My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา 1105 หนึ่งฝ่ามือพิชิตขอบเขตจิตราชันทั้งสี่

Now you are reading My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา Chapter 1105 หนึ่งฝ่ามือพิชิตขอบเขตจิตราชันทั้งสี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1105 หนึ่งฝ่ามือพิชิตขอบเขตจิตราชันทั้งสี่
  ผู้หญิงในชุดขาวยื่นมือขวามือขวาของเธอออกมา,มันดูไร้ที่ติและเหมือนผลึกหยก
  เธอผลักฝ่ามือของเธอไปข้างหน้าเหมือนสายฟ้าฟาดกระแทกกระบี่ยาวของจ้าวหลิงหวังและทำลายมันทันที
  ตูม!!
  พลังอันยิ่งใหญ่ที่แฝงมาในการโจมตีของฝ่ามือปะทะเข้ากับร่างกายของจ้าวหลิงหวังส่งผลให้เขาบินตกเขาหมดสติไปทันที
  ผู้คนรอบข้างต่างก็หวาดกลัวเมื่อได้เห็นภาพนี้
  ในฐานะผู้นำของนิกายราชันกระบี่และเป็นยอดฝีมือในขอบเขตจิตราชัน,จ้าวหลิงหวังนับได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดในคนกลุ่มนี้ ทุกคนที่เห็นสภาพของจ้าวหลิงหวังต่างก็สงสัยในระดับพลังฝึกปรือของหญิงสาวในชุดขาวอย่างยิ่ง เธอสามารถทุบกระแทกจนยอดฝีมือระดับจ้าวหลิงหวังหมดสติด้วยฝ่ามือเดียวได้อย่างไร
  ฉิงเฟิงก็รู้สึกงงงวยดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ จ้าวหลิงหวังที่หมดสติผู้นั้นเป็นถึงยอดฝีมือระดับจิตราชันและแข็งแกร่งกว่าเขา แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับทรงพลังมากจนสามารถทำร้ายอีกฝ่ายจนสติได้ด้วยฝ่ามือเรียบง่ายเพียงกระบวนท่าเดียว !
  ผู้หญิงในชุดขาวขมวดคิ้วเล็กน้อยประกายแสงเย็นชาปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอเมื่อได้เห็นการดำรงอยู่ของปิงหยาเฟย, โซวอู่หยา, ฟู่อู่เหิง
  เธอยกฝ่ามือขวาของเธอขึ้นซึ่งกลายเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์ที่ใสราวกับคริสตัลและตบลงไปที่พื้นภูเขาอย่างรุนแรง
  สิ่งที่ตามมาก็คือยอดฝีมือจิตราชันอีก3 คนซึ่งไร้คู่เปรียบบินกระเด็นไปท่ามกลางสายตาของหญิงสาวในชุดขาว !
  “อะไรกัน! ผู้นำนิกายทั้งสี่คนต่างก็หมดสติทั้งสิ้น !”
  “ผู้หญิงชุดขาวนางนั้นทรงพลังเกินกว่าทุกคนในที่นี้”
  “เธอเป็นใครกันแน่ ข้าไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเลย เธอมีพลังขนาดนี้ได้อย่างไร ?”
  ผู้คนที่อยู่เชิงเขาต่างพูดคุยกันอย่างประหลาดใจพวกเขาพยายามที่จะคาดเดาตัวตนของผู้หญิงลึกลับนางนี้ แต่ทว่า ไม่มีใครเคยพบเห็นผู้หญิงในชุดขาวนางนี้มาก่อน ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นใคร
  เมื่อได้เห็นผู้นำนิกายทั้งสี่ที่หมดสติฉิงเฟิงก็รู้สึกยินดีที่ลงจากเขามาก่อน มิฉะนั้นเขาคงถูกทุบหมดสติไปด้วยเช่นกัน
  ผู้คนที่อยู่โดยรอบล้วนเป็นสาวกของนิกายทั้งสี่ผู้นำของพวกเขาต่างหมดสติทำให้พวกเขาต้องอยู่ที่เชิงเขาและไม่กล้าขึ้นไป
  สำหรับพวกเขาทั้งหมดผู้หญิงในชุดขาวคนนี้แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ !
  เธอทอดสายตามองไปยังผู้คนที่ยืนอยู่เชิงเขาด้วยสีหน้าเย็นชาและแววตาเย่อหยิ่งเธอกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็นว่า “ไสหัวออกไป !”
  คำว่า“ออกไป” ของเธอเป็นเหมือนคลื่นสายฟ้าที่มีพลังอำนาจล้นเหลือและแรงกดดันบรรพกาล
  ในกลุ่มฝูงชนมีบางคนตกอยู่ในภาวะหมดสติโดยพลังของคำพูดของเธอบางส่วนได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากปากและจมูก
  ครั้งนี้ผู้หญิงในชุดขาวไม่แม้แต่จะยกนิ้วสักนิ้วแต่คำพูดของเธอกลับสามารถทำร้ายผู้ฝึกตนที่อยู่เชิงเขาได้ เธอมีพลังอำนาจอันน่าเหลือเชื่อนัก !
  การแสดงออกของผู้ฝึกตนทั้งหลายแปรเปลี่ยนไปอย่างมากพวกเขารีบนำตัวหัวหน้านิกายและวิ่งหนีไป
  แน่นอนว่าสมบัติในภูเขาพยัคฆ์มังกรล้วนน่าดึงดูดใจแต่ชีวิตของพวกเขามีค่ายิ่งกว่า  พวกเขารู้สึกได้ถึงร่องรอยแห่งเจตนาฆ่าของผู้หญิงในชุดขาวและมั่นใจว่าเธอจะฆ่าพวกเขาแน่นอนถ้าพวกเขายังไม่ยอมจากไป
  “นับแต่นี้ไปภูเขาพยัคฆ์มังกรเป็นดินแดนของข้าและไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้เข้ามาที่นี่!” ผู้หญิงในชุดขาวเชิดศีรษะของเธอขึ้นมาทันทีและประกาศกร้าวต่อสวรรค์
  ผู้หญิงในชุดขาวคนนี้ช่างเปี่ยมล้นไปด้วยการกดขี่และเย่อหยิ่งจองหองเธอกล้าร่ำร้องประกาศต่อสวรรค์ว่าภูเขาพยัคฆ์มังกรเป็นของเธอนับจากนี้ไป
  ต้องรู้ก่อนว่าภูเขาลูกนี้เป็นดั่งบ้านของบรรพบุรุษลัทธิเต๋าจ้าวสวรรค์ในยุคแรกและท่านจ้าวอาวุโสสูงสุดเคยได้รับการสอนสั่งที่นี่และฝึกฝนในศาสตร์ของลัทธิเต๋า
  บนโลกใบนี้ในยุคบรรพกาลภูเขาพยัคฆ์มังกรมีชื่อเสียงในหมู่ศิษย์และแม้แต่จักรพรรดิสวรรค์ก็เคยพำนักอยู่ที่นี่ช่วงหนึ่ง
  ฉิงเฟิงเคยคิดว่าตนเองเย่อหยิ่งอวดดีมากแล้วแต่ผู้หญิงในชุดขาวคนนี้กลับเย่อหยิ่งยิ่งกว่า เธอกล้าประกาศกร้าวต่อสวรรค์ว่าเธอจะเข้าครอบครองบ้านของบรรพบุรุษลัทธิเต๋า มันเป็นการท้าทายที่เปิดเผยต่อท้องนภาอันไพศาล !
  ตูม
  !!!
  ทันใดนั้นเองหลังจากผู้หญิงในชุดขาวพูดจบก็มีเสียงฟ้าร้องที่ดังกึกก้องอยู่บนท้องฟ้า
  มันเป็นสายฟ้าที่เกิดจากสายฟ้าสีแดงซึ่งฉีกทะลุท้องฟ้าออกมาและผ่าเข้าใส่ผู้หญิงในชุดขาวด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว
  ผู้หญิงชุดขาวแสยะยิ้มที่มุมปากอย่างมั่นใจเธอชูมือขึ้นฟ้าและกางฝ่ามือขวาขึ้น มันแปรเปลี่ยนเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์ที่ปิดกั้นสุริยันและท้องนภา
  เธอกระแทกฝ่ามือของเธอลงบนสายฟ้าเส้นนั้นและบดขยี้มันจนแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  ฉิงเฟิงยังไม่ได้ไปไกลจากเชิงเขานักและเห็นเหตุการณ์นี้อย่างแจ่มชัดเขาตกตะลึงมากที่ได้เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นบดขยี้สายฟ้าจนแตกเป็นเสี่ยงๆ !
  เขาค่อนข้างคุ้นชินกับพลังของสายเพราะเขาครอบครองมุกอัสนีฟ้าอยู่กับตัว
  ฟ้าร้องและฟ้าผ่าเป็นองค์ประกอบของพลังแห่งธรรมชาติพวกมันเต็มไปด้วยพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้ มันสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในโลกและสังหารสัตว์อสูรได้อย่างง่ายดาย แต่ผู้หญิงในชุดขาวกลับสามารถทำลายสายฟ้าได้ด้วยฝ่ามือเดียวอย่างง่ายดายยิ่ง !
  ไม่ใช่เพียงแค่ทำลายสายฟ้าเท่านั้นแต่มันยังเป็นพลังแห่งธรรมชาติอีกด้วย มันเป็นการท้าทายสวรรค์อย่างเปิดเผย !
  ตูม
  !!
  ตูม  !!!
  …
  พลังของธรรมชาติถูกยั่วยุจนทำให้โกรธเกรี้ยวโดยผู้หญิงในชุดขาวสายฟ้าหลายสิบเส้นกระหน่ำฟาดเข้าใส่เธอ
  เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายฟ้าหลายสิบสายผู้หญิงในชุดขาวก็ยังไม่แสดงอาการหวาดกลัวแม้แต่น้อย รอบกายเธอยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความเย่อหยิ่ง
  ตึง
  !!
  เธอผลักฝ่ามือของเธอออกมาอีกครั้งและทุบทำลายสายฟ้าจนแตกเป็นชิ้นๆซึ่งกระจายออกไปยังพื้นที่โดยรอบ
  ฉิงเฟิงยืนสังเกตการอยู่บนก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งที่เชิงเขาเขาตกใจอย่างมากที่เห็นสายฟ้าเส้นแล้วเส้นเล่าที่แตกสลาย
  เขาหันหลังกลับเตรียมจะวิ่งหนีแต่เสียงของมังกรอัคคีก็ดังขึ้นในใจของเขา  “
  เจ้าหนูอย่าเพิ่งไป นำมุกอัสนีฟ้าออกมาและดูดซับเศษเสี้ยวสายฟ้าที่แตกสลายเหล่านั้นซะ
  ”
  มังกรอัคคีกล่าวกระตุ้นเตือนฉิงเฟิง
  ฉิงเฟิงตระหนักได้ทันทีและรู้สึกมีความสุขเขารีบหยิบมุกอัสนีฟ้าออกมาและดูดซับรวบรวมสายฟ้าทั้งหลายเพื่อเพิ่มพลังของมุกอัสนี
  ในขณะเดียวกันเมื่อผู้หญิงในชุดขาวสัมผัสได้ถึงการดูดซับพลังงานสายฟ้าที่เธอทำลาย เธอหันหาต้นตอของเหตุการณ์นี้และเหลียวมองไปที่ฉิงเฟิง ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้ง
  ฉิงเฟิงขนลุกซู่และรู้สึกหวาดกลัวต่อสายตาของเธอ
  นับเป็นโชคดีสำหรับเขาที่ผู้หญิงในชุดขาวกำลังเพ่งความสนใจไปที่สายฟ้าและพลังแห่งธรรมชาติมิฉะนั้นเธออาจฆ่าเขาด้วยฝ่ามือเดียว
  ผู้หญิงในชุดขาวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและกล่าวอย่างหยิ่งผยองว่า“สวรรค์บัดซบ ! เจ้าสะกดข้าผู้นี้มาถึงห้าพันปี และตอนนี้เจ้ายังพยายามจะทำลายข้าด้วยอำนาจแห่งอัสนีสวรรค์งั้นหรือ เฮอะ ตำหนักสวรรค์ของพวกเจ้าล่มสลายไปแล้ว เจ้าไม่มีพลังมากพอจะทำอะไรข้าได้อีกแล้ว !”
  คำพูดของเธอกระทบกระเทือนถึงสวรรค์ท้องฟ้าเบื้องบนมืดครึ้มไปด้วยเมฆหนา
  ท่ามกลางหมู่เมฆสีดำมีสระสายฟ้าสีดำทมิฬที่บรรจุไปด้วยสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วน
  สายฟ้าที่ผ่านมาเป็นสีแดงแต่สายฟ้าในครั้งนี้เป็นสีดำมันคือสายฟ้าในอีกระดับที่พัฒนาขึ้นจากสายฟ้าสีแดง มันทรงพลังและมีอำนาจทำลายล้างสูงล้ำยิ่งกว่า
  สัตว์อสูรทั่วหุบเขาพยัคฆ์มังกรต่างก็หมอบลงและสั่นสะท้านภายใต้สระสายฟ้าสีดำเช่นเดียวกับเหล่าศิษย์สาวกของนิกายทั้งสี่ มันราวกับว่าพวกเขากำลังจะเผชิญกับความเกรี้ยวกราดแห่งอำนาจการทำลายล้างของสวรรค์ในวินาทีถัดไป
  สระสายฟ้าเป็นแหล่งกำเนิดและต้นกำเนิดของสายฟ้าทั้งมวลมันมีพลังที่มิอาจจิตนาการได้
  สระสายฟ้าปลดปล่อยคลื่นสายฟ้าฟาดนับหมื่นสายทั่วท้องฟ้าดูราวกับวันสิ้นโลก
  ก่อนหน้านี้ผู้หญิงในชุดขาวยังคงหยิ่งผยองและสงบนิ่งแต่บัดนี้การแสดงออกของเธอเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
  เธอเฝ้ามองสายฟ้านับหมื่นสายด้วยใบหน้าจริงจังแม้ว่ามันจะมีพลังอำนาจยิ่งใหญ่แต่ดูเหมือนว่าเธอก็ยังมีวิธีจัดการกับพวกมัน
  แต่สิ่งที่เธอหวาดกลัวและเฝ้าระวังก็คือสระสายฟ้าที่อยู่เบื้องหลังพวกมันสิ่งนั้นคือมารดำแห่งสายฟ้าและเป็นพลังอำนาจชนิดแรกตั้งแต่การกำเนิดโลก
  เธอคาดไม่ถึงว่าพลังแห่งธรรมชาติจะถึงกับใช้สระสายฟ้า,มารดาแห่งสายฟ้าอัสนีทั้งปวงเพื่อจัดการกับเธอ
  เมื่อฉิงเฟิงได้เห็นสระสายฟ้าใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เขารู้ว่าผู้หญิงในชุดขาวกำลังตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *