My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา 728 ร่วมมือกับเทพธิดา

Now you are reading My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา Chapter 728 ร่วมมือกับเทพธิดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  ฉิงเฟิงได้พบกับผู้คนจำนวนมากที่ตีนเขาไม่ว่าจะเป็นเหล่าศิษย์สาวกของสี่ตระกูลใหญ่จากเมืองเทียนจิง เช่น กู่เจี้ยนหลง เจียงไป่เต๋า ถังหยุน จางตงและคนอื่นๆอีกมากมาย
  แน่นอนว่าย่อมไม่ได้มีเพียงแค่ผู้คนจากสี่ตระกูลใหญ่เท่านั้นแต่ยังมีกองกำลังและกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์จากที่อื่นอีกด้วย เช่น เหลิงเสวี่ยจากนิกายโลหิตสีชาดและเฮลคิงจากตำหนักโกสคิง
  เฮลคิง เจ้าหมอนี่ก็มาด้วยจริงๆ !
  ฉิงเฟิงพึมพำในใจ
  ศิษย์พี่ทั้งสองคนของเขาเฮยหวู่ชางและไป๋หวู่ชางถูกสังหารด้วยน้ำมือฉิงเฟิง มีเพียงเฮลคิงที่รอดไปได้
  คนที่กล่าวถึงข้างต้นคือศัตรูของฉิงเฟิงแทบทั้งสิ้นแต่นอกจากศัตรูเหล่านี้ ก็มีผู้ที่ยังนับได้ว่าเป็นสหายของฉิงเฟิงเช่นกัน ฉินเซียนจื่อแห่งตำหนักโห่วเย่อหวงตี้
  นับตั้งแต่ข่าวของสุสานแกรนด์มาสเตอร์ได้แพร่กระจายออกไปไม่เพียงแค่ยอดฝีมือในหัวเซี่ยเท่านั้นที่มา แต่ยังมีชาวต่างชาติจากกลุ่มอื่นๆมาอีกด้วย เช่น กัวซื่อเว่ยราชันมวยและสมาคมมือสังหารจากรัสเซีย,ตูลูธ พวกเขาทั้งหมดต่างก็มาที่นี่เพื่อหมายจะช่วงชิงสมบัติล้ำค่าภายในสุสาน
  ทันใดนั้นมีแววตาที่เยือกเย็นคู่หนึ่งจ้องมาที่เขา เจตนาฆ่าที่หลอกหลอนสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นี้
  ฉิงเฟิงพบว่าเจตนาฆ่านี้มาจากผู้หญิงคนหนึ่งเธอดูดีไม่น้อย เรือนร่างผอมบางและตัวสูง อย่างไรก็ตาม เธอมองฉิงเฟิงด้วยเจตนาฆ่าที่เปี่ยมล้นในดวงตาของเธอ
  แปลกมากฉันไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน แต่ทำไมเธอถึงจ้องฉันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อขนาดนี้
  ฉิงเฟิงมองกลับไปที่ผู้หญิงคนนั้นดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าความเกลียดชังของเธอนั้นมาจากไหนกันแน่
  “วูฟคิงผู้หญิงคนนั้นคือเตี๋ยชุ่ยหลัน คุณหนูจากนิกายหมัดเหล็ก คุณมีความแค้นกับเธอมาก่อนหรือเปล่า ” ลั่วหนี่ชิงเอ่ยถาม ในขณะที่เธอก็สัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าที่รุนแรงจากเธอเช่นกัน
  คุณหนูจากนิกายหมัดเหล็กเตี๋ยชุ่ยหลัน
  ฉิงเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมเธอถึงมีเจตนาฆ่าต่อเขารุนแรงเช่นนี้ เนื่องจากเขาได้สังหารเตี๋ยเมิ่ง คุณชายแห่งนิกายหมัดเหล็กซึ่งเป็นน้องชายของเตี๋ยชุ่ยหลัน เธอมาเพื่อแก้แค้นให้น้องชายนั่นเอง
  “เวรแล้วไงดูเหมือนว่างานนี้หันไปทางไหนฉันก็เจอแต่ศัตรูทั้งนั้น !”
  ฉิงเฟิงพึมพำกับตัวเองเขารู้สึกหดหู่เล็กน้อย
  เพียงแค่เขามาถึงตีนเขายังไม่ทันเข้าไปในสุสานเขาก็ตระหนักว่าตนเองถูกรายล้อมไปด้วยศัตรูมากมายซึ่งเขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน นอกจากนี้ศัตรูทุกคนต่างก็แข็งแกร่งไม่น้อย
  แน่นอนว่าเหล่าสาวกพวกนี้มีผู้ติดตามหลายคน ส่วนใหญ่จะประมาณสิบคน ในการเข้าไปสำรวจสุสาน กลุ่มไม่ควรจะเล็กหรือใหญ่เกินไป สิบคนต่อทีมเป็นจำนวนที่พอเหมาะที่สุด
  มีบางคนนำทีมมาด้วยกลุ่มใหญ่ในขณะที่บางคนก็มาด้วยตัวเอง เช่น กัวซื่อเว่ย เขาฉายเดี่ยว ส่วนตูลูธมาพร้อมกับมือสังหารอีก 9 คน
  เมื่อได้เห็นฉิงเฟิงทั้งฉินเซียนจื่อและกัวซื่อเว่ยก็เดินมาหา ทั้งสองคนนับเป็นสหายที่ดีต่อฉิงเฟิง พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
  ฉินเซียนจื่อเป็นคุณหนูแห่งตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ซึ่งมีผู้ติดตามเป็นยอดฝีมือ9 คนของนิกาย คนเหล่านี้ต่างก็เป็นรุ่นเยาว์แต่ทุกคนเป็นยอดฝีมือขั้นเหนือสวรรค์ขึ้นไปทั้งสิ้น ต้องกล่าวว่าในฐานะหนึ่งในตัวตนทรงพลังที่มีอิทธิพลที่สุดในหัวเซี่ย มียอดฝีมือที่แข็งแกร่งมากมายในนิกายนี้
  !
  “วูฟคิงท่านต้องการเข้าร่วมกับตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ของพวกเรามั้ย ” ฉินเซียนจื่อเดินมาหาฉิงเฟิงและเชิญเขาทันที
  เมื่อได้ยินที่ฉินเซียนจื่อกล่าวลั่วหนี่ชิงก็รู้สึกไม่พอใจ ริมฝีปากสีแดงสดของเธอเชิดขึ้นเล็กน้อยและเธอก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฉินเซียนจื่อ ! วูฟคิงเป็นตัวแทนและคนของตระกูลลั่วในการเข้าไปในสุสานแกรนด์มาสเตอร์ การที่เธอมาดึงตัวเขาตอนนี้หมายความว่าอย่างไร ”
  ผู้หญิงสองคนนี้ต่างก็เป็นสุดยอดสาวงามอย่างไรก็ตาม พวกเธอไม่ลงรอยกันมานาน และกระทบกระทั่งกันมาตลอด ฉินเซียนจื่อขุ่นเคืองมาตลอดเวลาที่ลั่วหนี่ชิงชนะเธอในการชิงตัวฉิงเฟิง
  “ลั่วหนี่ชิงข้าก็สนใจในตัววูฟคิงเช่นกัน ครั้งนี้พวกเราร่วมมือกันดีมั้ย ”   ถึงแม้ว่าฉินเซียนจื่อจะไม่ชอบลั่วหนี่ชิงเท่าใดนักแต่เธอก็ต้องแสดงเจตนาอันดีเพราะความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฉิงเฟิง
  ฉินเซียนจื่อรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของฉิงเฟิงด้วยการช่วยเหลือของเขา กล่าวได้เลยว่าลั่วหนี่ชิงแทบจะไร้เทียมทาน
  ลั่วหนี่ชิงขมวดคิ้วเรียวงามและเริ่มพิจารณาถึงผลประโยชน์และข้อดีข้อเสียของการร่วมมือครั้งนี้ในใจ
  ในขณะนี้เตี๋ยชุ่ยหลันแห่งนิกายหมัดเหล็กก็เดินไปพบกู่เจี้ยนหลง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้จักกันมาก่อนและบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ทีมของทั้งคู่รวมกันกลายเป็นมากกว่า 20 คนซึ่งทำให้เกิดแรงกดดันต่อทุกคน
  เมื่อได้เห็นความร่วมมือของเตี๋ยชุ่ยหลันและกู่เจี้ยนหลงกลุ่มอื่นๆก็เริ่มหันไปจับมือกัน เจียงไปเต๋าร่วมมือกับถังหยุน ทั้งคู่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองเทียนจิงและรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะตกลงร่วมมือกัน  ส่วนเหลิงเสวี่ยยอดยุทธ์ขั้นเหนือสวรรค์อันดับหนึ่งในรายชื่อยอดยุทธ์ขั้นเหนือสวรรค์ก็หันไปร่วมมือกับเฮลคิงจากตำหนักโกสคิง และบรรลุข้อตกลงร่วมกัน
  ส่วนตูลูธเขาไม่ร่วมมือกับใครและนำเหล่ามือสังหารทั้งสิบเดินนำหน้าไปด้วยตัวเอง
  จากนั้นไม่นานฝูงชนก็แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ใบหน้าของลั่วหนี่ชิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ลำพังเพียงแค่กลุ่มของพวกเขาเองก็แข็งแกร่งมากพอแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขายังไปรวมกองกำลังกันอีก
  แม้ว่าลั่วหนี่ชิงก็มาจากตระกูลใหญ่แต่เธออาจจะเป็นอันตรายได้ถ้าหากเจียงไป่เต๋าไปร่วมมือกับถังหยุน หากเป็นแค่เพียงกลุ่มเดียว เธอก็คงไม่เป็นกังวลเช่นนี้
  ฉิงเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆเธอและเห็นรูปแบบของความร่วมมือเหล่านี้เขาย่นคิ้วเล็กน้อย การรวมกลุ่มกันเช่นนี้มีอิทธิพลมากเกินไป
  ถ้าหากเป็นศัตรูเพียงกลุ่มเดียวฉิงเฟิงไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น เขาสามารถต่อกรกับยอดฝีมือที่มีระดับสูงกว่าได้ด้วยการเปิดใช้งานพลังแห่งสายเลือดของเขา อย่างไรก็ตาม มันมีผลข้างเคียงที่รุนแรงมาก เมื่อเวลาของมันหมดลง ฉิงเฟิงก็จะอ่อนแอลงอย่างมากและกลายเป็นหมูในอวยให้พวกเขาสับเล่น
  “มิสลั่วฉันคิดว่าคุณหนูฉินกล่าวถูกต้องแล้ว อิทธิพลของความร่วมมือจากกลุ่มอื่นๆนั้นมีความแข็งแกร่งเกินไป พวกเราจำเป็นต้องหาพันธมิตรด้วยเช่นกัน”
  ถ้าหากฉิงเฟิงบินเดี่ยวเขาก็สามารถสู้พลางถอยพลางและฉกฉวยโอกาสที่ดีที่สุดได้ แต่ตอนนี้เขาต้องการเถาวัลย์อีกาดำและต้องคอยดูแลลั่วหนี่ชิง เขาต้องคอยรับมือกับยอดฝีมือคนอื่นๆอีกมากมาย ด้วยเหตุนี้เขาจึงเห็นด้วยที่ต้องหาพันธมิตร
  ลั่วหนี่ชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายเธอพยักหน้าและกล่าวว่า “ก็ได้ ฉินเซียนจื่อ ชั้นตกลงเป็นพันธมิตรกับตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ของเธอ อย่างไรก็ตาม สมบัติที่กองกำลังผสมของพวกเราได้รับจะต้องแบ่ง 50-50”   เมื่อได้ยินเช่นนี้ชายหนุ่มผมสั้นคนหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังของฉินเซียนจื่อก็ขมวดคิ้วและกล่าวโพล่งเสียงเย็นชาออกมาว่า “ไม่ได้ ! สมบัติจะต้องแบ่ง 30-70 พวกเราได้ 70 พวกเธอได้ 30”
  ชายหนุ่มที่มีผมสั้นคนนี้มีชื่อว่าฉินตงเขาเป็นศิษย์หลักของจ้าวตำหนักโห่วเย่อหวงตี้และมีศักดิ์ฐานะเป็นศิษย์พี่ของฉินเซียนจื่อ เขามีสถานะสูงส่งยิ่งภายในนิกายและมีความแข็งแกร่งมาก
  ในความเห็นของฉินตงการที่ตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ลดตัวลงไปขอเป็นพันธมิตรชั่วคราวกับตระกูลลั่วนั้นก็มากเกินพอแล้ว ถ้าหากไม่ใช่ว่าฉินเซียนจื่อเป็นคนออกหน้าพูดออกมาเอง ก็ไม่มีทางที่นิกายของเขาจะร่วมมือกับใครหน้าไหนทั้งนั้น
  อะไร
  แบ่งสมบัติกัน
  30  ต่อ
  70
  ลั่วหนี่ชิงและฉิงเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยความขุ่นเคืองปรากฏขึ้นในสายตาของทั้งคู่ พวกเขารู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้โลภมากนัก สิ่งที่เขาเสนอนั้นไม่แฟร์แม้แต่น้อย
  “แบ่ง30-70 งั้นเหรอ ไม่มีทาง ! เอาเปรียบกันเกินไปแล้ว ต้อง 50-50 เท่านั้น” ลั่วหนี่ชิงกล่าวอย่างหนักแน่น
  ลั่วหนี่ชิงพาคนมาด้วยถึง9 คน สมบัติที่ในทีมได้มาจะต้องหาร 9 ถ้าหากเป็นพันธมิตรกับตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ก็จะกลายเป็นกลุ่มใหญ่กว่าเดิม หากทีมของเธอได้ส่วนแบ่งเพียงแค่ 30 % ก็แทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว
  ฉินตงกล่าวอย่างเย็นชาว่า“เหอะ ตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ของพวกเรามีความแข็งแกร่งมาก พวกเราต้องได้มากกว่าไม่งั้นก็ไม่ต้องมาเป็นพันธมิตรกัน
  ฉินตงอยู่ในสถานะที่ทรงอำนาจมากพิจารณาถึงตัวตนและความแข็งแกร่งของเขา เขาไม่ได้เห็นตระกูลลั่วอยู่ในสายตา
  ฉิงเฟิงคิดไอเดียหนึ่งออกเขากล่าวขึ้นว่า “ถ้าให้แบ่งพวกนาย 70% มันมากกเกินไป ฉันมีข้อเสนอ เอาเช่นนี้ไหม เราแบ่งสมบัติกันตามผลงาน หากในเวลานั้นใครที่มีผลงานมากก็จะได้รับส่วนแบ่งมากกว่า นายคิดว่าไง ”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *