My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา 1024 สุสานจิตวิญญาณราชัน

Now you are reading My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา Chapter 1024 สุสานจิตวิญญาณราชัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1024 สุสานจิตวิญญาณราชัน
  “คุณหนูฉินคุณฝึกฝนบ่มเพาะพลังธาตุลม แก่นอสูรก้อนนี้เหมาะกับคุณมาก รับมันไปซะ” ฉิงเฟิงยิ้มและส่งแก่นอสูรธาตุลมให้แก่ฉินเซียนจื่อ
  “ขอบคุณ”ฉินเซียนจื่อรับมันมา ใบหน้าที่งดงามของเธอเต็มไปด้วยความสุข
  นอกจากนี้ยังมีพลังลึกลับที่ผนึกอยู่ในร่างของฉินเซียนจื่อที่ยังไม่ได้ปลดผนึกออกมา
  เธอรับแก่นอสูรและดูดซับมันทันทีหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการ พลังของเธอก็ทะลวงผ่านไปถึงขอบเขตจิตโลกาขั้นต้นในที่สุด
  พลังงานที่มีอยู่ในแก่นอสูรนั้นทรงพลังเกินไปไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนต้องการมัน
  หลังจากสังหารราชาอินทรีเงินไปแล้วก็ไม่มีสัตว์อสูรตัวไหนกล้าขวางทางฉิงเฟิงและพรรคพวกอีก
  ตูม
  !
  ทันใดนั้นเองก็มีลำแสงสีฟ้าพุ่งออกมาจากทางทิศเหนือลำแสงสีฟ้าพุ่งทะลุผ่านท้องฟ้าและทำให้ทั่วทั้งพื้นที่ต้องสั่นสะเทือน
  “โอ้..ไม่นะ ลำแสงนั้นออกมาจากสุสานจิตราชันที่เป็นเป้าหมายของพวกเรา”
  ใบหน้าของลูกหมาสีดำเปลี่ยนไปเล็กน้อยและมันก็อุทานออกมา
  ลำแสงประหลาดปรากฏขึ้นบริเวณสุสานจิตราชันงั้นหรือ
  ฉิงเฟิงอยู่ไม่สุขและรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเขาให้ลูกหมาสีดำรีบนำทางไปอย่างรวดเร็ว
  หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไปฉิงเฟิงก็ตามมันจนมาถึงภูเขาสูงลูกหนึ่ง
  ความสูงของภูเขาลูกนี้สูงกว่าหนึ่งพันเมตรมีต้นไม้เก่าแก่และหินแปลกๆอยู่ทั่วภูเขาแต่ละก้อนเปล่งรัศมีโบราณคร่ำครึ ชื่อของภูเขาลูกนี้คือภูเขาจิตราชัน ส่วนภายในนั้นเป็นสุสานจิตราชันที่พวกเขาตามหานั่นเอง
  หลายคนยืนอยู่รอบๆภูเขาจิตราชันเช่น จ้าวอี้เจียนแห่งนิกายกระบี่สวรรค์ เฮยซุนแห่งนิกายดาบทมิฬ พานฮงแห่งนิกายศิลา เซวี่ยหยานแห่งนิกายอสูรโลหิตและเซี่ยตงแห่งนิกายนภาโฉด
  ทั้งห้าคนนี้ต่างก็เป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งในขอบเขตจิตโลกาและมีความสามารถในการต่อสู้มากมายนอกจากนี้พวกเขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญห้าอันดับแรกในการจัดอันดับผู้ฝึกตนขอบเขตจิตโลกา
  เหนือจากห้าคนนี้ศิษย์สาวกจากนิกายเหล่านี้ต่างก็ติดตามพวกเขามาและมองดูภูเขาจิตราชันอย่างใจจดใจจ่อ
  ทั่วทั้งภูเขาจิตราชันส่องแสงสีฟ้าซึ่งก่อให้เกิดการสร้างข่ายอาคมป้องกันอันยิ่งใหญ่มันเป็นม่านแสงที่ปกคลุมภูเขาจิตราชันเอาไว้
  ในอีกด้านหนึ่งก็มีนิกายขนาดเล็กและสาวกของพวกเขายืนอยู่อย่างไรก็ตามพวกเขาทำได้เพียงมองดูได้จากระยะไกลเท่านั้นเพราะพวกเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้
  เมื่อฉิงเฟิงฮวาเซียนจือและคนอื่นๆมาถึงก็เห็นผู้คนรอบนอกของภูเขาจิตราชัน
  จ้าวอี้เจียนแห่งนิกายกระบี่สวรรค์,ผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งในเต๋าแห่งกระบี่ในรายชื่อจิตโลกาหยิบอาวุธวิญญาณในระดับโลกาออกมา มันเป็นกระบี่ยาวสีขาวซึ่งเป็นสีตรงกันข้ามกับกระบี่เพลิงคะนองของฉิงเฟิง
  กระบี่ของเขามีชื่อว่ากระบี่น้ำแข็งมันเป็นกระบี่อันทรงพลังที่เป็นสื่อของน้ำแข็ง
  เฮยซุนแห่งนิกายดาบทมิฬพานฮงแห่งนิกายศิลาและคนอื่นๆต่างชักอาวุธวิญญาณออกมาเตรียมพร้อมที่จะโจมตีข่ายอาคมที่โอบล้อมภูเขาจิตราชัน
  เนื่องจากด้านนอกของภูเขาจิตราชันมีการสร้างม่านปราการเอาไว้หากผู้ใดต้องการเข้าไปในสุสานจิตราชัน คนผู้นั้นต้องฝ่าม่านปราการนี้ให้ได้ก่อน  ครืน…
  กระบี่น้ำแข็งของจ้าวอี้เจียนเหวี่ยงออกในฉับพลันมันเปลี่ยนเป็นภาพมายาภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาและยิงใส่ข่ายอาคมอย่างดุเดือด ม่านปราการแสงขนาดมหึมาปรากฏตัวขึ้นในข่ายอาคมสีฟ้าและสะท้อนกลับการโจมตีของจ้าวอี้เจียน
  ใบหน้าของจ้าวอี้เจียนแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขากล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “แม้ว่าข่ายอาคมจะพังลง แต่มันก็ยังคงมีพลัง”
  เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจยอดฝีมือระดับจิตโลกาอย่างเขาไม่สามารถผ่านม่านปราการแสงนี้ได้
  เมื่อได้เห็นจ้าวอี้เจียนไม่สามารถทำได้สำเร็จเฮยซุน พานฮงและคนอื่นๆก็หยิบอุปกรณ์วิญญาณของพวกเขาออกมาและช่วยเสริม การโจมตีของพวกเขาทุกคนนั้นทรงพลังมาก พวกเขาโจมตีใส่ข่ายอาคมอย่างไม่ยั้งมือแต่มันก็ยังไม่สะทกสะท้าน
  “บัดซบ! ม่านปราการนี่แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ไม่มีทางที่เราจะฝ่ามันไปได้”
  จ้าวอี้เจียนกล่าวอย่างมืดมน
  ต้องกล่าวว่าจ้าวอี้เจียนในฐานะศิษย์อาวุโสของนิกายกระบี่สวรรค์ผู้เป็นอันดับหนึ่งในการจัดอันดับรายชื่อจิตโลกาก็ยังไม่สามารถทำลายม่านปราการแสงนี้ได้แม้จะร่วมมือกับยอดฝีมือคนอื่นๆ
  “อี้เจียน,ถอยไป อาจารย์จะทำลายม่านปราการนี้เอง”
  ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังและชัดเจนดังก้องมาจากระยะไกลๆ
  ในไม่ช้าผู้นำนิกายกระบี่สวรรค์, จ้าวเทียนเจียนก็บินมาถึง นอกจากเขาแล้วก็ยังมีเฒ่าอสูรโลหิตตามติดมาด้วย อย่างไรก็ตามกลับไม่เห็นราชาอสูรมีดวายุ, อาจารย์ของฉิงเฟิง
  “
  อาจารย์อยู่ไหนกัน
  ทำไมมีแต่สองคนนี้”   ใบหน้าของฉิงเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยและดูกระวนกระวายเขากลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับอาจารย์ของเขา
  จ้าวเทียนเจียนกล่าวขึ้นในขณะนี้ว่า“เฒ่าอสูรโลหิต เราจับตัวราชาอสูรมีดวายุไม่ได้เพราะมันหนีไปไกลแล้ว แต่เอาเถอะ สุสานจิตราชันแห่งนี้นับได้ว่าเป็นสมบัติ เราช่วยกันทำลายม่านปราการและฉกชิงของมีค่าได้”
  เฒ่าอสูรโลหิตพยักหน้าและยินดีรับข้อเสนอถึงแม้ว่าจ้าวเทียนเจียนกับเขาจะเป็นอริกัน แต่เรื่องที่สำคัญกว่าตอนนี้คือการทำลายม่านปราการของสุสานแห่งนี้เพื่อเข้าไปค้นหาขุมทรัพย์
  “
  วิชากระบี่อินทรีทองคำ
  !!
  “
  จ้าวเทียนเจียนคำรามและเหวี่ยงกระบี่ยาวของเขาออกมาเจตน์กระบี่ของเขารวมตัวเป็นอินทรีทองคำตัวหนึ่ง
  เจตน์กระบี่ของเขาก่อรูปร่างได้
  !
  จ้าวเทียนเจียนช่างสมแล้วที่เป็นประมุขนิกายกระบี่สวรรค์เขาไปไกลถึงขั้นก่อรูปเจตน์กระบี่ได้ !
  ฉิงเฟิงตื่นตระหนกในขณะที่ดวงตาทอประกายของความประหลาดใจ
  เจตน์กระบี่มีด้วยกันสิบขั้นการก่อรูปจากเจตน์กระบี่อย่างน้อยต้องบรรลุถึงขั้นที่ห้า นี่แสดงให้เห็นว่าประมุขนิกายกระบี่สวรรค์ผู้นี้อย่างน้อยก็บรรลุเจตน์กระบี่ถึงขั้นที่ห้าไปแล้ว เพราะเขาสามารถเปลี่ยนเจตน์กระบี่ให้เป็นรูปร่างนกอินทรีทองคำได้
  “
  ธงอสูรโลหิต
  !
  “  เฒ่าอสูรโลหิตหยิบธงสีแดงเลือดออกมาด้านบนของมันมีการแกะสลักรูนสีแดงเข้มเอาไว้ซึ่งทำให้มันดูน่ากลัวและกระหายเลือด
  ธงอสูรโลหิตเปลี่ยนเป็นฝ่ามือสีเลือดอันใหญ่โตมันนำมาซึ่งพลังมหาศาลและทุบทำลายม่านปราการของภูเขาจิตราชันอย่างหนัก
  การรวมพลังโจมตีของสองสุดยอดฝีมือเช่นจ้าวเทียนเจียนและเฒ่าอสูรโลหิตเริ่มทำให้ม่านปราการเกิดรอยแตก
  เมื่อเห็นว่ามีรอยปริแตกบนม่านปราการทองสองก็พึงพอใจมาก พวกเขาจู่โจมอย่างดุเดือดอีกครั้งบนม่านปราการแสง
  เมื่อโจมตีมากขึ้นม่านปราการก็มีรอยร้าวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จนในที่สุดมันก็ระเบิดออก ตามมาด้วยเสียงดัง “ปัง !” ม่านปราการแสงอันแข็งแกร่งกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยมากมายและหายไปในอากาศ
  หลังจากม่านแสงป้องกันแตกออกภูเขาจิตราชาที่สูงนับพันเมตรที่ตั้งตะหง่านอยู่เบื้องหน้าก็ระเบิดและกลายเป็นชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน
  เมื่อภูเขาระเบิดและหายไปก็ปรากฏเจดีย์สีน้ำเงินสูงสามชั้นต่อหน้าทุกคนอย่างน่าอัศจรรย์
  เจดีย์
  สุสานจิตราชันเป็นเจดีย์งั้นหรือ
  ทุกคนตกใจอย่างยิ่ง
  หลังจากที่มนุษย์สิ้นอายุขัยก็มีวิธีฝังศพมากมายมีทั้งการขุดหลุมฝังศพใต้พื้นดิน ฝังศพในแม่น้ำ ฝังศพในหอคอยหรือวิหาร
  อย่างไรก็ตามการฝังศพในเจดีย์นั้นหายากมากๆ มีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถฝังศพในที่เช่นนี้ คนทั่วไปไม่อาจเอื้อมในการฝังศพที่หรูหราขนาดนี้ได้
  “ฮ่าๆๆศพของผู้ฝึกตนขอบเขตจิตราชันที่เล่าขานกันย่อมอยู่ในเจดีย์สีน้ำเงินแห่งนี้ เป็นไปได้สูงว่ามันต้องมีอุปกรณ์วิญญาณระดับจักรพรรดิด้วย !”
  จ้าวเทียนเจียนหัวเราะลั่นและพุ่งตรงไปยังเจดีย์สีน้ำเงินเบื้องหน้า
  ในเมื่อไร้ซึ่งข่ายอาคมและม่านปราการแสงจ้าวเทียนเจียนรีบดิ่งเข้าไปภายในเจดีย์สีน้ำเงินอย่างรวดเร็ว เฒ่าอสูรโลหิตเริ่มตระหนกเมื่อเห็นอีกฝ่ายนำหน้าไปแล้ว เขาไม่ต้องการให้จ้าวเทียนเจียนได้สมบัติไปก่อน
  ฟุ่บ!
  หลังจากจ้าวเทียนและเฒ่าอสูรโลหิตเข้าไปในเจดีย์สีน้ำเงินจู่ๆก็มีชายวัยกลางคนที่สวมชุดสีดำปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจดีย์สีน้ำเงินราวกับภูติพรายอย่างไม่มีผู้ใดคาดคิด
  ชายวัยกลางผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือราชาอสูรมีดวายุที่แอบซุ่มอยู่ใกล้ๆบริเวณนี้นั่นเอง
  “เฟิงน้อยอาจารย์จะช่วยเจ้ายึดชิงอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงในนั้นมาให้ เราแยกกันชั่วคราว จงดูแลตัวเองให้ดี”
  ราชาอสูรมีดวายุกล่าวกับฉิงเฟิงและขยับร่างเข้าไปในเจดีย์สีน้ำเงินทันที

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *