เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 179.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 179.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 179.2

“ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ แคทเธอรีน คาอิลรัส!สบายดีมั้ยคะ”

หลังจากงานเลี้ยงมื้อเย็นกับจักรพรรดินีจบลง เธอกับเฟเรสก็มุ่งหน้ากลับมาที่วังโฟอิรัค

“ท่านฟีเรนเทีย”

เพราะแคทเธอรีนมักจะกลับมาที่คฤหาสน์ทุกปีเวลาจัดงานพบปะนักเรียนทุนลอมบาร์เดีย พวกเราเลยได้พบหน้าค่าตากันอยู่บ้าง

ส่วนคาอิลรัสนั้น ครั้งสุดท้ายที่ได้สนทนากันแค่ครู่เดียวก็เมื่อตอนที่เขามาร่วมงานพร้อมคนอื่นๆ ในตระกูลเฮย์ลิ่งตอนงานวันเกิดของท่านปู่เมื่อครั้งก่อนโน้น

พวกเรายืนสนทนากันได้เพียงครู่เดียวเฟเรสก็เดินเข้ามาสั่งการทั้งสองคน

“ไปเตรียมขนมหวานที่มีช็อกโกแลตกับชาอุ่นๆ มาด้วย”

“เพคะ/พ่ะย่ะค่ะ เจ้าชาย”

แคทเธอรีนกับคาอิลรัสลอบสังเกตสีหน้าเฟเรส ก่อนจะปลีกตัวเดินออกไปด้านนอก

“เทีย”

“อื้อ?”

“นั่งพักก่อนเถอะ”

“อา…”

เป็นเรื่องแปลกชอบกล

พอเฟเรสพูดแบบนั้น จู่ๆ ความเหนื่อยล้าก็พลันถาโถมเข้าใส่เธอทันที

ดูเหมือนเธอเองก็เครียดกับงานเลี้ยงมื้อเย็นกับจักรพรรดินีโดยไม่รู้ตัวเหมือนกันสินะ

เธอทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างแรงจนเกิดเสียงดังตุบ

“ขอบใจนะ เฟเรส”

และนอนราบทิ้งตัวเอนไปบนโซฟาอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงมันทั้งแบบนั้นราวกับจะสลบไสล

“เทีย!”

เฟเรสที่กำลังปลดกระดุมคอเสื้อออกด้วยความอึดอัดถึงกับรีบวิ่งเข้ามาหาเธอด้วยความตกใจ

นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นเบิกกว้าง ใบหน้าคมกระตุกเกร็ง

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ดูหน้าเจ้าตอนนี้สิ เฟเรส!”

“เฮ้อ เทีย…”

“ล้อเล่นน่า แค่ล้อเล่นเอง!คิดว่าข้าจะสลบไปเพราะเรื่องแค่นี้หรือไง เจ้ามองข้าอ่อนแอเกินไปแล้วมั้ยเฟเรส”

พอเห็นเธอระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น เฟเรสก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นลูบหน้าอีกครั้ง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนพื้นข้างโซฟาที่เธอนอนอยู่

พวกเราไม่ได้พูดคุยอะไรกันอยู่พักใหญ่

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจเลยแม้แต่น้อย

เวลาแบบนี้กลับยิ่งรู้สึกสบายใจมากกว่าด้วยซ้ำ

เพราะเฟเรสเป็นหนึ่งในคนจำนวนไม่กี่คนที่เธอรู้สึกสบายใจว่า ‘ทำแบบนี้ก็ได้’ เวลาอยู่ด้วยกัน

ไม่นานหลังจากนั้น เฟเรสก็เอ่ยถามเธอเสียงแหบห้าว

“แบบนี้จะไม่เป็นอะไรเหรอ”

“อะไร”

“ที่จะให้จักรพรรดินียืมเงินจากร้านค้าเพลเลส”

“อา เรื่องนั้น”

เธอชูแขนขึ้นบิดขี้เกียจ แล้วเอ่ยตอบเขา

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่คิดที่จะให้นางยืมเงินจริงๆ อยู่แล้ว ทำแบบนั้นจะกลายเป็นไปพังแผนการของเจ้าเข้าน่ะสิ”

เฟเรสไม่ได้ตกใจเลยที่เธอล่วงรู้แผนการที่เขาไม่เคยเล่าให้เธอฟัง แถมปฏิกิริยาของชายหนุ่มยังดูเหมือนจะมั่นใจมากด้วยว่าเธอต้องรู้เรื่องทุกอย่างดีอยู่แล้วแน่

“ร้านค้าเพลเลสจะซื้อเป็นพันธบัตรหุ้นกู้ในจำนวนเงินทุนที่ทางจักรพรรดินีติดหนี้สินลอมบาร์เดียแทน ดังนั้นอังเกนัสจะไม่ติดหนี้ลอมบาร์เดีย แต่ติดหนี้ร้านค้าเพลเลสแทนยังไงล่ะ โดยที่ไม่จำเป็นต้องชำระหนี้ทันทีในตอนนี้”

“พันธบัตรหุ้นกู้งั้นหรือ”

“ถ้าทำแบบนั้น เวลาที่เจ้าลงมือ ข้าก็จะช่วยเป็นกำลังเสริมให้เจ้าได้ไง เฟเรส”

เฟเรสเบือนหน้าหันมาทางเธอ

แต่มันใกล้กว่าที่คิดมากเลย

ระยะห่างระหว่างใบหน้าของเธอที่กำลังนอนอยู่บนโซฟากับใบหน้าของเฟเรสน่ะ

“อะแฮ่ม”

เธอจงใจส่งเสียงกระแอมไอเสียงดัง แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร ก่อนจะทุบไหล่เฟเรสเบาๆ

“แล้วก็เจ้าน่ะ ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองขนาดนั้นหรอกนะ”

“ฝืน?”

“เมื่อกี้ต่อหน้าจักรพรรดินี…ที่เจ้าจับมือข้าน่ะ ต่อให้นางสงสัยแล้วจะทำอะไรได้ ไม่ใช่หรือไง”

เธอหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ แต่เฟเรสไม่ใช่

เขาเพียงแค่มองหน้าเธอด้วยใบหน้านิ่งขรึมเท่านั้น

“หัวเราะด้วยกันหน่อยสิ”

เธอบ่นหงุงหงิง แต่กระทั่งคราวนี้เองเฟเรสก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรอยู่ดี

“เฮ้อ”

เธอถอนหายใจเสียงแผ่ว เก็บเสียงหัวเราะกลืนกลับลงคอ แล้วเอ่ยพูดต่อ

“เฟเรส เจ้ายังไม่ลืมใช่มั้ย ว่าพวกเราแค่หมั้นกันตามสัญญาเฉยๆ น่ะ”

เฟเรสกับเธอไม่มีทางพัฒนาความสัมพันธ์ไปได้เกินกว่านั้น

ไม่สิ จะเป็นแบบนั้นไม่ได้ต่างหากล่ะ

นัยน์ตาสีแดงของเฟเรสยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเธอโดยไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

แปลบ

หัวใจบีบรัดจนรู้สึกเจ็บแปลบไปหมด

“เฟเรส”

เด็กหนุ่มถ่ายทอดความรู้สึกในใจของเขาออกมาให้เธอได้เห็นตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

แต่เธอไม่อาจตอบรับความรู้สึกของเขาได้

จะข้ามเส้นบางๆ ที่ขวางกั้นระหว่างพวกเราไปไม่ได้เด็ดขาด

เพราะความรู้สึกของเฟเรสที่แค่ได้นั่งมองหน้ากันอยู่อย่างนี้ก็สามารถรับรู้ได้ในทันทีนั่น เธอไม่อาจตอบแทนเขาให้มันจบลงอย่างแฮ็ปปี้เอนดิ้งได้เลย

เพราะว่า

“เทีย”

เฟเรสเอ่ยเรียกชื่อเธอพลางเขยิบเข้ามาใกล้

เงาของเฟเรสพาดผ่านลงเหนือใบหน้าของเธอตามจังหวะขยับกายของเขา

ใช่แล้ว ตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่นี่นา

เธอนอนนิ่งตัวแข็งทื่อเงยหน้าขึ้นมองเฟเรสที่โน้มกายครึ่งหนึ่งคร่อมอยู่เหนือร่างของเธอ

“เทีย”

เสียงของเฟเรสที่ดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ มันช่างเหมือนกับช็อกโกแลตเหลือเกิน

ลึกซึ้ง หอมหวาน และมืดมน

นัยน์ตาของพวกเรามองสบประสานกัน มือของเฟเรสค่อยๆ ขยับอย่างเชื่องช้า

ราวกับจะบอกว่า ถ้าจะหลบก็หลบเสียตั้งแต่ตอนนี้

ฝ่ามือใหญ่วางทาบทับอยู่ใต้ไหปลาร้า บริเวณที่หัวใจกำลังเต้นเสียงดังตุบๆ อย่างอ่อนโยน

ในวินาทีนั้นเอง เธอถึงตระหนักขึ้นมาได้

ว่าหัวใจของเธอกำลังเต้นโครมครามส่งเสียงดังกระหน่ำแค่ไหน

เฟเรสแย้มรอยยิ้มเข้มยามสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเบาๆ จากกระดูกบริเวณหน้าอกใต้ผิวเนื้ออ่อน ชายหนุ่มเอ่ยพูดเสียงทุ้ม

“คนที่ฝืนดูเหมือนจะเป็นเจ้ามากกว่า”

หัวใจของเธอเริ่มเต้นเป็นจังหวะเร็วยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับเสียงนั่น

พอเห็นเธอเป็นแบบนั้น เฟเรสก็เขยิบเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม แล้วกระซิบเสียงแผ่วจั๊กจี้ข้างใบหู

“ไม่ต้องอดกลั้นเอาไว้ก็ได้ เทีย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 179.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 179.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 179.2

“ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ แคทเธอรีน คาอิลรัส!สบายดีมั้ยคะ”

หลังจากงานเลี้ยงมื้อเย็นกับจักรพรรดินีจบลง เธอกับเฟเรสก็มุ่งหน้ากลับมาที่วังโฟอิรัค

“ท่านฟีเรนเทีย”

เพราะแคทเธอรีนมักจะกลับมาที่คฤหาสน์ทุกปีเวลาจัดงานพบปะนักเรียนทุนลอมบาร์เดีย พวกเราเลยได้พบหน้าค่าตากันอยู่บ้าง

ส่วนคาอิลรัสนั้น ครั้งสุดท้ายที่ได้สนทนากันแค่ครู่เดียวก็เมื่อตอนที่เขามาร่วมงานพร้อมคนอื่นๆ ในตระกูลเฮย์ลิ่งตอนงานวันเกิดของท่านปู่เมื่อครั้งก่อนโน้น

พวกเรายืนสนทนากันได้เพียงครู่เดียวเฟเรสก็เดินเข้ามาสั่งการทั้งสองคน

“ไปเตรียมขนมหวานที่มีช็อกโกแลตกับชาอุ่นๆ มาด้วย”

“เพคะ/พ่ะย่ะค่ะ เจ้าชาย”

แคทเธอรีนกับคาอิลรัสลอบสังเกตสีหน้าเฟเรส ก่อนจะปลีกตัวเดินออกไปด้านนอก

“เทีย”

“อื้อ?”

“นั่งพักก่อนเถอะ”

“อา…”

เป็นเรื่องแปลกชอบกล

พอเฟเรสพูดแบบนั้น จู่ๆ ความเหนื่อยล้าก็พลันถาโถมเข้าใส่เธอทันที

ดูเหมือนเธอเองก็เครียดกับงานเลี้ยงมื้อเย็นกับจักรพรรดินีโดยไม่รู้ตัวเหมือนกันสินะ

เธอทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างแรงจนเกิดเสียงดังตุบ

“ขอบใจนะ เฟเรส”

และนอนราบทิ้งตัวเอนไปบนโซฟาอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงมันทั้งแบบนั้นราวกับจะสลบไสล

“เทีย!”

เฟเรสที่กำลังปลดกระดุมคอเสื้อออกด้วยความอึดอัดถึงกับรีบวิ่งเข้ามาหาเธอด้วยความตกใจ

นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นเบิกกว้าง ใบหน้าคมกระตุกเกร็ง

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ดูหน้าเจ้าตอนนี้สิ เฟเรส!”

“เฮ้อ เทีย…”

“ล้อเล่นน่า แค่ล้อเล่นเอง!คิดว่าข้าจะสลบไปเพราะเรื่องแค่นี้หรือไง เจ้ามองข้าอ่อนแอเกินไปแล้วมั้ยเฟเรส”

พอเห็นเธอระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น เฟเรสก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นลูบหน้าอีกครั้ง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนพื้นข้างโซฟาที่เธอนอนอยู่

พวกเราไม่ได้พูดคุยอะไรกันอยู่พักใหญ่

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจเลยแม้แต่น้อย

เวลาแบบนี้กลับยิ่งรู้สึกสบายใจมากกว่าด้วยซ้ำ

เพราะเฟเรสเป็นหนึ่งในคนจำนวนไม่กี่คนที่เธอรู้สึกสบายใจว่า ‘ทำแบบนี้ก็ได้’ เวลาอยู่ด้วยกัน

ไม่นานหลังจากนั้น เฟเรสก็เอ่ยถามเธอเสียงแหบห้าว

“แบบนี้จะไม่เป็นอะไรเหรอ”

“อะไร”

“ที่จะให้จักรพรรดินียืมเงินจากร้านค้าเพลเลส”

“อา เรื่องนั้น”

เธอชูแขนขึ้นบิดขี้เกียจ แล้วเอ่ยตอบเขา

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่คิดที่จะให้นางยืมเงินจริงๆ อยู่แล้ว ทำแบบนั้นจะกลายเป็นไปพังแผนการของเจ้าเข้าน่ะสิ”

เฟเรสไม่ได้ตกใจเลยที่เธอล่วงรู้แผนการที่เขาไม่เคยเล่าให้เธอฟัง แถมปฏิกิริยาของชายหนุ่มยังดูเหมือนจะมั่นใจมากด้วยว่าเธอต้องรู้เรื่องทุกอย่างดีอยู่แล้วแน่

“ร้านค้าเพลเลสจะซื้อเป็นพันธบัตรหุ้นกู้ในจำนวนเงินทุนที่ทางจักรพรรดินีติดหนี้สินลอมบาร์เดียแทน ดังนั้นอังเกนัสจะไม่ติดหนี้ลอมบาร์เดีย แต่ติดหนี้ร้านค้าเพลเลสแทนยังไงล่ะ โดยที่ไม่จำเป็นต้องชำระหนี้ทันทีในตอนนี้”

“พันธบัตรหุ้นกู้งั้นหรือ”

“ถ้าทำแบบนั้น เวลาที่เจ้าลงมือ ข้าก็จะช่วยเป็นกำลังเสริมให้เจ้าได้ไง เฟเรส”

เฟเรสเบือนหน้าหันมาทางเธอ

แต่มันใกล้กว่าที่คิดมากเลย

ระยะห่างระหว่างใบหน้าของเธอที่กำลังนอนอยู่บนโซฟากับใบหน้าของเฟเรสน่ะ

“อะแฮ่ม”

เธอจงใจส่งเสียงกระแอมไอเสียงดัง แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร ก่อนจะทุบไหล่เฟเรสเบาๆ

“แล้วก็เจ้าน่ะ ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองขนาดนั้นหรอกนะ”

“ฝืน?”

“เมื่อกี้ต่อหน้าจักรพรรดินี…ที่เจ้าจับมือข้าน่ะ ต่อให้นางสงสัยแล้วจะทำอะไรได้ ไม่ใช่หรือไง”

เธอหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ แต่เฟเรสไม่ใช่

เขาเพียงแค่มองหน้าเธอด้วยใบหน้านิ่งขรึมเท่านั้น

“หัวเราะด้วยกันหน่อยสิ”

เธอบ่นหงุงหงิง แต่กระทั่งคราวนี้เองเฟเรสก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรอยู่ดี

“เฮ้อ”

เธอถอนหายใจเสียงแผ่ว เก็บเสียงหัวเราะกลืนกลับลงคอ แล้วเอ่ยพูดต่อ

“เฟเรส เจ้ายังไม่ลืมใช่มั้ย ว่าพวกเราแค่หมั้นกันตามสัญญาเฉยๆ น่ะ”

เฟเรสกับเธอไม่มีทางพัฒนาความสัมพันธ์ไปได้เกินกว่านั้น

ไม่สิ จะเป็นแบบนั้นไม่ได้ต่างหากล่ะ

นัยน์ตาสีแดงของเฟเรสยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเธอโดยไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

แปลบ

หัวใจบีบรัดจนรู้สึกเจ็บแปลบไปหมด

“เฟเรส”

เด็กหนุ่มถ่ายทอดความรู้สึกในใจของเขาออกมาให้เธอได้เห็นตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

แต่เธอไม่อาจตอบรับความรู้สึกของเขาได้

จะข้ามเส้นบางๆ ที่ขวางกั้นระหว่างพวกเราไปไม่ได้เด็ดขาด

เพราะความรู้สึกของเฟเรสที่แค่ได้นั่งมองหน้ากันอยู่อย่างนี้ก็สามารถรับรู้ได้ในทันทีนั่น เธอไม่อาจตอบแทนเขาให้มันจบลงอย่างแฮ็ปปี้เอนดิ้งได้เลย

เพราะว่า

“เทีย”

เฟเรสเอ่ยเรียกชื่อเธอพลางเขยิบเข้ามาใกล้

เงาของเฟเรสพาดผ่านลงเหนือใบหน้าของเธอตามจังหวะขยับกายของเขา

ใช่แล้ว ตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่นี่นา

เธอนอนนิ่งตัวแข็งทื่อเงยหน้าขึ้นมองเฟเรสที่โน้มกายครึ่งหนึ่งคร่อมอยู่เหนือร่างของเธอ

“เทีย”

เสียงของเฟเรสที่ดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ มันช่างเหมือนกับช็อกโกแลตเหลือเกิน

ลึกซึ้ง หอมหวาน และมืดมน

นัยน์ตาของพวกเรามองสบประสานกัน มือของเฟเรสค่อยๆ ขยับอย่างเชื่องช้า

ราวกับจะบอกว่า ถ้าจะหลบก็หลบเสียตั้งแต่ตอนนี้

ฝ่ามือใหญ่วางทาบทับอยู่ใต้ไหปลาร้า บริเวณที่หัวใจกำลังเต้นเสียงดังตุบๆ อย่างอ่อนโยน

ในวินาทีนั้นเอง เธอถึงตระหนักขึ้นมาได้

ว่าหัวใจของเธอกำลังเต้นโครมครามส่งเสียงดังกระหน่ำแค่ไหน

เฟเรสแย้มรอยยิ้มเข้มยามสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเบาๆ จากกระดูกบริเวณหน้าอกใต้ผิวเนื้ออ่อน ชายหนุ่มเอ่ยพูดเสียงทุ้ม

“คนที่ฝืนดูเหมือนจะเป็นเจ้ามากกว่า”

หัวใจของเธอเริ่มเต้นเป็นจังหวะเร็วยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับเสียงนั่น

พอเห็นเธอเป็นแบบนั้น เฟเรสก็เขยิบเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม แล้วกระซิบเสียงแผ่วจั๊กจี้ข้างใบหู

“ไม่ต้องอดกลั้นเอาไว้ก็ได้ เทีย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 179.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 179.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 179.2

“ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ แคทเธอรีน คาอิลรัส!สบายดีมั้ยคะ”

หลังจากงานเลี้ยงมื้อเย็นกับจักรพรรดินีจบลง เธอกับเฟเรสก็มุ่งหน้ากลับมาที่วังโฟอิรัค

“ท่านฟีเรนเทีย”

เพราะแคทเธอรีนมักจะกลับมาที่คฤหาสน์ทุกปีเวลาจัดงานพบปะนักเรียนทุนลอมบาร์เดีย พวกเราเลยได้พบหน้าค่าตากันอยู่บ้าง

ส่วนคาอิลรัสนั้น ครั้งสุดท้ายที่ได้สนทนากันแค่ครู่เดียวก็เมื่อตอนที่เขามาร่วมงานพร้อมคนอื่นๆ ในตระกูลเฮย์ลิ่งตอนงานวันเกิดของท่านปู่เมื่อครั้งก่อนโน้น

พวกเรายืนสนทนากันได้เพียงครู่เดียวเฟเรสก็เดินเข้ามาสั่งการทั้งสองคน

“ไปเตรียมขนมหวานที่มีช็อกโกแลตกับชาอุ่นๆ มาด้วย”

“เพคะ/พ่ะย่ะค่ะ เจ้าชาย”

แคทเธอรีนกับคาอิลรัสลอบสังเกตสีหน้าเฟเรส ก่อนจะปลีกตัวเดินออกไปด้านนอก

“เทีย”

“อื้อ?”

“นั่งพักก่อนเถอะ”

“อา…”

เป็นเรื่องแปลกชอบกล

พอเฟเรสพูดแบบนั้น จู่ๆ ความเหนื่อยล้าก็พลันถาโถมเข้าใส่เธอทันที

ดูเหมือนเธอเองก็เครียดกับงานเลี้ยงมื้อเย็นกับจักรพรรดินีโดยไม่รู้ตัวเหมือนกันสินะ

เธอทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างแรงจนเกิดเสียงดังตุบ

“ขอบใจนะ เฟเรส”

และนอนราบทิ้งตัวเอนไปบนโซฟาอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงมันทั้งแบบนั้นราวกับจะสลบไสล

“เทีย!”

เฟเรสที่กำลังปลดกระดุมคอเสื้อออกด้วยความอึดอัดถึงกับรีบวิ่งเข้ามาหาเธอด้วยความตกใจ

นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นเบิกกว้าง ใบหน้าคมกระตุกเกร็ง

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ดูหน้าเจ้าตอนนี้สิ เฟเรส!”

“เฮ้อ เทีย…”

“ล้อเล่นน่า แค่ล้อเล่นเอง!คิดว่าข้าจะสลบไปเพราะเรื่องแค่นี้หรือไง เจ้ามองข้าอ่อนแอเกินไปแล้วมั้ยเฟเรส”

พอเห็นเธอระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น เฟเรสก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นลูบหน้าอีกครั้ง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนพื้นข้างโซฟาที่เธอนอนอยู่

พวกเราไม่ได้พูดคุยอะไรกันอยู่พักใหญ่

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจเลยแม้แต่น้อย

เวลาแบบนี้กลับยิ่งรู้สึกสบายใจมากกว่าด้วยซ้ำ

เพราะเฟเรสเป็นหนึ่งในคนจำนวนไม่กี่คนที่เธอรู้สึกสบายใจว่า ‘ทำแบบนี้ก็ได้’ เวลาอยู่ด้วยกัน

ไม่นานหลังจากนั้น เฟเรสก็เอ่ยถามเธอเสียงแหบห้าว

“แบบนี้จะไม่เป็นอะไรเหรอ”

“อะไร”

“ที่จะให้จักรพรรดินียืมเงินจากร้านค้าเพลเลส”

“อา เรื่องนั้น”

เธอชูแขนขึ้นบิดขี้เกียจ แล้วเอ่ยตอบเขา

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่คิดที่จะให้นางยืมเงินจริงๆ อยู่แล้ว ทำแบบนั้นจะกลายเป็นไปพังแผนการของเจ้าเข้าน่ะสิ”

เฟเรสไม่ได้ตกใจเลยที่เธอล่วงรู้แผนการที่เขาไม่เคยเล่าให้เธอฟัง แถมปฏิกิริยาของชายหนุ่มยังดูเหมือนจะมั่นใจมากด้วยว่าเธอต้องรู้เรื่องทุกอย่างดีอยู่แล้วแน่

“ร้านค้าเพลเลสจะซื้อเป็นพันธบัตรหุ้นกู้ในจำนวนเงินทุนที่ทางจักรพรรดินีติดหนี้สินลอมบาร์เดียแทน ดังนั้นอังเกนัสจะไม่ติดหนี้ลอมบาร์เดีย แต่ติดหนี้ร้านค้าเพลเลสแทนยังไงล่ะ โดยที่ไม่จำเป็นต้องชำระหนี้ทันทีในตอนนี้”

“พันธบัตรหุ้นกู้งั้นหรือ”

“ถ้าทำแบบนั้น เวลาที่เจ้าลงมือ ข้าก็จะช่วยเป็นกำลังเสริมให้เจ้าได้ไง เฟเรส”

เฟเรสเบือนหน้าหันมาทางเธอ

แต่มันใกล้กว่าที่คิดมากเลย

ระยะห่างระหว่างใบหน้าของเธอที่กำลังนอนอยู่บนโซฟากับใบหน้าของเฟเรสน่ะ

“อะแฮ่ม”

เธอจงใจส่งเสียงกระแอมไอเสียงดัง แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร ก่อนจะทุบไหล่เฟเรสเบาๆ

“แล้วก็เจ้าน่ะ ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองขนาดนั้นหรอกนะ”

“ฝืน?”

“เมื่อกี้ต่อหน้าจักรพรรดินี…ที่เจ้าจับมือข้าน่ะ ต่อให้นางสงสัยแล้วจะทำอะไรได้ ไม่ใช่หรือไง”

เธอหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ แต่เฟเรสไม่ใช่

เขาเพียงแค่มองหน้าเธอด้วยใบหน้านิ่งขรึมเท่านั้น

“หัวเราะด้วยกันหน่อยสิ”

เธอบ่นหงุงหงิง แต่กระทั่งคราวนี้เองเฟเรสก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรอยู่ดี

“เฮ้อ”

เธอถอนหายใจเสียงแผ่ว เก็บเสียงหัวเราะกลืนกลับลงคอ แล้วเอ่ยพูดต่อ

“เฟเรส เจ้ายังไม่ลืมใช่มั้ย ว่าพวกเราแค่หมั้นกันตามสัญญาเฉยๆ น่ะ”

เฟเรสกับเธอไม่มีทางพัฒนาความสัมพันธ์ไปได้เกินกว่านั้น

ไม่สิ จะเป็นแบบนั้นไม่ได้ต่างหากล่ะ

นัยน์ตาสีแดงของเฟเรสยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเธอโดยไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

แปลบ

หัวใจบีบรัดจนรู้สึกเจ็บแปลบไปหมด

“เฟเรส”

เด็กหนุ่มถ่ายทอดความรู้สึกในใจของเขาออกมาให้เธอได้เห็นตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

แต่เธอไม่อาจตอบรับความรู้สึกของเขาได้

จะข้ามเส้นบางๆ ที่ขวางกั้นระหว่างพวกเราไปไม่ได้เด็ดขาด

เพราะความรู้สึกของเฟเรสที่แค่ได้นั่งมองหน้ากันอยู่อย่างนี้ก็สามารถรับรู้ได้ในทันทีนั่น เธอไม่อาจตอบแทนเขาให้มันจบลงอย่างแฮ็ปปี้เอนดิ้งได้เลย

เพราะว่า

“เทีย”

เฟเรสเอ่ยเรียกชื่อเธอพลางเขยิบเข้ามาใกล้

เงาของเฟเรสพาดผ่านลงเหนือใบหน้าของเธอตามจังหวะขยับกายของเขา

ใช่แล้ว ตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่นี่นา

เธอนอนนิ่งตัวแข็งทื่อเงยหน้าขึ้นมองเฟเรสที่โน้มกายครึ่งหนึ่งคร่อมอยู่เหนือร่างของเธอ

“เทีย”

เสียงของเฟเรสที่ดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ มันช่างเหมือนกับช็อกโกแลตเหลือเกิน

ลึกซึ้ง หอมหวาน และมืดมน

นัยน์ตาของพวกเรามองสบประสานกัน มือของเฟเรสค่อยๆ ขยับอย่างเชื่องช้า

ราวกับจะบอกว่า ถ้าจะหลบก็หลบเสียตั้งแต่ตอนนี้

ฝ่ามือใหญ่วางทาบทับอยู่ใต้ไหปลาร้า บริเวณที่หัวใจกำลังเต้นเสียงดังตุบๆ อย่างอ่อนโยน

ในวินาทีนั้นเอง เธอถึงตระหนักขึ้นมาได้

ว่าหัวใจของเธอกำลังเต้นโครมครามส่งเสียงดังกระหน่ำแค่ไหน

เฟเรสแย้มรอยยิ้มเข้มยามสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเบาๆ จากกระดูกบริเวณหน้าอกใต้ผิวเนื้ออ่อน ชายหนุ่มเอ่ยพูดเสียงทุ้ม

“คนที่ฝืนดูเหมือนจะเป็นเจ้ามากกว่า”

หัวใจของเธอเริ่มเต้นเป็นจังหวะเร็วยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับเสียงนั่น

พอเห็นเธอเป็นแบบนั้น เฟเรสก็เขยิบเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม แล้วกระซิบเสียงแผ่วจั๊กจี้ข้างใบหู

“ไม่ต้องอดกลั้นเอาไว้ก็ได้ เทีย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 179.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 179.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 179.2

“ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ แคทเธอรีน คาอิลรัส!สบายดีมั้ยคะ”

หลังจากงานเลี้ยงมื้อเย็นกับจักรพรรดินีจบลง เธอกับเฟเรสก็มุ่งหน้ากลับมาที่วังโฟอิรัค

“ท่านฟีเรนเทีย”

เพราะแคทเธอรีนมักจะกลับมาที่คฤหาสน์ทุกปีเวลาจัดงานพบปะนักเรียนทุนลอมบาร์เดีย พวกเราเลยได้พบหน้าค่าตากันอยู่บ้าง

ส่วนคาอิลรัสนั้น ครั้งสุดท้ายที่ได้สนทนากันแค่ครู่เดียวก็เมื่อตอนที่เขามาร่วมงานพร้อมคนอื่นๆ ในตระกูลเฮย์ลิ่งตอนงานวันเกิดของท่านปู่เมื่อครั้งก่อนโน้น

พวกเรายืนสนทนากันได้เพียงครู่เดียวเฟเรสก็เดินเข้ามาสั่งการทั้งสองคน

“ไปเตรียมขนมหวานที่มีช็อกโกแลตกับชาอุ่นๆ มาด้วย”

“เพคะ/พ่ะย่ะค่ะ เจ้าชาย”

แคทเธอรีนกับคาอิลรัสลอบสังเกตสีหน้าเฟเรส ก่อนจะปลีกตัวเดินออกไปด้านนอก

“เทีย”

“อื้อ?”

“นั่งพักก่อนเถอะ”

“อา…”

เป็นเรื่องแปลกชอบกล

พอเฟเรสพูดแบบนั้น จู่ๆ ความเหนื่อยล้าก็พลันถาโถมเข้าใส่เธอทันที

ดูเหมือนเธอเองก็เครียดกับงานเลี้ยงมื้อเย็นกับจักรพรรดินีโดยไม่รู้ตัวเหมือนกันสินะ

เธอทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างแรงจนเกิดเสียงดังตุบ

“ขอบใจนะ เฟเรส”

และนอนราบทิ้งตัวเอนไปบนโซฟาอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงมันทั้งแบบนั้นราวกับจะสลบไสล

“เทีย!”

เฟเรสที่กำลังปลดกระดุมคอเสื้อออกด้วยความอึดอัดถึงกับรีบวิ่งเข้ามาหาเธอด้วยความตกใจ

นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นเบิกกว้าง ใบหน้าคมกระตุกเกร็ง

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ดูหน้าเจ้าตอนนี้สิ เฟเรส!”

“เฮ้อ เทีย…”

“ล้อเล่นน่า แค่ล้อเล่นเอง!คิดว่าข้าจะสลบไปเพราะเรื่องแค่นี้หรือไง เจ้ามองข้าอ่อนแอเกินไปแล้วมั้ยเฟเรส”

พอเห็นเธอระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น เฟเรสก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นลูบหน้าอีกครั้ง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนพื้นข้างโซฟาที่เธอนอนอยู่

พวกเราไม่ได้พูดคุยอะไรกันอยู่พักใหญ่

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจเลยแม้แต่น้อย

เวลาแบบนี้กลับยิ่งรู้สึกสบายใจมากกว่าด้วยซ้ำ

เพราะเฟเรสเป็นหนึ่งในคนจำนวนไม่กี่คนที่เธอรู้สึกสบายใจว่า ‘ทำแบบนี้ก็ได้’ เวลาอยู่ด้วยกัน

ไม่นานหลังจากนั้น เฟเรสก็เอ่ยถามเธอเสียงแหบห้าว

“แบบนี้จะไม่เป็นอะไรเหรอ”

“อะไร”

“ที่จะให้จักรพรรดินียืมเงินจากร้านค้าเพลเลส”

“อา เรื่องนั้น”

เธอชูแขนขึ้นบิดขี้เกียจ แล้วเอ่ยตอบเขา

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่คิดที่จะให้นางยืมเงินจริงๆ อยู่แล้ว ทำแบบนั้นจะกลายเป็นไปพังแผนการของเจ้าเข้าน่ะสิ”

เฟเรสไม่ได้ตกใจเลยที่เธอล่วงรู้แผนการที่เขาไม่เคยเล่าให้เธอฟัง แถมปฏิกิริยาของชายหนุ่มยังดูเหมือนจะมั่นใจมากด้วยว่าเธอต้องรู้เรื่องทุกอย่างดีอยู่แล้วแน่

“ร้านค้าเพลเลสจะซื้อเป็นพันธบัตรหุ้นกู้ในจำนวนเงินทุนที่ทางจักรพรรดินีติดหนี้สินลอมบาร์เดียแทน ดังนั้นอังเกนัสจะไม่ติดหนี้ลอมบาร์เดีย แต่ติดหนี้ร้านค้าเพลเลสแทนยังไงล่ะ โดยที่ไม่จำเป็นต้องชำระหนี้ทันทีในตอนนี้”

“พันธบัตรหุ้นกู้งั้นหรือ”

“ถ้าทำแบบนั้น เวลาที่เจ้าลงมือ ข้าก็จะช่วยเป็นกำลังเสริมให้เจ้าได้ไง เฟเรส”

เฟเรสเบือนหน้าหันมาทางเธอ

แต่มันใกล้กว่าที่คิดมากเลย

ระยะห่างระหว่างใบหน้าของเธอที่กำลังนอนอยู่บนโซฟากับใบหน้าของเฟเรสน่ะ

“อะแฮ่ม”

เธอจงใจส่งเสียงกระแอมไอเสียงดัง แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร ก่อนจะทุบไหล่เฟเรสเบาๆ

“แล้วก็เจ้าน่ะ ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองขนาดนั้นหรอกนะ”

“ฝืน?”

“เมื่อกี้ต่อหน้าจักรพรรดินี…ที่เจ้าจับมือข้าน่ะ ต่อให้นางสงสัยแล้วจะทำอะไรได้ ไม่ใช่หรือไง”

เธอหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ แต่เฟเรสไม่ใช่

เขาเพียงแค่มองหน้าเธอด้วยใบหน้านิ่งขรึมเท่านั้น

“หัวเราะด้วยกันหน่อยสิ”

เธอบ่นหงุงหงิง แต่กระทั่งคราวนี้เองเฟเรสก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรอยู่ดี

“เฮ้อ”

เธอถอนหายใจเสียงแผ่ว เก็บเสียงหัวเราะกลืนกลับลงคอ แล้วเอ่ยพูดต่อ

“เฟเรส เจ้ายังไม่ลืมใช่มั้ย ว่าพวกเราแค่หมั้นกันตามสัญญาเฉยๆ น่ะ”

เฟเรสกับเธอไม่มีทางพัฒนาความสัมพันธ์ไปได้เกินกว่านั้น

ไม่สิ จะเป็นแบบนั้นไม่ได้ต่างหากล่ะ

นัยน์ตาสีแดงของเฟเรสยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเธอโดยไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

แปลบ

หัวใจบีบรัดจนรู้สึกเจ็บแปลบไปหมด

“เฟเรส”

เด็กหนุ่มถ่ายทอดความรู้สึกในใจของเขาออกมาให้เธอได้เห็นตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

แต่เธอไม่อาจตอบรับความรู้สึกของเขาได้

จะข้ามเส้นบางๆ ที่ขวางกั้นระหว่างพวกเราไปไม่ได้เด็ดขาด

เพราะความรู้สึกของเฟเรสที่แค่ได้นั่งมองหน้ากันอยู่อย่างนี้ก็สามารถรับรู้ได้ในทันทีนั่น เธอไม่อาจตอบแทนเขาให้มันจบลงอย่างแฮ็ปปี้เอนดิ้งได้เลย

เพราะว่า

“เทีย”

เฟเรสเอ่ยเรียกชื่อเธอพลางเขยิบเข้ามาใกล้

เงาของเฟเรสพาดผ่านลงเหนือใบหน้าของเธอตามจังหวะขยับกายของเขา

ใช่แล้ว ตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่นี่นา

เธอนอนนิ่งตัวแข็งทื่อเงยหน้าขึ้นมองเฟเรสที่โน้มกายครึ่งหนึ่งคร่อมอยู่เหนือร่างของเธอ

“เทีย”

เสียงของเฟเรสที่ดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ มันช่างเหมือนกับช็อกโกแลตเหลือเกิน

ลึกซึ้ง หอมหวาน และมืดมน

นัยน์ตาของพวกเรามองสบประสานกัน มือของเฟเรสค่อยๆ ขยับอย่างเชื่องช้า

ราวกับจะบอกว่า ถ้าจะหลบก็หลบเสียตั้งแต่ตอนนี้

ฝ่ามือใหญ่วางทาบทับอยู่ใต้ไหปลาร้า บริเวณที่หัวใจกำลังเต้นเสียงดังตุบๆ อย่างอ่อนโยน

ในวินาทีนั้นเอง เธอถึงตระหนักขึ้นมาได้

ว่าหัวใจของเธอกำลังเต้นโครมครามส่งเสียงดังกระหน่ำแค่ไหน

เฟเรสแย้มรอยยิ้มเข้มยามสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเบาๆ จากกระดูกบริเวณหน้าอกใต้ผิวเนื้ออ่อน ชายหนุ่มเอ่ยพูดเสียงทุ้ม

“คนที่ฝืนดูเหมือนจะเป็นเจ้ามากกว่า”

หัวใจของเธอเริ่มเต้นเป็นจังหวะเร็วยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับเสียงนั่น

พอเห็นเธอเป็นแบบนั้น เฟเรสก็เขยิบเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม แล้วกระซิบเสียงแผ่วจั๊กจี้ข้างใบหู

“ไม่ต้องอดกลั้นเอาไว้ก็ได้ เทีย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+