My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา 889 ท้าทายหลี่ฉิงเฟิง

Now you are reading My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา Chapter 889 ท้าทายหลี่ฉิงเฟิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  หัวหน้าทีมของทีมสิงคโปร์เห็นอาการลังเลของหลี่เทียนหมิงจึงกล่าวขึ้นว่า“หลี่เทียนหมิง เจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งในภูมิภาคของเรา เจ้าต้องสู้กับมัน”
  การแสดงออกของหลี่เทียนหมิงเปลี่ยนไปเขาเพิ่งตัดสินใจยอมแพ้ แต่หัวหน้าทีมของเขากลับร่ำร้องบอกให้เขาต่อสู้กับหลี่ฉิงเฟิง
  แต่เห็นได้ชัดว่าหลี่เทียนหมิงไม่เต็มใจที่จะสู้เช่นเดียวกับทุกคนที่เป็นประจักษ์พยานในหุบเขาอัสนีเพลิงนรก เขาได้เห็นพลังที่ราวกับปีศาจของฉิงเฟิงไปแล้ว
  “ข้าขอยอมแพ้”หลี่เทียนหมิงปฏิเสธที่จะเชื่อฟังหัวหน้าทีมของเขา
  ผู้คนทั่วทั้งสี่ทิศตกอยู่ในความเงียบจากคำพูดของเขาทุกคนต่างตกตะลึง
  “เกิดอะไรขึ้น มีผู้เข้าแข่งขันสามรายที่ประกาศยอมแพ้ ?”   “นั่นสิหลี่ฉิงเฟิงน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ ”
  “เขาเป็นเพียงชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆแท้ๆเขาแข็งแกร่งขนาดไหน”
  ผู้คนรอบๆต่างก็หันไปพูดคุยกัน
  เป็นที่เข้าใจและพอยอมรับได้สำหรับการที่มีหนึ่งหรือสองคนประกาศยอมแพ้แต่สามคนนั้นทำให้เรื่องราวค่อนข้างแปลกประหลาดอย่างยิ่ง
  บางคนเย้ยหยันหลี่เทียนหมิงว่าเป็นคนขี้ขลาดแต่เขาก็ไม่สนใจเพราะเขารักชีวิตของตนเองมากกว่าเกียรติยศที่กินไม่ได้
  เมื่อหลี่เทียนหมิงลงจากเวทีหัวหน้าทีมของเขาก็ถามว่า “ข้าบอกให้เจ้าต่อสู้กับหลี่ฉิงเฟิงไม่ใช่หรือไง ทำไมเจ้าถึงยอมแพ้ !?”
  “เพราะข้าไม่ใช่คู่มือเขา”
  “เจ้ายังไม่ทันเริ่มสู้เลยรุ้ได้อย่างไรว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน ”
  “หัวหน้าหากข้าเริ่มสู้กับมัน ข้าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย หากท่านคาใจก็ไปสู้กับมันได้เลย แต่ข้าไม่สู้กับมันแน่” หลี่เทียนหมิงกล่าวอย่างจริงจัง
  เขาคิดว่าหัวหน้าทีมของเขาช่างโง่งมนักเพียงแค่เห็นยอดฝีมือสองคนก่อนหน้านี้ประกาศยอมแพ้ เขาก็น่าจะตระหนักได้แล้วว่าหลี่ฉิงเฟิงแข็งแกร่งแค่ไหน
  หัวหน้าทีมของหลี่เทียนหมิงหงุดหงิดมากแต่เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
  คู่แข่งคนที่สี่ยอมแพ้
  คู่แข่งคนที่ห้ายอมแพ้
  คู่แข่งคนที่หกยอมแพ้
  …
  เมื่อคู่แข่งคนที่สามสิบประกาศยอมรับความพ่ายแพ้กรรมการจากเกาะแปซิฟิกก็รู้สึกหงุดหงิด ผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งในแต่ละประเทศ แต่ตอนนี้ดูเหมือนพวกเขาจะกลายเป็นคนขี้ขลาดตาขาวและยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหลี่ฉิงเฟิงอย่างไม่อาย
  กรรมการและตัวแทนของแต่ละประเทศต่างก็รู้สึกงงงวยในขณะที่ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ในหุบเขาต่างรู้สำนึกดีว่า ผลลัพธ์เดียวสำหรับการต่อสู้กับหลี่ฉิงเฟิงก็คือความตาย
  ในท้ายที่สุดผู้เข้าแข่งขันทุกคนก็ยอมแพ้
  ผู้ตัดสินรู้สึกโมโหมากแต่เขาต้องก็ทำตามกฎ เขาประกาศออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก “หลี่ฉิงเฟิงจากทีมหัวเซี่ยเป็นผู้ชนะการแข่งขันในรอบที่สอง”
  หลังจากฉิงเฟิงเดินลงจากเวทีผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆก็จับสลากแข่งขันกันต่อ พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือดเลือดพล่านเพื่อชิงอันดับที่ 2 และ 3
  สุดท้ายแล้วผู้ชนะก็คือฮวาเซียนจือและฉินเซียนจื่อทั้งสองคนนี้ต่างก็แข็งแกร่งมาก ฮวาเซียนจือสามารถทำให้คู่ต่อสู้หมดสภาพได้ในฝ่ามือเดียวเท่านั้น
  ส่วนฉินเซียนจื่อก็แข็งแกร่งขึ้นมากตั้งแต่ที่เธอบ่มเพาะเคล็ดวิชาดัชนีจักรพรรดิเพลิงที่สามารถปลดปล่อยคลื่นพลังขนาดใหญ่ออกมาจนคู่ต่อสู้ไม่อาจทนรับไหว
  รอบที่สองจึงจบลงด้วยการที่หลี่ฉิงเฟิงได้อันดับ1 ฮวาเซียนจือและฉินเซียนจื่อได้ 2 และ 3 ตามลำดับ
  ตามกฎแล้วทั้งสามคนนี้จะต้องสู้กันเองแต่เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดเป็นทีมเดียวกัน ดังนั้นการต่อสู้ก็ไม่จำเป็น
  ในการแข่งขันครั้งนี้มีทั้งหมดสามรอบรอบแรกคือรอบคัดออก การแข่งขันรอบที่สองคือการแข่งขันแบบขั้นบันได และรอบที่สามคือรอบที่สำคัญที่สุด มันเป็นการแข่งขันทีมต่อทีม
  เนื่องจากทีมหัวเซี่ยได้อันดับหนึ่งในการแข่งขันทั้งสองรอบและทีมเกาะแปซิฟิกเป็นประเทศเจ้าภาพในการแข่งขันครั้งนี้ ทั้งสองทีมจึงมีคุณสมบัติพอที่จะต้องปะทะกันในรอบที่สาม โดยที่แต่ละทีมจะมีสมาชิกสิบคน
  อีกด้านหนึ่งผู้อาวุโสสาม,อิซุ โอโนะกำลังคุยกับหัวหน้าทีมบูชิโดและทีมคาราเต้
  “ซากุระเจ้าเป็นหัวหน้าทีมบูชิโดดังนั้นเจ้าจะต้องเป็นตัวแทนของเกาะแปซิฟิกในการสู้กับหลี่ฉิงเฟิง” โอโนะกล่าวด้วยรอยยิ้ม
  การแสดงออกของซากุระเปลี่ยนไปเขารีบกล่าวขึ้นในทันทีว่า “นายท่าน ข้าน้อยไม่ใช่คู่มือของหลี่ฉิงเฟิงขอรับ”
  “ซากุระเจ้าเป็นอัจฉริยะของตระกูลบูชิโด เจ้าขี้ขลาดตาขาวเช่นนี้ได้อย่างไร !”
  โอโนะกล่าวด้วยความโกรธ
  ในเวลานี้โอมัตสึเมจิ หัวหน้าทีมคาราเต้ก็กล่าวจากด้านข้างว่า “ท่านโอโนะ ซากุระกล่าวไม่ผิด ในหมู่พวกเราไม่มีใครเป็นคู่มือของมันได้ ชายผู้นี้สามารถระเบิดร่างของซาบุโร่ได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว สิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยันความแข็งแกร่งของชายหนุ่มคนนี้ได้เป็นอย่างดีขอรับ”
  มาถึงตอนนี้โอโนะก็เข้าใจในที่สุดว่าซาบุโร่ตายได้อย่างไร ไม่น่าแปลกใจที่ผู้เข้าแข่งขันทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างประกาศยอมแพ้ต่อหลี่ฉิงเฟิง พวกเขากลัวจะถูกฉิงเฟิงฆ่า
  โอโนะรู้ว่าชายทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าเขาจะต้องตายอย่างแน่นอนหากสู้กับหลี่ฉิงเฟิงเพราะพวกเขาทั้งสองมีพลังระดับเดียวกับซาบุโร่
  ถ้าหากพวกเขาตายโอโนะก็กริ่นเกรงว่าตระกูลบูชิโดและคาราเต้จะเอามาโทษเขา แต่ในขณะเดียวกัน โอโนะก็ไม่อาจปล่อยให้ฉิงเฟิงลอยหน้าลอยตาเช่นนี้ได้
  “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราต้องฆ่าหลี่ฉิงเฟิงให้จงได้ไม่ใช่เพื่อการล้างแค้นให้ซาบุโร่เพียงอย่างเดียว แต่พวกเราต้องได้ที่ 1 เพื่อป้องกันมิให้ตราประทับเก้ามังกรกลับคืนสู่หัวเซี่ย มันเป็นศักดิ์ศรีของประเทศเรา” โอโนะกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
  ซากุระกล่าวว่า“ท่านโอโนะ หลี่ฉิงเฟิงไร้เทียมทานในขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์ การจะล้มมัน ข้าน้อยคาดว่าจำต้องอาศัยอุปกรณ์วิญญาณ”
  อุปกรณ์วิญญาณ
  ในฐานะผู้อาวุโสของตระกูลเคนโด้แห่งเกาะแปซิฟิกโอโนะรู้ดึถึงการดำรงอยู่ของอุปกรณ์วิญญาณอย่างแน่นอน แต่ทว่า แม้แต่ในตระกูลเค็นโด้ก็ยังหาอุปกรณ์วิญญาณได้ยากมาก
  “
  การจะฆ่ามันจำเป็นต้องถึงขั้นใช้อาวุธวิญญาณเลยหรือ
  ”
  หลังจากโอโนะตรึกตรองอยู่ชั่วครู่เขาก็ตัดสินใจนำอาวุธวิญญาณอันมีค่าออกมา เพราะเขามุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อฆ่าหลี่ฉิงเฟิงให้ได้
  “นี่คือดาบไซโคลนหัวหน้าตระกูลมอบให้ข้ามาเพื่อเป็นรางวัลสำหรับการสร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลในอดีต ตอนนี้ข้าจะให้เจ้ายืมใช้มัน เจ้าต้องฆ่าหลี่ฉิงเฟิงให้ข้าให้ได้” โอโนะกล่าวพร้อมกับส่งดาบยาวสีน้ำเงินให้แก่ซากุระด้วยใบหน้าที่ดุร้าย
  ซากุระรับดาบไซโคลนมาและเดินไปที่กลางเวทีเขาชี้ดาบไปที่ฉิงเฟิงและกล่าวอย่างเย่อหยิ่งว่า “หลี่ฉิงเฟิง ข้าขอท้าเจ้าในนามของตระกูลบูชิโดแห่งเกาะแปซิฟิก ขึ้นมารับความตายได้แล้ว !”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *