เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 243.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 243.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 243

รู้สึกแปลกจัง

เธอเงยหน้าเหม่อมองคฤหาสน์ตระกูลอังเกนัสตรงหน้า

คฤหาสน์หลังใหญ่โตเกินกว่าจะตั้งอยู่กลางเมืองหลวงนั้นว่างเปล่าไร้ผู้คนอาศัยไปเสียแล้ว

ข้าวของมีราคาทั้งหลายถูกขายทิ้งจนหมดเกลี้ยง สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีแค่พวกเครื่องเรือนเครื่องใช้ไว้เผื่อเจ้าของคฤหาสน์คนใหม่อยากจะใช้สอยเท่านั้น

เธอเบนสายตาเล็กน้อย เหลียวมองไปยังผู้คนที่มารวมตัวกันอยู่บริเวณหน้าคฤหาสน์อังเกนัส

ฝูงชนนับร้อยไม่แบ่งแยกสามัญชนหรือชนชั้นสูงมาออกันอยู่แน่นรอบคฤหาสน์

‘รู้สึกแปลกจริงๆ’

ในชีวิตก่อนเธอเองก็เคยเห็นภาพแบบนี้มาแล้ว

ภาพฝูงชนมากมายมารวมตัวกันเพื่อดูจุดจบสุดท้ายของตระกูลหนึ่ง

จุดที่แตกต่างกันมีแค่ตระกูลในตอนนั้นคือลอมบาร์เดีย แต่คราวนี้เป็นตระกูลอังเกนัสเท่านั้นเอง

และคนที่สร้างความแตกต่างนั้นขึ้นมาก็คือเธอ ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย

“ลงมือเลยมั้ยครับ”

เจ้าหน้าที่จากสำนักราชวังเอ่ยถามเธอ

ในตอนนั้นเองถึงตระหนักได้ว่ามีสายตามากมายจับจ้องตรงมาที่เธอ

เฟเรสเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

เพราะอย่างไรจักรพรรดิโยบาเนสก็มอบหมายหน้าที่จัดการตระกูลอังเกนัสให้เธอเป็นผู้รับผิดชอบ ดังนั้นคนที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดในเรื่องนี้จึงตกอยู่ที่เธอ

“ปิดประตู”

พลทหารจากราชวงศ์หลายนายช่วยกันผลักประตูเหล็กหนักอึ้งตามคำสั่งของเธอ

แอ๊ด

คนตระกูลอังเกนัสถูกขับไล่ออกจากคฤหาสน์ บ้างก็ถูกจับกุม ผ่านไปได้เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ ประตูเหล็กกลับขึ้นสนิมส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังแสบแก้วหู

ครืด

เมื่อพลทหารทั้งหลายปิดประตูเหล็กลงด้วยใบหน้าเรียบเฉย จากนั้นโซ่ตรวนเส้นหนาก็ถูกคล้องไว้กับประตูอย่างหนาแน่น

เคร้ง

ตรวนกุญแจขนาดใหญ่ประทับตราสัญลักษณ์ราชวงศ์ได้ลงล็อกปิดตายคฤหาสน์อังเกนัสในที่สุด

ใครที่คิดบุ่มบ่ามจะเปิดประตูบานนั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางราชวงศ์ จะต้องได้รับโทษกบฏเช่นเดียวกัน

“จิ๊จิ๊”

ได้ยินพวกชนชั้นสูงรอบๆ เดาะลิ้นเสียงดัง พลางสนทนากันไปเรื่อย คงเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันเป็นเรื่องของคนอื่นไม่ใช่ตัวพวกเขา

“สุดท้ายอังเกนัสก็ล่มสลายเช่นนี้สินะ”

ชนชั้นสูงท่านหนึ่งพูดเสียงเย็นชา

“นึกแล้วเชียวว่าต้องเป็นแบบนี้”

แถมยังมีคนที่สำคัญตัวผิดคิดไปเองเสียด้วย

เธอเหม่อมองคฤหาสน์อังเกนัสที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน เอียงคอมองภาพนั้นอยู่เงียบๆ

ไม่รู้สินะ ใครจะคิดล่ะว่าในที่สุดเรื่องราวจะจบลงแบบนี้

การต่อสู้ระหว่างจักรพรรดินีกับเฟเรส ใครๆ ก็ต้องคิดว่าผู้ชนะจะต้องเป็นฝ่ายจักรพรรดินีกันทั้งนั้น

ร้อยทั้งร้อยต่างก็ต้องคิดว่าอาสทาน่าจะได้เป็นรัชทายาท

“รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”

ถึงแม้สุดท้ายผู้ชนะจะเป็นเด็กหนุ่มคนนี้ เป็นเฟเรสก็ตาม

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

มันเป็นคำถามที่ฟังดูแปลกเกินกว่าที่จู่ๆ จะมาถามกันแบบนี้

แต่เธอรู้ดีว่าเด็กหนุ่มกำลังถามเธอด้วยความหมายแบบไหน

“หมดธุระแล้ว ไปกันเถอะ”

“อะแฮ่ม ยืนนานจนปวดหลังไปหมด”

พอเฟเรสเดินเข้ามาใกล้ ชนชั้นสูงรอบๆ ตัวเธอต่างก็รีบหนีหายกันจ้าละหวั่น

เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นคราวนี้เลยทำให้คนกลัวเฟเรสเยอะขึ้นมาก

สำหรับเฟเรสที่กำลังจะขึ้นเป็นองค์รัชทายาทย่อมถือว่าเป็นเรื่องดี

ความหวาดกลัวพวกนั้นจะช่วยเสริมอำนาจบัลลังก์ของเขาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นยังไงล่ะ

“รักษาการเจ้าตระกูล”

พอเห็นเธอไม่ตอบอะไร แต่กลับมองหน้าเขาแทน เฟเรสก็เรียกชื่อเธออีกครั้ง

แววตาเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

เธอมองนัยน์ตาคู่นั้นพลางครุ่นคิด

ทำไมคนอื่นๆ ถึงได้หวาดกลัวเฟเรสกันนักล่ะ

เด็กน้อยของเธอน่ะ ถ้าไม่มาแหย่เขาก่อน ก็ไม่ซี้ซั้วกัดใครหรอก

“ข้าไม่เป็นอะไร เจ้าชายล่ะเพคะ”

การปิดตายตระกูลอังเกนัสอย่างเป็นทางการในวันนี้ ถือเป็นวันแห่งชัยชนะของเฟเรสด้วยเช่นกัน

“รู้สึกดีมากเลยละครับ”

เฟเรสตอบกลับมาด้วยใบหน้าสดชื่น

“ข้าตั้งใจว่าอีกไม่นานจะนำเรื่องลบตระกูลอังเกนัสออกจากทำเนียบรายชื่อขุนนางขึ้นปรึกษาในการประชุมสภา”

นั่นแหละ ถึงจะสมกับเป็นเขา

จัดการปิดฉากทุกอย่างให้เรียบร้อยอย่างสมบูรณ์

แต่ไหนแต่ไรคนเราเมื่อแก้แค้นแล้วก็ต้องจัดการขุดรากถอนโคนให้หมด ให้ไม่อาจเติบโตกลับมาแว้งกัดได้อีก

เธอส่งยิ้มให้เฟเรส

“หม่อมฉันเองก็จะช่วยด้วยอีกแรงเพคะ”

การประชุมสภาขุนนางเป็นพื้นที่ของเธออยู่แล้ว

“เช่นนั้นขอข้าไปส่งถึงรถม้าได้มั้ยครับ”

เฟเรสเอ่ยพลางยื่นมือออกมาอย่างสุภาพ

รถม้าของเธออยู่ใกล้แค่นี้เองแท้ๆ

แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหางยาวๆ สีดำสนิทแกว่งไปมาดังฟั่บ ฟั่บ เลย

เธอวางมือลงบนมือที่ยื่นออกมาอย่างว่าง่าย

พอพวกเราเดินไปด้วยกัน แน่นอนว่าสายตาของผู้คนรอบๆ ก็หันมามองตามเธอกับเฟเรสกันเป็นสายตาเดียว

สายตาแฝงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

แต่อย่างไรก็ตาม

เธอกับเฟเรสต่างก็ยังคงรักษามารยาท ทำตัวเป็นทางการต่อกันและกันได้อย่างดีเยี่ยม

“วันนี้เจ้าดูงดงามเป็นพิเศษนะ เทีย”

ทั้งๆ ที่ปากก็พูดเสียงแผ่วจนคนอื่นไม่อาจได้ยินแบบนั้น

เฟเรสเอ่ยขึ้นในขณะที่ช่วยปิดประตูรถม้าให้หลังจากเธอขึ้นไปนั่ง

“ตารางงานที่เหลือวันนี้มีอะไรบ้างหรือครับ”

“ตั้งใจว่าจะร่วมมื้อเย็นกับท่านพ่อน่ะเพคะ”

ช่วงหลังมานี้แทบไม่ได้เห็นหน้าค่าตาของท่านพ่อเลย

เธองานยุ่งก็จริง แต่ท่านพ่อน่ะงานยุ่งสุดๆ

นี่ก็อยู่ในช่วงฤดูหนาว งานที่เชซายูไม่น่าจะเยอะอะไรมากมายขนาดนั้นแท้ๆ

“อืมมมม”

เธอหรี่ตาลงครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

จะว่าไปมันก็น่าสงสัยอยู่เหมือนกันนะเนี่ย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 243.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 243.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 243

รู้สึกแปลกจัง

เธอเงยหน้าเหม่อมองคฤหาสน์ตระกูลอังเกนัสตรงหน้า

คฤหาสน์หลังใหญ่โตเกินกว่าจะตั้งอยู่กลางเมืองหลวงนั้นว่างเปล่าไร้ผู้คนอาศัยไปเสียแล้ว

ข้าวของมีราคาทั้งหลายถูกขายทิ้งจนหมดเกลี้ยง สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีแค่พวกเครื่องเรือนเครื่องใช้ไว้เผื่อเจ้าของคฤหาสน์คนใหม่อยากจะใช้สอยเท่านั้น

เธอเบนสายตาเล็กน้อย เหลียวมองไปยังผู้คนที่มารวมตัวกันอยู่บริเวณหน้าคฤหาสน์อังเกนัส

ฝูงชนนับร้อยไม่แบ่งแยกสามัญชนหรือชนชั้นสูงมาออกันอยู่แน่นรอบคฤหาสน์

‘รู้สึกแปลกจริงๆ’

ในชีวิตก่อนเธอเองก็เคยเห็นภาพแบบนี้มาแล้ว

ภาพฝูงชนมากมายมารวมตัวกันเพื่อดูจุดจบสุดท้ายของตระกูลหนึ่ง

จุดที่แตกต่างกันมีแค่ตระกูลในตอนนั้นคือลอมบาร์เดีย แต่คราวนี้เป็นตระกูลอังเกนัสเท่านั้นเอง

และคนที่สร้างความแตกต่างนั้นขึ้นมาก็คือเธอ ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย

“ลงมือเลยมั้ยครับ”

เจ้าหน้าที่จากสำนักราชวังเอ่ยถามเธอ

ในตอนนั้นเองถึงตระหนักได้ว่ามีสายตามากมายจับจ้องตรงมาที่เธอ

เฟเรสเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

เพราะอย่างไรจักรพรรดิโยบาเนสก็มอบหมายหน้าที่จัดการตระกูลอังเกนัสให้เธอเป็นผู้รับผิดชอบ ดังนั้นคนที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดในเรื่องนี้จึงตกอยู่ที่เธอ

“ปิดประตู”

พลทหารจากราชวงศ์หลายนายช่วยกันผลักประตูเหล็กหนักอึ้งตามคำสั่งของเธอ

แอ๊ด

คนตระกูลอังเกนัสถูกขับไล่ออกจากคฤหาสน์ บ้างก็ถูกจับกุม ผ่านไปได้เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ ประตูเหล็กกลับขึ้นสนิมส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังแสบแก้วหู

ครืด

เมื่อพลทหารทั้งหลายปิดประตูเหล็กลงด้วยใบหน้าเรียบเฉย จากนั้นโซ่ตรวนเส้นหนาก็ถูกคล้องไว้กับประตูอย่างหนาแน่น

เคร้ง

ตรวนกุญแจขนาดใหญ่ประทับตราสัญลักษณ์ราชวงศ์ได้ลงล็อกปิดตายคฤหาสน์อังเกนัสในที่สุด

ใครที่คิดบุ่มบ่ามจะเปิดประตูบานนั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางราชวงศ์ จะต้องได้รับโทษกบฏเช่นเดียวกัน

“จิ๊จิ๊”

ได้ยินพวกชนชั้นสูงรอบๆ เดาะลิ้นเสียงดัง พลางสนทนากันไปเรื่อย คงเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันเป็นเรื่องของคนอื่นไม่ใช่ตัวพวกเขา

“สุดท้ายอังเกนัสก็ล่มสลายเช่นนี้สินะ”

ชนชั้นสูงท่านหนึ่งพูดเสียงเย็นชา

“นึกแล้วเชียวว่าต้องเป็นแบบนี้”

แถมยังมีคนที่สำคัญตัวผิดคิดไปเองเสียด้วย

เธอเหม่อมองคฤหาสน์อังเกนัสที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน เอียงคอมองภาพนั้นอยู่เงียบๆ

ไม่รู้สินะ ใครจะคิดล่ะว่าในที่สุดเรื่องราวจะจบลงแบบนี้

การต่อสู้ระหว่างจักรพรรดินีกับเฟเรส ใครๆ ก็ต้องคิดว่าผู้ชนะจะต้องเป็นฝ่ายจักรพรรดินีกันทั้งนั้น

ร้อยทั้งร้อยต่างก็ต้องคิดว่าอาสทาน่าจะได้เป็นรัชทายาท

“รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”

ถึงแม้สุดท้ายผู้ชนะจะเป็นเด็กหนุ่มคนนี้ เป็นเฟเรสก็ตาม

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

มันเป็นคำถามที่ฟังดูแปลกเกินกว่าที่จู่ๆ จะมาถามกันแบบนี้

แต่เธอรู้ดีว่าเด็กหนุ่มกำลังถามเธอด้วยความหมายแบบไหน

“หมดธุระแล้ว ไปกันเถอะ”

“อะแฮ่ม ยืนนานจนปวดหลังไปหมด”

พอเฟเรสเดินเข้ามาใกล้ ชนชั้นสูงรอบๆ ตัวเธอต่างก็รีบหนีหายกันจ้าละหวั่น

เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นคราวนี้เลยทำให้คนกลัวเฟเรสเยอะขึ้นมาก

สำหรับเฟเรสที่กำลังจะขึ้นเป็นองค์รัชทายาทย่อมถือว่าเป็นเรื่องดี

ความหวาดกลัวพวกนั้นจะช่วยเสริมอำนาจบัลลังก์ของเขาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นยังไงล่ะ

“รักษาการเจ้าตระกูล”

พอเห็นเธอไม่ตอบอะไร แต่กลับมองหน้าเขาแทน เฟเรสก็เรียกชื่อเธออีกครั้ง

แววตาเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

เธอมองนัยน์ตาคู่นั้นพลางครุ่นคิด

ทำไมคนอื่นๆ ถึงได้หวาดกลัวเฟเรสกันนักล่ะ

เด็กน้อยของเธอน่ะ ถ้าไม่มาแหย่เขาก่อน ก็ไม่ซี้ซั้วกัดใครหรอก

“ข้าไม่เป็นอะไร เจ้าชายล่ะเพคะ”

การปิดตายตระกูลอังเกนัสอย่างเป็นทางการในวันนี้ ถือเป็นวันแห่งชัยชนะของเฟเรสด้วยเช่นกัน

“รู้สึกดีมากเลยละครับ”

เฟเรสตอบกลับมาด้วยใบหน้าสดชื่น

“ข้าตั้งใจว่าอีกไม่นานจะนำเรื่องลบตระกูลอังเกนัสออกจากทำเนียบรายชื่อขุนนางขึ้นปรึกษาในการประชุมสภา”

นั่นแหละ ถึงจะสมกับเป็นเขา

จัดการปิดฉากทุกอย่างให้เรียบร้อยอย่างสมบูรณ์

แต่ไหนแต่ไรคนเราเมื่อแก้แค้นแล้วก็ต้องจัดการขุดรากถอนโคนให้หมด ให้ไม่อาจเติบโตกลับมาแว้งกัดได้อีก

เธอส่งยิ้มให้เฟเรส

“หม่อมฉันเองก็จะช่วยด้วยอีกแรงเพคะ”

การประชุมสภาขุนนางเป็นพื้นที่ของเธออยู่แล้ว

“เช่นนั้นขอข้าไปส่งถึงรถม้าได้มั้ยครับ”

เฟเรสเอ่ยพลางยื่นมือออกมาอย่างสุภาพ

รถม้าของเธออยู่ใกล้แค่นี้เองแท้ๆ

แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหางยาวๆ สีดำสนิทแกว่งไปมาดังฟั่บ ฟั่บ เลย

เธอวางมือลงบนมือที่ยื่นออกมาอย่างว่าง่าย

พอพวกเราเดินไปด้วยกัน แน่นอนว่าสายตาของผู้คนรอบๆ ก็หันมามองตามเธอกับเฟเรสกันเป็นสายตาเดียว

สายตาแฝงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

แต่อย่างไรก็ตาม

เธอกับเฟเรสต่างก็ยังคงรักษามารยาท ทำตัวเป็นทางการต่อกันและกันได้อย่างดีเยี่ยม

“วันนี้เจ้าดูงดงามเป็นพิเศษนะ เทีย”

ทั้งๆ ที่ปากก็พูดเสียงแผ่วจนคนอื่นไม่อาจได้ยินแบบนั้น

เฟเรสเอ่ยขึ้นในขณะที่ช่วยปิดประตูรถม้าให้หลังจากเธอขึ้นไปนั่ง

“ตารางงานที่เหลือวันนี้มีอะไรบ้างหรือครับ”

“ตั้งใจว่าจะร่วมมื้อเย็นกับท่านพ่อน่ะเพคะ”

ช่วงหลังมานี้แทบไม่ได้เห็นหน้าค่าตาของท่านพ่อเลย

เธองานยุ่งก็จริง แต่ท่านพ่อน่ะงานยุ่งสุดๆ

นี่ก็อยู่ในช่วงฤดูหนาว งานที่เชซายูไม่น่าจะเยอะอะไรมากมายขนาดนั้นแท้ๆ

“อืมมมม”

เธอหรี่ตาลงครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

จะว่าไปมันก็น่าสงสัยอยู่เหมือนกันนะเนี่ย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+