หัตถ์เทวะธิดาพญายม 485 ไม่เหลือผู้ใดหนีรอด

Now you are reading หัตถ์เทวะธิดาพญายม Chapter 485 ไม่เหลือผู้ใดหนีรอด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 485 ไม่เหลือผู้ใดหนีรอด

“เมื่อนี่คือชะตากรรม ข้าย่อมสมควรทําให้มันสิ้นสุดด้วยมือของข้าเอง หยุดฝันร้ายที่วนเวียนหลอกหลอนตลอดยี่สิบปีมานี้ด้วยมือของข้าเอง แม้ข้าจะต้องกลายเป็นมารผู้สังหารบิดาของตน ข้าก็พร้อมก้มหน้ารับชะตา !

เพียงสิ้นเสียง ปลายกระบี่ยาวของกู้หลิวเฟิงพลันถูกยกขึ้นสูง ก่อนจะฟาดลงใส่มู่หรงฟังอย่างไร้ความลังเล

แม้นใบหน้าของมันจะซีดเผือดด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง ทว่ามู่หรงฟังยังคงแผดเสียงร้องตะโกนราวคลุ้มคลั่งเสียสติ “หากเจ้าสังหารข้า พวกเจ้าจะต้องสํานึกเสียใจ….อีกไม่ช้า พวกเจ้าจะไม่มีผู้ใดเหลือรอด….ฮ่าฮ่าฮ่า…”

ร่างของมู่หรงฟังคล้ายปรากฏรอยเส้นตรงลากผ่านกลางหว่างคิ้วเรื่อยลงถึงสันจมูกตลอดแนวกลางล่าตัว ก่อนจะแบะออกเป็นสองส่วนในทันที
โลหิตอุ่นสาดกร
ะจายทั่วร่างของกู้หลิวเฟิง

เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถหลบเลี่ยง หากทว่ากลับไม่ เขายืนนิ่งอยู่เช่นนั้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก คงมีเพียงแววตาสีดอกท้อคู่นั้นที่ยังคงร้อนแรงดังเพลิงผลาญที่ไม่ดับมอด

นับแต่นี้ไป จะไม่มีมู่หรงหลิวเฟิงอีกต่อไป ไม่มีตระกูลมู่หรง คงมีก็แต่เพียงผู้ที่พร้อมสละชีพ มอบความภักดีให้แก่ซีเยว่เท่านั้น เพื่อแสดงความเคารพและจริงใจ ชายหนุ่มหันกลับมาคุกเข่าให้กับเกอซี

กระบี่ถูกวางไว้บนพื้น แผ่นหลังของเขาโค้งลงตั๋า ดวงหน้านิ่งสงบเผยความจริงใจ ไร้ร่องรอยแห่งความขัดเขิน “ขอบคุณที่นายท่านช่วยข้ากําจัดศัตรู เพียงผู้น้อยตระหนักดี เมื่อใดสามารถบรรลุถึงพลังปราณขั้นที่ห้า ย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณ ย่อมนําพาหายนะครั้งใหญ่มาสู่นายท่าน และหากเป็นเช่นนั้น ผู้น้อยย่อมไม่อาจแบกรับไว้ได้ เกรงว่านับแต่นี้ไป ผู้น้อยคงไม่อาจอยู่เคียงข้างนายท่านได้อีกแล้ว…..”

ได้ฟังเช่นนั้น เกอซีให้รู้สึกขนลุกขนพองไปทั้งตัว นางรีบสวนขัดทันใด “กู่หลิวเฟิง นี้เจ้าไปติดเชื้ออะไรจากผู้ใดตั้งแต่เมื่อไร ? หรือโลหิตของมู่หรงฟังกระเด็นใส่คราเดียวเจ้าถึงกับสมองพิการเสียสมดุลไปเลยกระนั้นหรือ ? เจ้าช่วยพูดให้มันฟังดูเป็นผู้เป็นคนหน่อยจะได้หรือไม่ ?”

กู้หลิวเฟิงนิ่งอึ้งครู่ใหญ่ ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะพลางขยับลุก “ผู้คนทั่วไปล้วนถึงความอิ่มเอม เมื่อมีผู้ยอมก้มศีรษะคารวะให้ในฐานะผู้เป็นนาย แล้วนี่อะไร ? เจ้าไม่ปลื้มยินดีดั่งผู้อื่นบ้างเลยกระนั้นหรือ ? ข้าสู้อุตส่าห์คุกเข่าคารวะทว่าเยว่เอ๋อน้อยกลับไม่ไว้หน้าข้าเสียเลย”

หญิงสาวทําตาประหลับประเหลือกใส่คราหนึ่ง ก่อนดวงหน้านั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ข้ารู้สึกว่าคํากล่าวก่อนสิ้นใจของมู่หรงฟังเมื่อครู่คล้ายมีเงื่อนงํา ข้าสังหรณ์ไม่ดี พวกเรารีบไป…”

“เห ? จะไปกันแล้วกระนั้นหรือ คิดจะหนีไปไหนเล่า ?” สุ่มเสียงห้าวต่เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากหน้าประตู

ทั้งกู้หลิวเฟิงและเกอซีต่างหน้าถอดสี ยังไม่ทันประมวลสิ่งใดในหัว ร่างของคนผู้นั้นก็คล้ายพร้อมจะกระโจนเข้าหา

“เปรี้ยง !” เสียงหลังคาห้องปรุงโอสถถูกกระแทกแตกเป็นโพรงใหญ่

เกอซีและกู้หลิวเฟิงกระโดดหนีขึ้นหลังคาอย่างไม่รอช้า หากทว่าผู้ไล่ติดตามมาข้างหลังกลับรวดเร็วยิ่งไปกว่า

แค่เพียงพริบตา อายพลังที่เย็นยะเยียบเหี้ยมโหดก็ตรงเข้าโอบคลุมพวกเขาทั้งคู่

บรรยากาศเย็นยะเยือกหนาแน่นไปด้วยกลิ่นอายคาวโลหิต ท่วมท้นด้วยขุมพลังที่หนาแน่น กระทั่งแทบไม่อาจหายใจ

เมื่อแหงนเงยศีรษะขึ้นมองฟ้า กลับพบว่า ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ท้องนภาถูกแทนที่ด้วยผ้าผืนกว้างสีแดงเข้มที่อบอวลไปด้วยกลิ่นคาวโลหิต และคลื่นพลังที่หนาแน่นเข้มข้น

ครั้นผ้าสีแดงเข้มผืนนั้นค่อย ๆ คล้อยลงตา เพื่อตรงเข้าหุ้มห่อพวกเขาทั้งสอง ใบหน้าของกู้หลิวเฟิง และเกอซีพลันกลับกลายย่าแย่อย่างเหลือแสน

คราบโลหิตเริ่มซึมออกจากปากของเกอซีผู้มีพลังฝีมือเพียงขั้นต้น คลื่นพลังแห่งยอดฝีมือขั้นห้า ย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณ ใช่สิ่งที่นางสามารถต้านทานได้เมื่อไร

“แคว่ก—- ชั่วเสี้ยวนาทีวิกฤตินั้นเอง ผืนผ้าสีแดงเข้มพลันถูกกระบี่ตวัดฟาดฟันให้ฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนจะกระจัดกระจายไร้ทิศทาง

เมื่อได้เห็นอู่ซินปรากฏขึ้นเบื้องหน้า เกอซีจึงค่อยรู้สึกคลายใจ โลหิตคําโตพุ่งออกจากปากของนางในทันที

“ซีเยว่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ?” หลิวเฟิงโอบประคองร่างของนางอย่างรวดเร็วด้วยความเป็นห่วง

หญิงสาวส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร อู่ซิน ระวังตัวด้วย พลังฝีมือของคนผู้นี้สูงส่งยิ่งกว่าเจ้า”

***จบตอน ไม่เหลือผู้ใดหนีรอด***

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หัตถ์เทวะธิดาพญายม 485 ไม่เหลือผู้ใดหนีรอด

Now you are reading หัตถ์เทวะธิดาพญายม Chapter 485 ไม่เหลือผู้ใดหนีรอด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 485 ไม่เหลือผู้ใดหนีรอด

“เมื่อนี่คือชะตากรรม ข้าย่อมสมควรทําให้มันสิ้นสุดด้วยมือของข้าเอง หยุดฝันร้ายที่วนเวียนหลอกหลอนตลอดยี่สิบปีมานี้ด้วยมือของข้าเอง แม้ข้าจะต้องกลายเป็นมารผู้สังหารบิดาของตน ข้าก็พร้อมก้มหน้ารับชะตา !

เพียงสิ้นเสียง ปลายกระบี่ยาวของกู้หลิวเฟิงพลันถูกยกขึ้นสูง ก่อนจะฟาดลงใส่มู่หรงฟังอย่างไร้ความลังเล

แม้นใบหน้าของมันจะซีดเผือดด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง ทว่ามู่หรงฟังยังคงแผดเสียงร้องตะโกนราวคลุ้มคลั่งเสียสติ “หากเจ้าสังหารข้า พวกเจ้าจะต้องสํานึกเสียใจ….อีกไม่ช้า พวกเจ้าจะไม่มีผู้ใดเหลือรอด….ฮ่าฮ่าฮ่า…”

ร่างของมู่หรงฟังคล้ายปรากฏรอยเส้นตรงลากผ่านกลางหว่างคิ้วเรื่อยลงถึงสันจมูกตลอดแนวกลางล่าตัว ก่อนจะแบะออกเป็นสองส่วนในทันที
โลหิตอุ่นสาดกร
ะจายทั่วร่างของกู้หลิวเฟิง

เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถหลบเลี่ยง หากทว่ากลับไม่ เขายืนนิ่งอยู่เช่นนั้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก คงมีเพียงแววตาสีดอกท้อคู่นั้นที่ยังคงร้อนแรงดังเพลิงผลาญที่ไม่ดับมอด

นับแต่นี้ไป จะไม่มีมู่หรงหลิวเฟิงอีกต่อไป ไม่มีตระกูลมู่หรง คงมีก็แต่เพียงผู้ที่พร้อมสละชีพ มอบความภักดีให้แก่ซีเยว่เท่านั้น เพื่อแสดงความเคารพและจริงใจ ชายหนุ่มหันกลับมาคุกเข่าให้กับเกอซี

กระบี่ถูกวางไว้บนพื้น แผ่นหลังของเขาโค้งลงตั๋า ดวงหน้านิ่งสงบเผยความจริงใจ ไร้ร่องรอยแห่งความขัดเขิน “ขอบคุณที่นายท่านช่วยข้ากําจัดศัตรู เพียงผู้น้อยตระหนักดี เมื่อใดสามารถบรรลุถึงพลังปราณขั้นที่ห้า ย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณ ย่อมนําพาหายนะครั้งใหญ่มาสู่นายท่าน และหากเป็นเช่นนั้น ผู้น้อยย่อมไม่อาจแบกรับไว้ได้ เกรงว่านับแต่นี้ไป ผู้น้อยคงไม่อาจอยู่เคียงข้างนายท่านได้อีกแล้ว…..”

ได้ฟังเช่นนั้น เกอซีให้รู้สึกขนลุกขนพองไปทั้งตัว นางรีบสวนขัดทันใด “กู่หลิวเฟิง นี้เจ้าไปติดเชื้ออะไรจากผู้ใดตั้งแต่เมื่อไร ? หรือโลหิตของมู่หรงฟังกระเด็นใส่คราเดียวเจ้าถึงกับสมองพิการเสียสมดุลไปเลยกระนั้นหรือ ? เจ้าช่วยพูดให้มันฟังดูเป็นผู้เป็นคนหน่อยจะได้หรือไม่ ?”

กู้หลิวเฟิงนิ่งอึ้งครู่ใหญ่ ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะพลางขยับลุก “ผู้คนทั่วไปล้วนถึงความอิ่มเอม เมื่อมีผู้ยอมก้มศีรษะคารวะให้ในฐานะผู้เป็นนาย แล้วนี่อะไร ? เจ้าไม่ปลื้มยินดีดั่งผู้อื่นบ้างเลยกระนั้นหรือ ? ข้าสู้อุตส่าห์คุกเข่าคารวะทว่าเยว่เอ๋อน้อยกลับไม่ไว้หน้าข้าเสียเลย”

หญิงสาวทําตาประหลับประเหลือกใส่คราหนึ่ง ก่อนดวงหน้านั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ข้ารู้สึกว่าคํากล่าวก่อนสิ้นใจของมู่หรงฟังเมื่อครู่คล้ายมีเงื่อนงํา ข้าสังหรณ์ไม่ดี พวกเรารีบไป…”

“เห ? จะไปกันแล้วกระนั้นหรือ คิดจะหนีไปไหนเล่า ?” สุ่มเสียงห้าวต่เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากหน้าประตู

ทั้งกู้หลิวเฟิงและเกอซีต่างหน้าถอดสี ยังไม่ทันประมวลสิ่งใดในหัว ร่างของคนผู้นั้นก็คล้ายพร้อมจะกระโจนเข้าหา

“เปรี้ยง !” เสียงหลังคาห้องปรุงโอสถถูกกระแทกแตกเป็นโพรงใหญ่

เกอซีและกู้หลิวเฟิงกระโดดหนีขึ้นหลังคาอย่างไม่รอช้า หากทว่าผู้ไล่ติดตามมาข้างหลังกลับรวดเร็วยิ่งไปกว่า

แค่เพียงพริบตา อายพลังที่เย็นยะเยียบเหี้ยมโหดก็ตรงเข้าโอบคลุมพวกเขาทั้งคู่

บรรยากาศเย็นยะเยือกหนาแน่นไปด้วยกลิ่นอายคาวโลหิต ท่วมท้นด้วยขุมพลังที่หนาแน่น กระทั่งแทบไม่อาจหายใจ

เมื่อแหงนเงยศีรษะขึ้นมองฟ้า กลับพบว่า ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ท้องนภาถูกแทนที่ด้วยผ้าผืนกว้างสีแดงเข้มที่อบอวลไปด้วยกลิ่นคาวโลหิต และคลื่นพลังที่หนาแน่นเข้มข้น

ครั้นผ้าสีแดงเข้มผืนนั้นค่อย ๆ คล้อยลงตา เพื่อตรงเข้าหุ้มห่อพวกเขาทั้งสอง ใบหน้าของกู้หลิวเฟิง และเกอซีพลันกลับกลายย่าแย่อย่างเหลือแสน

คราบโลหิตเริ่มซึมออกจากปากของเกอซีผู้มีพลังฝีมือเพียงขั้นต้น คลื่นพลังแห่งยอดฝีมือขั้นห้า ย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณ ใช่สิ่งที่นางสามารถต้านทานได้เมื่อไร

“แคว่ก—- ชั่วเสี้ยวนาทีวิกฤตินั้นเอง ผืนผ้าสีแดงเข้มพลันถูกกระบี่ตวัดฟาดฟันให้ฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนจะกระจัดกระจายไร้ทิศทาง

เมื่อได้เห็นอู่ซินปรากฏขึ้นเบื้องหน้า เกอซีจึงค่อยรู้สึกคลายใจ โลหิตคําโตพุ่งออกจากปากของนางในทันที

“ซีเยว่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ?” หลิวเฟิงโอบประคองร่างของนางอย่างรวดเร็วด้วยความเป็นห่วง

หญิงสาวส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร อู่ซิน ระวังตัวด้วย พลังฝีมือของคนผู้นี้สูงส่งยิ่งกว่าเจ้า”

***จบตอน ไม่เหลือผู้ใดหนีรอด***

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+