หัตถ์เทวะธิดาพญายม 469 ห้องหนังสือตระกูลมู่หรง

Now you are reading หัตถ์เทวะธิดาพญายม Chapter 469 ห้องหนังสือตระกูลมู่หรง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 469 ห้องหนังสือตระกูลมู่หรง

เพียงสิ้นเสียง ร่างคนทั้งสามพลันกระโจนโผออกนอกหน้าต่าง ท่ามกลางแสงสลัวที่เลือนลาง คงปรากฏเพียงสายเงาที่เคลื่อนคล้อยอย่างรวดเร็วเหนือแผ่นกระเบื้องหลังคา

ขณะร่างของอู่ซินพลันหายลับประหนึ่งถูกหลอมให้สลายเป็นหนึ่งเดียวกับรัตติกาลอันมืดมิด โดยไม่หลงเหลือร่องรอยใดให้ติดตาม

เพียงครึ่งชั่วยาม เกอซีและกู้หลิวเพิ่งก็มาถึงเรือนมู่หรง

เวรยามคุ้มกันเรือนมู่หรงยังคงหนาแน่น เพียงไม่อาจเทียบครั้งที่นางบุกเข้ามาช่วยกู้หลิวเพิ่ง

กุหลิวเพิ่งแผ่กระแสจิตส่งสัมผัส เพื่อสํารวจพลังของเหล่ายอดฝีมือโดยรอบ กระทั่งเมื่อพบว่าเหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลายในที่นี้ล้วนมีพลังฝีมือต่ําต้อยกว่าเขา ชายหนุ่มจึงลอบถอนใจด้วยความโล่งอก

ย่อมหมายความว่า บุรุษในชุดคลุมสีเทาที่เกอซ์ได้พบเจอเมื่อคราก่อนหาได้อยู่ในเรือนมู่หรงยามนี้ไม่

ทั้งสองซุกซ่อนกายอยู่เหนือหลังคากระเบื้อง กู้หลิวเพิ่งหันมากระซิบข้างหูอีกฝ่าย “ข้าไม่รู้ว่า สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ใดหรือไม่ เพียงที่ผ่านมาปรากฏบันทึกชัดเจนถึงสถานที่ต้องห้ามแห่งเรือนมู่หรง เมื่อครั้งข้าเยาว์วัยเคยบังเอิญผ่านเข้าไปจึงถูกสั่งสอนครั้งใหญ่”

“เป็นที่ใดหรือ ?”

นัยน์ตาผู้ตอบคํากลับหม่นมัว “ห้องตําราของมู่หรงฟัง”

มู่หรงฟังคือบิดาของกู้หลิวเพิ่ง แม้คนผู้นี้จะคือบิดาแท้จริงในสายเลือด ทว่ากลับคล้ายเพียงบิดาแต่ในนาม เมื่อคนผู้นี้คือผู้ลงมือทรมานตัวเขาและผู้เป็นมารดาอย่างโหดร้ายเยี่ยงเดรัจฉาน

กู้หลิวเพิ่งสูดหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเล่าเรื่องราว “มู่หรงฟงจะเข้าไปขลุกอยู่ในห้องตําราแห่งนี้นานร่วมเดือน คราหนึ่งเขาลากท่านแม่เข้าไป ครั้นกลับออกมา ท่านแม่ก็เปลี่ยนไป นางมีอาการคลุ้มคลั่งหนักหนากว่าเก่า ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าล้วนเต็มไปด้วยรอยแผลยับเย็น”

“โดยทั่วไปคนเราสามารถนําตนเข้าไปขลุกในห้องตําราได้เนิ่นนานเพียงนั้นเชียวหรือ ?” เกอซีขมวดคิ้ว “หาไม่ สถานที่แห่งนี้อาจมิใช่เพียงห้องตํารา เช่นนั้นพวกเราสมควรเข้าไปสํารวจสถานที่แห่งนี้เป็นอันดับแรก”

ร่างคนทั้งสองพลันเห็นเคลื่อนตรงไปยังตําแหน่งห้องตําราของมู่หรงฟังอย่างเงียบเสียง

ณ สถานที่แห่งนี้ กําลังเวรยามหนาแน่นเข้มงวดกว่าพื้นที่อื่นในเรือน ทั้งยังมีกลิ่นเหม็นประหลาดลอยคละคลุ้งตกค้างตลอดทั่วอาณาบริเวณ

สองคิ้วของเกอซึจิกเข้าหากันแน่น ขณะเริ่มปลดปล่อยมังกรทองตัวน้อยออกจากมิติเวท

เพียงได้รับการเรียกขานจากเกอซี มังกรทองศักดิ์สิทธิ์พลันแสดงอาการตื่นเต้นยินดี ภายในมิติเวทยามนี้ ต้านต้านกําลังสาละวนอยู่กับการปรุงกลั่นโอสถ ขณะเซี่ยวหลียังหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนพลังฝีมือให้รุดหน้า เช่นนั้นมังกรทองตัวจิ๋วจึงเป็นเพียงผู้เดียวที่หลงเหลือไร้ภารกิจ

เขาคือมังกรทองศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่ ไหนเลยจะสามารถลดตัวลงมาเปรียบกับเถาวัลย์เส้นหนึ่ง ลูกหมูตัวหนึ่งได้!

“นายท่าน ไม่ทราบต้องการสั่งการเรื่องใด ? ให้ข้ากําจัดเจ้าเศษขยะเวรยามเหล่านั้นใช่หรือไม่ ? ขอนายท่านโปรดวางใจ ขอเวลาให้ข้าเพียงช่วงหนึ่งก้านธูป ข้าจะเก็บกวาดส่งมอบงานให้นายท่านอย่างเรียบร้อย”

ทว่าเกอซีกลับไร้อาการชื่นชมยินดี น้ําเสียงบางเบาของนางกล่าวเพียง “จดจําได้ว่า เจ้าเคยบอกข้าว่า เมื่อใดที่เจ้าสามารถบรรลุถึงพลังเวทขั้นที่ห้า เจ้าจะสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนได้ เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่ ? ยามนี้เจ้าช่วยเปลี่ยนร่างเป็น….”

มังกรทองตัวจิ๋วตกตะลึงงงงันริมฝีปากที่สั่นระริกส่งเสียงกระซิบตอบ “นายท่าน ข้าคือมังกรผู้ศักดิ์สิทธิ์ หาใช่งน้อยไม่ ข้าคือมังกรทอง จะให้ข้าแปลงร่างเป็นตุ๊กแกได้เยี่ยงไร ! มันเสียศักดิ์ศรีนะนายท่าน !”

“อ้อ หากเจ้าไม่เห็นพ้องก็ช่างเถิด เช่นนั้นอาหารคราหน้าเจ้าก็คง….”

“อ้า ! ไม่ ! ไม่ได้ !” เพียงเกอซีเปรยถึงสํารับอาหาร เจ้ามังกรทองตัวจิ๋วพลันตื่นตระหนกรีบละล่ําละลักตอบค่า “ขอนายท่านโปรดวางใจ ก็แค่เพียงแปลงกายไปสืบสถานการณ์เท่านั้นมิใช่หรือ ? หากภารกิจเพียงแค่นี้ ข้ามิอาจกระทําให้สําเร็จ จะยังควรค่าเป็นลูกน้องติดตามนายท่านได้กระนั้นหรือ ?”

สิ้นค่ากล่าว มังกรทองตัวจิ๋วก็รีบแปลงร่างเป็นตุ๊กแกตัวสีดําขลับมันมะเมื่อมขนาดเท่าฝ่ามือ ดั่งหนึ่งกริ่งเกรงว่าผู้เป็นนายจะกลับค่า

***จบตอน ห้องหนังสือตระกูลมู่หรง***

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หัตถ์เทวะธิดาพญายม 469 ห้องหนังสือตระกูลมู่หรง

Now you are reading หัตถ์เทวะธิดาพญายม Chapter 469 ห้องหนังสือตระกูลมู่หรง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 469 ห้องหนังสือตระกูลมู่หรง

เพียงสิ้นเสียง ร่างคนทั้งสามพลันกระโจนโผออกนอกหน้าต่าง ท่ามกลางแสงสลัวที่เลือนลาง คงปรากฏเพียงสายเงาที่เคลื่อนคล้อยอย่างรวดเร็วเหนือแผ่นกระเบื้องหลังคา

ขณะร่างของอู่ซินพลันหายลับประหนึ่งถูกหลอมให้สลายเป็นหนึ่งเดียวกับรัตติกาลอันมืดมิด โดยไม่หลงเหลือร่องรอยใดให้ติดตาม

เพียงครึ่งชั่วยาม เกอซีและกู้หลิวเพิ่งก็มาถึงเรือนมู่หรง

เวรยามคุ้มกันเรือนมู่หรงยังคงหนาแน่น เพียงไม่อาจเทียบครั้งที่นางบุกเข้ามาช่วยกู้หลิวเพิ่ง

กุหลิวเพิ่งแผ่กระแสจิตส่งสัมผัส เพื่อสํารวจพลังของเหล่ายอดฝีมือโดยรอบ กระทั่งเมื่อพบว่าเหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลายในที่นี้ล้วนมีพลังฝีมือต่ําต้อยกว่าเขา ชายหนุ่มจึงลอบถอนใจด้วยความโล่งอก

ย่อมหมายความว่า บุรุษในชุดคลุมสีเทาที่เกอซ์ได้พบเจอเมื่อคราก่อนหาได้อยู่ในเรือนมู่หรงยามนี้ไม่

ทั้งสองซุกซ่อนกายอยู่เหนือหลังคากระเบื้อง กู้หลิวเพิ่งหันมากระซิบข้างหูอีกฝ่าย “ข้าไม่รู้ว่า สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ใดหรือไม่ เพียงที่ผ่านมาปรากฏบันทึกชัดเจนถึงสถานที่ต้องห้ามแห่งเรือนมู่หรง เมื่อครั้งข้าเยาว์วัยเคยบังเอิญผ่านเข้าไปจึงถูกสั่งสอนครั้งใหญ่”

“เป็นที่ใดหรือ ?”

นัยน์ตาผู้ตอบคํากลับหม่นมัว “ห้องตําราของมู่หรงฟัง”

มู่หรงฟังคือบิดาของกู้หลิวเพิ่ง แม้คนผู้นี้จะคือบิดาแท้จริงในสายเลือด ทว่ากลับคล้ายเพียงบิดาแต่ในนาม เมื่อคนผู้นี้คือผู้ลงมือทรมานตัวเขาและผู้เป็นมารดาอย่างโหดร้ายเยี่ยงเดรัจฉาน

กู้หลิวเพิ่งสูดหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเล่าเรื่องราว “มู่หรงฟงจะเข้าไปขลุกอยู่ในห้องตําราแห่งนี้นานร่วมเดือน คราหนึ่งเขาลากท่านแม่เข้าไป ครั้นกลับออกมา ท่านแม่ก็เปลี่ยนไป นางมีอาการคลุ้มคลั่งหนักหนากว่าเก่า ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าล้วนเต็มไปด้วยรอยแผลยับเย็น”

“โดยทั่วไปคนเราสามารถนําตนเข้าไปขลุกในห้องตําราได้เนิ่นนานเพียงนั้นเชียวหรือ ?” เกอซีขมวดคิ้ว “หาไม่ สถานที่แห่งนี้อาจมิใช่เพียงห้องตํารา เช่นนั้นพวกเราสมควรเข้าไปสํารวจสถานที่แห่งนี้เป็นอันดับแรก”

ร่างคนทั้งสองพลันเห็นเคลื่อนตรงไปยังตําแหน่งห้องตําราของมู่หรงฟังอย่างเงียบเสียง

ณ สถานที่แห่งนี้ กําลังเวรยามหนาแน่นเข้มงวดกว่าพื้นที่อื่นในเรือน ทั้งยังมีกลิ่นเหม็นประหลาดลอยคละคลุ้งตกค้างตลอดทั่วอาณาบริเวณ

สองคิ้วของเกอซึจิกเข้าหากันแน่น ขณะเริ่มปลดปล่อยมังกรทองตัวน้อยออกจากมิติเวท

เพียงได้รับการเรียกขานจากเกอซี มังกรทองศักดิ์สิทธิ์พลันแสดงอาการตื่นเต้นยินดี ภายในมิติเวทยามนี้ ต้านต้านกําลังสาละวนอยู่กับการปรุงกลั่นโอสถ ขณะเซี่ยวหลียังหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนพลังฝีมือให้รุดหน้า เช่นนั้นมังกรทองตัวจิ๋วจึงเป็นเพียงผู้เดียวที่หลงเหลือไร้ภารกิจ

เขาคือมังกรทองศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่ ไหนเลยจะสามารถลดตัวลงมาเปรียบกับเถาวัลย์เส้นหนึ่ง ลูกหมูตัวหนึ่งได้!

“นายท่าน ไม่ทราบต้องการสั่งการเรื่องใด ? ให้ข้ากําจัดเจ้าเศษขยะเวรยามเหล่านั้นใช่หรือไม่ ? ขอนายท่านโปรดวางใจ ขอเวลาให้ข้าเพียงช่วงหนึ่งก้านธูป ข้าจะเก็บกวาดส่งมอบงานให้นายท่านอย่างเรียบร้อย”

ทว่าเกอซีกลับไร้อาการชื่นชมยินดี น้ําเสียงบางเบาของนางกล่าวเพียง “จดจําได้ว่า เจ้าเคยบอกข้าว่า เมื่อใดที่เจ้าสามารถบรรลุถึงพลังเวทขั้นที่ห้า เจ้าจะสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนได้ เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่ ? ยามนี้เจ้าช่วยเปลี่ยนร่างเป็น….”

มังกรทองตัวจิ๋วตกตะลึงงงงันริมฝีปากที่สั่นระริกส่งเสียงกระซิบตอบ “นายท่าน ข้าคือมังกรผู้ศักดิ์สิทธิ์ หาใช่งน้อยไม่ ข้าคือมังกรทอง จะให้ข้าแปลงร่างเป็นตุ๊กแกได้เยี่ยงไร ! มันเสียศักดิ์ศรีนะนายท่าน !”

“อ้อ หากเจ้าไม่เห็นพ้องก็ช่างเถิด เช่นนั้นอาหารคราหน้าเจ้าก็คง….”

“อ้า ! ไม่ ! ไม่ได้ !” เพียงเกอซีเปรยถึงสํารับอาหาร เจ้ามังกรทองตัวจิ๋วพลันตื่นตระหนกรีบละล่ําละลักตอบค่า “ขอนายท่านโปรดวางใจ ก็แค่เพียงแปลงกายไปสืบสถานการณ์เท่านั้นมิใช่หรือ ? หากภารกิจเพียงแค่นี้ ข้ามิอาจกระทําให้สําเร็จ จะยังควรค่าเป็นลูกน้องติดตามนายท่านได้กระนั้นหรือ ?”

สิ้นค่ากล่าว มังกรทองตัวจิ๋วก็รีบแปลงร่างเป็นตุ๊กแกตัวสีดําขลับมันมะเมื่อมขนาดเท่าฝ่ามือ ดั่งหนึ่งกริ่งเกรงว่าผู้เป็นนายจะกลับค่า

***จบตอน ห้องหนังสือตระกูลมู่หรง***

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+