เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 241.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 241.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ที่บอกว่ามีนัดล่วงหน้าก่อนแล้ว อีกฝ่ายคือราโมนานี่เอง

นั่นเป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในสมอง

รีบร้อนออกไปทันทีที่การประชุมจบลงโดยไม่แม้แต่จะหันมาร่ำลากัน

ที่แท้ก็รีบไปพบราโมนาสินะ

นั่นเป็นความคิดที่สอง

ฮึก

น่าตลกชะมัด แต่เธอดันเผลอรู้สึกผิดหวังในตัวเฟเรสขึ้นมา

และหัวใจก็ดันเจ็บปวดเมื่อได้เห็นภาพเขาเดินเคียงคู่อยู่ข้างกายราโมนา

“เห็นแบบนั้นแล้วจะว่าไปก็เป็นคู่ที่เหมาะสมกันดีนะครับ”

ใครบางคนเอ่ยขึ้น

ไม่ต้องเหลียวหลังกลับไปมองก็รู้ได้ว่าใคร แต่เธอกลับไม่อาจละสายตาห่างไปจากเฟเรสกับราโมนาได้เลย

“ได้ยินว่าคุณหนูบราวน์เองก็สนิทสนมกับเจ้าชายลำดับที่สองมากเป็นพิเศษตั้งแต่สมัยยังศึกษาอยู่ที่อะคาเดมีด้วยใช่มั้ยครับ”

“ใช่แล้วละ เพราะอย่างนั้นในอะคาเดมีจึงมีข่าวลือแพร่ไปทั่วว่าทั้งสองคนเป็นคนรักกัน…”

ประธานคิลเลียนเล่าข่าวลือที่ไปได้ยินมาอย่างสนุกปาก แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก

เพราะท่านชายวิดอาร์ซึ่งอายุค่อนข้างน้อยในบรรดาขุนนางอาวุโสได้ตีมือของประธานคิลเลียนผู้ไม่ดูตาม้าตาเรือเอาเสียเลย

“หืม ทำไมล่ะ”

แต่ประธานคิลเลียนนี่ช่างไม่มีไหวพริบยิ่งกว่าที่คิดไว้จริงๆ

“อา รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแค่นี้หรอก”

เรื่องแค่นี้

“ถึงแม้จะไม่ได้ประกาศถอนหมั้นกันอย่างเป็นทางการก็เถอะ แต่ก็คงจะจัดการกันเองระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงไปแล้ว ข้าพูดถูกมั้ยครับ รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”

ที่ประธานคิลเลียนพูดมาก็ถูกต้องแล้ว

เธอกับเฟเรสไม่ได้ถอนหมั้นกันอย่างเป็นทางการ

แต่ก็แค่ยังไม่ได้ทำ

แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ควรทำเมื่อเธอเองก็เป็นรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียแล้ว

“…ใช่ค่ะ”

เธอเอ่ยตอบกลับไป พยายามบังคับเสียงให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ดูสิ!”

ประธานคิลเลียนส่งสายตาเป็นประกายเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นมาทางเธอ

“รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียของพวกเราไม่ใช่คนที่จะไขว้เขวด้วยอารมณ์ส่วนตัวหรอก!”

ถึงแม้เรื่องที่ประธานคิลเลียนพูดมาจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ แต่ทุกคำ ทุกประโยคนั่น มันเริ่มจะระคายหูเธอแล้วนะ

ล้ำเส้นกันเกินไปแล้ว

ต่อหน้าเธอที่ได้ชื่อว่าเป็นถึงรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย แต่กลับเอาแต่พูดพล่ามเรื่องเธออย่างสนุกปากราวกับพูดถึงอาหารจานโปรด

“ว่าแล้วเชียวลอมบาร์เดียน่ะ…”

“หยุด”

เธอขัดประธานคิลเลียนเสียงกดต่ำ

พอละสายตาจากเฟเรสเหลียวกลับไปมองประธานคิลเลียน ก็พบว่าเขามีสีหน้าตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

เธอไม่ได้ยิ้มอีกต่อไปแล้ว

เพียงแค่มองประธานคิลเลียนด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์

แค่นี้ก็คงจะเข้าใจความหมายที่เธอต้องการจะสื่อได้แล้วละมั้ง

เธอยกยิ้มตามมารยาท ในขณะที่เอ่ยพูดอีกครั้ง

“จะมามัวเสียเวลาอยู่ที่นี่กันทำไมล่ะคะ รีบไปที่ภัตตาคารกันดีกว่าค่ะ และเจ้าชายเองก็…”

เธอมองราโมนากับเฟเรสที่ยังคงเดินสนทนาเคียงคู่กันไป ก่อนจะพูดขึ้น

“น่าอายออกไม่ใช่หรือคะ ถ้าทราบว่าพวกเรายืนจ้องกันอยู่ตรงนี้น่ะค่ะ”

“อา ฮ่าฮ่าฮ่า…”

เหล่าขุนนางหัวเราะกระอักกระอ่วนใจ แต่ก็พยักหน้าตอบรับคำของเธอ

“ใช่แล้วละครับ”

“จริงด้วยครับ พวกเรารีบๆ หลบฉากกันดีกว่า!”

เธอกับเหล่าขุนนางเลี้ยวหลบไปบนเส้นทางอื่น เพื่อหลบเลี่ยงทิศทางที่ราโมนากับเฟเรสกำลังเดินมา

ในตอนที่เริ่มขยับกายเดินกันอีกครั้ง ใจมันก็ยังเจ็บปวดเหมือนมีรูโหวงเกิดขึ้นกลางหัวใจแต่เธอก็พยายามเมินเฉยหัวใจที่รวดร้าว

อย่างไรก็ต้องทำตัวให้ชินให้ได้

เธอเลือกลอมบาร์เดียแล้ว ส่วนเฟเรสก็จะขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ

จักรพรรดิย่อมต้องมีจักรพรรดินีอยู่เคียงข้าง

ดังนั้นอย่างไรสักวันหนึ่ง ที่ข้างกายของเฟเรสก็จะต้องถูกใครบางคนเติมเต็มอยู่ดี

ใครคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ

และราโมนาก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว

ตระกูลบราวน์เป็นตระกูลที่จงรักภักดียิ่งจนไม่มีใครกล้าโต้แย้ง พวกเขากลับคืนสู่ฐานะชนชั้นสูงได้อย่างสง่าผ่าเผย ดังนั้นจะต้องคอยชี้แนะเฟเรสที่ยังอ่อนด้านการเมืองอยู่มากได้อย่างแน่นอน

ราโมนาเองก็เป็นคนที่มีความสามารถมากอยู่แล้วด้วย

เป็นคนที่แข็งแกร่งและยึดมั่นในความถูกต้อง อีกทั้งมองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าชอบเฟเรสมาก

‘ต้องทำตัวให้ชินได้แล้ว’

เธอย้ำกับตัวเองอีกครั้ง

ในตอนนั้นเอง ก็พลันนึกถึงคำพูดทั้งหลายที่เฟเรสเลยกระซิบข้างหูเธอในห้องทำงานที่กองกำลังอัศวินขึ้นมา

“จุมพิตรักษาการเจ้าตระกูลแบบนี้ สัมผัสแนบชิดผิวกายเช่นนี้ หากไม่ใช่ข้าไม่ว่าใครก็ห้ามทั้งสิ้น”

ยังรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิอบอุ่นของเฟเรสที่โอบกอดเธอเอาวันแน่น ราวกับจะไม่มีวันยอมปล่อยมือไปจากเธอได้อยู่เลย

“ฮู่ว”

เธอแสร้งทำเป็นยกมือขึ้นลูบผมในขณะที่ถอนหายใจออกมาเบาๆ

กลัวว่าถ้าไม่ทำแบบนี้ ความรู้สึกในใจที่แตกสลายเป็นเสี่ยงมันจะเผยออกมาให้เห็นทางสีหน้า

โล่งอกที่สายลมเย็นพัดเข้ามาปะทะใบหน้า ช่วยให้ใจที่หม่นหมองค่อยผ่อนคลายลงได้บ้าง

ดูสิ ก็ทำได้ไม่ใช่เหรอไง

จู่ๆ ก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ต่อไปทุกครั้งที่เสียใจแบบนี้ ก็แค่สูดลมหายใจเข้าลึก เอาชนะมันให้ได้ก็พอแล้ว เพราะอย่างไรเธอก็ต้องใช้ชีวิตต่อไปโดยเห็นหน้าเฟเรสไปตลอดแบบนี้นี่นะ

เธอเหลือบมองไปทางด้านนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เส้นทางเดินของพวกเรากับเฟเรสจะต่างกันไปคนละทิศ

ก็แค่ใช้ชีวิตต่อไป

อืม อย่างไรสักวันหนึ่งก็จะต้องดีขึ้นแน่ เวลาจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่าง…

ตึก

เธอหยุดชะงักฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว

นิ่งไปอย่างนั้นเมื่อได้เห็นหน้าของเฟเรส

นี่เขากำลังยิ้มงั้นเหรอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 241.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 241.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ที่บอกว่ามีนัดล่วงหน้าก่อนแล้ว อีกฝ่ายคือราโมนานี่เอง

นั่นเป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในสมอง

รีบร้อนออกไปทันทีที่การประชุมจบลงโดยไม่แม้แต่จะหันมาร่ำลากัน

ที่แท้ก็รีบไปพบราโมนาสินะ

นั่นเป็นความคิดที่สอง

ฮึก

น่าตลกชะมัด แต่เธอดันเผลอรู้สึกผิดหวังในตัวเฟเรสขึ้นมา

และหัวใจก็ดันเจ็บปวดเมื่อได้เห็นภาพเขาเดินเคียงคู่อยู่ข้างกายราโมนา

“เห็นแบบนั้นแล้วจะว่าไปก็เป็นคู่ที่เหมาะสมกันดีนะครับ”

ใครบางคนเอ่ยขึ้น

ไม่ต้องเหลียวหลังกลับไปมองก็รู้ได้ว่าใคร แต่เธอกลับไม่อาจละสายตาห่างไปจากเฟเรสกับราโมนาได้เลย

“ได้ยินว่าคุณหนูบราวน์เองก็สนิทสนมกับเจ้าชายลำดับที่สองมากเป็นพิเศษตั้งแต่สมัยยังศึกษาอยู่ที่อะคาเดมีด้วยใช่มั้ยครับ”

“ใช่แล้วละ เพราะอย่างนั้นในอะคาเดมีจึงมีข่าวลือแพร่ไปทั่วว่าทั้งสองคนเป็นคนรักกัน…”

ประธานคิลเลียนเล่าข่าวลือที่ไปได้ยินมาอย่างสนุกปาก แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก

เพราะท่านชายวิดอาร์ซึ่งอายุค่อนข้างน้อยในบรรดาขุนนางอาวุโสได้ตีมือของประธานคิลเลียนผู้ไม่ดูตาม้าตาเรือเอาเสียเลย

“หืม ทำไมล่ะ”

แต่ประธานคิลเลียนนี่ช่างไม่มีไหวพริบยิ่งกว่าที่คิดไว้จริงๆ

“อา รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแค่นี้หรอก”

เรื่องแค่นี้

“ถึงแม้จะไม่ได้ประกาศถอนหมั้นกันอย่างเป็นทางการก็เถอะ แต่ก็คงจะจัดการกันเองระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงไปแล้ว ข้าพูดถูกมั้ยครับ รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”

ที่ประธานคิลเลียนพูดมาก็ถูกต้องแล้ว

เธอกับเฟเรสไม่ได้ถอนหมั้นกันอย่างเป็นทางการ

แต่ก็แค่ยังไม่ได้ทำ

แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ควรทำเมื่อเธอเองก็เป็นรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียแล้ว

“…ใช่ค่ะ”

เธอเอ่ยตอบกลับไป พยายามบังคับเสียงให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ดูสิ!”

ประธานคิลเลียนส่งสายตาเป็นประกายเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นมาทางเธอ

“รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียของพวกเราไม่ใช่คนที่จะไขว้เขวด้วยอารมณ์ส่วนตัวหรอก!”

ถึงแม้เรื่องที่ประธานคิลเลียนพูดมาจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ แต่ทุกคำ ทุกประโยคนั่น มันเริ่มจะระคายหูเธอแล้วนะ

ล้ำเส้นกันเกินไปแล้ว

ต่อหน้าเธอที่ได้ชื่อว่าเป็นถึงรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย แต่กลับเอาแต่พูดพล่ามเรื่องเธออย่างสนุกปากราวกับพูดถึงอาหารจานโปรด

“ว่าแล้วเชียวลอมบาร์เดียน่ะ…”

“หยุด”

เธอขัดประธานคิลเลียนเสียงกดต่ำ

พอละสายตาจากเฟเรสเหลียวกลับไปมองประธานคิลเลียน ก็พบว่าเขามีสีหน้าตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

เธอไม่ได้ยิ้มอีกต่อไปแล้ว

เพียงแค่มองประธานคิลเลียนด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์

แค่นี้ก็คงจะเข้าใจความหมายที่เธอต้องการจะสื่อได้แล้วละมั้ง

เธอยกยิ้มตามมารยาท ในขณะที่เอ่ยพูดอีกครั้ง

“จะมามัวเสียเวลาอยู่ที่นี่กันทำไมล่ะคะ รีบไปที่ภัตตาคารกันดีกว่าค่ะ และเจ้าชายเองก็…”

เธอมองราโมนากับเฟเรสที่ยังคงเดินสนทนาเคียงคู่กันไป ก่อนจะพูดขึ้น

“น่าอายออกไม่ใช่หรือคะ ถ้าทราบว่าพวกเรายืนจ้องกันอยู่ตรงนี้น่ะค่ะ”

“อา ฮ่าฮ่าฮ่า…”

เหล่าขุนนางหัวเราะกระอักกระอ่วนใจ แต่ก็พยักหน้าตอบรับคำของเธอ

“ใช่แล้วละครับ”

“จริงด้วยครับ พวกเรารีบๆ หลบฉากกันดีกว่า!”

เธอกับเหล่าขุนนางเลี้ยวหลบไปบนเส้นทางอื่น เพื่อหลบเลี่ยงทิศทางที่ราโมนากับเฟเรสกำลังเดินมา

ในตอนที่เริ่มขยับกายเดินกันอีกครั้ง ใจมันก็ยังเจ็บปวดเหมือนมีรูโหวงเกิดขึ้นกลางหัวใจแต่เธอก็พยายามเมินเฉยหัวใจที่รวดร้าว

อย่างไรก็ต้องทำตัวให้ชินให้ได้

เธอเลือกลอมบาร์เดียแล้ว ส่วนเฟเรสก็จะขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ

จักรพรรดิย่อมต้องมีจักรพรรดินีอยู่เคียงข้าง

ดังนั้นอย่างไรสักวันหนึ่ง ที่ข้างกายของเฟเรสก็จะต้องถูกใครบางคนเติมเต็มอยู่ดี

ใครคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ

และราโมนาก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว

ตระกูลบราวน์เป็นตระกูลที่จงรักภักดียิ่งจนไม่มีใครกล้าโต้แย้ง พวกเขากลับคืนสู่ฐานะชนชั้นสูงได้อย่างสง่าผ่าเผย ดังนั้นจะต้องคอยชี้แนะเฟเรสที่ยังอ่อนด้านการเมืองอยู่มากได้อย่างแน่นอน

ราโมนาเองก็เป็นคนที่มีความสามารถมากอยู่แล้วด้วย

เป็นคนที่แข็งแกร่งและยึดมั่นในความถูกต้อง อีกทั้งมองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าชอบเฟเรสมาก

‘ต้องทำตัวให้ชินได้แล้ว’

เธอย้ำกับตัวเองอีกครั้ง

ในตอนนั้นเอง ก็พลันนึกถึงคำพูดทั้งหลายที่เฟเรสเลยกระซิบข้างหูเธอในห้องทำงานที่กองกำลังอัศวินขึ้นมา

“จุมพิตรักษาการเจ้าตระกูลแบบนี้ สัมผัสแนบชิดผิวกายเช่นนี้ หากไม่ใช่ข้าไม่ว่าใครก็ห้ามทั้งสิ้น”

ยังรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิอบอุ่นของเฟเรสที่โอบกอดเธอเอาวันแน่น ราวกับจะไม่มีวันยอมปล่อยมือไปจากเธอได้อยู่เลย

“ฮู่ว”

เธอแสร้งทำเป็นยกมือขึ้นลูบผมในขณะที่ถอนหายใจออกมาเบาๆ

กลัวว่าถ้าไม่ทำแบบนี้ ความรู้สึกในใจที่แตกสลายเป็นเสี่ยงมันจะเผยออกมาให้เห็นทางสีหน้า

โล่งอกที่สายลมเย็นพัดเข้ามาปะทะใบหน้า ช่วยให้ใจที่หม่นหมองค่อยผ่อนคลายลงได้บ้าง

ดูสิ ก็ทำได้ไม่ใช่เหรอไง

จู่ๆ ก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ต่อไปทุกครั้งที่เสียใจแบบนี้ ก็แค่สูดลมหายใจเข้าลึก เอาชนะมันให้ได้ก็พอแล้ว เพราะอย่างไรเธอก็ต้องใช้ชีวิตต่อไปโดยเห็นหน้าเฟเรสไปตลอดแบบนี้นี่นะ

เธอเหลือบมองไปทางด้านนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เส้นทางเดินของพวกเรากับเฟเรสจะต่างกันไปคนละทิศ

ก็แค่ใช้ชีวิตต่อไป

อืม อย่างไรสักวันหนึ่งก็จะต้องดีขึ้นแน่ เวลาจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่าง…

ตึก

เธอหยุดชะงักฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว

นิ่งไปอย่างนั้นเมื่อได้เห็นหน้าของเฟเรส

นี่เขากำลังยิ้มงั้นเหรอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+