เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 99.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 99.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พั่บพั่บ

ได้ยินเสียงปีกนกพัดสะพือจากไกลๆ เริ่มเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

“ฮะ เฮือก!”

เบเลซักเองก็คงได้ยินเสียงเช่นกัน ใบหน้าของเขาเริ่มซีดเผือดจนเป็นสีขาวโพลน

“ใช่แล้ว เจ้ากลัวนกใช่มั้ยนะ”

มันเป็นหนึ่งในจุดอ่อนที่เบเลซักเก็บซ่อนจากผู้คน

หมอนี่กลัวนกเป็นอย่างมาก

ถ้าถามว่าหนักขนาดไหน ก็ต้องบอกว่าแม้แต่เมนูไก่ที่ถูกนำขึ้นโต๊ะอาหารก็ยังรับมือได้ยากเลยทีเดียว

“มะ ไม่นะ!”

เบเลซักมองฝูงนกที่บินตรงเข้ามาหาตัวเอง เขาพยายามที่จะวิ่งหนี แต่แข้งขากลับอ่อนระทวย จนได้แต่เกลือกกลิ้งไปมาบนพื้นอย่างน่าทุเรศ

“คิดจะไปไหน ข้าอุตส่าห์ทุ่มเทเปลี่ยนเจ้าให้กลายเป็นอาหารนกแท้ๆ”

“ชะ ช่วยด้วย! ”

พั่บ! พั่บ!

นกประมาณสามสิบตัวที่พักเกาะอยู่ตามต้นไม้ในละแวกนี้ ต่างบินพุ่งตรงมาหาเบเลซักกันอย่างพร้อมเพรียง

“อ๊ากกกก!”

เบเลซักขดตัวพยายามหาทางหลบเลี่ยง แต่นกพวกนั้นคงจะรู้ว่านี่เป็นธัญพืชชั้นยอดจากเซอเชาว์ละมั้ง พวกมันถึงได้ไร้ซึ่งความปรานี

ฟึบ! จิ๊บจิ๊บ! กู๊กู๊กู๊!

เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าฝูงนกรวมตัวช่วยกันโจมตี มันน่าดูแบบนี้เลย!

บรรดานกต่างพุ่งเข้าจิกทุกส่วนของร่างกายเบเลซัก ไม่เว้นแม้แต่ง่ามนิ้วมือ เส้นผม พวกมันกินกันอย่างตะกละตะกลาม จนกระทั่งธัญพืชร่อยหรอนั่นแหละ ถึงได้ยอมเลิกราบินจากไป

พั่บพั่บ!

และบริเวณที่นกบินหายไปจุดนั้น ก็เหลือเพียงแค่เบเลซักที่นอนขดกายอย่างน่าสมเพช สภาพเละเทะจนดูไม่ได้

ผมถูกจิกจนยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง เสื้อผ้าชั้นดีก็ฉีกขาดไม่มีชิ้นดี ใบหน้าเลอะเปรอะไปด้วยน้ำตาและน้ำมูก

“ฮือออ… โฮววว…”

“บอกจะทำให้ข้าดูไม่จืด แต่นี่กลับกลายเป็นเจ้าสภาพดูไม่ได้เลยนะ”

ถึงแม้เธอจะพูดจาล้อเลียนเขาแค่ไหน เบเลซักก็ยังคงไม่อาจขยับกายได้ด้วยความหวาดกลัว

“ที่ผ่านมาเอาแต่สนุกกับการมองดูความเจ็บปวดและความหวาดกลัวของคนอื่น ตอนนี้ตัวเองเจ็บปวดบ้างเป็นไงล่ะ สนุกดีมั้ย”

“ฮึก ฮึก!”

เธอเดินเข้าไปหาเบเลซัก จ้องเด็กหนุ่มที่นอนคู้กายอยู่บนพื้นด้วยนัยน์ตาเย็นชา

เหมือนอย่างที่เขาเคยทำกับเธอที่ร้องไห้โฮจนแทบขาดใจ

“ถ้าเจ้ากล้ารังแกเครนีย์อีกแม้แต่ครั้งเดียว ถึงตอนนั้นมันไม่จบง่ายๆ แบบนี้แน่”

เธอพูดย้ำชัดถ้อยชัดคำทุกประโยค ให้มันสลักลงหัวสมองอันแสนโง่เขลาของเบเลซัก

“ข้าจะทำให้เจ้าสลบโดยไม่มีใครสืบหาร่องรอยได้ หลังจากทำให้ทั่วร่างกายกลายเป็นก้อนแป้งอาหารนกเสร็จ ก็จะโยนเข้าไปในรังนก ‘ยักษ์’ ผูกไว้กับเสาให้พวกมันเข้ามาจิกซะเลย เข้าใจมั้ย”

“ฮะ เฮือก! ”

นัยน์ตาของเบเลซักมีแต่ความหวาดกลัว ท่าทางเหมือนว่าเพียงแค่จินตนาการก็รู้สึกกลัวมากแล้ว

หลังจากจ้องเบเลซักด้วยนัยน์ตาดูถูกเป็นครั้งสุดท้าย เธอก็หมุนตัวหันหลังเดินจากไป

อา สดชื่นจัง

ไม่มีถุงอาหารนกแล้ว ร่างกายเบาขึ้นมาระดับหนึ่งเลยทีเดียว

คราวนี้ก็จะไม่มีเรื่องเบเลซักกลั่นแกล้งเครนีย์อีกต่อไป

เพราะหมอนั่นเป็นพวกขี้ขลาดตาขาวมากพอๆ กันกับอาสทัลลีอูยังไงล่ะ

ต้องมีใครสักคนคอยช่วยปกป้องเครนีย์ แต่พี่ชายอย่างอาสทัลลีอูก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะโต้เถียงเบเลซัก

บิดามารดาอย่างลอเรนซ์กับโรเนสก็มัวแต่เกรงใจเบเจอร์

ดังนั้นเธอจึงต้องออกหน้าให้ความช่วยเหลือแบบนี้

“ดีแล้ว ใจดีจริงๆ เลยข้าเนี่ย”

ค่อยรู้สึกเบาใจขึ้นหน่อย ถือว่าเธอจัดการลงมือแก้แค้นได้สาสม ยิ่งกว่าที่เจ้านั่นกลั่นแกล้งเครนีย์เสียอีก

“จะว่าไงดีล่ะ…”

รู้สึกเหมือนตัวเธอในอดีตก็ได้รับการเยียวยาไปด้วย

ฟีเรนเทียตัวน้อยในชีวิตก่อนที่ได้แต่โดนกลั่นแกล้งอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ไม่มีใครสักคนยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือ เหมือนอย่างเครนีย์ในตอนนี้

ถึงแม้จะสายเกินไปหน่อย แต่เรียกว่าพึงพอใจก็ได้ละมั้ง

* * *

หลายวันให้หลัง

เธอแวะมายังสำนักงานร้านค้าเพลเลส

“ดังนั้นพวกเราร้านค้าเพลเลสจึงได้กลายเป็นกลุ่มการค้าที่ครอบครองธัญพืชที่เพิ่งเก็บเกี่ยวผลผลิตในปีนี้ของทางใต้ไว้มากที่สุดครับ”

“ว้าว ทำงานได้ดีมากค่ะ ทั้งสองคน! ”

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ

เพราะทางใต้เป็นพวกที่ถูกกลุ่มการค้าขนาดกลางไปถึงขนาดใหญ่ครอบครองตลาดการค้าเอาไว้อย่างเหนียวแน่น

แต่ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากที่เครย์ลีบันกับไวโอเล็ต รวมถึงคนของร้านค้าเพลเลสทำงานกันตลอดวันตลอดคืนอย่างแข็งขัน ในที่สุดพวกเราก็สามารถซื้อธัญพืชได้ในปริมาณมหาศาล

“และก็เป็นไปอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ กลุ่มการค้าจำนวนมากได้ติดต่อขอสานสัมพันธ์ด้วยครับ”

“หากจะนำไปขายทางตะวันออก ก็ต้องเพิ่มเงินให้พวกเรานี่คะ”

“ใช่แล้วละครับ”

เครย์ลีบันยื่นกระดาษเขียนรายชื่อส่งให้เธอ

“นี่คือรายชื่อกลุ่มการค้าที่ติดต่อมาหาพวกเราจนถึงตอนนี้ครับ”

“เยอะพอตัวเลยนะคะเนี่ย งั้นไหนดูซิ…”

เธอกวาดสายตาไล่มองรายชื่อยาวเป็นหางว่าว

และก็ค้นพบชื่อที่เธอตามหาอยู่ที่บริเวณหางแถวของรายชื่อนั่น

“นี่ค่ะ ส่งสารไปแจ้งที่นี่ว่าพวกเราจะขายธัญพืชให้เขาประมาณ 1 ใน 4 ของที่เรามีค่ะ ปรับราคาให้ถูกลงหน่อยนะคะ”

“คะ ปริมาณมากขนาดนั้นเลยหรือคะ”

“ใช่ค่ะ แน่นอนว่าต้องแบ่งให้กลุ่มการค้ากลุ่มอื่นกลุ่มละนิดด้วยค่ะ ยังไงโลกนี้ก็ต้องกินต้องอาศัยไปด้วยกันอยู่แล้ว”

ถึงแม้ที่จริงแล้วเธอแค่ตั้งใจว่าจะลดความอิจฉาริษยา กับช่วงเวลาน่ารำคาญนี่ให้มันลดน้อยลงได้มากที่สุดเท่านั้นก็เถอะ

“อืมม…”

ไวโอเล็ตเอียงคอมองด้วยความงุนงง แต่แล้วเมื่อเห็นชื่อกลุ่มการค้าที่ปลายนิ้วของเธอจิ้มอยู่ นัยน์ตาของนางก็เบิกกว้างในทันที

“อ๊ะ ที่นี่เมื่อคราวก่อน…”

และหันมาจ้องหน้าเธอ

เธอยิ้มให้ไวโอเล็ตเพื่อสื่อว่าให้นางเชื่อมั่นในตัวเธอ

เพียงไม่นานไวโอเล็ตก็พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะตอบ

“ทราบแล้วค่ะ ข้าจะส่งสารไปหา ‘กลุ่มการค้าเรด’ ตามที่สั่งค่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 99.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 99.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พั่บพั่บ

ได้ยินเสียงปีกนกพัดสะพือจากไกลๆ เริ่มเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

“ฮะ เฮือก!”

เบเลซักเองก็คงได้ยินเสียงเช่นกัน ใบหน้าของเขาเริ่มซีดเผือดจนเป็นสีขาวโพลน

“ใช่แล้ว เจ้ากลัวนกใช่มั้ยนะ”

มันเป็นหนึ่งในจุดอ่อนที่เบเลซักเก็บซ่อนจากผู้คน

หมอนี่กลัวนกเป็นอย่างมาก

ถ้าถามว่าหนักขนาดไหน ก็ต้องบอกว่าแม้แต่เมนูไก่ที่ถูกนำขึ้นโต๊ะอาหารก็ยังรับมือได้ยากเลยทีเดียว

“มะ ไม่นะ!”

เบเลซักมองฝูงนกที่บินตรงเข้ามาหาตัวเอง เขาพยายามที่จะวิ่งหนี แต่แข้งขากลับอ่อนระทวย จนได้แต่เกลือกกลิ้งไปมาบนพื้นอย่างน่าทุเรศ

“คิดจะไปไหน ข้าอุตส่าห์ทุ่มเทเปลี่ยนเจ้าให้กลายเป็นอาหารนกแท้ๆ”

“ชะ ช่วยด้วย! ”

พั่บ! พั่บ!

นกประมาณสามสิบตัวที่พักเกาะอยู่ตามต้นไม้ในละแวกนี้ ต่างบินพุ่งตรงมาหาเบเลซักกันอย่างพร้อมเพรียง

“อ๊ากกกก!”

เบเลซักขดตัวพยายามหาทางหลบเลี่ยง แต่นกพวกนั้นคงจะรู้ว่านี่เป็นธัญพืชชั้นยอดจากเซอเชาว์ละมั้ง พวกมันถึงได้ไร้ซึ่งความปรานี

ฟึบ! จิ๊บจิ๊บ! กู๊กู๊กู๊!

เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าฝูงนกรวมตัวช่วยกันโจมตี มันน่าดูแบบนี้เลย!

บรรดานกต่างพุ่งเข้าจิกทุกส่วนของร่างกายเบเลซัก ไม่เว้นแม้แต่ง่ามนิ้วมือ เส้นผม พวกมันกินกันอย่างตะกละตะกลาม จนกระทั่งธัญพืชร่อยหรอนั่นแหละ ถึงได้ยอมเลิกราบินจากไป

พั่บพั่บ!

และบริเวณที่นกบินหายไปจุดนั้น ก็เหลือเพียงแค่เบเลซักที่นอนขดกายอย่างน่าสมเพช สภาพเละเทะจนดูไม่ได้

ผมถูกจิกจนยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง เสื้อผ้าชั้นดีก็ฉีกขาดไม่มีชิ้นดี ใบหน้าเลอะเปรอะไปด้วยน้ำตาและน้ำมูก

“ฮือออ… โฮววว…”

“บอกจะทำให้ข้าดูไม่จืด แต่นี่กลับกลายเป็นเจ้าสภาพดูไม่ได้เลยนะ”

ถึงแม้เธอจะพูดจาล้อเลียนเขาแค่ไหน เบเลซักก็ยังคงไม่อาจขยับกายได้ด้วยความหวาดกลัว

“ที่ผ่านมาเอาแต่สนุกกับการมองดูความเจ็บปวดและความหวาดกลัวของคนอื่น ตอนนี้ตัวเองเจ็บปวดบ้างเป็นไงล่ะ สนุกดีมั้ย”

“ฮึก ฮึก!”

เธอเดินเข้าไปหาเบเลซัก จ้องเด็กหนุ่มที่นอนคู้กายอยู่บนพื้นด้วยนัยน์ตาเย็นชา

เหมือนอย่างที่เขาเคยทำกับเธอที่ร้องไห้โฮจนแทบขาดใจ

“ถ้าเจ้ากล้ารังแกเครนีย์อีกแม้แต่ครั้งเดียว ถึงตอนนั้นมันไม่จบง่ายๆ แบบนี้แน่”

เธอพูดย้ำชัดถ้อยชัดคำทุกประโยค ให้มันสลักลงหัวสมองอันแสนโง่เขลาของเบเลซัก

“ข้าจะทำให้เจ้าสลบโดยไม่มีใครสืบหาร่องรอยได้ หลังจากทำให้ทั่วร่างกายกลายเป็นก้อนแป้งอาหารนกเสร็จ ก็จะโยนเข้าไปในรังนก ‘ยักษ์’ ผูกไว้กับเสาให้พวกมันเข้ามาจิกซะเลย เข้าใจมั้ย”

“ฮะ เฮือก! ”

นัยน์ตาของเบเลซักมีแต่ความหวาดกลัว ท่าทางเหมือนว่าเพียงแค่จินตนาการก็รู้สึกกลัวมากแล้ว

หลังจากจ้องเบเลซักด้วยนัยน์ตาดูถูกเป็นครั้งสุดท้าย เธอก็หมุนตัวหันหลังเดินจากไป

อา สดชื่นจัง

ไม่มีถุงอาหารนกแล้ว ร่างกายเบาขึ้นมาระดับหนึ่งเลยทีเดียว

คราวนี้ก็จะไม่มีเรื่องเบเลซักกลั่นแกล้งเครนีย์อีกต่อไป

เพราะหมอนั่นเป็นพวกขี้ขลาดตาขาวมากพอๆ กันกับอาสทัลลีอูยังไงล่ะ

ต้องมีใครสักคนคอยช่วยปกป้องเครนีย์ แต่พี่ชายอย่างอาสทัลลีอูก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะโต้เถียงเบเลซัก

บิดามารดาอย่างลอเรนซ์กับโรเนสก็มัวแต่เกรงใจเบเจอร์

ดังนั้นเธอจึงต้องออกหน้าให้ความช่วยเหลือแบบนี้

“ดีแล้ว ใจดีจริงๆ เลยข้าเนี่ย”

ค่อยรู้สึกเบาใจขึ้นหน่อย ถือว่าเธอจัดการลงมือแก้แค้นได้สาสม ยิ่งกว่าที่เจ้านั่นกลั่นแกล้งเครนีย์เสียอีก

“จะว่าไงดีล่ะ…”

รู้สึกเหมือนตัวเธอในอดีตก็ได้รับการเยียวยาไปด้วย

ฟีเรนเทียตัวน้อยในชีวิตก่อนที่ได้แต่โดนกลั่นแกล้งอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ไม่มีใครสักคนยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือ เหมือนอย่างเครนีย์ในตอนนี้

ถึงแม้จะสายเกินไปหน่อย แต่เรียกว่าพึงพอใจก็ได้ละมั้ง

* * *

หลายวันให้หลัง

เธอแวะมายังสำนักงานร้านค้าเพลเลส

“ดังนั้นพวกเราร้านค้าเพลเลสจึงได้กลายเป็นกลุ่มการค้าที่ครอบครองธัญพืชที่เพิ่งเก็บเกี่ยวผลผลิตในปีนี้ของทางใต้ไว้มากที่สุดครับ”

“ว้าว ทำงานได้ดีมากค่ะ ทั้งสองคน! ”

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ

เพราะทางใต้เป็นพวกที่ถูกกลุ่มการค้าขนาดกลางไปถึงขนาดใหญ่ครอบครองตลาดการค้าเอาไว้อย่างเหนียวแน่น

แต่ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากที่เครย์ลีบันกับไวโอเล็ต รวมถึงคนของร้านค้าเพลเลสทำงานกันตลอดวันตลอดคืนอย่างแข็งขัน ในที่สุดพวกเราก็สามารถซื้อธัญพืชได้ในปริมาณมหาศาล

“และก็เป็นไปอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ กลุ่มการค้าจำนวนมากได้ติดต่อขอสานสัมพันธ์ด้วยครับ”

“หากจะนำไปขายทางตะวันออก ก็ต้องเพิ่มเงินให้พวกเรานี่คะ”

“ใช่แล้วละครับ”

เครย์ลีบันยื่นกระดาษเขียนรายชื่อส่งให้เธอ

“นี่คือรายชื่อกลุ่มการค้าที่ติดต่อมาหาพวกเราจนถึงตอนนี้ครับ”

“เยอะพอตัวเลยนะคะเนี่ย งั้นไหนดูซิ…”

เธอกวาดสายตาไล่มองรายชื่อยาวเป็นหางว่าว

และก็ค้นพบชื่อที่เธอตามหาอยู่ที่บริเวณหางแถวของรายชื่อนั่น

“นี่ค่ะ ส่งสารไปแจ้งที่นี่ว่าพวกเราจะขายธัญพืชให้เขาประมาณ 1 ใน 4 ของที่เรามีค่ะ ปรับราคาให้ถูกลงหน่อยนะคะ”

“คะ ปริมาณมากขนาดนั้นเลยหรือคะ”

“ใช่ค่ะ แน่นอนว่าต้องแบ่งให้กลุ่มการค้ากลุ่มอื่นกลุ่มละนิดด้วยค่ะ ยังไงโลกนี้ก็ต้องกินต้องอาศัยไปด้วยกันอยู่แล้ว”

ถึงแม้ที่จริงแล้วเธอแค่ตั้งใจว่าจะลดความอิจฉาริษยา กับช่วงเวลาน่ารำคาญนี่ให้มันลดน้อยลงได้มากที่สุดเท่านั้นก็เถอะ

“อืมม…”

ไวโอเล็ตเอียงคอมองด้วยความงุนงง แต่แล้วเมื่อเห็นชื่อกลุ่มการค้าที่ปลายนิ้วของเธอจิ้มอยู่ นัยน์ตาของนางก็เบิกกว้างในทันที

“อ๊ะ ที่นี่เมื่อคราวก่อน…”

และหันมาจ้องหน้าเธอ

เธอยิ้มให้ไวโอเล็ตเพื่อสื่อว่าให้นางเชื่อมั่นในตัวเธอ

เพียงไม่นานไวโอเล็ตก็พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะตอบ

“ทราบแล้วค่ะ ข้าจะส่งสารไปหา ‘กลุ่มการค้าเรด’ ตามที่สั่งค่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+