My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา 1010 พานพบในที่สุด

Now you are reading My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา Chapter 1010 พานพบในที่สุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1010 พานพบในที่สุด
  อึก… ..
  มองไปที่ชายวัยกลางคนที่ดูผ่ายผอมและอ่อนระโหยโรยแรงฉิงเฟิงก็มีน้ำตาขึ้นมาทันทีเพราะชายวัยกลางคนที่ผอมแห้งผู้นี้ก็คืออาจารย์คนแรกของเขา ราชาอสูรมีดวายุ
  ราชาอสูรมีดวายุเป็นหัวหน้าของราชันอสูรทั้งสิบภายในร่มเงาของราชันผู้พิชิตผู้ซึ่งเคยท่องไปทั่วหล้าและเอาชนะสุดยอดฝีมือมากมายพร้อมกับราชันผู้พิชิต ชายผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่หวาดกลัวของนักสู้มากมาย แต่ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชอย่างยิ่ง
  “ท่านอาจารย์!!” ฉิงเฟิงตะโกนออกมาสุดเสียงด้วยน้ำตาบนใบหน้าของเขา
  เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของฉิงเฟิงชายวัยกลางคนก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “ฉิงเฟิง….. เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร ?”
ตอนที่ 1010 พานพบในที่สุด
  อึก… ..
  มองไปที่ชายวัยกลางคนที่ดูผ่ายผอมและอ่อนระโหยโรยแรงฉิงเฟิงก็มีน้ำตาขึ้นมาทันทีเพราะชายวัยกลางคนที่ผอมแห้งผู้นี้ก็คืออาจารย์คนแรกของเขา ราชาอสูรมีดวายุ
  ราชาอสูรมีดวายุเป็นหัวหน้าของราชันอสูรทั้งสิบภายในร่มเงาของราชันผู้พิชิตผู้ซึ่งเคยท่องไปทั่วหล้าและเอาชนะสุดยอดฝีมือมากมายพร้อมกับราชันผู้พิชิต ชายผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่หวาดกลัวของนักสู้มากมาย แต่ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชอย่างยิ่ง
  “ท่านอาจารย์!!” ฉิงเฟิงตะโกนออกมาสุดเสียงด้วยน้ำตาบนใบหน้าของเขา
  เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของฉิงเฟิงชายวัยกลางคนก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “ฉิงเฟิง….. เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร ?”   “ท่านอาจารย์ผมมาที่นี่เพื่อช่วยท่าน !” ฉิงเฟิงตะโกนตอบกลับ
  “ฉิงเฟิงสถานที่นี้อันตรายมาก ! จงรีบออกไปซะ!” ใบหน้าของราชาอสูรมีดวายุเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและเจ็บปวด เขาตะโกนบอกฉิงเฟิงให้รีบหนีไป
  ฉิงเฟิงส่ายหัวแล้วพูดว่า“ไม่ได้ครับท่านอาจารย์ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะช่วยท่านออกไปจากที่นี่ได้”
  ในขณะที่พวกเขาทั้งสองกำลังพูดคุยกันศพโลหิตก็มารวมตัวกันและพุ่งเข้าใส่พวกเขา พวกมันทุกตัวต่างก็แข็งแกร่งมากจนเปรียบได้กับยอดฝีมือขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลาย และมีบางตัวมีพลังในขั้นสูงสุดอีกด้วย !
  ฉัวะ!
  ศพโลหิตพุ่งเข้าหาฉิงเฟิงแต่เขาก็ชักกระบี่ออกมาแล้วเหวี่ยงตัดศีรษะของพวกมันอย่างง่ายดาย  ศพโลหิตเหล่านี้แข็งแกร่งก็จริงแต่พวกมันยังไม่ใช่คู่มือของฉิงเฟิง, จ้าวซานเจียนและยอดฝีมือคนอื่นๆ
  ทันใดนั้นเองรัศมีพลังที่แข็งแกร่งก็เริ่มเปล่งแสงออกจากบ่อเลือดศพโลหิตขนาดมหึมาปืนป่ายออกมาอย่างน่าสยดสยอง ศพโลหิตตนนี้สูงใหญ่กว่าตัวอื่นอย่างมาก มันมีความสูงอย่างน้อยสามเมตรโดยทั่วทั้งร่างกายของมันเต็มไปด้วยเลือดสดๆปกคลุม ดวงตาสีแดงก่ำของมันจ้องมองไปที่ฉิงเฟิงและคนอื่นๆอย่างเหี้ยมเกรียม มันคือราชาศพโลหิตนั่นเอง !
  “
  ม่านแสงวิญญาณโลกา
  !”
  ราชาศพโลหิตสร้างม่านพลังงานแสงสีแดงและขังจ้าวซานเจียนไว้ในนั้น
  ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาไม่สามารถขยับร่างกายได้แม้แต่นิ้วเดียวภายในม่านแสงโลกา สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือมองไปที่ราชาศพโลหิตอย่างตื่นตกใจ
  “
  ตาย
  !
  “
  มันเหยียดแขนขวาของมันออกมาแขนเปื้อนเลือดข้างนั้นมีพลังอันน่าสะพรึงกลัว และด้วยการฟาดเพียงครั้งเดียวมันก็สามารถปลิดชีพจ้าวซานเจียนผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นสูงสุดได้ !
  จ้าวซานเจียนเป็นศิษย์อัจฉริยะในนิกายกระบี่สวรรค์แต่เขาก็อ่อนแอเหมือนมดเมื่ออยู่ต่อหน้าราชาศพโลหิต
  “นี่มันราชาศพโลหิตที่มีพลังในระดับจิตโลกา!” ดวงตาฉิงเฟิงและคนอื่นๆต่างก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ
  เขาไม่เคยคิดเลยว่าราชาศพโลหิตจะมีพลังในระดับจิตโลกามันแข็งแกร่งกว่าพวกเขาทั้งหมดในที่นี้
  ราชาศพโลหิตกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเต็มไปด้วยจิตสังหารว่า“เจ้าพวกมนุษย์ที่โง่เขลา ในเมื่อพวกเจ้ากล้าที่จะเข้ามาในถ้ำอสูรโลหิต พวกเจ้าทุกคนต้องตาย !”
  มันเป็นผู้พิทักษ์ของถ้ำแห่งนี้ใครก็ตามที่บุกเข้าไปในถ้ำจะต้องถูกมันฆ่าและกลายเป็นกองกระดูก ยิ่งไปกว่านั้นมนุษย์เหล่านี้ก็นับเป็นแหล่งโลหิตชั้นเลิศในการเติมเต็มสระเลือด
  เหล่าสาวกจากนิกายกระบี่สวรรค์,ดาบทมิฬและศิลาต่างก็เริ่มรู้สึกสำนึกเสียใจที่มาที่นี่ ราชาศพโลหิตนั้นแข็งแกร่งเกินไปและพวกเขาทุกคนก็ไม่ใช่คู่มือของมันอย่างแน่นอน
  ฟุ่บฟุ่บ ฟุ่บ …
  ทุกคนต่างหันหลังกลับและแยกย้ายกันหนีไปคนละทิศคนละทางพวกเขาไม่มั่นใจและไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน  “เฮอะ!”
  ราชาศพโลหิตแค่นเสียงอย่างดูถูกมันอ้าปากพ่นบอลแสงสีแดงเพลิงและยิงไปหาเหล่าสาวกคนอื่นๆจากนิกายกระบี่สวรรค์ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ฉิงเฟิงไม่ได้ยื่นเข้าช่วยเพราะเขาก็ไม่ได้ชอบขี้หน้าคนของนิกายกระบี่สวรรค์เท่าใดนัก
  “
  ม่านแสงโลกา
  !”
  ราชาศพโลหิตได้ใช้ม่านแสงจิตโลกาออกมาอีกครั้งคราวนี้เป้าหมายของมันอยู่ที่ฮวาเซียนจื่อและฉินเซียนจื่อ ม่านพลังแสงที่แข็งแกร่งได้ครอบคลุมร่างของพวกเธอไว้ภายใน
  เมื่อฉิงเฟิงได้เห็นเหตุการณ์นี้ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ผู้หญิงสองคนนี้มีบุญคุณต่อเขา อีกทั้งยังเป็นสหายที่ดี เขาไม่อาจนิ่งดูดายต่อความเป็นความตายของพวกเธอได้  ราชาศพโลหิตเหยียดมือขวาออกด้วยคลื่นกระแทกขนาดมหึมา พลังขุมนี้พุ่งไปหาฮวาเซียนจื่ออย่างดุดัน หากคลื่นพลังนี้กระทบร่างเธอ เธอต้องตายอย่างแน่นอน
  วูบ!
  ฉิงเฟิงใช้ออกด้วยท่าร่างก้าวมังกรและไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าฮวาเซียนจื่อในพริบตาเขาเหวี่ยงกำปั้นขวาของเขาออกไปทันที พลังแท้จากทั่วทั้งหมัดก่อให้เกิดแฟนท่อมขุนเขาและสายน้ำขนาดมหึมาขึ้นและปะทะเข้ากับฝ่ามือของราชาศพโลหิตจนเกิดเสียงดัง ปัง !
  ครืด,ครืด !!!!
  ฉิงเฟิงถอยรูดไปถึงสี่ก้าวและรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่หมัดของเขานักสู้ในระดับนี้แข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาจะรับไหว เนื่องจากตอนนี้เขามีพลังเพียงขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นสูงสุดเท่านั้น
  เช้ง!
  ฉิงเฟิงชักกระบี่เพลิงคะนองออกมาและตัดสินใจที่จะโจมตีก่อนเขาเหวี่ยงกระบี่ในทันทีกลางอากาศซึ่งก่อให้เกิดร่างเงาของเพลิงภูเขาไฟปะทุอันเกรี้ยวกราดและพุ่งเข้าหาราชาศพโลหิต
  ราชาศพโลหิตโบกมือขวาของมันและก่อตัวเป็นร่างเงาของกรงเล็บอันใหญ่โตซึ่งทำให้เพลิงภูเขาไฟของฉิงเฟิงถูกทำลายอย่างง่ายดาย
  แววตาของฉิงเฟิงกลายเป็นจริงจังราชาศพโลหิตตนนี้แข็งแกร่งเกินไปและฉิงเฟิงก็ขาดทั้งวิชาและพลังดั้งเดิมเมื่อเทียบกับมัน
  มือขวาของมันก่อตัวเป็นกรงเล็บสีเลือดขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งซึ่งสูงใหญ่กว่าสิบเมตรมันพุ่งเข้าใส่ร่างของฉิงเฟิงด้วยความเร็วที่มากกว่าครั้งที่แล้วและกระแทกเขาจนลอยขึ้นไปในอากาศ
  “อั่ก….!”
  ฉิงเฟิงกระอักเลือดคำโตออกมาจากอาการบาดเจ็บที่รุนแรงร่างกายของเขาสั่นสะท้านไม่หยุด  “
  เจ้าหนูเจ้ายังมิใช่คู่มือของอมนุษย์ตนนี้ แต่มันก็มีจุดอ่อน มันอ่อนแอต่อสายฟ้า เจ้าสามารถสังหารมันได้ด้วยมุกอัสนีฟ้าที่เจ้ามี”
  น้ำเสียงมังกรเพลิงดังขึ้นในหัวของฉิงเฟิง
  เมื่อได้ยินคำพูดของมังกรเพลิงสีหน้าของฉิงเฟิงก็เปลี่ยนไป แววตาของเขาเบิกบานขึ้น เขาลืมเรื่องมุกอัสนีฟ้าไปเสียสนิทใจ
  มังกรเพลิงแนะนำได้ถูกต้องสายพันธุ์ชั่วร้ายทุกสายล้วนหวาดกลัวต่อธาตุแสงและสายฟ้าโดยกำเนิด
  ฉิงเฟิงหยิบมุกอัสนีฟ้าขึ้นมาแล้วเปล่งเสียงท่องบทสวดเงียบๆเพื่อเปิดใช้งานสายฟ้าที่กักเก็บไว้อยู่ในไข่มุกอัสนีฟ้า
  ครืน………..
  !
  ~
  สายฟ้าปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้าและพุ่งเข้าสู่ร่างกายของราชาศพโลหิตด้วยความเร็วและความรุนแรงมหาศาลสุดคาดคิด
  ตูม
  !!
  แกร่กแกร่ก แกร่ก
  !!
  เสียงแตกดังออกมาจากร่างของราชาศพโลหิตและเนื้อหนังของมันก็กลายเป็นสีดำเกรียมซึ่งส่งกลิ่นที่รุนแรงของเนื้อที่ถูกย่างจนสุก
  มีควันลอยออกมาจากร่างของราชาศพโลหิตและดวงตาของมันก็เปล่งประกายไปด้วยความกลัวเผ่าพันธุ์ชั่วร้ายอย่างพวกมันกลัวฟ้าผ่าและสายฟ้ามากที่สุด มันคาดไม่ถึงว่าชายหนุ่มคนนี้จะสามารถควบคุมสายฟ้าได้
  สายฟ้าฟาดส่งผลให้ราชาศพโลหิตได้รับบาดเจ็บสาหัสและทำให้พลังของมันลดลงถึงครึ่งหนึ่ง  ฉิงเฟิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ตอนนี้มุกอัสนีฟ้าของเขาสามารถเรียกสายฟ้าออกมาได้ครั้งเดียวหากมันสามารถโจมตีได้มากกว่านี้ก็คงเพียงพอในการฆ่าราชาศพโลหิต
  ฉิงเฟิงโคจรพลังไปไว้ที่ปลายนิ้วชี้และคำรามออกมา
  “
  หนึ่งดรรชนีแยกสรรพสิ่ง
  !”
  ลำแสงสีฟ้าที่ทรงพลังพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเขาและตกกระทบลงบนร่างของราชาศพโลหิตอย่างไร้ความปราณีลำแสงเจาะทะลวงร่างของมันจนเป็นรูและแยกร่างของมันออกเป็นสองส่วน
  เพียงนิ้วเดียวราชาศพโลหิตก็ตายลง
  เมื่อเห็นว่าราชาศพโลหิตถูกหลี่ฉิงเฟิงสังหารสิ้นทุกคนต่างก็ตกตะลึง เจ้าอมนุษย์ตนนี้มีพลังระดับจิตโลกาแต่มันกลับถูกหลี่ฉิงเฟิงสังหารอย่างง่ายดาย ทุกคนต่างมองฉิงเฟิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ
  “ท่านอาจารย์ผมจะช่วยท่านออกไปได้อย่างไรครับ ” ฉิงเฟิงกล่าวกับราชาอสูรมีดวายุ
  เมื่อได้เห็นว่าฉิงเฟิงแข็งแกร่งและทรงพลังเพียงใดแววตาของราชาอสูรมีดวายุก็เต็มไปด้วยความตกใจและปลาบปลื้มยินดี เขาคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ไม่ได้พบลูกศิษย์คนนี้มานานหลายปี เขาจะเติบโตขึ้นขนาดนี้
  อย่างไรก็ตามราชาอสูรมีดวายุฉุกคิดเกี่ยวกับอันตรายของถ้ำแห่งนี้ขึ้นได้และร่ำร้องออกมาว่า “ไม่ต้องสนใจข้า เจ้าควรจะรีบหนีไปก่อน !”
  ฉิงเฟิงรู้สึกงุนงงแววตาเต็มไปด้วยความสับสน เขาคิดในใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์ของเขาในเมื่อเขาฆ่าราชาศพโลหิตไปแล้ว ทำไมเขาถึงไม่อยากให้ช่วยและให้รีบหนีไป

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *