My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา 972 ดาราผู้พิชิตที่ลึกลับ

Now you are reading My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา Chapter 972 ดาราผู้พิชิตที่ลึกลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 972 ดาราผู้พิชิตที่ลึกลับ
  สามชั่วโมงต่อมา
  ในที่สุดเรือลำใหญ่ก็ถูกสร้างขึ้นด้วยความพยายามและการร่วมแรงร่วมใจกันมันแข็งแรงมากด้วยลำเรือและดาดฟ้าที่ทำจากต้นไม้เก่าแก่
  ฉิงเฟิงลองให้เจ้าโล้นใช้หมัดอันแข็งแกร่งทุบใส่เรือเขาค่อนข้างพอใจทีเดียวเพราะว่าเรือไม่เสียหายแม้แต่น้อย เนื่องจากท่อนน้ำที่นำมาสร้างเรือเหล่านี้ทำจากต้นไม้ที่มีอายุนับศตวรรษ มันเป็นวัสดุที่สมบูรณ์แบบสำหรับการต่อเรือ
  ไม้เหล่านี้ถูกมัดด้วยเถาวัลย์สีดำอย่างแน่นหนาข้างบนแขวนผ้าใบขนาดใหญ่เอาไว้
  “เรือพร้อมแล้ว! กลับหัวเซี่ยกันเถอะ” ฉิงเฟิงโบกมือให้ทุกคนด้วยความตื่นเต้นดีใจ
  เขาต้องการกลับไปหาหลินเสวี่ยกับหลิวหรูหยานโดยเร็วที่สุดอีกทั้งลูกสาวตัวน้อยของเขาอีกคน
  เมื่อได้ยินสิ่งนี้ทุกคนต่างก็มีความสุขพวกเขาอยากออกจากที่นี่และกลับสู่หัวเซี่ย พวกเขาเบื่อกับเกาะนี้แล้ว
  ฉิงเฟิงและทีมเขี้ยวหมาป่าช่วยกันยกเรือไปไว้ที่ชายฝั่งเพื่อเตรียมออกเดินทางจากนั้นเขาก็นำอาหารและน้ำดื่มมาไว้บนเรือล่วงหน้าเพื่อแก้ปัญหาเรื่องอาหารการกิน
  เมื่อเรือลอยบนทะเลฉิงเฟิงก็ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดูว่ามีรอยรั่วซึมหรือไม่
  “ค้างคาวม่วงนายคัดท้ายนะ ซวนจี๋นายบอกทิศ เจ้าโล้น, เย่เทียน พวกนายสองคนคอยเฝ้าระวัง”
  ราชาอสูรค้างคาวม่วงเดินไปที่ด้านหน้าหมุนพวงมาลัยแล้วมุ่งหน้าสู่มหาสมุทร
  มันเป็นเวลากลางวันพวกเขาไม่สามารถมองเห็นเส้นขอบฟ้าของมหาสมุทรสีครามอันกว้างใหญ่นี้ได้ การที่ถูกล้อมรอบไปด้วยมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เรือของพวกเขาก็เหมือนเด็กกำพร้าที่แล่นไปข้างหน้าอย่างเหงาหงอยไร้จุดหมาย
  หากเป็นคนธรรมดาย่อมต้องหลงทางในมหาสมุทรด้วยเรือไม้ลำน้อยนี้อย่างแน่นอนแต่สำหรับพวกเขาแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะลูซวนจี๋เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านผังแปดทิศและหยินหยาง เขาสามารถพยากรณ์อากาศและบอกทิศทางได้
  ด้วยความช่วยเหลือของลู่ซวนจี๋ค้างคาวม่วงพาพวกเขาฝ่าคลื่นลมแรงเพื่อแล่นเรือกลับไปยังหัวเซี่ย (เป็นกลุ่มผู้ฝึกตนที่อนาถชิบหาย…..)
  ในตอนแรกฉิงเฟิงและคนอื่นๆรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเกี่ยวกับการผจญภัยในมหาสมุทรที่ไร้ขอบเขตเมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็เริ่มรู้สึกเบื่อ การที่ถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำทะเลนั้น พวกเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้นอกจากปลาและสัตว์อสูรทะเลที่แหวกว่ายมาบ้างเป็นครั้งคราว  ‘บอสครับน่าเบื่อจัง’ เจ้าโล้นเดินไปหาฉิงเฟิงพร้อมกับชวนคุยด้วยความเบื่อหน่าย
  เรือลำนี้แล่นมาได้นานกว่าสิบชั่วโมงแล้วมันน่าเบื่อมากกับแสงจางๆของดวงอาทิตย์
  ฉิงเฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า‘คืนนี้เป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด ไม่เพียงแค่จะมีพายุ แต่อาจจะมีสัตว์อสูรทะเลที่ดุร้ายเข้ามาเล่นงานพวกเรา คอยตื่นตัวตลอดเวลาล่ะ’
  เจ้าโล้นตอบกลับคำพูดของฉิงเฟิงด้วยคำว่า‘เอ๋’ เขาเพิ่งตระหนักได้ถึงอันตรายของมหาสมุทรในช่วงเวลาที่เขาเคยปฏิบัติภารกิจกับทีมเขี้ยวหมาป่า เขารู้ว่ามหาสมุทรนั้นอันตรายกว่าบนบก
  แสงจากดวงอาทิตย์เริ่มจางลงดวงจันทร์ลอยขึ้นสูงเหนือมหาสมุทรบนท้องฟ้า ดวงดาวสว่างไสวเปล่งประกายอยู่บนท้องฟ้า
  ฉิงเฟิงแหงนมองดวงดาวบนท้องฟ้าเหล่านั้นแสงแห่งความตื่นตกใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา ไม่รู้เพราะเหตุใดแต่เขารู้สึกได้ว่า ในหมู่ดาราเหล่านี้มีชายคนหนึ่งอยู่ เห็นได้ชัดสำหรับเขาว่า มันเป็นเพียงกระแสจิตชนิดหนึ่งที่เกิดจากการฝึกฝนของเขาตามเคล็ดวิชากายาแดนชำระ เขาไม่เห็นมันด้วยตาเปล่า
  ทันใดนั้นเองฉิงเฟิงก็ตระหนักได้ว่าดวงดาวดวงที่สว่างไสวที่สุดทางทิศเหนือของท้องฟ้าซึ่งอยู่ใกล้กับดวงดาวเจ็ดดวงนั้นก็คือ ‘ดาราผู้พิชิต’ ซึ่งเป็นดาวที่นักดาราศาสตร์เพิ่งค้นพบมันได้ไม่นาน
  ดาราผู้พิชิต
  !
  ฉิงเฟิงเพ่งมองดาราดวงนี้อย่างใกล้ชิดเมื่อสามปีก่อน ตอนที่ดาวดวงนี้ถูกค้นพบ ทั่วทั้งโลกต่างก็ตกตะลึง พวกเขาไม่เคยจินตนาการได้เลยว่าจะมีดาวอีกดวงหนึ่งอยู่ในระบบสุริยจักรวาลของเราด้วย อีกทั้งดาราผู้พิชิตที่เพิ่งถูกค้นพบดวงนี้อยู่ใกล้กับโลกมนุษย์มากด้วย (ตอนนี้ระดับพลังของฉิงเฟิงยังไม่สูงพอที่จะรับรู้ถึงการคงอยู่ของ ‘คนเหล่านั้น’)   เกิดอะไรขึ้น
  ทำไมหยกที่พ่อมอบให้ฉันกำลังสั่นไหว
  ฉิงเฟิงกล่าวด้วยความสับสน
  เมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมาตอนที่ฉิงเฟิงเหม่อมองดวงดาวบนท้องฟ้า แผ่นหยกมรกตก็สั่นไหว มันคือ ‘ดรรชนีผู้พิชิต’ เคล็ดบ่มเพาะพลังที่พ่อของเขาทิ้งไว้ให้ก่อนจะจากไป
  ฉิงเฟิงหยิบแผ่นหยกออกมาอ่านเนื้อหาของวิชาดรรชนีผู้พิชิตอย่างระมัดระวัง
  วิชานี้เป็นวิชาบ่มเพาะพลังที่สร้างขึ้นโดยปราชญ์พิชิตสวรรค์มันมีทั้งหมดเก้าเคล็ดความ ซึ่งแม้แต่ขั้นแรก ขั้นที่ง่ายที่สุด ผู้ฝึกจะต้องมีระดับพลังในขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงเป็นอย่างน้อย มันจึงจะสำแดงออกมา
  ดรรชนีแห่งผู้พิชิต,มันก็เป็นไปตามชื่อของมัน มันเป็นการควบรวมพลังงานแท้ของทุกสรรพสิ่งบนโลกและบีบอัดอยู่ที่นิ้วเดียว ทุกอย่างจะพังพินาศด้วยพลังของนิ้วนี้
  ในตำนานกล่าวไว้ว่าดรรชนีแห่งผู้พิชิตมีทั้งหมดเก้าขั้น, หนึ่งนิ้วที่ชี้ออก บอกถึงการสิ้นสุดของดาวเคราะห์, ด้วยนิ้วนี้ จันทราและสุริยาจะหวนกลับ, ด้วยนิ้วนี้ กระทั่งกระแสของเวลาก็ยังหยุดเดิน !
  อย่างไรก็ตามฉิงเฟิงไม่สามารถสำแดงพลังเหล่านี้ออกมาได้เพราะการจะไปถึงขั้นนั้นเขาต้องมีพลังในขั้นปราชญ์
  ฉิงเฟิงมีพลังอยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้นเขาสามารถฝึกได้เพียงแค่ขั้นแรกเป็นอย่างมาก
  ‘
  เต๋าแห่งสวรรค์บรรจุไปด้วยเต๋านับพัน…
  ,
  เต๋าแห่งความอมตะ
  ,
  เต๋าแห่งปีศาจ
  ,
  เต๋าแห่งกระบี่  ,
  เต๋าแห่งดาบ
  ,
  เต๋าแห่งการปรุงยาส่วนข้า ฝึกฝนทำตามเต๋าแห่งผู้พิชิต พิชิตทุกสรรพสิ่งใต้ผืนนภา กวาดสิ้นไปทั่วโลกา ข้าได้นำพลังงานแท้จากสวรรค์และโลกามาหลอมรวมกับเลือดเนื้อกายา…..
  ’
  ฉิงเฟิงกำลังอ่านเคล็ดความของวิชาดรรชนีผู้พิชิตและเริ่มฝึกอย่างเงียบๆ
  ดาราแห่งผู้พิชิตดูเหมือนจะเห็นการฝึกฝนของฉิงเฟิงมันส่องแสงสีเงินเล็กน้อยและเข้าไปในร่างกายของเขา
  แม้ว่าจะดูไม่โดด่เด่นแต่แสงสีเงินนี้ก็ทรงพลังมาก มันมีพลังแห่งการสร้างของสรวงสวรรค์ที่สามารถขยายเส้นชีพจรของฉิงเฟิงให้กว้างขึ้น หนาขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น !
  ที่จริงแล้วดรรชนีผู้พิชิตเรียกว่าลำแสงพลังงานที่เกิดจากพลังงานแท้ซึ่งอัดฉีดจากเส้นชีพจรของเขาเช่นเดียวกับวิชา‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ แต่มีความรุนแรงและทรงพลังมากกว่าเมื่อเทียบกัน ดังนั้นจึงต้องการเส้นชีพจรที่เหนือกว่าคนปกติเพื่อใช้ในการกักเก็บพลังงานแท้
  ลูกบอลแสงสีเขียวกำลังเคลื่อนที่ช้าๆเพื่อปรับแต่งเส้นชีพจรของเขามันเหมือนกับว่าเส้นชีพจรของเขาถูกทุบด้วยค้อนเหล็กซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมันกลายเป็นมันวาวในระหว่างกระบวนการนี้
  ฉิงเฟิงนำทางแสงนั้นเพื่อปรับแต่งเส้นชีพจรทั้งหมดทั่วร่างกายของเขาแม้ว่าจะต้องเจ็บปวดอย่างมากในกระบวนการนี้ แต่เขาก็กัดฟันแน่นด้วยร่างกายที่สั่นเทาและใบหน้าที่ซีดเซียวอย่างแรง
  “บอสครับเกิดอะไรขึ้น !” ลู่ซวนจี๋เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นความผิดปกติของฉิงเฟิง เขาถามโพล่งขึ้นทันที
  ใบหน้าที่งดงามของราชินีอสูรเพลิงเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มเธอถลึงตามองลู่ซวนจี๋อย่างหนักและกล่าวเบาๆว่า “เขากำลังฝึกฝนเคล็ดบ่มเพาะพลังบางอย่างอยู่ ห้ามรบกวนเด็ดขาด พวกเจ้าเฝ้าจับตาดูสัตว์อสูรทะเลเหล่านั้นก็พอ”
  ลู่ซวนจี๋พยักหน้าในขณะที่เขารู้ว่าราชินีอสูรเพลิงกล่าวถูกต้องแล้วเธอมีเจตนาดีต่อฉิงเฟิงจริงๆ เพราะถ้าช่วงนี้ฉิงเฟิงถูกรบกวนจะทำให้เกิดความเสียหายต่อร่างกายอย่างรุนแรง
  ราชินีอสูรเพลิงเหลียวมองฉิงเฟิงด้วยความสับสนเธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเริ่มฝึกวิชาในตอนกลางคืน
  ที่จริงแล้วฉิงเฟิงฝึกวิชาดรรชนีผู้พิชิตในช่วงกลางวันมาแล้วแต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จเพราะวิชานี้จำเป็นต้องใช้แสงจากดาราผู้พิชิตเพื่อปรับแต่งเส้นชีพจรของเขา
  คราวนี้แสงจากดาราผู้พิชิตส่องสว่างขึ้นกระทบร่างเขาและช่วยให้เขาได้มีโอกาสปรับแต่งเส้นชีพจรเหล่านั้น นี่คือเหตุผลที่เขาฝึกมันในตอนนี้นั่นเอง
  ในเวลาเดียวกันไม่ไกลจากเรือของพวกเขา เรือใหญ่ลำหนึ่งกำลังจ้องมองมา กลุ่มโจรสลัดกำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขาด้วยสายตากระหายเลือด อันตรายกำลังใกล้เข้ามาแล้ว

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *