เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 220.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 220.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 220.1

ตอนที่ 220

จักรพรรดินีราวีนียืนมองออกไปนอกหน้าต่างจากริมระเบียงทางเดินอันแสนมืดมิดซึ่งตั้งใจไม่จุดไฟให้ความสว่าง

ภายในตึกกองกำลังอัศวินที่มองเห็นจากไกลๆ นั้นเกิดความวุ่นวายขึ้นครู่หนึ่ง จากนั้นก็เห็นเฟเรสเดินออกมาด้านนอก

รวมถึงเบเลซักที่เดินสะโหลสะเหลตามหลังมาด้วย เพียงครู่ทั้งสองคนก็ขึ้นรถม้า แล้วออกไปจากเขตกองกำลังอัศวิน

จักรพรรดินีเฝ้ามองภาพด้านหลังของรถม้าไปจนลับสายตา ก่อนจะรีบขยับกายมุ่งตรงไปยังวังจักรพรรดิทันที

ยามนี้ผ่านพ้นเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว แต่จังหวะฝีเท้าก้าวเดินกลับไร้ซึ่งความเกรงใจ

เพราะนางทราบจากสายสืบที่สั่งให้แฝงตัวไว้ในวังจักรพรรดิก่อนแล้วว่า โยบาเนสยังไม่เข้าบรรทมแต่อย่างใด

“แจ้งฝ่าบาททีว่าข้ามาเข้าพบ หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์”

หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์ได้ยินจากมหาดเล็กว่าจะมีแขกมาขอเข้าเฝ้า จึงออกมายืนรออยู่ด้านนอก เมื่อพบว่าเป็นจักรพรรดินีก็มีสีหน้าเกร็งไปอย่างเห็นได้ชัด

“…เพคะ องค์จักรพรรดินี”

หลังจากหัวหน้านางกำนัลโอทัวร์กลับเข้าไปด้านในได้ไม่นาน ประตูห้องบรรทมก็เปิดออก

“ช่วงนี้จักรพรรดินีมาพบข้าบ่อยเหลือเกินนะ”

โยบาเนสซึ่งเปลี่ยนไปสวมชุดนอนเรียบร้อยแล้วกระตุกยิ้มไปทางราวีนี ก่อนจะเอ่ยพูดขึ้น

มันเป็นคำพูดถากถางกันอย่างเห็นได้ชัด แต่ราวีนีก็เพียงแค่ยืนนิ่งพร้อมรอยยิ้มแปลกพิกลเท่านั้น

“หืม”

โยบาเนสมองคล้ายกับรู้สึกสนใจในท่าทีของคนตรงหน้า แล้วเอ่ยถาม

“มีธุระอันใดดึกดื่นป่านนี้ล่ะ จักรพรรดินี”

“มีเรื่องด่วนต้องแจ้งเลยมาขอพบเพคะ ฝ่าบาท”

หมายความว่านี่เป็นการเข้าเฝ้าส่วนตัว

โยบาเนสพยักหน้าลง พอเขาสะบัดมือให้สัญญาณเบาๆ เหล่ามหาดเล็กในห้องบรรทมทั้งหมดก็ออกไปข้างนอก

“เรื่องการประชุมใหญ่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้เพคะ”

ราวีนีเป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อน เมื่อในห้องบรรทมของจักรพรรดิเหลือเพียงแค่พวกเขาสองคน

“อา ถ้าเป็นเรื่องนั้นละก็ ข้าพอจะทราบอยู่ว่าจักรพรรดินีตั้งใจจะกล่าวเรื่องใด”

โยบาเนสขมวดคิ้วลงเล็กน้อย

เรื่องความขัดแย้งระหว่างอังเกนัสกับบราวน์เกี่ยวกับที่ดินในครอบครอง ได้ถูกส่งผ่านขึ้นมาเป็นระเบียบวาระในการประชุมใหญ่จนได้

โยบาเนสจำเป็นต้องตัดสินใจว่า จะให้สิทธิ์ผู้ใดเป็นตัวแทนภาคตะวันตก

“คงจะขอให้ข้าเลือกข้างอังเกนัสในที่ประชุมละสิ มิใช่หรือไร”

โยบาเนสกล่าวขณะเดียวกันก็หยิบเอกสารบางๆ ปึกหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา

“แต่ผลสรุปที่ได้จากการที่บรรดาผู้ช่วยของข้าไปสืบมาให้ ที่ดินในครอบครองของตระกูลบราวน์ดูจะใหญ่กว่าเล็กน้อย”

ทว่าเรื่องที่ไม่ได้ถูกกล่าวในคำตรัสขององค์จักรพรรดิคือ มันเป็นความแตกต่างที่น้อยมากทีเดียว

“…ถูกต้องแล้วเพคะ”

จักรพรรดินีราวีนียอมรับ

“แต่หม่อมฉันมาขอพบ เพราะต้องการได้รับคำยืนยันว่าฝ่าบาทจะทรงเลือกข้างอังเกนัสเพคะ”

“คำยืนยัน”

โยบาเนสแสยะยิ้ม ก่อนจะดึงเอากระดาษใบหนึ่งที่แทรกอยู่ใต้กองเอกสารปึกนั้นออกมาส่งให้จักรพรรดินี

“จดหมายจากเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียน่ะ”

รอยยิ้มที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าของจักรพรรดินีราวีนีหลังจากเข้ามาในห้องบรรทมถึงกับแตกยับเป็นครั้งแรก

“เห็นว่าเรื่องการถอนหมั้นระหว่างเจ้าชายลำดับที่สองกับฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย ทางนั้นจะมอบเงินชดเชยจำนวน 100,000 โกลด์ให้”

100,000 โกลด์

มันเป็นเงินจำนวนมหาศาล

แม้แต่ชนชั้นสูงตระกูลอื่นในอาณาจักร ก็ยังไม่อาจจ่ายมันได้ทันทีแล้วยังเป็นปกติดีอยู่ได้เลย

แต่ลอมบาร์เดียนั้นเป็นข้อยกเว้น

ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตาม ลอมบาร์เดียก็ถือเป็นข้อยกเว้นอยู่เสมอ

“กล้าดีเช่นไรถึงดูหมิ่นจักรพรรดิอย่างข้า แล้วคิดจะใช้เงินปิดปาก”

จักรพรรดิโยบาเนสพึมพำด้วยความเกรี้ยวกราด แต่แน่นอนว่าเขาคิดที่จะรับเงินนั่นไว้

โยบาเนสไม่ใช่คนโง่ที่จะปฏิเสธเงินจำนวนตั้ง 100,000 โกลด์หรอก

แต่อย่างไรก็ต้องแสดงให้เห็นว่า ทุกอย่างไม่มีทางเป็นไปตามที่ลอมบาร์เดียต้องการ

หากจะกดจมูกที่เชิดรั้นของลอมบาร์เดียผู้เย่อหยิ่งแล้วละก็ ต่อให้ต้องยกมือช่วยอังเกนัสสักกี่หน เขาก็ทำได้ เพราะอย่างไรอังเกนัสก็ไม่มีทางเป็นอันตรายต่ออำนาจในฐานะจักรพรรดิของเขาได้อยู่ดี

โยบาเนสเอ่ยพูดกับราวีนี

“ข้าจะช่วยยกมือเลือกข้างอังเกนัสในการประชุมใหญ่”

“ขอบพระทัยเพคะ ฝ่าบาท!”

ราวีนียิ้มกว้าง ก่อนจะพูดเลียบๆ เคียงๆ ร้องขอเรื่องถัดไป

“และยังมีอีกเรื่องที่อยากได้รับอนุญาตจากฝ่าบาทเพคะ”

“เหอะ อีกเรื่องงั้นหรือ ข้าก็ทราบอยู่หรอกว่าจักรพรรดินีเป็นคนโลภมาก แต่นี่มันช่าง”

โยบาเรสหัวเราะเย้ยยันคล้ายกับต้องการจะบอกว่าช่างน่าทุเรศเสียจริง ในขณะที่เอ่ยพูดต่อ

“ได้ ลองพูดมาสิ”

“ได้โปรดอนุญาตให้กองกำลังอัศวินส่วนพระองค์เข้าตรวจสอบร้านค้าเพลเลส และจับกุมตัวเครย์ลีบัน เพลเลส เจ้าของร้านค้าในวันนี้ด้วยเพคะ ฝ่าบาท”

“ร้านค้าเพลเลส”

คราวนี้นัยน์ตาทั้งสองข้างของโยบาเนสถึงกับเบิกกว้าง เพราะนามที่ไม่คาดคิดกลับดังขึ้นมาในบทสนทนาของพวกเขาเสียได้

“เรื่องใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย”

หากเป็นผู้ที่เหยียบเท้าอาศัยอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้ละก็ ย่อมไม่มีผู้ใดไม่รู้จักร้านค้าเพลเลสกับเครย์ลีบัน เพลเลส อย่างแน่นอน

กลุ่มการค้าที่เพิ่งเปิดตัวขึ้นเมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อนพร้อมกับเปลวไฟที่ลุกโชน ตอนนี้เติบโตอย่างยิ่งใหญ่จนกลายเป็นรากฐานหนึ่งของอาณาจักรไปแล้ว

โดยเฉพาะการค้าแถบตะวันออก ร้านค้าเพลเลสเรียกได้ว่าแทบจะผูกขาดเอาไว้เลยทีเดียว

ขนาดที่ว่าถ้าใครต้องการขายสินค้าให้กับตะวันออกแล้วละก็ พวกเขาจำเป็นต้องขายผ่านร้านค้าเพลเลสเท่านั้นถึงจะทำการค้าขายได้รอด

“เหตุผลใดกัน”

“เพราะขั้นตอนการสืบสวนเรื่องการลอบสังหารกินเวลาล่าช้าเกินไป หม่อมฉันจึงได้ลงมือสืบหาเองเพคะ และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ยาต้องสงสัยที่เจ้าชายลำดับที่หนึ่งได้รับนั่น อาจจะมาจากร้านค้าเพลเลส”

ราวีนีเอ่ยตอบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยแม้แต่น้อย

“พฤติการณ์ พฤติการณ์แวดล้อมงั้นหรือ…”

พูดง่ายๆ ก็คือ ‘อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ แต่ก็อาจจะไม่ใช่ได้ด้วยเหมือนกัน’

“เป็นภาพที่ไม่แย่เสียเท่าไหร่”

โยบาเนสนึกภาพอัศวินสวมชุดติดตราสัญลักษณ์ราชวงศ์บุกเข้าไปล้อมอยู่รอบร้านค้าเพลเลส แล้วก็แสยะยิ้มด้วยความพอใจ

เขาคิดว่ามันเป็นโอกาสดีที่จะแสดงให้เห็นถึงอำนาจของราชวงศ์ หลังจากเก็บเงียบอยู่เสียนาน

อีกอย่าง ความจริงที่ว่าเครย์ลีบัน เพลเลส เปรียบเสมือนคนของลอมบาร์เดีย ก็เป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจของโยบาเนสด้วยเช่นกัน

“เดิมทีกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ ก็เป็นเหมือนแขนขาของราชวงศ์อยู่แล้วมิใช่หรือ”

จักรพรรดิโยบาเนสเอ่ยพูดกับจักรพรรดินีราวีนี

“ไม่มีเหตุผลใดที่จักรพรรดินีจะเรียกใช้งานกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ไม่ได้อยู่แล้ว”

* * *

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 220.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 220.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 220.1

ตอนที่ 220

จักรพรรดินีราวีนียืนมองออกไปนอกหน้าต่างจากริมระเบียงทางเดินอันแสนมืดมิดซึ่งตั้งใจไม่จุดไฟให้ความสว่าง

ภายในตึกกองกำลังอัศวินที่มองเห็นจากไกลๆ นั้นเกิดความวุ่นวายขึ้นครู่หนึ่ง จากนั้นก็เห็นเฟเรสเดินออกมาด้านนอก

รวมถึงเบเลซักที่เดินสะโหลสะเหลตามหลังมาด้วย เพียงครู่ทั้งสองคนก็ขึ้นรถม้า แล้วออกไปจากเขตกองกำลังอัศวิน

จักรพรรดินีเฝ้ามองภาพด้านหลังของรถม้าไปจนลับสายตา ก่อนจะรีบขยับกายมุ่งตรงไปยังวังจักรพรรดิทันที

ยามนี้ผ่านพ้นเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว แต่จังหวะฝีเท้าก้าวเดินกลับไร้ซึ่งความเกรงใจ

เพราะนางทราบจากสายสืบที่สั่งให้แฝงตัวไว้ในวังจักรพรรดิก่อนแล้วว่า โยบาเนสยังไม่เข้าบรรทมแต่อย่างใด

“แจ้งฝ่าบาททีว่าข้ามาเข้าพบ หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์”

หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์ได้ยินจากมหาดเล็กว่าจะมีแขกมาขอเข้าเฝ้า จึงออกมายืนรออยู่ด้านนอก เมื่อพบว่าเป็นจักรพรรดินีก็มีสีหน้าเกร็งไปอย่างเห็นได้ชัด

“…เพคะ องค์จักรพรรดินี”

หลังจากหัวหน้านางกำนัลโอทัวร์กลับเข้าไปด้านในได้ไม่นาน ประตูห้องบรรทมก็เปิดออก

“ช่วงนี้จักรพรรดินีมาพบข้าบ่อยเหลือเกินนะ”

โยบาเนสซึ่งเปลี่ยนไปสวมชุดนอนเรียบร้อยแล้วกระตุกยิ้มไปทางราวีนี ก่อนจะเอ่ยพูดขึ้น

มันเป็นคำพูดถากถางกันอย่างเห็นได้ชัด แต่ราวีนีก็เพียงแค่ยืนนิ่งพร้อมรอยยิ้มแปลกพิกลเท่านั้น

“หืม”

โยบาเนสมองคล้ายกับรู้สึกสนใจในท่าทีของคนตรงหน้า แล้วเอ่ยถาม

“มีธุระอันใดดึกดื่นป่านนี้ล่ะ จักรพรรดินี”

“มีเรื่องด่วนต้องแจ้งเลยมาขอพบเพคะ ฝ่าบาท”

หมายความว่านี่เป็นการเข้าเฝ้าส่วนตัว

โยบาเนสพยักหน้าลง พอเขาสะบัดมือให้สัญญาณเบาๆ เหล่ามหาดเล็กในห้องบรรทมทั้งหมดก็ออกไปข้างนอก

“เรื่องการประชุมใหญ่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้เพคะ”

ราวีนีเป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อน เมื่อในห้องบรรทมของจักรพรรดิเหลือเพียงแค่พวกเขาสองคน

“อา ถ้าเป็นเรื่องนั้นละก็ ข้าพอจะทราบอยู่ว่าจักรพรรดินีตั้งใจจะกล่าวเรื่องใด”

โยบาเนสขมวดคิ้วลงเล็กน้อย

เรื่องความขัดแย้งระหว่างอังเกนัสกับบราวน์เกี่ยวกับที่ดินในครอบครอง ได้ถูกส่งผ่านขึ้นมาเป็นระเบียบวาระในการประชุมใหญ่จนได้

โยบาเนสจำเป็นต้องตัดสินใจว่า จะให้สิทธิ์ผู้ใดเป็นตัวแทนภาคตะวันตก

“คงจะขอให้ข้าเลือกข้างอังเกนัสในที่ประชุมละสิ มิใช่หรือไร”

โยบาเนสกล่าวขณะเดียวกันก็หยิบเอกสารบางๆ ปึกหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา

“แต่ผลสรุปที่ได้จากการที่บรรดาผู้ช่วยของข้าไปสืบมาให้ ที่ดินในครอบครองของตระกูลบราวน์ดูจะใหญ่กว่าเล็กน้อย”

ทว่าเรื่องที่ไม่ได้ถูกกล่าวในคำตรัสขององค์จักรพรรดิคือ มันเป็นความแตกต่างที่น้อยมากทีเดียว

“…ถูกต้องแล้วเพคะ”

จักรพรรดินีราวีนียอมรับ

“แต่หม่อมฉันมาขอพบ เพราะต้องการได้รับคำยืนยันว่าฝ่าบาทจะทรงเลือกข้างอังเกนัสเพคะ”

“คำยืนยัน”

โยบาเนสแสยะยิ้ม ก่อนจะดึงเอากระดาษใบหนึ่งที่แทรกอยู่ใต้กองเอกสารปึกนั้นออกมาส่งให้จักรพรรดินี

“จดหมายจากเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียน่ะ”

รอยยิ้มที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าของจักรพรรดินีราวีนีหลังจากเข้ามาในห้องบรรทมถึงกับแตกยับเป็นครั้งแรก

“เห็นว่าเรื่องการถอนหมั้นระหว่างเจ้าชายลำดับที่สองกับฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย ทางนั้นจะมอบเงินชดเชยจำนวน 100,000 โกลด์ให้”

100,000 โกลด์

มันเป็นเงินจำนวนมหาศาล

แม้แต่ชนชั้นสูงตระกูลอื่นในอาณาจักร ก็ยังไม่อาจจ่ายมันได้ทันทีแล้วยังเป็นปกติดีอยู่ได้เลย

แต่ลอมบาร์เดียนั้นเป็นข้อยกเว้น

ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตาม ลอมบาร์เดียก็ถือเป็นข้อยกเว้นอยู่เสมอ

“กล้าดีเช่นไรถึงดูหมิ่นจักรพรรดิอย่างข้า แล้วคิดจะใช้เงินปิดปาก”

จักรพรรดิโยบาเนสพึมพำด้วยความเกรี้ยวกราด แต่แน่นอนว่าเขาคิดที่จะรับเงินนั่นไว้

โยบาเนสไม่ใช่คนโง่ที่จะปฏิเสธเงินจำนวนตั้ง 100,000 โกลด์หรอก

แต่อย่างไรก็ต้องแสดงให้เห็นว่า ทุกอย่างไม่มีทางเป็นไปตามที่ลอมบาร์เดียต้องการ

หากจะกดจมูกที่เชิดรั้นของลอมบาร์เดียผู้เย่อหยิ่งแล้วละก็ ต่อให้ต้องยกมือช่วยอังเกนัสสักกี่หน เขาก็ทำได้ เพราะอย่างไรอังเกนัสก็ไม่มีทางเป็นอันตรายต่ออำนาจในฐานะจักรพรรดิของเขาได้อยู่ดี

โยบาเนสเอ่ยพูดกับราวีนี

“ข้าจะช่วยยกมือเลือกข้างอังเกนัสในการประชุมใหญ่”

“ขอบพระทัยเพคะ ฝ่าบาท!”

ราวีนียิ้มกว้าง ก่อนจะพูดเลียบๆ เคียงๆ ร้องขอเรื่องถัดไป

“และยังมีอีกเรื่องที่อยากได้รับอนุญาตจากฝ่าบาทเพคะ”

“เหอะ อีกเรื่องงั้นหรือ ข้าก็ทราบอยู่หรอกว่าจักรพรรดินีเป็นคนโลภมาก แต่นี่มันช่าง”

โยบาเรสหัวเราะเย้ยยันคล้ายกับต้องการจะบอกว่าช่างน่าทุเรศเสียจริง ในขณะที่เอ่ยพูดต่อ

“ได้ ลองพูดมาสิ”

“ได้โปรดอนุญาตให้กองกำลังอัศวินส่วนพระองค์เข้าตรวจสอบร้านค้าเพลเลส และจับกุมตัวเครย์ลีบัน เพลเลส เจ้าของร้านค้าในวันนี้ด้วยเพคะ ฝ่าบาท”

“ร้านค้าเพลเลส”

คราวนี้นัยน์ตาทั้งสองข้างของโยบาเนสถึงกับเบิกกว้าง เพราะนามที่ไม่คาดคิดกลับดังขึ้นมาในบทสนทนาของพวกเขาเสียได้

“เรื่องใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย”

หากเป็นผู้ที่เหยียบเท้าอาศัยอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้ละก็ ย่อมไม่มีผู้ใดไม่รู้จักร้านค้าเพลเลสกับเครย์ลีบัน เพลเลส อย่างแน่นอน

กลุ่มการค้าที่เพิ่งเปิดตัวขึ้นเมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อนพร้อมกับเปลวไฟที่ลุกโชน ตอนนี้เติบโตอย่างยิ่งใหญ่จนกลายเป็นรากฐานหนึ่งของอาณาจักรไปแล้ว

โดยเฉพาะการค้าแถบตะวันออก ร้านค้าเพลเลสเรียกได้ว่าแทบจะผูกขาดเอาไว้เลยทีเดียว

ขนาดที่ว่าถ้าใครต้องการขายสินค้าให้กับตะวันออกแล้วละก็ พวกเขาจำเป็นต้องขายผ่านร้านค้าเพลเลสเท่านั้นถึงจะทำการค้าขายได้รอด

“เหตุผลใดกัน”

“เพราะขั้นตอนการสืบสวนเรื่องการลอบสังหารกินเวลาล่าช้าเกินไป หม่อมฉันจึงได้ลงมือสืบหาเองเพคะ และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ยาต้องสงสัยที่เจ้าชายลำดับที่หนึ่งได้รับนั่น อาจจะมาจากร้านค้าเพลเลส”

ราวีนีเอ่ยตอบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยแม้แต่น้อย

“พฤติการณ์ พฤติการณ์แวดล้อมงั้นหรือ…”

พูดง่ายๆ ก็คือ ‘อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ แต่ก็อาจจะไม่ใช่ได้ด้วยเหมือนกัน’

“เป็นภาพที่ไม่แย่เสียเท่าไหร่”

โยบาเนสนึกภาพอัศวินสวมชุดติดตราสัญลักษณ์ราชวงศ์บุกเข้าไปล้อมอยู่รอบร้านค้าเพลเลส แล้วก็แสยะยิ้มด้วยความพอใจ

เขาคิดว่ามันเป็นโอกาสดีที่จะแสดงให้เห็นถึงอำนาจของราชวงศ์ หลังจากเก็บเงียบอยู่เสียนาน

อีกอย่าง ความจริงที่ว่าเครย์ลีบัน เพลเลส เปรียบเสมือนคนของลอมบาร์เดีย ก็เป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจของโยบาเนสด้วยเช่นกัน

“เดิมทีกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ ก็เป็นเหมือนแขนขาของราชวงศ์อยู่แล้วมิใช่หรือ”

จักรพรรดิโยบาเนสเอ่ยพูดกับจักรพรรดินีราวีนี

“ไม่มีเหตุผลใดที่จักรพรรดินีจะเรียกใช้งานกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ไม่ได้อยู่แล้ว”

* * *

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+