เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 58.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 58.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เธอแสร้งเดินออกมาห่างๆ ในขณะที่ลอบสังเกตท่านหญิงเซอเชาว์กับท่านพ่อไปด้วย

ไม่จำเป็นต้องแอบมองผ่านผ้าม่านในงานเลี้ยงให้คนอื่นสงสัย ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นยกแก้วไวน์ขึ้นมาตรวจสอบดูว่ามันถูกขัดจนใสแค่ไหน

การพบปะในวันนี้สำคัญมาก

เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เหล่าผู้ปกครองแต่ละเขตแดนต่างก็ใช้ข้ออ้างเรื่องพิธีมอบเหรียญกิตติคุณของท่านพ่อมารวมตัวกันที่นี่เพราะต้องการให้ร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันไปเปิดสาขาที่เมืองของพวกเขา

หลังจากคำนวณหลายๆ เรื่องมาแล้วล่วงหน้า เพื่อเลือกสรรผู้เข้าชิงจำนวนน้อยนิด ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคนที่เหมาะสมที่สุดก็คือเซอเชาว์

เหตุผลมีอยู่สองเรื่องง่ายๆ

หนึ่งคือเป็นเขตแดนที่มีกิจการผ้าทอและห้องเสื้ออยู่แล้ว เธอจึงคิดว่ามันเหมาะสมที่จะหาวัสดุในการทำธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปได้เป็นอย่างดี อีกเรื่องก็คือ เงื่อนไขด้านภูมิอากาศทางตอนใต้ซึ่งเป็นที่ตั้งของเซอเชาว์

สภาพภูมิอากาศทางตอนกลางของอาณาจักร ความแตกต่างทางอุณหภูมิตลอดทั้งปีนั้นไม่ได้มีมากนัก ทั้งอากาศก็อบอุ่น

เสื้อผ้าสำเร็จรูปของร้านขายเสื้อผ้าเองก็ตัดเย็บขึ้นมาให้เหมาะสมกับเรื่องนั้น

ไม่ว่าจะทางตะวันตกที่ร้อนเกินไป หรือทางฝั่งเหนือที่หนาวเกินไป เสื้อผ้าของแต่ละเขตแดนจะแตกต่างกันออกไป ดังนั้นหากจะเปิดสาขาที่นั่น พวกเธอจำเป็นที่จะต้องตัดเย็บเสื้อผ้าแบบใหม่ออกมาวางขาย

แต่หากเป็นทางใต้หรือตะวันออกที่มีสภาพภูมิอากาศใกล้เคียงกัน ก็แค่ขนเสื้อผ้าเหล่านั้นไปขายก็พอแล้ว

ทว่าเส้นทางมุ่งหน้าไปยังตะวันออกนั้นต้องข้ามผ่านภูเขาหลายลูก จึงมีข้อเสียด้านความลำบากและความอันตรายอยู่มาก

ดังนั้นก็เหลือแค่ทางใต้ และใจกลางของดินแดนทางใต้ก็คือเซอเชาว์

อีกอย่างก็เป็นญาติสนิทที่รักใคร่ในตัวท่านพ่อมาก ดังนั้นเธอเลยคำนวณว่าบางทีอาจจะช่วยลดหย่อนภาษีที่ต้องชำระลงได้สักหน่อย

โล่งอกที่มองจากไกลๆ แล้วดูเหมือนบรรยากาศจะดีเหมือนเคย

แต่แล้วในจังหวะที่เธอกำลังโล่งใจยามมองใบหน้ายิ้มแย้มของท่านพ่อ

ก็พลันมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากหลังระเบียง ก่อนจะดึงตัวเธอเข้าไป

“อ๊ะ?”

มันเป็นฝ่ามือที่ลดทอนแรงลงด้วยความใส่ใจเพื่อให้เธอไม่รู้สึกเจ็บ แต่ก็ยังทำให้รู้สึกตกใจอยู่ดี

แค่พริบตาเธอก็มายืนอยู่ตรงระเบียงมืดสลัวแทนโถงงานเลี้ยงสว่างหรูหราเสียแล้ว

“สวัสดี”

ได้ยินเสียงนุ่มที่ยังไม่แตกหนุ่มดังขึ้นจากข้างหลัง

ผมสีดำสนิทไม่ต่างจากสีท้องฟ้ายามค่ำคืน นัยน์ตาสีแดงส่องประกายท่ามกลางความมืดมิด

“สวัสดี เฟเรส”

พอเธอเอ่ยเรียกชื่อของเขาออกไป เด็กหนุ่มที่มองเธออยู่ก็ยิ้มออกมานัยน์ตาโค้งหยี มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เฟเรสยิ้มได้อย่างสดใสมากทีเดียว

“เทีย”

“จู่ๆ ก็ดึงเข้ามาแบบนี้ ตกใจหมดเลยไม่ใช่หรือไง”

“ขอโทษ”

นิสัยขอโทษไวนี่ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมเลย

แต่เด็กนี่ก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกัน

ร่างกายตัวเล็กผอมแห้งไม่สมวัยของตัวเองนั่นหายไปไหนแล้ว ตอนนี้เขาตัวสูงมากหากยืนข้างผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง หัวของเขาคงจะสูงเทียบประมาณไหล่อีกฝ่ายได้เลย

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ สบายดีมั้ย”

เด็กหนุ่มก้มหน้ามองเธอพลางถาม

และพระจันทร์ก็ลอยพ้นผ่านหมู่เมฆได้จังหวะพอดี

ผิวขาวเนียนของเฟเรสส่องสะท้อนแสงจันทร์กระจ่างที่สาดส่องลงมาจากท้องฟ้า

ว้าว เด็กนี่ผิวดีสุดๆ ไปเลย

ใบหน้าเนียนกระจ่างใสไร้จุดด่างดำ แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่อยู่ดีกินดีในสภาพแวดล้อมที่ดี

น่าภูมิใจเหมือนกันนะเนี่ย

เธอหลุดหัวเราะออกมาโดยอัตโนมัติ

“อย่างที่บอกในจดหมายนั่นแหละ ข้าสบายดี แล้วเจ้าล่ะเป็นยังไงบ้าง ชีวิตในวังลำบากหรือเปล่า”

“…เป็นห่วงเหรอ”

น้ำเสียงของเด็กนี่ดูดีใจแปลกๆ

“แน่นอนอยู่แล้วสิ”

เป็นองค์รัชทายาทในอนาคตที่เธออุตส่าห์ช่วยจับที่จับทางในวังให้เชียวนะ

“เทีย ข้ากินอาหารเป็นอย่างดีขยันเรียนรู้ตามที่เจ้าบอก ถึงบางครั้งจะลำบากไปบ้างก็เถอะ”

“ลำบากเหรอ หรือว่าอาจารย์สอนฟันดาบจะทำให้ลำบาก”

เธอเคยได้ยินแคทเธอรีนเล่าให้ฟังเกี่ยวกับอาจารย์สอนฟันดาบของเฟเรส

เขาเป็นอาจารย์ประเภทที่เข้มงวดกับการฝึกซ้อมเป็นอย่างมาก เธอเลยเป็นห่วงเฟเรสอยู่เหมือนกัน ยิ่งเฟเรสฝึกซ้อมเข้าเรียนวิชาโหดๆ แบบนั้นโดยไม่บ่นอะไรสักคำ เธอยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก

“ไม่ใช่แบบนั้น ก็แค่บางครั้ง…”

นัยน์ตาของเฟเรสมองมาที่เธอและเอาแต่มองโดยไม่พูดอะไร

“บางครั้ง?”

“เปล่า เมื่อครู่นี้น่ะ ข้าทำได้ดีมั้ย”

เด็กหนุ่มไม่ตอบคำถามของเธอ แต่กลับเป็นฝ่ายถามเธอแทน

“เมื่อกี้”

“ตอนที่เข้างานพร้อมจักรพรรดิ ข้าอดทนมากเลยนะ”

เฟเรสตอบ

“ดีใจมากที่ได้พบเจ้าเสียทีหลังจากไม่ได้พบกันนาน แต่ก็ทำเป็นไม่รู้จักกัน เพราะเจ้าบอกว่าจะให้คนอื่นรู้ว่าพวกเรารู้จักกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็เลยอดกลั้นเอาไว้”

หรือว่านี่กำลังอยากได้คำชมจากเธอเหรอ

“เพราะฉะนั้น ข้าทำได้ดีแล้วใช่มั้ย”

อยากให้ชมจริงๆ ด้วยสินะ ใช่แล้ว ใช่ชัดๆ

ภายนอกดูโตขนาดนี้แล้วแท้ๆ

แต่ข้างในยังเป็นแค่เด็กอยู่ดีหรอกเหรอ

ฟีเรนเทียลอบถอนหายใจในใจ ก่อนจะมองหน้าเฟเรส

นัยน์ตาที่ส่องประกายระยิบระยับแม้จะอยู่ภายใต้แสงไฟสลัวคู่นั้นกำลังมองแต่เธอ

เธออยากจะตรวจดูที่ด้านหลังของเขาจริงๆ ว่ามันไม่มีหางนุ่มฟูสีดำแกว่งอยู่เหรอ

“ก้มลงมา”

เธอกวักมือสั่งเฟเรส

“หืม?”

สงสัยคงจะไม่เข้าใจความหมายคำพูดของเธอ บนใบหน้าของเด็กหนุ่มถึงได้มีเครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น

“บอกให้ก้มลงมานี่”

เธอกระดิกนิ้วเป็นครั้งที่สอง

ตอนนั้นเองเฟเรสถึงได้ส่งเสียง ‘อ๊า’ เข้าใจความหมายที่เธอต้องการจะสื่อ แล้วค่อยๆ โค้งกายลง

เรือนผมสีดำนุ่มสลวยขยับเข้าใกล้เธอทีละนิด

อันที่จริงหากใครมาเห็นเข้าคงได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่

การที่เฟเรสซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ก้มศีรษะให้เธอแบบนี้

แต่เด็กนี่กลับไม่ลังเลเลยสักนิด

“ทำได้ดีมาก”

เธอขยี้ผมเฟเรส ในขณะเดียวกันก็พูดชมเขาไปด้วย

“ทำได้ดีมากเลยนะ เฟเรส”

รอบนัยน์ตาของเด็กหนุ่มคลายตัวลงอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหยีลงเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 58.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 58.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เธอแสร้งเดินออกมาห่างๆ ในขณะที่ลอบสังเกตท่านหญิงเซอเชาว์กับท่านพ่อไปด้วย

ไม่จำเป็นต้องแอบมองผ่านผ้าม่านในงานเลี้ยงให้คนอื่นสงสัย ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นยกแก้วไวน์ขึ้นมาตรวจสอบดูว่ามันถูกขัดจนใสแค่ไหน

การพบปะในวันนี้สำคัญมาก

เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เหล่าผู้ปกครองแต่ละเขตแดนต่างก็ใช้ข้ออ้างเรื่องพิธีมอบเหรียญกิตติคุณของท่านพ่อมารวมตัวกันที่นี่เพราะต้องการให้ร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันไปเปิดสาขาที่เมืองของพวกเขา

หลังจากคำนวณหลายๆ เรื่องมาแล้วล่วงหน้า เพื่อเลือกสรรผู้เข้าชิงจำนวนน้อยนิด ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคนที่เหมาะสมที่สุดก็คือเซอเชาว์

เหตุผลมีอยู่สองเรื่องง่ายๆ

หนึ่งคือเป็นเขตแดนที่มีกิจการผ้าทอและห้องเสื้ออยู่แล้ว เธอจึงคิดว่ามันเหมาะสมที่จะหาวัสดุในการทำธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปได้เป็นอย่างดี อีกเรื่องก็คือ เงื่อนไขด้านภูมิอากาศทางตอนใต้ซึ่งเป็นที่ตั้งของเซอเชาว์

สภาพภูมิอากาศทางตอนกลางของอาณาจักร ความแตกต่างทางอุณหภูมิตลอดทั้งปีนั้นไม่ได้มีมากนัก ทั้งอากาศก็อบอุ่น

เสื้อผ้าสำเร็จรูปของร้านขายเสื้อผ้าเองก็ตัดเย็บขึ้นมาให้เหมาะสมกับเรื่องนั้น

ไม่ว่าจะทางตะวันตกที่ร้อนเกินไป หรือทางฝั่งเหนือที่หนาวเกินไป เสื้อผ้าของแต่ละเขตแดนจะแตกต่างกันออกไป ดังนั้นหากจะเปิดสาขาที่นั่น พวกเธอจำเป็นที่จะต้องตัดเย็บเสื้อผ้าแบบใหม่ออกมาวางขาย

แต่หากเป็นทางใต้หรือตะวันออกที่มีสภาพภูมิอากาศใกล้เคียงกัน ก็แค่ขนเสื้อผ้าเหล่านั้นไปขายก็พอแล้ว

ทว่าเส้นทางมุ่งหน้าไปยังตะวันออกนั้นต้องข้ามผ่านภูเขาหลายลูก จึงมีข้อเสียด้านความลำบากและความอันตรายอยู่มาก

ดังนั้นก็เหลือแค่ทางใต้ และใจกลางของดินแดนทางใต้ก็คือเซอเชาว์

อีกอย่างก็เป็นญาติสนิทที่รักใคร่ในตัวท่านพ่อมาก ดังนั้นเธอเลยคำนวณว่าบางทีอาจจะช่วยลดหย่อนภาษีที่ต้องชำระลงได้สักหน่อย

โล่งอกที่มองจากไกลๆ แล้วดูเหมือนบรรยากาศจะดีเหมือนเคย

แต่แล้วในจังหวะที่เธอกำลังโล่งใจยามมองใบหน้ายิ้มแย้มของท่านพ่อ

ก็พลันมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากหลังระเบียง ก่อนจะดึงตัวเธอเข้าไป

“อ๊ะ?”

มันเป็นฝ่ามือที่ลดทอนแรงลงด้วยความใส่ใจเพื่อให้เธอไม่รู้สึกเจ็บ แต่ก็ยังทำให้รู้สึกตกใจอยู่ดี

แค่พริบตาเธอก็มายืนอยู่ตรงระเบียงมืดสลัวแทนโถงงานเลี้ยงสว่างหรูหราเสียแล้ว

“สวัสดี”

ได้ยินเสียงนุ่มที่ยังไม่แตกหนุ่มดังขึ้นจากข้างหลัง

ผมสีดำสนิทไม่ต่างจากสีท้องฟ้ายามค่ำคืน นัยน์ตาสีแดงส่องประกายท่ามกลางความมืดมิด

“สวัสดี เฟเรส”

พอเธอเอ่ยเรียกชื่อของเขาออกไป เด็กหนุ่มที่มองเธออยู่ก็ยิ้มออกมานัยน์ตาโค้งหยี มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เฟเรสยิ้มได้อย่างสดใสมากทีเดียว

“เทีย”

“จู่ๆ ก็ดึงเข้ามาแบบนี้ ตกใจหมดเลยไม่ใช่หรือไง”

“ขอโทษ”

นิสัยขอโทษไวนี่ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมเลย

แต่เด็กนี่ก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกัน

ร่างกายตัวเล็กผอมแห้งไม่สมวัยของตัวเองนั่นหายไปไหนแล้ว ตอนนี้เขาตัวสูงมากหากยืนข้างผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง หัวของเขาคงจะสูงเทียบประมาณไหล่อีกฝ่ายได้เลย

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ สบายดีมั้ย”

เด็กหนุ่มก้มหน้ามองเธอพลางถาม

และพระจันทร์ก็ลอยพ้นผ่านหมู่เมฆได้จังหวะพอดี

ผิวขาวเนียนของเฟเรสส่องสะท้อนแสงจันทร์กระจ่างที่สาดส่องลงมาจากท้องฟ้า

ว้าว เด็กนี่ผิวดีสุดๆ ไปเลย

ใบหน้าเนียนกระจ่างใสไร้จุดด่างดำ แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่อยู่ดีกินดีในสภาพแวดล้อมที่ดี

น่าภูมิใจเหมือนกันนะเนี่ย

เธอหลุดหัวเราะออกมาโดยอัตโนมัติ

“อย่างที่บอกในจดหมายนั่นแหละ ข้าสบายดี แล้วเจ้าล่ะเป็นยังไงบ้าง ชีวิตในวังลำบากหรือเปล่า”

“…เป็นห่วงเหรอ”

น้ำเสียงของเด็กนี่ดูดีใจแปลกๆ

“แน่นอนอยู่แล้วสิ”

เป็นองค์รัชทายาทในอนาคตที่เธออุตส่าห์ช่วยจับที่จับทางในวังให้เชียวนะ

“เทีย ข้ากินอาหารเป็นอย่างดีขยันเรียนรู้ตามที่เจ้าบอก ถึงบางครั้งจะลำบากไปบ้างก็เถอะ”

“ลำบากเหรอ หรือว่าอาจารย์สอนฟันดาบจะทำให้ลำบาก”

เธอเคยได้ยินแคทเธอรีนเล่าให้ฟังเกี่ยวกับอาจารย์สอนฟันดาบของเฟเรส

เขาเป็นอาจารย์ประเภทที่เข้มงวดกับการฝึกซ้อมเป็นอย่างมาก เธอเลยเป็นห่วงเฟเรสอยู่เหมือนกัน ยิ่งเฟเรสฝึกซ้อมเข้าเรียนวิชาโหดๆ แบบนั้นโดยไม่บ่นอะไรสักคำ เธอยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก

“ไม่ใช่แบบนั้น ก็แค่บางครั้ง…”

นัยน์ตาของเฟเรสมองมาที่เธอและเอาแต่มองโดยไม่พูดอะไร

“บางครั้ง?”

“เปล่า เมื่อครู่นี้น่ะ ข้าทำได้ดีมั้ย”

เด็กหนุ่มไม่ตอบคำถามของเธอ แต่กลับเป็นฝ่ายถามเธอแทน

“เมื่อกี้”

“ตอนที่เข้างานพร้อมจักรพรรดิ ข้าอดทนมากเลยนะ”

เฟเรสตอบ

“ดีใจมากที่ได้พบเจ้าเสียทีหลังจากไม่ได้พบกันนาน แต่ก็ทำเป็นไม่รู้จักกัน เพราะเจ้าบอกว่าจะให้คนอื่นรู้ว่าพวกเรารู้จักกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็เลยอดกลั้นเอาไว้”

หรือว่านี่กำลังอยากได้คำชมจากเธอเหรอ

“เพราะฉะนั้น ข้าทำได้ดีแล้วใช่มั้ย”

อยากให้ชมจริงๆ ด้วยสินะ ใช่แล้ว ใช่ชัดๆ

ภายนอกดูโตขนาดนี้แล้วแท้ๆ

แต่ข้างในยังเป็นแค่เด็กอยู่ดีหรอกเหรอ

ฟีเรนเทียลอบถอนหายใจในใจ ก่อนจะมองหน้าเฟเรส

นัยน์ตาที่ส่องประกายระยิบระยับแม้จะอยู่ภายใต้แสงไฟสลัวคู่นั้นกำลังมองแต่เธอ

เธออยากจะตรวจดูที่ด้านหลังของเขาจริงๆ ว่ามันไม่มีหางนุ่มฟูสีดำแกว่งอยู่เหรอ

“ก้มลงมา”

เธอกวักมือสั่งเฟเรส

“หืม?”

สงสัยคงจะไม่เข้าใจความหมายคำพูดของเธอ บนใบหน้าของเด็กหนุ่มถึงได้มีเครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น

“บอกให้ก้มลงมานี่”

เธอกระดิกนิ้วเป็นครั้งที่สอง

ตอนนั้นเองเฟเรสถึงได้ส่งเสียง ‘อ๊า’ เข้าใจความหมายที่เธอต้องการจะสื่อ แล้วค่อยๆ โค้งกายลง

เรือนผมสีดำนุ่มสลวยขยับเข้าใกล้เธอทีละนิด

อันที่จริงหากใครมาเห็นเข้าคงได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่

การที่เฟเรสซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ก้มศีรษะให้เธอแบบนี้

แต่เด็กนี่กลับไม่ลังเลเลยสักนิด

“ทำได้ดีมาก”

เธอขยี้ผมเฟเรส ในขณะเดียวกันก็พูดชมเขาไปด้วย

“ทำได้ดีมากเลยนะ เฟเรส”

รอบนัยน์ตาของเด็กหนุ่มคลายตัวลงอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหยีลงเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+