My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา 1088 มหาสงครามแห่งสหัสวรรษ

Now you are reading My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา Chapter 1088 มหาสงครามแห่งสหัสวรรษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1088 มหาสงครามแห่งสหัสวรรษ
  “เฮ้ยอย่าโจมตีข้า ! เสียงของงูกลืนฟ้าสะท้อนมาจากในระยะไกล”
  ฉิงเฟิงรู้สึกสับสนเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยในขณะที่เขาคิดว่ามันเป็นสัตว์อสูรทะเลที่แท้มันคืองูกลืนฟ้านั่นเองที่ว่ายลงมายังก้นมหาสมุทร
  ในไม่ช้างูกลืนฟ้าก็มาถึงเบื้องหน้าฉิงเฟิงมันถามว่า “เจ้าเป็นไงบ้าง”
  “สบายดีพวกเราต้องรีบออกไปจากที่นี่ ด่วนเลย” ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
  “ทำไมต้องรีบ เจ้าไปทำอะไรที่ก้นมหาสมุทรมา ?”
  “ไอ้งูน้อยคือว่าฉันขโมยสมบัติของวังมังกรทะเลตะวันออกมาชิ้นหนึ่ง เผ่นให้ไวเลยเถอะ”
  “ไอ้บ้าเอ้ยนี่เจ้าขโมยสมบัติมา เข้าใจแล้ว รีบเผ่นกันให้ว่องเลย !” งูกลืนฟ้ากล่าวหลังจากได้ยินคำพูดของฉิงเฟิง
  ในฐานะที่เป็นสัตว์อสูรวิญญาณบรรพกาลงูกลืนฟ้ารู้ว่ามีวังมังกรอยู่ที่ก้นมหาสมุทร
  พระราชวังแห่งนั้นเคยถูกทำลายไปในช่วงมหาสงครามโบราณแต่ราชามังกรยังไม่ตายและรอดมาได้เขาเพียงได้รับบาดเจ็บสาหัส (คนละคนกับดราก้อนคิงที่เคยสู้กับฉิงเฟิงในตระกูลหวังตอนชิงตัวหรูหยานนะครับ)
  นับจากช่วงเวลานั้นผ่านมาหลายพันปีราชามังกรก็สร้างพระราชวังขึ้นมาใหม่จนถึงตอนนี้
  งูกลืนฟ้าหวั่นเกรงราชามังกรมากเนื่องจากอูฐที่ผอมโซก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า หากราชามังกรออกมาไล่ตามพวกเขา รับรองว่าคงหนีไม่พ้น
  ฉิงเฟิงและงูกลืนฟ้าเผ่นหนีอย่างรวดเร็วและพวกเขาก็มาถึงอเวจีใต้สมุทรอีกครั้ง
  กลิ่นชั่วร้าย,พลังที่น่ากลัวล้อมรอบหุบเหวในขณะที่สัตว์ประหลาดสีดำบินเข้าและออกเป็นระยะ
  สัตว์อสูรสีดำเหล่านี้ล้วนแต่ปนเปื้อนด้วยพลังปีศาจเนื่องจากพวกมันเป็นสัตว์ในอาณาเขตปีศาจ
  งูกลืนฟ้าเปิดปากของมันเพื่อสร้างวังวนขนาดยักษ์และดูดกลืนสัตว์อสูรทั้งหมดเพื่อสร้างเป็นพลังงานของตัวมันเอง
  ฉิงเฟิงจ้องมองด้วยความตื่นหนกงูตัวนี้เหลือเชื่อนัก มันกลืนกินสัตว์อสูรสีดำพวกนั้นทั้งๆที่พวกมันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานปีศาจ
  หลังจากกินสัตว์ประหลาดพวกมันงูกลืนฟ้าก็นำเดินทางต่อไปแต่ในระยะประมาณ 50 เมตรข้ามหุบเหวมามันก็หยุดชะงักในทันที สีหน้าของมันเปลี่ยนไป
  ฉิงเฟิงเห็นอาการของมันเขาขมวดคิ้วและถามว่า “แกหยุดทำไม ”
  งูกลืนฟ้าส่ายหัวและพูดว่า“ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ตัวหนึ่งข้างหน้า มันกำลังอ้าปากรอพวกเราอยู่”
  เมื่อได้ยินสิ่งที่งูกลืนฟ้าพูดฉิงเฟิงก็มองไปข้างหน้าในทิศทางเดียวกันในหุบเหวยังมีสัตว์ประหลาดชั่วร้ายขนาดใหญ่อยู่
  ร่างของสัตว์ประหลาดนั้นอยู่ที่ก้นเหวพวกเขาไม่สามารถมองเห็นตัวมันได้ แต่ปากของมันมีความยาวถึง 50 เมตรซึ่งกินพื้นที่หุบเหวนี้ถึงครึ่งหนึ่ง !
  ร่างกายและปากของมันมีสีดำเหมือนกับสีของหุบเหวลึกแห่งนี้คนทั่วไปไม่อาจสังเกตเห็นได้ว่ามันอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ
  เป็นเรื่องดีที่งูกลืนฟ้ากล่าวเตือนเขาหากฉิงเฟิงมาคนเดียวและเดินทางต่อไปเขาจะตกลงไปในปากของสัตว์ประหลาดตัวนี้
  “เจ้างูน้อยแล้วพวกเราจะผ่านไปได้อย่างไร ” ฉิงเฟิงกังวลเล็กน้อยและถามงูกลืนฟ้า
  เขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับก้นบึ้งใต้มหาสมุทรนอกจากนี้เขายังไม่รู้เกี่ยวกับสัตว์ประหลาดเหล่านี้ มีเพียงงูกลืนฟ้าเท่านั้นที่รู้
  “สัตว์ประหลาดชั่วร้ายเหล่านี้คืออาหารของมันมันกินสิ่งมีชีวิตทุกประเภท ดังนั้นเมื่อเรายัดอาหารให้มันเพียงพอมันก็จะกลับไปในส่วนลึกของหุบเหวเอง” งูกลืนฟ้าอธิบาย
  ฉิงเฟิงพยักหน้าพวกเขาจะปลอดภัยหากมีทางแก้ปัญหาตรงหน้า
  เขาถอยจากหุบเหวและจับสัตว์ทะเลมาบางส่วนอย่างรวดเร็วจากนั้นเขาก็โยนพวกมันเข้าไปปากของสัตว์ประหลาดในหุบเหวที่กำลังอ้าปากอยู่
  งูกลืนฟ้ากล่าวถูกต้องเมื่อสัตว์ประหลาดตัวนี้กินอาหารที่พวกเขาโยนเข้าไปมันก็ปิดปากแล้วดำดิ่งกลับลงไปในหุบเหลวลึก
  ฉิงเฟิงมองงูกลืนฟ้าด้วยความซาบซ้ำเขาไม่คิดเลยว่างูตัวนี้จะมีประโยชน์ขนาดนี้
  จากนั้นพวกเขาก็ผ่านหุบเหวลึกและลอยตัวขึ้นสู่เบื้องบน  พวกเขาลอยขึ้นอย่างรวดเร็วและมาถึงพื้นหิวมหาสมุทรในเวลาไม่นานนัก
  โชคดีที่มีเรือโดยสารยังคงจอดรอพวกเขาอยู่ฮวาเซียนจือเผยอยิ้มอย่างโล่งอกที่เห็นฉิงเฟิงโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำทะเลอย่างปลอดภัย รวมไปถึงคนอื่นๆที่ต่างก็ดีใจที่ได้เห็นทั้งคู่กลับมาอย่างปลอดภัยเช่นกัน
  อย่างไรก็ตามฉิงเฟิงได้กลายเป็นศูนย์กลางของกลุ่มไปแล้ว พวกเขาทุกคนรู้สึกเคว้งคว้างและอึดอัดเมื่อไม่มีเขาเป็นหัวหน้า
  “พี่ใหญ่หลี่ท่านเป็นอะไรไหม ” ฮวาเซียนจือกังวลเล็กน้อย เธอเดินไปหาฉิงเฟิงและถามขึ้น
  ฉิงเฟิงกลายเป็นคนสำคัญส่วนหนึ่งในชีวิตของฮวาเซียนจือไปแล้วบ่อยครั้งที่เธอคิดถึงเขาและครั้งนี้เธอก็กระวนกระวายกลัวว่าเขาจะเป็นอันตรายที่ก้นมหาสมุทร
  ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและตอบทันทีว่า“ฉันไม่เป็นไร แต่พวกเราจะต้องเผ่นจากที่นี่ทันที”   ทุกคนพยักหน้าและเห็นพ้องต้องกันว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างมากกัปตันเริ่มแล่นเรือและพวกเขาก็ลับตาไป
  ………………….
  –ณ วังมังกร –
  ภรรยาของราชามังกร(ราชินีมังกร)กำลังจัดงานวันเกิดและทุกคนที่เข้าร่วมล้วนเป็นตัวตนที่ทรงพลัง,มีฐานะสูงหรือเป็นเจ้าเหนือหัวในถิ่นปกครองของพวกเขา
  พวกเขาทุกคนล้วนแต่เป็นผู้ทรงอำนาจบางคนมีพลังในขอบเขตครึ่งก้าวจิตวิญญาณราชันและบางส่วนก็เป็นยอดฝีมือระดับจิตวิญญาณราชันไปแล้ว
  ด้วยอาการบาดเจ็บจากตัวตนระดับอมตะในสงครามดาวเคราะห์ในยุคโบราณ,ราชามังกรยังคงฟื้นฟูอาการอย่างเงียบสงบ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เข้าร่วมงานวันเกิดของภรรยา
  ราชินีมังกรเป็นสาวงามที่ดูเหมือนว่านางมีอายุเพียง30 ปี – ผิวพรรณของนางขาวราวกับหิมะ ริมฝีปากของนางเป็นสีแดงเหมือนเลือด นางสวมเสื้อคลุมมังกรและปิ่นปักผมลวดลายมังกร
  “ท่านหญิง,ข้าได้ข่าวมาว่าวัตถุโบราณในประวัติศาสตร์มากมายเริ่มปรากฏขึ้น หรือนี่จะหมายความว่าพวกเราใกล้จะกลับไปสู่ความรุ่งโรจน์ในอดีตแล้วหรือไม่ขอรับ ”
  สิงโตทะเลยักษ์กล่าวถาม
  ขนของสิงโตทะเลยักษ์ตัวนี้เป็นสีทองที่ส่องแสงในทะเลหูของมันเหมือนกับระฆังทองสัมฤทธิ์ ในฐานะที่เป็นสัตว์ประหลาดในขอบเขตจิตวิญญาณราชัน มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายพลังงานอันน่าสะพรึง
  ราชินีมังกรหัวเราะและกล่าวว่า“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าสงครามจะปะทุขึ้นในทุกๆห้าพันปี แท้จริงแล้วมหาสงครามแห่งสหัสวรรษกำลังจะเริ่มขึ้นต่างหาก”
  มหาสงครามแห่งสหัสวรรษ  เพียงคำสั้นๆนี้กลับทำให้เกิดความกลัวขึ้นในใจของทุกคน
  สงครามจะปะทุขึ้นบนโลกในทุกๆห้าพันปีครั้งที่แล้วนักบุญของดาวเคราะห์ดวงอื่นได้รวมกำลังกันโจมตีโลก, บดขยี้ตำหนักสวรรค์, สังหารตัวตนระดับนักบุญและตัวตนระดับอมตะของโลกไปนับไม่ถ้วน
  นักบุญบรรพกาลและตัวตนอมตะหลายคนสิ้นชีพไปในสงครามเมื่อห้าพันปีก่อนทำให้มวลมนุษย์เริ่มสร้างวัฒนธรรมขึ้นใหม่และวิวัฒนาการจากสังคมดั้งเดิมไปเป็นสังคมระบอบทาส… ไปจนถึงอารยธรรมและเทคโนโลยีดั่งในยุคปัจจุบัน
  อารยธรรมของหัวเซี่ยเป็นที่รู้กันดีว่าเริ่มขึ้นเมื่อราวๆห้าพันปีก่อนแต่ในความเป็นจริงมันเป็นอารยธรรมใหม่ที่เริ่มสร้างขึ้นหลังจากการ ‘ตาย’ ของยุคก่อนหน้า
  “จือซี,ไปตามน้องสาวของเจ้าซิ นางกลับไปที่ตำหนักเพื่อเตรียมของขวัญมิใช่หรือ ทำไมถึงยังไม่มาเสียที” ราชินีมังกรกล่าวขึ้นด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น
  “ค่ะเสด็จแม่” องค์หญิงสอง(จือซี)พยักหน้าและผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง นางเดินชดช้อยไปยังตำหนักของน้องสาว
  น้องสาวของนางหายไปพักหนึ่งแล้วองค์หญิงสองก็เริ่มสงสัยเช่นกันว่าทำไมนางถึงได้หายไปนานนักกับการหยิบของขวัญ
  หลังจากเข้าไปในห้องของนางองค์หญิงสองก็มองไปทั่วจนในที่สุดก็พบน้องสาวของนางที่ถูกมัดอยู่ใต้เตียง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *