นตาแปลกๆ ชอบกล

จะว่าท่าทางที่เดินตรงเข้ามาอย่างองอาจนั่นดูน่าประทับใจด้วยก็ส่วนหนึ่ง

และยิ่งพวกเขาเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเท่าไหร่ สายตาก็พลันสังเกตเห็นจุดร่วมเพียงหนึ่งเดียวที่คนกลุ่มนั้นต่างก็เป็นเหมือนกันหมด

“ทั้งหมดไม่มีมือขวานี่เอง”

จักรพรรดิโยบาเนสพึมพำเสียงแผ่วโดยไม่รู้ตัว

ในวินาทีนั้นเขาก็ตระหนักขึ้นมาได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของคนกลุ่มนั้นในทันที

“…พวกคนจากตระกูลบราวน์”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 196.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 196.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 196.2

“โอ๊ย แม่ง!”

อาสทาน่าตะโกนใส่เบเลซักด้วยความหงุดหงิด

ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเมามายจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ไปเสียแล้ว

“ไสหัวไปให้หมด!”

อาสทาน่าตวาดเสียงดังลั่นใส่เบเลซัก รวมถึงพวกบุตรหลานตระกูลชั้นสูงที่ห้อมล้อมอยู่รอบตัวเขา

‘ไอ้พวกตัวน่ารำคาญ’

คนอื่นๆ อาจจะเรียกเจ้าพวกนี้ว่า ‘คนสนิทของเจ้าชายลำดับที่หนึ่ง’ ก็จริง แต่สำหรับอาสทาน่าแล้ว คนพวกนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากแมลงที่บินว่อนอยู่ข้างหูจนสร้างความรำคาญใจให้ไม่หยุดเลยสักนิด

มองหน้าไอ้พวกนี้ที่ขนาดเขาหงุดหงิดใส่ ก็ยังเอาแต่ลังเลไม่ยอมถอยห่างไปสักที สุดท้ายอาสทาน่าก็ยกเหล้าขึ้นดื่มลงคออีกอึก

หลังจากแอลกอฮอล์ดีกรีร้อนแรงแผ่ซ่านสู่สมอง ก็ค่อยช่วยให้ความหงุดหงิดงุ่นง่านที่เต็มตื้นอยู่ในหัวพอจะจางหายลงไปได้บ้าง

“ไอ้พวกปรสิต…”

อาสทาน่าพึมพำพลางใช้แขนเสื้อเช็ดเหล้าที่เลอะเปรอะริมฝีปากออกลวกๆ

ไอ้พวกที่วางแผนว่าถ้าเขาได้เป็นจักรพรรดิเมื่อไหร่ อย่างน้อยพวกมันก็ต้องได้ประโยชน์อะไรบ้างพวกนี้

ขนาดได้ยินเสียงสบถด่าของเขาแต่ก็ไม่มีใครมีท่าทีไม่พอใจเลยสักคน

ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเขาต่างก็คุ้นชินกับการปฏิบัติอันแสนย่ำแย่ของอาสทาน่าที่มีต่อพวกเขากันแล้วนั่นเอง

“แค่นี้ก็หงุดหงิดจะตายอยู่แล้ว ไม่ต้องมายุ่ง ถอยออกไป!”

อาสทาน่าผลักไหล่เบเลซักอย่างแรง

และนัยน์ตาเหม่อลอยเสียจุดโฟกัสก็เหม่อมองจับจ้องไปยังป่ามืดมิดที่ตั้งอยู่ค่อนข้างไกลจากบริเวณที่พวกเขาอยู่

พอตกกลางคืนหมอกก็เริ่มก่อตัวหนาขึ้นอีกระดับ สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านส่งเสียงดังหวีดหวิวออกมาจากป่าวิกลจริต

อึก

อาสทาน่าลอบกลืนน้ำลายด้วยความตึงเครียด

เขาไม่เคยนึกฝันเลยว่าเทศกาลแข่งล่าสัตว์จะจัดขึ้นในรูปแบบนี้

หากรู้ก่อนหน้านี้ละก็ เขาคงจะไม่วางท่าเสียใหญ่โตเกทับใส่ไอ้เฟเรสมันไปแบบนั้นหรอก

“เบเลซัก เจ้าก็น่าจะบอกข้าก่อนไม่ใช่หรือไงว่าเทศกาลแข่งล่าสัตว์ของลอมบาร์เดียเป็นแบบนี้น่ะ!”

อาสทาน่าระบายอารมณ์ใส่เบเลซักที่ยืนนิ่งไม่รู้จะทำตัวยังไงอยู่ข้างๆ

“กะ…กระหม่อมก็ไม่ทราบมาก่อนเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ”

“ไร้ประโยชน์”

แถมฝ่าบาทก็ดันเสด็จมาด้วย

ทั้งยังมีคนมาร่วมงานมากมายเสียจนไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า นี่เป็นแค่งานเทศกาลแข่งล่าสัตว์จริงๆ

ถ้าแพ้มันที่นี่ อย่าว่าแต่เสียหน้าเลย เขาคงไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดที่ไหนด้วยซ้ำ

อีกอย่าง ช่วงนี้เขาได้ยินมาว่า พวกชนชั้นสูงต่างก็พนันกันเสียสนุกปากว่าระหว่างเจ้าชายลำดับที่หนึ่งกับเจ้าชายลำดับที่สอง ใครจะเป็นผู้ชนะการแข่งขันครั้งนี้

“นี่มันไม่ยุติธรรมชัดๆ !”

อาสทาน่าสบถ

“ไอ้ชั้นต่ำนั่นมันเป็นถึงนักดาบระดับมาสเตอร์ที่ใช้ออร่าได้เชียวนะ! แล้วยังจะมาท้าแข่งกับข้าอีก!”

ในหัวสมองของอาสทาน่าได้ลบความจริงที่ว่า ตัวเขาเองเป็นฝ่ายท้าทางนั้นก่อนไปจนหมดสิ้นแล้ว

“ไปเอาเหล้ามาเพิ่มอีก!”

อาสทาน่าตะโกนใส่เบเลซัก

“พ่ะย่ะค่ะ เจ้าชาย”

แต่แล้วในจังหวะที่เบเลซักตอบรับ แล้วหมุนตัวเพื่อที่จะมองหาพวกข้ารับใช้

“อะไรกัน เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

หนึ่งในบรรดาคนสนิทของอาสทาน่าก็พูดขึ้นด้วยความสงสัย

อาสทาน่าเองปรือตาที่พร่ามัวเสียจนเริ่มมองภาพตรงหน้าได้ไม่ค่อยชัดนักไปยังทิศทางที่ฝูงชนรวมตัวกันอยู่

“มีอะไรกันแน่ ทำไมวุ่นวายกันขนาดนั้น”

สิ่งที่ปรากฏเข้าสู่ห้วงสายตาก็คือ ชนชั้นสูงมากมายหลายคนยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกตะลึง ท่าทางจะตกใจกันเป็นอย่างมาก

* * *

“ใครกันหรือครับ คนที่อยากจะแนะนำให้ข้ารู้จัก”

จักรพรรดิโยบาเนสเอ่ยถามรูลลัก

ใบหน้าแฝงไปด้วยความใคร่รู้อย่างเต็มเปี่ยม

ตอนที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่ในห้องเบื้องหลังเฉกเช่นงานเลี้ยงอื่นๆ จู่ๆ รูลลักก็เสนอกับโยบาเนสขึ้นมา

ว่า ‘มีคนอยากแนะนำให้รู้จัก ให้ออกไปด้านนอกด้วยกันสักครู่’

ถึงแม้เขาจะบอกให้เรียกตัวคนที่ว่าเข้ามาในห้องก็ได้ แต่รูลลักก็แค่ตอบบ่ายเบี่ยงว่า ‘จำนวนคนค่อนข้างเยอะ’ เท่านั้น

ในระหว่างที่รูลลักนำทางเขาไปยังบริเวณใจกลางงานเลี้ยง ความสงสัยของจักรพรรดิจึงยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

และในที่สุดรูลลักก็หยุดเดิน เขาจึงพบว่าสถานที่ที่พวกเขาเดินมาถึงคือใจกลางบริเวณงานเลี้ยงที่จัดขึ้นด้านนอกอาคารนั่นเอง

ทั้งยังเป็นสถานที่ที่คุณหญิงคุณนายทั้งหลายต่างก็กำลังจับจองที่นั่งจิบไวน์กันไปพลางสนทนากันไปพลางอีกด้วย

“ฝ่าบาท?”

ขนาดจักรพรรดินีราวีนียังเดินเข้ามาหาด้วยความสงสัย

“ทำไมถึงเสด็จกลับออกมาอีกล่ะเพคะ”

“พอดีเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียบอกว่ามีคนอยากจะแนะนำให้รู้จัก…”

“อ๊ะ มาทางด้านนั้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

รูลลักเอ่ยพลางยิ้มกว้างราวกับรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

สายตาของจักรพรรดิโยบาเนสเองก็มองตามไปทางด้านนั้นโดยธรรมชาติ

“พวกนั้น…”

โยบาเนสหรี่ตาลง

คนที่กำลังเดินเข้ามาทางด้านนี้เป็นชายกลุ่มใหญ่

ใบหน้าของคนกลุ่มนั้นไม่ใช่ใบหน้าที่คุ้นเคยนัก แต่ความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ มันแล่นวาบไปทั่วแนวกระดูกสันหลังของโยบาเนส

ใบหน้าของชายวัยกลางคนที่เดินนำหัวขบวนนั้นดูคุ้นตาแปลกๆ ชอบกล

จะว่าท่าทางที่เดินตรงเข้ามาอย่างองอาจนั่นดูน่าประทับใจด้วยก็ส่วนหนึ่ง

และยิ่งพวกเขาเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเท่าไหร่ สายตาก็พลันสังเกตเห็นจุดร่วมเพียงหนึ่งเดียวที่คนกลุ่มนั้นต่างก็เป็นเหมือนกันหมด

“ทั้งหมดไม่มีมือขวานี่เอง”

จักรพรรดิโยบาเนสพึมพำเสียงแผ่วโดยไม่รู้ตัว

ในวินาทีนั้นเขาก็ตระหนักขึ้นมาได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของคนกลุ่มนั้นในทันที

“…พวกคนจากตระกูลบราวน์”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 196.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 196.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 196.2

“โอ๊ย แม่ง!”

อาสทาน่าตะโกนใส่เบเลซักด้วยความหงุดหงิด

ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเมามายจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ไปเสียแล้ว

“ไสหัวไปให้หมด!”

อาสทาน่าตวาดเสียงดังลั่นใส่เบเลซัก รวมถึงพวกบุตรหลานตระกูลชั้นสูงที่ห้อมล้อมอยู่รอบตัวเขา

‘ไอ้พวกตัวน่ารำคาญ’

คนอื่นๆ อาจจะเรียกเจ้าพวกนี้ว่า ‘คนสนิทของเจ้าชายลำดับที่หนึ่ง’ ก็จริง แต่สำหรับอาสทาน่าแล้ว คนพวกนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากแมลงที่บินว่อนอยู่ข้างหูจนสร้างความรำคาญใจให้ไม่หยุดเลยสักนิด

มองหน้าไอ้พวกนี้ที่ขนาดเขาหงุดหงิดใส่ ก็ยังเอาแต่ลังเลไม่ยอมถอยห่างไปสักที สุดท้ายอาสทาน่าก็ยกเหล้าขึ้นดื่มลงคออีกอึก

หลังจากแอลกอฮอล์ดีกรีร้อนแรงแผ่ซ่านสู่สมอง ก็ค่อยช่วยให้ความหงุดหงิดงุ่นง่านที่เต็มตื้นอยู่ในหัวพอจะจางหายลงไปได้บ้าง

“ไอ้พวกปรสิต…”

อาสทาน่าพึมพำพลางใช้แขนเสื้อเช็ดเหล้าที่เลอะเปรอะริมฝีปากออกลวกๆ

ไอ้พวกที่วางแผนว่าถ้าเขาได้เป็นจักรพรรดิเมื่อไหร่ อย่างน้อยพวกมันก็ต้องได้ประโยชน์อะไรบ้างพวกนี้

ขนาดได้ยินเสียงสบถด่าของเขาแต่ก็ไม่มีใครมีท่าทีไม่พอใจเลยสักคน

ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเขาต่างก็คุ้นชินกับการปฏิบัติอันแสนย่ำแย่ของอาสทาน่าที่มีต่อพวกเขากันแล้วนั่นเอง

“แค่นี้ก็หงุดหงิดจะตายอยู่แล้ว ไม่ต้องมายุ่ง ถอยออกไป!”

อาสทาน่าผลักไหล่เบเลซักอย่างแรง

และนัยน์ตาเหม่อลอยเสียจุดโฟกัสก็เหม่อมองจับจ้องไปยังป่ามืดมิดที่ตั้งอยู่ค่อนข้างไกลจากบริเวณที่พวกเขาอยู่

พอตกกลางคืนหมอกก็เริ่มก่อตัวหนาขึ้นอีกระดับ สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านส่งเสียงดังหวีดหวิวออกมาจากป่าวิกลจริต

อึก

อาสทาน่าลอบกลืนน้ำลายด้วยความตึงเครียด

เขาไม่เคยนึกฝันเลยว่าเทศกาลแข่งล่าสัตว์จะจัดขึ้นในรูปแบบนี้

หากรู้ก่อนหน้านี้ละก็ เขาคงจะไม่วางท่าเสียใหญ่โตเกทับใส่ไอ้เฟเรสมันไปแบบนั้นหรอก

“เบเลซัก เจ้าก็น่าจะบอกข้าก่อนไม่ใช่หรือไงว่าเทศกาลแข่งล่าสัตว์ของลอมบาร์เดียเป็นแบบนี้น่ะ!”

อาสทาน่าระบายอารมณ์ใส่เบเลซักที่ยืนนิ่งไม่รู้จะทำตัวยังไงอยู่ข้างๆ

“กะ…กระหม่อมก็ไม่ทราบมาก่อนเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ”

“ไร้ประโยชน์”

แถมฝ่าบาทก็ดันเสด็จมาด้วย

ทั้งยังมีคนมาร่วมงานมากมายเสียจนไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า นี่เป็นแค่งานเทศกาลแข่งล่าสัตว์จริงๆ

ถ้าแพ้มันที่นี่ อย่าว่าแต่เสียหน้าเลย เขาคงไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดที่ไหนด้วยซ้ำ

อีกอย่าง ช่วงนี้เขาได้ยินมาว่า พวกชนชั้นสูงต่างก็พนันกันเสียสนุกปากว่าระหว่างเจ้าชายลำดับที่หนึ่งกับเจ้าชายลำดับที่สอง ใครจะเป็นผู้ชนะการแข่งขันครั้งนี้

“นี่มันไม่ยุติธรรมชัดๆ !”

อาสทาน่าสบถ

“ไอ้ชั้นต่ำนั่นมันเป็นถึงนักดาบระดับมาสเตอร์ที่ใช้ออร่าได้เชียวนะ! แล้วยังจะมาท้าแข่งกับข้าอีก!”

ในหัวสมองของอาสทาน่าได้ลบความจริงที่ว่า ตัวเขาเองเป็นฝ่ายท้าทางนั้นก่อนไปจนหมดสิ้นแล้ว

“ไปเอาเหล้ามาเพิ่มอีก!”

อาสทาน่าตะโกนใส่เบเลซัก

“พ่ะย่ะค่ะ เจ้าชาย”

แต่แล้วในจังหวะที่เบเลซักตอบรับ แล้วหมุนตัวเพื่อที่จะมองหาพวกข้ารับใช้

“อะไรกัน เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

หนึ่งในบรรดาคนสนิทของอาสทาน่าก็พูดขึ้นด้วยความสงสัย

อาสทาน่าเองปรือตาที่พร่ามัวเสียจนเริ่มมองภาพตรงหน้าได้ไม่ค่อยชัดนักไปยังทิศทางที่ฝูงชนรวมตัวกันอยู่

“มีอะไรกันแน่ ทำไมวุ่นวายกันขนาดนั้น”

สิ่งที่ปรากฏเข้าสู่ห้วงสายตาก็คือ ชนชั้นสูงมากมายหลายคนยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกตะลึง ท่าทางจะตกใจกันเป็นอย่างมาก

* * *

“ใครกันหรือครับ คนที่อยากจะแนะนำให้ข้ารู้จัก”

จักรพรรดิโยบาเนสเอ่ยถามรูลลัก

ใบหน้าแฝงไปด้วยความใคร่รู้อย่างเต็มเปี่ยม

ตอนที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่ในห้องเบื้องหลังเฉกเช่นงานเลี้ยงอื่นๆ จู่ๆ รูลลักก็เสนอกับโยบาเนสขึ้นมา

ว่า ‘มีคนอยากแนะนำให้รู้จัก ให้ออกไปด้านนอกด้วยกันสักครู่’

ถึงแม้เขาจะบอกให้เรียกตัวคนที่ว่าเข้ามาในห้องก็ได้ แต่รูลลักก็แค่ตอบบ่ายเบี่ยงว่า ‘จำนวนคนค่อนข้างเยอะ’ เท่านั้น

ในระหว่างที่รูลลักนำทางเขาไปยังบริเวณใจกลางงานเลี้ยง ความสงสัยของจักรพรรดิจึงยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

และในที่สุดรูลลักก็หยุดเดิน เขาจึงพบว่าสถานที่ที่พวกเขาเดินมาถึงคือใจกลางบริเวณงานเลี้ยงที่จัดขึ้นด้านนอกอาคารนั่นเอง

ทั้งยังเป็นสถานที่ที่คุณหญิงคุณนายทั้งหลายต่างก็กำลังจับจองที่นั่งจิบไวน์กันไปพลางสนทนากันไปพลางอีกด้วย

“ฝ่าบาท?”

ขนาดจักรพรรดินีราวีนียังเดินเข้ามาหาด้วยความสงสัย

“ทำไมถึงเสด็จกลับออกมาอีกล่ะเพคะ”

“พอดีเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียบอกว่ามีคนอยากจะแนะนำให้รู้จัก…”

“อ๊ะ มาทางด้านนั้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

รูลลักเอ่ยพลางยิ้มกว้างราวกับรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

สายตาของจักรพรรดิโยบาเนสเองก็มองตามไปทางด้านนั้นโดยธรรมชาติ

“พวกนั้น…”

โยบาเนสหรี่ตาลง

คนที่กำลังเดินเข้ามาทางด้านนี้เป็นชายกลุ่มใหญ่

ใบหน้าของคนกลุ่มนั้นไม่ใช่ใบหน้าที่คุ้นเคยนัก แต่ความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ มันแล่นวาบไปทั่วแนวกระดูกสันหลังของโยบาเนส

ใบหน้าของชายวัยกลางคนที่เดินนำหัวขบวนนั้นดูคุ้นตาแปลกๆ ชอบกล

จะว่าท่าทางที่เดินตรงเข้ามาอย่างองอาจนั่นดูน่าประทับใจด้วยก็ส่วนหนึ่ง

และยิ่งพวกเขาเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเท่าไหร่ สายตาก็พลันสังเกตเห็นจุดร่วมเพียงหนึ่งเดียวที่คนกลุ่มนั้นต่างก็เป็นเหมือนกันหมด

“ทั้งหมดไม่มีมือขวานี่เอง”

จักรพรรดิโยบาเนสพึมพำเสียงแผ่วโดยไม่รู้ตัว

ในวินาทีนั้นเขาก็ตระหนักขึ้นมาได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของคนกลุ่มนั้นในทันที

“…พวกคนจากตระกูลบราวน์”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+