เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 239.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 239.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 239.2

กระทั่งเครย์ลีบันผู้แสนเย็นชา ในวินาทีนี้ก็ยังยากจะเก็บซ่อนความรู้สึกซับซ้อนเอาไว้ในใจได้

เครย์ลีบันเป็นผลผลิตที่เกิดจากความผิดพลาด ตอนที่ได้รู้ความจริงเรื่องนั้นในวัยเด็ก เขาเองก็เสียศูนย์ไปช่วงหนึ่ง แต่ก็ยอมรับมันได้มานานมากแล้ว

ถึงแม้โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดจะไม่เคยยอมรับเครย์ลีบันอย่างเป็นทางการ แต่อย่างไรก็ยังคอยรับผิดชอบให้การสนับสนุนทางด้านการเงินอยู่เสมอ

เพราะฉะนั้นยิ่งอายุอานามเองก็ปาเข้าไปปูนนี้แล้ว เขาจึงไม่มีความคับแค้นใจอะไรอีก

ไม่สิ ก็แค่คิดเช่นนั้น

“ได้โปรดดูแลกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียด้วยเถอะ”

แต่ดูเหมือนว่าลึกลงไปในใจของเขาที่กลายเป็นชายวัยกลางคนแล้วในปัจจุบัน จะยังมีความรู้สึกบางอย่างเหลือค้างอยู่

ความขมขื่นอันแสนเศร้าที่เอ่อล้นขึ้นมา เมื่อได้เห็นภาพสองพ่อลูกตระกูลดิลลาร์ดยอมก้มศีรษะให้คนอย่างเขา

“ข้าไม่มีความคิดที่จะย้ายตัวเองเข้าตระกูลดิลลาร์ดเอาป่านนี้หรอกนะครับ”

เครย์ลีบันเอ่ยด้วยใบหน้านิ่งขรึม ได้ยินแบบนั้นแล้วโรมาเชียร์ ดิลลาร์ดจึงเอ่ยตอบทันที

“ไม่ได้เรียกร้องขอให้เปลี่ยนมาใช้นามสกุลดิลลาร์ดหรอก ข้าเพียงแค่อยากขอร้องให้เครย์ลีบัน เพลเลสผู้มากความสามารถ ช่วยรับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดียคนถัดไปก็เท่านั้น”

“แต่หากเป็นเช่นนั้น ทางตระกูลดิลลาร์ดจะสูญเสียอำนาจในเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียไปนะครับ”

“ก็คงต้องเป็นแบบนั้น”

โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดยอมรับอย่างง่ายดายราวกับเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้ว

“แต่ยังมีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าตระกูลดิลลาร์ดอยู่”

“…กลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย”

“ใช่แล้ว กลุ่มการค้าลอมบาร์เดียจำเป็นจะต้องมีผู้เหมาะสมขึ้นมาเป็นผู้นำ หากในบรรดาตระกูลดิลลาร์ดไร้ผู้ที่เหมาะสมจะนั่งตำแหน่งนั้นเป็นคนถัดไป ก็มีแต่จะต้องมอบตำแหน่งให้แก่คนที่มีความสามารถเท่านั้น นั่นเป็นหน้าที่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของลอมบาร์เดีย”

ความภักดีอย่างไร้ข้อกังขา ทว่าเครย์ลีบันเองก็เข้าใจความรู้สึกนั้นดี

หากเขาอยู่ในฐานะของโรมาเชียร์ ดิลลาร์ด เขาเองก็คงจะตัดสินใจแบบเดียวกัน

“ถ้าอย่างนั้นข้ามีเงื่อนไขครับ”

“…ว่ามาสิ”

โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดถอนหายใจเสียงแผ่ว พร้อมแล้วที่จะรับฟัง

“หากข้าขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย จะต้องไม่มีการถอนแรงงานคนตระกูลดิลลาร์ดออกไปจากกลุ่มการค้าครับ”

“…ว่ายังไงนะ”

“ทั้งคนของตระกูลดิลลาร์ด ทั้งแรงงานทั้งหลายที่ทำงานรับใช้กลุ่มการค้ามาโดยตลอด จะต้องไม่มีการเลิกทำงานเพราะอึดอัดใจที่จะทำงานกับข้า”

“ระ…เรื่องนั้น…”

ทางตระกูลดิลลาร์ดต่างหากล่ะที่ควรเป็นฝ่ายขอร้องมิใช่หรือไงกัน

“แต่ถ้าอย่างนั้น คุณเครย์ลีบันอาจจะรู้สึกอึดอัดก็ได้นะครับ”

วิลเลียนถามด้วยความตกตะลึง

เครย์ลีบันกล่าวเสียงเย็นชาตอกหน้าวิลเลียน

“หากจู่ๆ คนจากตระกูลดิลลาร์ดถอนตัวออกไปหมด จะต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่ากลุ่มการค้าจะปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงได้ครับ จะปล่อยให้กลุ่มการค้าลอมบาร์เดียต้องตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงเพียงเพื่อแค่ให้ข้าทำงานได้สบายขึ้นไม่ได้”

เขาเองก็มีความจงรักภักดีในลอมบาร์เดียไม่แพ้ใครเหมือนกัน ยิ่งเป็นลอมบาร์เดียที่ในอนาคตจะมีท่านฟีเรนเทียเป็นผู้นำด้วยยิ่งแล้วใหญ่

“ขอบคุณครับ คุณเครย์ลีบัน!”

วิลเลียนมีสีหน้าสดใสขึ้นมากราวกับได้ปลดภาระหนักอึ้งลงจากบ่า เขาโค้งศีรษะลงอีกครั้ง ตะโกนขอบคุณเสียงดัง

“อย่าเพิ่งขอบอกขอบใจกันเลยครับ ข้าเองก็ยังไม่อาจให้คำตอบที่แน่ชัดได้ก่อนจะได้รับคำอนุญาตด้วย”

“อา ถ้าอย่างนั้น…”

เครย์ลีบันตอบเสียงหนักแน่นไปทางวิลเลียนที่ทำหน้าสับสนไม่เข้าใจอีกครั้ง

“ข้ายังต้องได้รับคำอนุญาตจากท่านฟีเรนเทียก่อนมิใช่หรือครับ อย่างไรเจ้านายที่ข้ารับใช้ก็เป็นท่านผู้นั้น”

* * *

“มันเป็นใครคะ”

เธอถามเสียงเย็นเยียบ

“…ครับ?”

“ข้าถามว่าไอ้เวรที่ไหนมาล่อลวงเครย์ลีบันคะ”

โอ๊ย โมโหชะมัด

เธอเผลอหลุดพูดจาหยาบคายออกไปโดยไม่รู้ตัว

กล้ามายุ่งกับเครย์ลีบันของเธองั้นเหรอ!

“ไม่ว่าทางนั้นจะยื่นข้อเสนออะไรมา ข้าจะให้ดีกว่าพวกเขาแน่ค่ะ อย่าไปเลยนะคะ”

ถึงแม้จะพูดจาฟังดูน่ารังเกียจไปบ้างแต่เธอจริงจังมาก ไม่ว่ายังไงก็จะปล่อยให้เครย์ลีบันโดนแย่งตัวไปไม่ได้!

“เดี๋ยว หรือคิดจะแยกตัวคะ”

ถ้าอย่างนั้นจะไปขวางอะไรได้ล่ะ จะเป็นเจ้านายผู้แสนชั่วร้ายที่ขวางอนาคตคนอื่นได้ยังไง

“ถ้าอย่างนั้นก็คงได้แต่บอกว่า ขอให้งานที่อยากทำสำเร็จลุล่วง…”

“อุ๊บ…”

ทั้งๆ ที่เธอกำลังครุ่นคิดใช้หัวสมองอย่างหนักพร้อมสู้รบแท้ๆ แต่ปฏิกิริยาของเครย์ลีบันกลับดูประหลาดชอบกล เขามองใบหน้าจริงจังสุดๆ ของเธอ ก่อนจะเริ่มระเบิดหัวเราะเสียงดัง

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

“เครย์ลีบัน”

“ขะ…ขออภัยครับ…อุ๊บ พอดีท่านเทียทำหน้าตาน่ารักมากเลย…”

เครย์ลีบันซับหยาดน้ำตาที่บริเวณหางตา ก่อนจะพูดต่อ

“หัวหน้ากลุ่มการค้าโรมาเชียร์ ดิลลาร์ดมาเสนอให้ข้ารับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดียต่อจากเขาน่ะครับ”

“หัวหน้ากลุ่มการค้า…อ๊า!”

ใช่แล้ว

ในชีวิตก่อนเครย์ลีบันเองก็รับตำแหน่งต่อจากโรมาเชียร์ ดิลลาร์ด แล้วขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย

หลังจากท่านปู่เสียชีวิตลง เขาถึงได้ถอนตัวออกจากตระกูลลอมบาร์เดีย แล้วก่อตั้งร้านค้าเพลเลสขึ้นมาแทน

เครย์ลีบันคงจะรู้สึกซับซ้อนใจมากแน่

ก็สมควรอยู่หรอก

เขาใช้ชีวิตเรื่อยมาโดยไม่แม้แต่จะได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อตระกูลดิลลาร์ด แต่จู่ๆ กลับกลายเป็นต้องมารับสืบทอดกลุ่มการค้าที่ทางดิลลาร์ดเป็นผู้ดูแลมาโดยตลอดนี่นะ

“ถ้าอย่างนั้นมอบร้านค้าเพลเลสให้ไวโอเล็ตดูแลก็น่าจะได้อยู่นะคะ”

“ข้าก็คิดแบบนั้นครับ ไวโอเล็ตจะต้องทำได้ดีแน่ครับ”

“จากร้านค้าเพลเลสสู่กลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย…แบบนี้เครย์ลีบันก็จะยังเป็นคนของข้าต่อใช่มั้ยคะ”

เครย์ลีบันเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจ แต่เพียงไม่นานก็แย้มรอยยิ้ม พยักหน้าตอบรับคำพูดของเธอ

“ครับ ใช่แล้วละครับ เป็นคนของท่านฟีเรนเทีย”

ใบหน้าของเครย์ลีบันขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อยยามกล่าวประโยคนั้น

“ตอนนี้คงไม่โกรธแล้วใช่มั้ยครับ”

“อื้อ ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ข้าก็นึกว่ามีใครมาแย่งเครย์ลีบันไปเสียอีก”

นึกว่าอายุสั้นลงไปเป็นสิบปีแล้วเนี่ย

“โล่งอกไปทีครับ”

เครย์ลีบันยิ้มกว้าง

เธอเหม่อมองใบหน้ายิ้มแย้มนั่นอยู่ครู่หนึ่ง

เครย์ลีบันในชีวิตก่อนไม่ใช่คนที่จะยิ้มได้แบบนั้น

เขาเป็นคนเคร่งขรึม มีสีหน้าหมองคล้ำอยู่เสมอ ใบหน้ายามยิ้มแย้มเป็นบางคราเองก็ใกล้เคียงกับรอยยิ้มเยาะเย้ยกันเสียมากกว่า

“…โล่งอกจริงๆ ครับที่ได้พบกับท่านฟีเรนเทีย”

ยิ่งไม่ใช่คนที่รู้จักพูดจาแบบนี้แน่

“ข้าเองก็เหมือนกันค่ะ”

ถึงแม้จะนั่งเผชิญหน้ากันอยู่อย่างนี้

แต่เธอกับเครย์ลีบันในตอนนี้ กลายเป็นคนที่แตกต่างจากเมื่อชีวิตก่อนมากขนาดไหนกันนะ

ให้ความรู้สึกที่แปลกพิลึกจัง

เธอส่งยิ้มให้เครย์ลีบัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“ต่อไปก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ เครย์ลีบัน เพลเลส หัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 239.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 239.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 239.2

กระทั่งเครย์ลีบันผู้แสนเย็นชา ในวินาทีนี้ก็ยังยากจะเก็บซ่อนความรู้สึกซับซ้อนเอาไว้ในใจได้

เครย์ลีบันเป็นผลผลิตที่เกิดจากความผิดพลาด ตอนที่ได้รู้ความจริงเรื่องนั้นในวัยเด็ก เขาเองก็เสียศูนย์ไปช่วงหนึ่ง แต่ก็ยอมรับมันได้มานานมากแล้ว

ถึงแม้โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดจะไม่เคยยอมรับเครย์ลีบันอย่างเป็นทางการ แต่อย่างไรก็ยังคอยรับผิดชอบให้การสนับสนุนทางด้านการเงินอยู่เสมอ

เพราะฉะนั้นยิ่งอายุอานามเองก็ปาเข้าไปปูนนี้แล้ว เขาจึงไม่มีความคับแค้นใจอะไรอีก

ไม่สิ ก็แค่คิดเช่นนั้น

“ได้โปรดดูแลกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียด้วยเถอะ”

แต่ดูเหมือนว่าลึกลงไปในใจของเขาที่กลายเป็นชายวัยกลางคนแล้วในปัจจุบัน จะยังมีความรู้สึกบางอย่างเหลือค้างอยู่

ความขมขื่นอันแสนเศร้าที่เอ่อล้นขึ้นมา เมื่อได้เห็นภาพสองพ่อลูกตระกูลดิลลาร์ดยอมก้มศีรษะให้คนอย่างเขา

“ข้าไม่มีความคิดที่จะย้ายตัวเองเข้าตระกูลดิลลาร์ดเอาป่านนี้หรอกนะครับ”

เครย์ลีบันเอ่ยด้วยใบหน้านิ่งขรึม ได้ยินแบบนั้นแล้วโรมาเชียร์ ดิลลาร์ดจึงเอ่ยตอบทันที

“ไม่ได้เรียกร้องขอให้เปลี่ยนมาใช้นามสกุลดิลลาร์ดหรอก ข้าเพียงแค่อยากขอร้องให้เครย์ลีบัน เพลเลสผู้มากความสามารถ ช่วยรับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดียคนถัดไปก็เท่านั้น”

“แต่หากเป็นเช่นนั้น ทางตระกูลดิลลาร์ดจะสูญเสียอำนาจในเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียไปนะครับ”

“ก็คงต้องเป็นแบบนั้น”

โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดยอมรับอย่างง่ายดายราวกับเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้ว

“แต่ยังมีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าตระกูลดิลลาร์ดอยู่”

“…กลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย”

“ใช่แล้ว กลุ่มการค้าลอมบาร์เดียจำเป็นจะต้องมีผู้เหมาะสมขึ้นมาเป็นผู้นำ หากในบรรดาตระกูลดิลลาร์ดไร้ผู้ที่เหมาะสมจะนั่งตำแหน่งนั้นเป็นคนถัดไป ก็มีแต่จะต้องมอบตำแหน่งให้แก่คนที่มีความสามารถเท่านั้น นั่นเป็นหน้าที่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของลอมบาร์เดีย”

ความภักดีอย่างไร้ข้อกังขา ทว่าเครย์ลีบันเองก็เข้าใจความรู้สึกนั้นดี

หากเขาอยู่ในฐานะของโรมาเชียร์ ดิลลาร์ด เขาเองก็คงจะตัดสินใจแบบเดียวกัน

“ถ้าอย่างนั้นข้ามีเงื่อนไขครับ”

“…ว่ามาสิ”

โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดถอนหายใจเสียงแผ่ว พร้อมแล้วที่จะรับฟัง

“หากข้าขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย จะต้องไม่มีการถอนแรงงานคนตระกูลดิลลาร์ดออกไปจากกลุ่มการค้าครับ”

“…ว่ายังไงนะ”

“ทั้งคนของตระกูลดิลลาร์ด ทั้งแรงงานทั้งหลายที่ทำงานรับใช้กลุ่มการค้ามาโดยตลอด จะต้องไม่มีการเลิกทำงานเพราะอึดอัดใจที่จะทำงานกับข้า”

“ระ…เรื่องนั้น…”

ทางตระกูลดิลลาร์ดต่างหากล่ะที่ควรเป็นฝ่ายขอร้องมิใช่หรือไงกัน

“แต่ถ้าอย่างนั้น คุณเครย์ลีบันอาจจะรู้สึกอึดอัดก็ได้นะครับ”

วิลเลียนถามด้วยความตกตะลึง

เครย์ลีบันกล่าวเสียงเย็นชาตอกหน้าวิลเลียน

“หากจู่ๆ คนจากตระกูลดิลลาร์ดถอนตัวออกไปหมด จะต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่ากลุ่มการค้าจะปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงได้ครับ จะปล่อยให้กลุ่มการค้าลอมบาร์เดียต้องตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงเพียงเพื่อแค่ให้ข้าทำงานได้สบายขึ้นไม่ได้”

เขาเองก็มีความจงรักภักดีในลอมบาร์เดียไม่แพ้ใครเหมือนกัน ยิ่งเป็นลอมบาร์เดียที่ในอนาคตจะมีท่านฟีเรนเทียเป็นผู้นำด้วยยิ่งแล้วใหญ่

“ขอบคุณครับ คุณเครย์ลีบัน!”

วิลเลียนมีสีหน้าสดใสขึ้นมากราวกับได้ปลดภาระหนักอึ้งลงจากบ่า เขาโค้งศีรษะลงอีกครั้ง ตะโกนขอบคุณเสียงดัง

“อย่าเพิ่งขอบอกขอบใจกันเลยครับ ข้าเองก็ยังไม่อาจให้คำตอบที่แน่ชัดได้ก่อนจะได้รับคำอนุญาตด้วย”

“อา ถ้าอย่างนั้น…”

เครย์ลีบันตอบเสียงหนักแน่นไปทางวิลเลียนที่ทำหน้าสับสนไม่เข้าใจอีกครั้ง

“ข้ายังต้องได้รับคำอนุญาตจากท่านฟีเรนเทียก่อนมิใช่หรือครับ อย่างไรเจ้านายที่ข้ารับใช้ก็เป็นท่านผู้นั้น”

* * *

“มันเป็นใครคะ”

เธอถามเสียงเย็นเยียบ

“…ครับ?”

“ข้าถามว่าไอ้เวรที่ไหนมาล่อลวงเครย์ลีบันคะ”

โอ๊ย โมโหชะมัด

เธอเผลอหลุดพูดจาหยาบคายออกไปโดยไม่รู้ตัว

กล้ามายุ่งกับเครย์ลีบันของเธองั้นเหรอ!

“ไม่ว่าทางนั้นจะยื่นข้อเสนออะไรมา ข้าจะให้ดีกว่าพวกเขาแน่ค่ะ อย่าไปเลยนะคะ”

ถึงแม้จะพูดจาฟังดูน่ารังเกียจไปบ้างแต่เธอจริงจังมาก ไม่ว่ายังไงก็จะปล่อยให้เครย์ลีบันโดนแย่งตัวไปไม่ได้!

“เดี๋ยว หรือคิดจะแยกตัวคะ”

ถ้าอย่างนั้นจะไปขวางอะไรได้ล่ะ จะเป็นเจ้านายผู้แสนชั่วร้ายที่ขวางอนาคตคนอื่นได้ยังไง

“ถ้าอย่างนั้นก็คงได้แต่บอกว่า ขอให้งานที่อยากทำสำเร็จลุล่วง…”

“อุ๊บ…”

ทั้งๆ ที่เธอกำลังครุ่นคิดใช้หัวสมองอย่างหนักพร้อมสู้รบแท้ๆ แต่ปฏิกิริยาของเครย์ลีบันกลับดูประหลาดชอบกล เขามองใบหน้าจริงจังสุดๆ ของเธอ ก่อนจะเริ่มระเบิดหัวเราะเสียงดัง

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

“เครย์ลีบัน”

“ขะ…ขออภัยครับ…อุ๊บ พอดีท่านเทียทำหน้าตาน่ารักมากเลย…”

เครย์ลีบันซับหยาดน้ำตาที่บริเวณหางตา ก่อนจะพูดต่อ

“หัวหน้ากลุ่มการค้าโรมาเชียร์ ดิลลาร์ดมาเสนอให้ข้ารับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดียต่อจากเขาน่ะครับ”

“หัวหน้ากลุ่มการค้า…อ๊า!”

ใช่แล้ว

ในชีวิตก่อนเครย์ลีบันเองก็รับตำแหน่งต่อจากโรมาเชียร์ ดิลลาร์ด แล้วขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย

หลังจากท่านปู่เสียชีวิตลง เขาถึงได้ถอนตัวออกจากตระกูลลอมบาร์เดีย แล้วก่อตั้งร้านค้าเพลเลสขึ้นมาแทน

เครย์ลีบันคงจะรู้สึกซับซ้อนใจมากแน่

ก็สมควรอยู่หรอก

เขาใช้ชีวิตเรื่อยมาโดยไม่แม้แต่จะได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อตระกูลดิลลาร์ด แต่จู่ๆ กลับกลายเป็นต้องมารับสืบทอดกลุ่มการค้าที่ทางดิลลาร์ดเป็นผู้ดูแลมาโดยตลอดนี่นะ

“ถ้าอย่างนั้นมอบร้านค้าเพลเลสให้ไวโอเล็ตดูแลก็น่าจะได้อยู่นะคะ”

“ข้าก็คิดแบบนั้นครับ ไวโอเล็ตจะต้องทำได้ดีแน่ครับ”

“จากร้านค้าเพลเลสสู่กลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย…แบบนี้เครย์ลีบันก็จะยังเป็นคนของข้าต่อใช่มั้ยคะ”

เครย์ลีบันเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจ แต่เพียงไม่นานก็แย้มรอยยิ้ม พยักหน้าตอบรับคำพูดของเธอ

“ครับ ใช่แล้วละครับ เป็นคนของท่านฟีเรนเทีย”

ใบหน้าของเครย์ลีบันขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อยยามกล่าวประโยคนั้น

“ตอนนี้คงไม่โกรธแล้วใช่มั้ยครับ”

“อื้อ ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ข้าก็นึกว่ามีใครมาแย่งเครย์ลีบันไปเสียอีก”

นึกว่าอายุสั้นลงไปเป็นสิบปีแล้วเนี่ย

“โล่งอกไปทีครับ”

เครย์ลีบันยิ้มกว้าง

เธอเหม่อมองใบหน้ายิ้มแย้มนั่นอยู่ครู่หนึ่ง

เครย์ลีบันในชีวิตก่อนไม่ใช่คนที่จะยิ้มได้แบบนั้น

เขาเป็นคนเคร่งขรึม มีสีหน้าหมองคล้ำอยู่เสมอ ใบหน้ายามยิ้มแย้มเป็นบางคราเองก็ใกล้เคียงกับรอยยิ้มเยาะเย้ยกันเสียมากกว่า

“…โล่งอกจริงๆ ครับที่ได้พบกับท่านฟีเรนเทีย”

ยิ่งไม่ใช่คนที่รู้จักพูดจาแบบนี้แน่

“ข้าเองก็เหมือนกันค่ะ”

ถึงแม้จะนั่งเผชิญหน้ากันอยู่อย่างนี้

แต่เธอกับเครย์ลีบันในตอนนี้ กลายเป็นคนที่แตกต่างจากเมื่อชีวิตก่อนมากขนาดไหนกันนะ

ให้ความรู้สึกที่แปลกพิลึกจัง

เธอส่งยิ้มให้เครย์ลีบัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“ต่อไปก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ เครย์ลีบัน เพลเลส หัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+