My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา 620

Now you are reading My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา Chapter 620 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 620 กลับเมืองตงไห่

แปล Tarhai

*แปลมาตั้ง 600 กว่าตอน เพิ่งจะรู้ว่าเมืองทะเลตะวันออกมันคือเมืองตงไห่ ไอ้เราก็คิดว่าเป็นเมืองสมมติในนิยาย ดังนั้นต่อไปนี้ [เมืองทะเลตะวันออก] ขอเปลี่ยนเป็น [เมืองตงไห่] นะครับ ดีด้วยพิมพ์สั้นดี 555*

“ฉะ ฉิงเฟิง เจ้าชํานาญเคล็ดในการหายใจแล้วงั้นหรือ ?” ลู่เต๋าซางถามในขณะที่เลิกคิ้วขึ้นด้วยรูปลักษณ์ที่ช็อคอย่างยิ่ง

น้ําเสียงของเขาสั่นเทา ดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ร่างกายของเขาก็ยังสั่นสะท้านอีกด้วย มันแสดงให้เห็นว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้

ฉิงเฟิงพยักหน้าของเขาและกล่าวว่า “ครับ ผมเข้าใจวิธีการหายใจทางผิวหนังแล้ว”

“อัจฉริยะ ฉิงเฟิงเจ้าเป็นอัจฉริยะในด้านการฝึกฝนอย่างแท้จริง ถ้าไม่เห็นกับตาข้าคงไม่ อาจทําใจเชื่อได้ เจ้ายอดเยี่ยมกว่าข้ามากนัก”ลู่เต๋าซางกล่าวสรรเสริญ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม

เมื่อครั้งแรกที่เขาฝึกฝนวิทยายุทธ์ เขาต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งเดือนเพื่อควบคุมการหายใจ แต่เป็นที่น่าพึ่งอย่างมากที่ลิ้งเฟิงสามารถชํานาญเทคนิคนี้ได้ภายในหนึ่งวัน!

ก่อนหน้านี้ระดับพลังสูงสุดของลู่เต๋าซางคือขีดสุดเหนือสวรรค์ แต่หลังจากได้รับบาดเจ็บแล้ว ความสามารถของเขาก็ลดลงมาจนอยู่ที่ขั้นปลายใต้สวรรค์เท่านั้น

เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของลู่เต๋าซางก็คือสามารถทะลวงจนถึงขั้นแกรนด์มาสเตอร์เหมือนอาจารย์ของเขา แต่จนถึงอายุปูนนี้เขาก็ยังทําไม่สําเร็จ

เมื่อมองผ่านฉิงเฟิง, ลู่เต๋าซางก็เริ่มเห็นความฝันของเขาที่กลับมาคืนมาอีกครั้ง นอกจากนี้เขายังมองเห็นถึงความหวังในการพาอาจารย์ของเขากลับมาจากดินแดนต้องห้ามอีกด้วย

ในตอนแรกที่เขามอบคัมภีร์จักรพรรดิยุทธ์ให้ฉิงเฟิง เพียงคิดแค่อยากจะลองดูว่าเขาจะสามารถฝึกได้หรือไม่ ซึ่งก็ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่หลังจากได้เห็นกับตา เขาก็รู้ว่าหวังหลาง (วูฟคิง) หลี่ฉิงเฟิงผู้นี้มีคุณสมบัติในการฝึกยุทธ์อย่างไร้ที่ติ

(แหม ไม่แปลกหรอกก็พ่อมัน……….)

สิ่งที่ทําให้ลู่เต๋าซางแปลกใจอย่างสิ้นเชิงก็คือความจริงที่ว่า หลี่ฉิงเฟิงไม่เพียงแค่มีคุณสมบัติที่น่าพึ่งเท่านั้น แต่เขาก็ยังอยู่เหนือปุถุชนทั่วไปอย่างแท้จริง เขาสามารถควบคุมการหายใจได้ภายในหนึ่งวัน เตาซางไม่เคยเห็นผู้ใดที่มีอัจฉริยภาพเท่าฉิงเฟิงมาก่อนในชีวิตของเขา

” ท่านเจ้าอาวาส เคล็ดการหายใจนี้ช่างเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างแท้จริง ผมรู้สึกเหมือนกับว่าบาดแผลบนร่างกายหายเป็นปกติแล้ว” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ครั้งนี้ฉิงเฟิงได้รับบาดเจ็บสาหัสไปทั่วทั้งตัว เขาเพิ่งจะฟื้นฟูได้เพียงแค่หนึ่งสามหลังจากดื่มยาสมุนไพรของเขาบู๊ตึง ความจริงแล้วเขาคาดว่าอีกประมาณ 2-3 วันจึงจะหายดี แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์นัก หลังจากที่เขาฝึกเคล็ดการหายใจทางผิว มันกลับมีผลทําให้บาดแผนเขาหายเร็วขึ้น ตอนนี้เหลือเพียงแผลเป็นเท่านั้น

นอกจากนี้ผิวของฉิงเฟิงก็ถูกขจัดสิ่งสกปรกออกไปอย่างสมบูรณ์ ผิวของเขาเรียบเนียนและอ่อนเยาว์เหมือนทารกแรกเกิดโดยไม่มีริ้วรอยใดๆแม้แต่น้อย

“ฉิงเฟิง เจ้าลองออกหมัดดูสิ” ลู่เต๋าซางกล่าว

ฉิงเฟิงพยักหน้าและลุกขึ้นยืนเพื่อจะลองชกลม

ตูม !!!!! ตูม !!!!!

ด้วยเสียงดังตูม หมัดของทําให้เกิดเสียงระเบิดขึ้นสองครั้งในทันที ก่อให้เกิดวงกลมสองวงขึ้นบนอากาศ

เสียงระเบิดในอากาศครั้งแรกเท่ากับ 1000 กิโลกรัม เสียงระเบิดสองครั้งเท่ากับ 2000 กิโลกรัม

หลังจากที่ได้ฝึกเคล็ดควบคุมการหายใจแล้วความแข็งแรงของฉิงเฟิงก็เพิ่มขึ้นจนถึง 2000 กิโลกรัมในทันที

” ขอแสดงความยินดีด้วย ตอนนี้เจ้านับได้ว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งแล้ว เจ้าอยู่ในขั้น แรกใต้สวรรค์” ลู่เต๋าซางกล่าวด้วยความชื่นชมยินดี

นี่คือ.. พลังของผู้ฝึกยุทธ์ ? แข็งแกร่งมาก

หัวใจของฉิงเฟิงเต็มไปด้วยยินดี

ฉิงเฟิงสัมผัสได้ถึงพลังงานที่แข็งแกร่งในร่างกายของเขารวมถึงความทนทานของผิวหนังที่มากขึ้นอีกด้วย อาวุธธรรมดาทั่วไปไม่น่าจะสร้างบาดแผลให้เขาได้อีกแล้ว

“ท่านเจ้าอาวาส ในเมื่ออาการบาดเจ็บของผมหายดีแล้ว ผมกลับเมืองตงไห้ได้หรือยัง” ฉิงเฟิงถาม ตอนนี้เขาจากเมืองตงไห้มาหลายวันแล้ว เขาคิดถึงเมืองนั้น ปัจจุบันนี้เขาคิดอยู่เสมอว่าเมืองตงไห่เป็นบ้านที่แท้จริงของเขา

“ได้สิ แต่อย่าลืมว่าหลังจากกลับไปแล้วเจ้าต้องหมั่นฝึกฝนตามคัมภีร์ ยิ่งระดับสูงขึ้นมันก็จะยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ” ลู่เต๋าซางบอกกับฉิงเฟิง และยังอธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องระหว่างหลังการฝึกฝนอีกด้วย

ฉิงเฟิงพยักหน้า แม้ว่าการฝึกวิทยายุทธ์ในขั้นสูงขึ้นจะยิ่งยากขึ้น แต่ฉิงเฟิงก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ เขารู้ว่าตัวเองเป็นคนที่มีพรสวรรค์และไหวพริบที่เหนือมนุษย์ เขาจะต้องปีนขึ้นไปให้สูงกว่านี้ให้ได้ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน

ลู่เต๋าซางมอบคัมภีร์จักรพรรดิยุทธ์ให้ฉิงเฟิง และแนะนําให้เก็บมันไว้ใกล้ตัวตลอดเวลา เพื่อจะช่วยให้เขาสามารถอ่านคัมภีร์ได้ทุกเมื่อหากมีปัญหาในระหว่างการฝึก

ฉิงเฟิงคํานับลู่เต๋าซางและเดินออกจากห้องไปด้วยความพึงพอใจ กลับไปที่พักเดิมของเขา

ทันทีที่ฉิงเฟิงเข้าไปในห้อง หลินเสวี่ย, หลิวหรูหยาน, เหมียวซิตี้, อลิซ และคนอื่นๆต่างก็เหวี่ยงสายตาไปตกที่เขาเป็นจุดเดียวอย่างพร้อมเพรียง

“อะไรกัน ? มีดอกไม้ติดอยู่ที่หน้าฉันเหรอไง พวกคุณทุกคนถึงได้มองฉันแบบนี้ ?”

ฉิงเฟิงถามด้วยน้ําเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย ทันทีที่เข้ามาเขาก็กลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจของทุกคน พวกเขาจ้องจนฉิงเฟิงรู้สึกอึดอัด

กคนพยักอย่างพร้อมเพรียงเหมือนอยากจะพูดว่า

“ใช่ บนหน้าคุณมีอะไรติดอยู่จริงๆ”

อลิซเป็นคนแรกที่กระโดดปราดขึ้นและวิ่งไปหาฉิงเฟิง เธอบีบแก้มของเขาและร่ําร้องออกมาว่า “บอสคะ ที่หายไปนี่คุณไปกินยาอะไรมา ทําไมผิวพรรณของคุณนุ่มเนียนเปล่งปลั่งขนาดนี้ ผิวของบอสดีกว่าชั้นเสียอีก”

“ที่รัก คุณไปร้านเสริมสวยมาเหรอ ? ผิวพรรณคุณดูดีอย่างไร้ที่ติเลย”

หลินเสวี่ยกระพริบตา น้ําเสียงของเธอเต็มไปด้วยความชื่นชม

หลินเสวี่ยก็มีผิวพรรณที่สุดยอดเช่นกัน ขาว นุ่มนวล แต่เป็นเพราะว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้นอนใบหน้าจึงดูซีดเซียว ดังนั้นเมื่อเธอเห็นผิวที่เปล่งปลั่งของฉิงเฟิง จึงเป็นธรรมดาที่เธอรู้สึกอิจฉา

“เป็นเพราะว่าฉันหล่อ” ฉิงเฟิงยิ้มและกล่าวอย่างหลงตัวเอง

คนเหล่านี้ไม่รู้เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการผลัดเปลี่ยนผิวของเขา แต่ฉิงเฟิงรู้ เขาเพิ่งจะฝึกเคล็ดการหายใจทางผิวจากคัมภีร์จักรพรรดิยุทธ์ มันทําให้ผิวหนังที่ตายแล้วรวมถึงสิ่งสกปรกอื่นๆหลุดลอกไปจากผิวของเขา ทําให้ผิวเรียบเนียนและดูอ่อนนุ่ม

แน่นอนว่าลู่เต๋าซางกําชับฉิงเฟิงไม่ให้เปิดเผยความลับเรื่องที่เขาฝึกยุทธ์ต่อคนภายนอก รวมถึงหลินเสวี่ยด้วย เพราะวิทยายุทธ์เหล่านี้คือความลับสุดยอดของนิกาย ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉิงเฟิงเคยช่วยชีวิตเขา ลู่เต๋าซางไม่มีทางมอบคัมภีร์ให้ฉิงเฟิงแน่นอน

” บอสคะ คุณหายแล้วเหรอ ?” อลิซถามด้วยประหลาดใจ

อลิซรู้ดีถึงสภาพอาการบาดเจ็บของฉิงเฟิงเพราะเธออยู่ในสถานการณ์ด้วย ตอนนี้จู่ๆเขาก็ดูหายดีเป็นปกติภายในเวลาวันเดียว เห็นได้ชัดว่าเธอประหลาดใจมากกับการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของฉิงเฟิง

ฉิงเฟิงยิ้มและพยักหน้า “ฉันหายดีแล้วละ วันนี้พวกเรากลับตงไห่กันเถอะ”

เมื่อได้ยินดังนี้ทั้งแก๊งก็รู้สึกตื่นเต้นยินดี พวกเขาทุกคนไม่ค่อยคุ้นชินกับวิถีชีวิตบนปาเขาและวิหาร เนื่องจากมันมีกฏยิบย่อยมากมาย แต่ถ้าพวกเขาได้กลับไปในเมือง พวกเขาจะมีอิสระที่สามารถทําอะไรก็ได้

ฉิงเฟิงเริ่มเก็บข้าวของเล็กๆน้อยๆของเขา รวมถึงกระบี่สะเก็ดดาวที่เขาได้รับ(ยึด)มาจาก เฮลคิง (หวังที่ยู่) กระบี่เล่มนี้เป็นอาวุธที่ทรงพลัง ฉิงเฟิงจึงคิดจะเก็บมันไว้กับตัวชั่วคราวเพราะกริชพรากชีวิตของเขาก็อยู่ที่เฮลคิงเช่นกัน

ฉิงเฟิง, หลินเสวี่ย, หลิวหรูหยานและที่เหลือต่างก็ลงเขาบัติ้ง ก่อนที่พวกเขาจะจากไป ลู่เต๋าซางก็ออกมาส่งด้วยตัวเองพร้อมกับซวนเหมียว

ความจริงแล้วลู่ซวนจี้ควรจะกลับเมืองตงไห่พร้อมกับพวกเขาด้วย แต่ฉิงเฟิงบอกให้อยู่ที่นี่ไปก่อน คอยดูแลลู่เต๋าซางที่กําลังรักษาอาการบาดเจ็บ

จากนั้นฉิงเฟิงพากลุ่มคนเหล่านี้กลับเมืองตงไห้ในทันที

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *