My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา 1002 พื้นที่ต้องห้ามเทือกเขาคุนหลุน

Now you are reading My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา Chapter 1002 พื้นที่ต้องห้ามเทือกเขาคุนหลุน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1002 พื้นที่ต้องห้ามเทือกเขาคุนหลุน
  “ที่รักทั้งพ่อและอาจารย์ของผมติดอยู่ในแดนต้องห้ามภูเขาคุนหลุน ผมต้องไปช่วยพวกเขา”
  หลินเสวี่ยพยักหน้าและกล่าวว่า“ถ้าหากเรื่องนี้เกี่ยวพันกับพ่อและอาจารย์ของคุณ ชั้นจะยอมให้คุณไป ชั้นสนับสนุนคุณนะ”
  หลินเสวี่ยรู้ว่าหากให้เขาไปงานแต่งงานของพวกเธอก็จะต้องล้มเลิกไปก่อน แม้จะรู้สึกผิดหวัง แต่เขาก็ไปเพื่อหาทางช่วยพ่อ ดังนั้นเธอจึงไม่ห้าม
  ฉิงเฟิงคุยกับหลินเสวี่ยเล็กน้อยและออกจากวิลล่าไปเขาไปที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมหลิวหรูหยานกับลูกและบอกลาพวกเธอด้วย
  ……………..
  ภายในโรงพยาบาล
  หลิวหรูหยานกำลังอุ้มลูกอยู่ในอ้อมแขนของเธอใบหน้าอันงดงามของเธอมีรอยแดงเพราะความร้อน
  “แอปเปิ้ลน้อยไหนเรียกคุณแม่สิคะ” หลิวหรูหยานกล่าว
  ยะย่ะ !!
  ริมฝีปากสีแดงเล็กๆรูปเชอร์รี่ของแอปเปิ้ลน้อยเปิดอ้าออกและส่งเสียง‘ยะ ย้า’ สองคำ เธอยังเป็นทารกอยู่และนี่คือทั้งหมดที่เธอเรียนรู้ได้
  แอปเปิ้ลน้อยเป็นทารกที่น่ารักมากใบหน้าของเธอเป็นสีแดงเมื่อส่งเสียง เธอดูน่ารักน่าชังมากจนผู้คนอดไม่ได้ที่จะมองเธอให้มากขึ้น
  ฉิงเฟิงผลักเปิดประตูห้องเข้าไปและได้ยินทารกส่งเสียงมือน้อยๆสีขาวเนียนนุ่มทั้งสองข้างของเธอโบกไปมาไม่หยุด
  “สาวน้อยของพ่อออกเสียงได้แล้วไหนมาให้พ่อกอดหน่อยซิ” ฉิงเฟิงยิ้มในขณะที่มองไปที่แอปเปิ้ลน้อย
  ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของหลิวหรูหยานมีรอยแดงเธอถามว่า “คุณกลับมาทำไมคะ ”
  “ผมคิดถึงคุณกับลูกเลยกลับมาหา”ฉิงเฟิงยิ้มในขณะที่มองหลิวหรูหยานกับแอปเปิ้ลน้อย
  “นี่ลูกค่ะอุ้มดีๆนะ” หลิวหรูหยานยิ้มอย่างมีเสน่ห์และส่งแอปเปิ้ลน้อยไปให้ฉิงเฟิง
  “ย่าย่า ย่า …” แอปเปิ้ลน้อยเปิดปากของเธอและส่งเสียงออกมา ดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยความสุข
  “หรูหยานคุณเห็นมั้ย ลูกจำผมได้ ฮ่าๆๆ เธอยิ้มให้ผมด้วย !” ฉิงเฟิงยิ้มกว้างยามที่มองแอปเปิ้ลน้อย
  เขาดีใจมากที่แอปเปิ้ลน้อยยิ้มให้เขาเขารู้สึกดีมากที่ได้เป็นพ่อคน
  “ดูคุณสิยิ้มแป้นเชียว” หลิวหรูหยานกล่าวในขณะที่มองเขาด้วยแววตาทรงเสน่ห์
  จุ๊บ!
  ฉิงเฟิงจูบแก้มของทารกและพูดอย่างตื่นเต้นว่า“แอปเปิ้ลน้อยของพ่อ พ่อจะรอให้หนูโตแล้วจะพาไปท่องเที่ยวนะ”
  “หรูหยานอีกสามวันผมจะไม่อยู่ คราวนี้คงไปนานทีเดียว” ฉิงเฟิงมองหลิวหรูหยานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
  หลิวหรูหยานมีสีหน้าผิดหวังเธอเพิ่งคลอดลูกได้ไม่นานและอยากใช้เวลากับฉิงเฟิงให้มากๆ เธอไม่คิดว่าเขาจะต้องไปอีกแล้ว
  “ฉิงเฟิงไปครั้งนี้อันตรายไหมคะ ”
  “ผมก็ไม่รู้วางใจเถอะ ผมจะไม่เป็นไร”
  “เข้าใจแล้ว…ระวังตัวด้วยนะคะ” หลิวหรูหยานยิ้มอย่างมีเสน่ห์ อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกลังเล
  “งั้นผม… ผมไปก่อนนะ” ฉิงเฟิงยิ้มในขณะที่เขาเดินออกจากห้อง
  ……………….
  เวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็วในช่วงสามวันนี้ผู้ฝึกตนทั่วทั้งหัวเซี่ยต่างอยู่ไม่สุขเนื่องจากแดนต้องห้ามคุนหลุนจะเปิดผนึกทางเข้าในไม่ช้า
  ในฐานะหนึ่งในสี่แดนต้องห้ามที่สำคัญที่สุดในโลกคุนหลุนเป็นดินแดนที่ลึกลับที่สุดในหัวเซี่ย มันเต็มไปด้วยสมบัติมากมาย, ยาอายุวัฒนะ, สมุนไพรวิญญาณ, เคล็ดวิชาบ่มเพาะของเหล่าบรรพบุรุษยุคก่อนๆและถ้ำลับที่ช่วยในการฝึกฝน มันมีโอกาสได้ครอบครองสิ่งล้ำค่าที่สุดมากมายจนทำให้ผู้ฝึกตนอยู่ไม่เป็นสุขจนแทบคลั่ง
  ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาหัวเซี่ยเต็มไปด้วยคนประหลาดๆและเหล่าสาวกของนิกายลึกลับมากมายที่ปรากฏตัวขึ้นจากการเก็บตัวกองกำลังหลายๆแห่งเริ่มเตรียมพร้อมในการเข้าสู่แดนต้องห้ามคุนหลุน
  เหล่านิกายลึกลับของผู้ฝึกตนในหัวเซี่ยนั้นมีความโดดเด่นมากพวกเขามีตั้งแต่ระดับจิตวิญญาณ, โลกา, สวรรค์, ราชันและจักรพรรดิ !
  ยิ่งระดับของนิกายสูงเท่าใดพวกเขาก็ทรงพลังมากขึ้น  …………………
  นิกายกระบี่สวรรค์เป็นนิกายลึกลับระดับโลกาพวกเขาได้รวบรวมผู้ฝึกตนที่น่าเกรงขามที่สุดมาไว้ที่ฐานหลักของนิกายกระบี่สวรรค์ ประมุขนิกายกระบี่สวรรค์, จ้าวเทียนเจียนกำลังปรึกษากับเหล่าผู้เฒ่าเรื่องแดนต้องห้ามคุนหลุนที่กำลังจะเปิดขึ้น
  “ท่านประมุขพวกเราควรนำคนเข้าไปในแดนต้องห้ามคุนหลุนเท่าใดดีขอรับ ”
  ผู้เฒ่ากระบี่สวรรค์คนที่สามถามขึ้น
  “จงนำสุดยอดสาวกหนึ่งร้อยคนเข้าไป”
  “ครับท่านประมุข!” ผู้เฒ่าสามพยักหน้า
  ….
  ไม่เพียงแค่นิกายกระบี่สวรรค์เท่านั้นแต่ยังมีเหล่านิกายระดับโลกาอื่นๆอีกมากมายเช่น นิกายดาบทมิฬ, นิกายศิลาขด, นิกายนภาโฉด, นิกายโลหิตอสูรและนิกายอื่นๆอีกมากมาย รวมไปถึงนิกายระดับจิตวิญญาณเช่นศาลากระบี่, ตำหนักจักรพรรดิเพลิง,ตำหนักร้อยบุปผา พวกเขาเหล่านี้ต่างก็มุ่งหน้าสู่เทือกเขาคุนหลุนทั้งสิ้น (ต่อไปนี้ตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ขอใช้เป็นตำหนักจักรพรรดิเพลิงนะครับ)
  หลี่ฉิงเฟิงนำทีมเขี้ยวหมาป่าไปด้วยในการเดินทางครั้งนี้
  ในขณะเดียวกันราชินีอสูรเพลิงและราชาอสูรค้างคาวม่วงยังคงอยู่ที่เกาะแปซิฟิกเพื่อพยายามหาทางช่วยหวังลี่อิง แฟนสาวของค้างคาวม่วงและยังไม่ได้กลับมา ฉิงเฟิงโทรหาพวกเขาเพื่อบอกให้ตามมาหลังจากกลับจากเกาะแปซิฟิก
  ส่วนราชาอสูรมังกรเขียวและราชาอสูรสิงโตต่างก็อยากติดตามฉิงเฟิงมาด้วยแต่ฉิงเฟิงบอกให้พวกเขาอยู่ในเมืองตงไห่ต่อไปเพื่อคอยปกป้องหลินเสวี่ยกับหลิวหรูหยานเพราะพวกเธอเป็นคนธรรมดาและไม่มีวิชา จำเป็นต้องได้รับการปกป้อง
  ฉิงเฟิงและทีมเขี้ยวหมาป่าเข้าขากันอย่างน่าอัศจรรย์พวกเขาคือมือเท้าที่ฉิงเฟิงต้องการในการเดินทางครั้งนี้
  ………..
  เทือกเขาคุนหลุนได้รับการขนานนามว่าเป็นบ้านของเทพเจ้าหลายองค์ในสมัยโบราณ มันเป็นสถานที่พักอาศัยของเหล่าเทพ ส่วนในยุคปัจจุบันเทพเหล่านั้นได้หายไปหมดสิ้นแล้วแต่ตำนานของพวกเขาก็ยังคงอยู่
  *เทือกเขาคุนหลุนกว้างมากกินพื้นที่ถึงธิเบต*
  ฉิงเฟิงและพรรคพวกเดินทางอย่างรวดเร็วและใช้เวลาเพียงครึ่งวันก็มาถึงภูเขาคุนหลุนเทือกเขาแห่งนี้ใหญ่โตมาก มันมีภูเขาเชื่อมต่อกันนับร้อยและสูงกว่าหมื่นเมตร มันเต็มไปด้วยโขดหินที่สูงชันและดูสง่างามมาก
  ผู้คนมากมายมารวมตัวกันที่ตีนเขาทางด้านตะวันออกมีนิกายกระบี่สวรรค์และประมุขนิกาย,จ้าวเทียนเจียน พวกเขายืนอยู่บนจุดที่ได้เปรียบที่สุดทางทิศตะวันออก
  จ้าวเทียนเจียนเป็นชายกลางคนอายุราวๆสี่สิบปีและเนื่องจากเขาอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตจิตโลกาและยังเป็นมือกระบี่ระดับท็อบของนิกายระดับโลกา เขาจึงมีสถานะที่ทรงพลังมาก
  ด้านหลังเขามีเหล่าผู้เฒ่าและสาวกหลายคนพวกเขาเป็นกลุ่มที่ทรงพลังที่สุดในนิกายกระบี่สวรรค์ แต่ละคนสะพายกระบี่ยาวอยู่ข้างหลัง กลิ่นไอกระบี่ที่พวกเขาเปล่งออกมานั้นเกรี้ยวกราดดุร้ายมาก
  ทางทิศตะวันตกมีนิกายดาบทมิฬเกาะกุมชัยภูมิไว้อยู่ประมุขของพวกเขาคือเฮยอู๋หยา เขาเป็นชายวัยกลางคนที่พกพาดาบขนาดใหญ่แต่เขาทำเหมือนกับว่ามันเบาเหมือนขนนก ดาบของเขากระจายออร่าอันทรงพลังที่พุ่งทะลุท้องฟ้า
  ด้านหลังของเฮยอู๋หยาเป็นผู้อาวุโสและสาวกของนิกายกระบี่ทมิฬทุกคนถือกระบี่สีดำที่หนักอึ้งและปล่อยพลังงานที่รุนแรงออกมา
  นิกายศิลาขดประจำการอยู่ทางทิศใต้ประมุขนิกายของพวกเขาคือพานซานซึ่งเป็นชายวัยกลางคนที่มีผิวสีแทน
  ด้านหลังของพานซานก็คือเหล่าสาวกและอาวุโสแต่ละคนแบกหินขนาดใหญ่ไว้กลางหลัง () ซึ่งที่จริงแล้วมันคืออุปกรณ์วิญญาณสายโจมตีที่ทรงพลัง
  ส่วนทางเหนือนั้นคือคนของนิกายอสูรโลหิตซึ่งเป็นนิกายระดับโลกาประมุขของพวกเขาคือเซวี่ยจินหลุนซึ่งเป็นยอดฝีมือระดับจิตโลกา เขามีใบหน้าสีแดงเลือดและถือธงอสูรโลหิตที่แผ่พลังงานกระหายเลือดออกมา
  เหล่าสาวกของนิกายอสูรโลหิตต่างก็ถือธงสีแดงไว้ในมือและเปล่งพลังงานกระหายเลือดอันทรงพลังออกมาเช่นกัน
  ฉิงเฟิงมองไปที่คนเหล่านี้ด้วยความตกใจแทบทุกคนในที่นี้ต่างก็ทรงพลังกว่าพวกเขามากมายนัก

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *