My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา 1001 ข่าวจากราชันกระบี่

Now you are reading My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา Chapter 1001 ข่าวจากราชันกระบี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1001 ข่าวจากราชันกระบี่
  ใบหน้าอันทรงเสน่ห์ของฮวาเซียนจื่อแดงระเรื่อเป็นการตอบสนองต่อการแสดงความยินดีของหลี่ฉิงเฟิงเธอดีใจมาก ในที่สุดเธอก็เข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงอีกครั้ง
  สำหรับผู้ฝึกตนระดับการบ่มเพาะคือทุกสิ่ง การได้พลังกลับคืนนั้นราวกับว่าได้ชีวิตคืนมาอีกครั้ง นี่เป็นเรื่องสมควรฉลอง
  “ขอบคุณท่านมากหลี่ฉิงเฟิง” ฮวาเซียนจื่อกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง
  เธอรู้ว่าทั้งหมดนี้เกิดจากความช่วยเหลือของเขาหากไม่ใช่เพราะเขาเธอคงจบสิ้นแล้ว
  ฉิงเฟิงยิ้มและกล่าวว่า“ที่ระดับบ่มเพาะของคุณลดลงก็เพราะผม ดังนั้นการช่วยเหลือคุณเป็นสิ่งที่ผมควรทำ”
  “มากับข้า”
  ฮวาเซียนจื่อยิ้มเฉิดฉันและเดินนำฉิงเฟิงไปอีกห้องหนึ่ง  มีเพียงสาวกในตำแหน่งนักบุญเท่านั้นที่สามารถอาศัยอยู่ในห้องที่กว้างขวางห้องนี้ได้ฮวาเซียนจื่อหยิบตำราลับเล่มหนึ่งออกมาจากกล่องอย่างระมัดระวัง มันเขียนว่า [ก้าวมังกร] มันเป็นเคล็ดวิชาระดับจิตโลกาขั้นต้นและมีเพียงประมุขกับนักบุญเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนได้
  ใบหน้าของฉิงเฟิงสว่างขึ้นเมื่อเขาได้เห็นตำราเล่มนี้เขาได้รับทั้งวิชาโจมตีและวิชาป้องกันแล้ว แต่ยังขาดเคล็ดวิชาฝึกฝนสมรรถนะ วิชานี้เป็นเคล็ดวิชาฝึกฝนสมรรถนะทางด้านความเร็ว มันช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหว(ท่าร่าง)ของผู้ฝึกได้
  ฉิงเฟิงเปิดตำราและตรวจสอบเนื้อหาภายในเขาได้เห็นเคล็ดฝึกฝนที่เลอค่าของ [ก้าวมังกร]
  ฉิงเฟิงมีความจำและความเข้าใจเป็นเลิศด้วยการอ่านเพียงครั้งเดียวเขาก็สามารถจดจำเทคนิคทั้งหมดที่เขียนไว้
  วูบวูบ วูบ…….  ฝ่าเท้าของฉิงเฟิงขยับไปมารอบๆพื้นเริ่มคือทิศตะวันออก จากนั้นขยับไปทิศตะวันตก ถัดมาคือเหนือ สุดท้ายย่อมเป็นใต้ เขาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในทั้งสี่ทิศทาง
  ร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างไร้ที่สิ้นสุดและรวดเร็วยิ่งภายในห้องเขาเหมือนดั่งมังกรที่กำลังเคลื่อนไหว ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยร่างเงาของเขา
  ภายในเวลาหนึ่งก้านธูปหนึ่งฉิงเฟิงก็เข้าใจเคล็ดวิชาขั้นพื้นฐานของ “ก้าวมังกร” อย่างถ่องแท้
  “ท่านเป็นอัจฉริยะจริงๆ…”ฮวาเซียนจื่อยิ้มอย่างดึงดูดใจและเอ่ยปากชมเขา
  “แล้วผู้ที่เป็นอัจฉริยะสมควรได้รับรางวัลอะไร” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
  “ท่านต้องการอะไร”
  “จูบคุณ”
  “ท่านมันหมูตัวหนึ่ง”ฮวาเซียนจื่อกล่าวในขณะที่ดวงตามีอาการบ่ายเบี่ยง  ฉิงเฟิงไม่อาจปล่อยสตรีผู้ดึงดูดใจไปได้ง่ายๆเขารั้งเอวเธอเข้ามาหาและจูบริมฝีปากแดงสดคู่นั้นในทันที
  “ท่าน…..! ท่านมันตัวเลวร้ายนัก…. ” ฮวาเซียนจื่อกล่าวในขณะที่ใบหน้าอันงดงามของเธอกลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความเคอะเขิน
  ฉิงเฟิงไม่สนใจอาการขัดขืนเล็กน้อยของเธอเขาไม่ยอมพลาดโอกาสนี้ไปแน่ ดังนั้นเขาจึงฉวยโอกาสกับเธออย่างเต็มที่
  “หลี่ฉิงเฟิงท่านกล้าทำให้คุณหนูแปดเปื้อนได้อย่างไร !” ชุ่ยน้อยรู้สึกตกใจที่ได้เห็นฉากนี้
  ชายหนุ่มผู้นี้ช่างไร้ยางอายนักเขากล้าทำเรื่องบัดสีเช่นนี้ในที่สาธารณะในเวลากลางวันแสกๆ ! เขากล้าทำให้ฮวาเซียนจื่อแปดเปื้อนได้อย่างไร
  ชุ่ยน้อยมีสีหน้าช็อคยิ่งกว่าเจอแผ่นดินไหวตรงหน้าเธอเสียอีก
  ฮวาเซียนจื่อที่กำลังเคลิบเคลิ้มผลักฉิงเฟิงออกไปทันทีที่ได้ยินเสียงอุทานของชุ่ยน้อยใบหน้าทรงเสน่ห์ของเธอมีรอยแดงก่ำ หัวใจของเต้นรัว
  หลี่ฉิงเฟิงผู้นี้ช่างเป็นตัวเลวร้ายที่ทำให้ข้าเหมือนตายทั้งเป็นชุ่ยน้อยเห็นเข้าแล้ว ข้าควรทำอย่างไรดี
  ฮวาเซียนจื่อคิดในใจแม้แต่จะแข็งแกร่งทรงพลัง แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอทำแบบนี้กับผู้ชาย แถมยังมีคนเห็นอีก ดังนั้นเธอจึงทำอะไรไม่ถูก
  เห็นได้ชัดว่าฉิงเฟิงมีประสบการณ์มากมายกับเรื่องการกลบเกลื่อนเขาเอ่ยขึ้นทันทีว่า “ชุ่ยน้อย เธอเข้าใจผิดแล้ว มีแมลงวันบินมาเกาะที่ริมฝีปากของฮวาเซียนจื่อ ฉันแค่ช่วยเธอกำจัดมัน !”
  ฉิงเฟิงเต็มไปด้วยไหวพริบและมีการตอบสนองอย่างรวดเร็วเขายกเรื่องแมลงวันขึ้นมาอ้างในทันทีเพราะเขาเคยใช้วิธีนี้เอาตัวรอดมาได้หลายครั้งแล้ว….
  หะ  แมลงวัน
  !
  ชุ่ยน้อยขมวดคิ้วด้วยความสับสนตำหนักร้อยบุปผาอยู่บนเขาสูงและมีอากาศเย็นตลอดเวลา แมลงวันจะบินขึ้นมาบนนี้ได้อย่างไร
  ชุ่ยน้อยสำรวจรอบๆและก็ไม่พบแมลงวันที่ฉิงเฟิงอ้าวแม้สักตัวใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและไม่พอใจ
  “นี่ๆชุ่ยน้อย แมลงวันอยู่นี่ไงดูสิ” ฉิงเฟิงยิ้มและยื่นมือออกมาด้วยความรวดเร็วดั่งสายฟ้าและจับแมลงวันในอากาศ
  หืม
  แมลงวันจริงๆหรือ
  ชุ่ยน้อยไม่รู้จะตอบสนองอย่างไรในขณะที่ในมือของเขามีแมลงวันจริงๆ
  ฉิงเฟิงไม่อาจฉวยโอกาสต่อฮวาเซียนจื่อได้อีกต่อไปเมื่อชุ่ยน้อยอยู่ใกล้ๆดังนั้นเขาจึงพูดคุยกับพวกเธอสั้นๆและอำลาจากไป  ฮวาเซียนจื่อไปส่งฉิงเฟิงที่ประตูตำหนักด้วยตนเองในดวงตาของเธอมีร่องรอยของความไม่เต็มใจ
  เขากับเธอได้ผ่านประสบการณ์หลายสิ่งหลายอย่างมาด้วยกันและในคราวนี้ฉิงเฟิงก็ช่วยให้เธอพ้นวิกฤตและได้รับตำแหน่งนักบุญหญิงอีกครั้งเธอเริ่มมีความรู้สึกที่เกินกว่าคำว่ามิตรภาพต่อชายคนนี้เสียแล้ว
  ฉิงเฟิงออกจากตำหนักร้อยบุปผาและขึ้นเครื่องบินกลับสู่เมืองตงไห่ทันที
  …………………….
  ที่เมืองตงไห่
  ฉิงเฟิงไม่ได้เข้าบริษัทแต่กลับบ้านของเขาที่วิลล่า13 ใน Noble Palace
  วันนี้หลินเสวี่ยก็ไม่ได้ไปทำงานเช่นกันเธอนั่งบนโซฟาและดูอัลบั้มแต่งงาน
  หลินเสวี่ยยังคงงดงามเสมอใบหน้าของเธอมีความเย็นชาแต่มันก็ความรู้สึกที่สูงส่ง ผิวพรรณของเธอขาวนวลและเปล่งประกาย  เธอนั่งอยู่บนโซฟาอย่างสง่างามและมีกลิ่นอายอันทรงเสน่ห์
  “ที่รักผมกลับมาแล้ว” ฉิงเฟิงพูดในขณะที่เขาเปิดประตูเข้ามา
  หลินเสวี่ยหันหลังไปทันทีที่ได้ยินเสียงของฉิงเฟิงใบหน้าที่งดงามเย้ายวนของเธอนั้นบ่งบอกถึงความตื่นเต้นดีใจ แม้ว่าฉิงเฟิงจะไม่ได้ออกไปนานแต่เธอก็คิดถึงเขา
  เธอหลงรักฉิงเฟิงอย่างสุดหัวใจเธอคิดถึงเขาตลอดเวลาและทุกลมหายใจ
  ฉิงเฟิงถามด้วยรอยยิ้มว่า“คุณดูอะไรอยู่หรือ ”
  “รูปถ่ายงานแต่งงานที่พวกเราถ่ายครั้งที่แล้ว”หลินเสวี่ยยื่นมือสีชมพูที่อ่อนนุ่มของเธอออกมาและเลื่อนดูรูปแต่งงาน
  “งานแต่งงานครั้งที่แล้วไม่ได้เป็นไปตามแผนถือว่าไม่นับดังนั้นพวกเราจะจัดงานกันใหม่อีกครั้ง” ฉิงเฟิงยิ้มในขณะที่เดินไปนั่งข้างๆหลินเสวี่ยและกุมมือนุ่มนิ่มของเธอ  หลินเสวี่ยพยักหน้าใบหน้าอันงดงามของเธอมีรอยแดง เธอเต็มไปด้วยความสุขภายในใจเพราะเธอต้องการจัดงานแต่งงานกับฉิงเฟิงอีกครั้ง เพราะงานแต่งครั้งที่แล้วของพวกเธอยกเลิกไป
  ทั้งสองพูดคุยกันเกี่ยวกับกำหนดการและเวลาพวกเขาได้ข้อสรุปว่าสัปดาห์หน้าดูเหมือนจะเป็นวันที่ฤกษ์ดีที่สุด
  กริ๊งกริ๊ง กริ๊ง …
  โทรศัพท์มือถือของฉิงเฟิงดังขึ้นเขาหยิบมันออกมาดูและเห็นว่าเป็นราชันกระบี่เนี่ยอู๋ซวง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและความสงสัย เขาคิดในใจว่าเนี่ยอู๋ซวงน่าจะอยู่ในยุโรป เขาโทรมาทำไมกัน
  ฉิงเฟิงรู้ว่าบุคลอย่างเนี่ยอู๋ซวงย่อมไม่โทรหาเขายกเว้นเป็นเรื่องฉุกเฉินเขาจึงรีบกดรับสายในทันที
  ที่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เสียงของเนี่ยอู๋ซวงดังขึ้น “ฉิงเฟิงมณีล้ำค่าได้ปรากฏขึ้นในแดนต้องห้ามคุนหลุน อีกทั้งในแถบนี้ก็มีแสงไฟมากมาย ข้าคิดว่าอีกสามวันมันคงจะเปิดแล้ว”
  อะไรนะ
  เทือกเขาคุนหลุนจะเปิดในสามวัน
  !
  ใบหน้าของฉิงเฟิงเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและแปลกใจ อย่างไรก็ตาม นี่นับเป็นข่าวดี
  พ่อของเขายังคงติดอยู่ในแดนต้องห้ามคุนหลุนด้วยข่ายอาคมระดับราชันในเมื่อตอนนี้แดนต้องห้ามเปิดแล้ว เขาก็สามารถเข้าไปช่วยพ่อออกมาได้เสียที
  อย่างไรก็ตามเมื่อฉิงเฟิงนึกขึ้นได้ว่าเขาจะจัดงานแต่งงานกับหลินเสวี่ยอาทิตย์หน้า ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเสียใจ หากเขาเข้าไปในแดนต้องห้ามคุนหลุน เขาก็ยังไม่สามารถแต่งงานกับหลินเสวี่ยได้
  “ที่รักอีกสามวันคุณต้องไปที่ดินแดนต้องห้ามในภูเขาคุนหลุนใช่ไหม ”   หลินเสวี่ยกระพริบตาในขณะที่ใบหน้าอันงดงามของเธอเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ
  ใจจริงแล้วหลินเสวี่ยไม่อยากให้ฉิงเฟิงต้องไปไหนอีกเธอต้องการจัดงานแต่งงานกับเขาและกลายเป็นเจ้าสาวของเขาอย่างเป็นทางการ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *