เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 241.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 241.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฟเรสเดินออกมาจากห้องประชุมที่ใช้จัดการประชุมราชการแผ่นดิน เขาพยายามปลอบประโลมความรู้สึกเสียดายในใจ

‘ไม่ได้พบกันตั้งนานแท้ๆ’

เขารู้สึกเสียดายยิ่งที่ไม่อาจส่งสายตาทักทายเทียได้ตอนก่อนจะออกมาจากห้องเป็นครั้งสุดท้าย

“ตารางงานถัดไปข้าจะไปเองคนเดียว”

เฟเรสหันไปสั่งเหล่าเลขาธิการที่มักจะคอยตามประกบติดไม่ว่าช่วงนี้เขาจะไปที่ใด

“ไปพบสหายจากอะคาเดมีใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ ทราบแล้ว เช่นนั้นอีกหนึ่งชั่วโมงให้หลังกระหม่อมจะไปรอรับพ่ะย่ะค่ะ”

การพบปะกับราโมนาและสามสหายจากอะคาเดมีแท้จริงแล้วเป็นนัดหมายเพื่อรับฟังรายงานเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสถานที่ที่สายตาของเฟเรสไปไม่ถึง

แต่อย่างไรเลขาธิการก็เข้าใจแค่ว่าเป็นการพบปะส่วนตัวกับสหายสนิททั่วไป จึงยอมถอยห่างอย่างว่าง่าย

“ได้”

เฟเรสมองตรงไปข้างหน้า เขาก้าวเท้าเดินต่อไปเรื่อยๆ

ใบหน้าที่หากมองแค่ภายนอกแล้วเป็นเพียงแค่ใบหน้าไร้อารมณ์ คล้ายกับแผ่ไอเย็นซ่านอันหนาวเหน็บเสียยิ่งกว่าอากาศในฤดูหนาว แต่แท้จริงแล้วในหัวสมองของเขาคิดถึงแต่เรื่องเทียเท่านั้น

‘ใบหน้าดูซูบผอมลงไปนิดหน่อย’

การรับเอางานขององค์จักรพรรดิมาทำทั้งหมด เพื่อไม่ให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงช่องว่างเมื่อไร้ซึ่งโยบาเนสนั้น เป็นหนึ่งในแผนการของเฟเรส

ในระยะเวลาอันแสนสั้นนี้ เฟเรสจะต้องทำให้อาณาจักรแห่งนี้ขาดเขาไปไม่ได้

“เฮ้อ”

เฟเรสถอนหายใจไม่สมกับเป็นตัวเขาเลยสักนิด

การงานทั้งหลายแหล่ที่ต้องจัดการตั้งแต่เช้ายันค่ำมันอาจจะทำให้เหนื่อยก็จริง แต่เขาก็ยังอดทนได้

โล่งอกที่โยบาเนสไม่ใช่จักรพรรดิที่มีความสามารถยอดเยี่ยมอะไรขนาดนั้น การเติมเต็มช่องว่างนั่นจึงเป็นไปได้อย่างง่ายดาย

สิ่งที่รบกวนจิตใจของเฟเรสคือเทียต่างหาก

พูดให้ถูกก็คือ เขาคิดถึงเทียจนนอนไม่หลับ

อยากจะควบม้าไปหาถึงคฤหาสน์ลอมบาร์เดีย ต่อให้ต้องไปตั้งแต่เช้ามืดก็ยังดี แต่ในเมื่อได้รับคำเตือนจากนางมาแล้วว่าอย่าได้ทำแบบนั้นอีก เขาจึงไม่อาจทำเช่นนั้นได้

สิ่งที่ทำให้เขาหายใจหายคอได้บ้างในชีวิตประจำวันของเขาช่วงนี้ มักจะเป็นยามที่ได้อ่านรายงานจากเทียเรื่องการจัดการทรัพย์สินของอังเกนัส

เนื้อหาในรายงานเพียงแค่บอกว่าขายสิ่งใดไปแล้วบ้าง ขายได้เงินเท่าไหร่ เป็นแค่รายงานทั่วไปเรื่องงานเท่านั้น แต่เฟเรสรู้สึกราวกับได้ยินเสียงเทียจากแต่ละบรรทัด เขาจึงวางมันไว้ข้างกายตลอดทั้งวัน

“เจ้าชาย”

เสียงคุ้นเคยดังขึ้นข้างใบหูเฟเรสที่ไม่ทันได้รู้สึกตัวว่ามีคนเข้ามาใกล้ เพราะมัวแต่คิดถึงเทียอยู่

“เซอร์ราโมนา บราวน์”

ราโมนาลงมาจากรถม้าพอดี

“สถานที่นัดหมายอยู่ทางด้านนั้นเพคะ เจ้าชาย”

ราโมนาเอ่ยเสียงเรียบ มือชี้ไปอีกด้านหนึ่งซึ่งคนละทิศกับทางที่เฟเรสกำลังมุ่งหน้าไป

“อา”

เพราะมัวแต่คิดถึงเทีย ถึงได้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังเดินไปไหน

“ไปด้วยกันเถอะเพคะ”

ราโมนาผู้มีไหวพริบว่องไวกล่าวเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็เป็นฝ่ายช่วยนำทางเฟเรสไปยังสถานที่นัดหมาย

ถึงแม้จะเดินอยู่เคียงข้างกัน แต่ระหว่างคนทั้งสองกลับแทบไม่มีบทสนทนาอะไรเลย

ก็แค่สนทนากันสั้นๆ เกี่ยวกับการฝึกซ้อมฟันดาบเท่านั้น

ในตอนนั้นเอง ราโมนาก็เปิดปากพูดอย่างระมัดระวัง

“สัปดาห์หน้าหม่อมฉันจะเข้าร่วมกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์อย่างเป็นทางการเพคะ”

“งั้นหรือ ยินดีด้วย บรรลุเป้าหมายแล้วสินะ”

“ขอบพระทัยเพคะ”

ราโมนายิ้มจาง โค้งศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ

“แต่นั่นไม่ใช่ความฝันของหม่อมฉันหรอกเพคะ”

“เปลี่ยนเป้าหมายแล้วหรือ”

สมัยศึกษาอยู่ที่อะคาเดมี ความฝันของราโมนาคือ ทวงคืนฐานะชนชั้นสูงให้แก่ตระกูลบราวน์ และเข้าเป็นอัศวินกองกำลังส่วนพระองค์เฉกเช่นบรรพบุรุษของตระกูล

“เพคะ ได้เห็นท่านฟีเรนเทียแล้ว หม่อมฉันจึงอยากจะลองทำอย่างท่านบ้าง”

ราโมนาพูดพลางยิ้มขวยเขิน

“บางทีช่วงปีหน้า ก็น่าจะได้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าตระกูลบราวน์แล้วละเพคะ”

“…ผิดคาดจริงๆ”

ไม่นึกเลยว่าราโมนาจะมีความโลภเช่นนั้นอยู่ด้วย

ที่ผ่านมาราโมนาเพียงแค่อยากจะปลดปล่อยความโศกเศร้าของตระกูล และขอแค่ได้ถือดาบต่อไปตลอดชีวิต นางก็มีความสุขมากแล้ว

“ได้เห็นท่านฟีเรนเทียสืบทอดตำแหน่งเจ้าตระกูลอย่างมั่นใจ หม่อมฉันจึงกล้าที่จะลองทำดูบ้างเพคะ ท่านพ่อเองก็มีบุตรเพียงคนเดียวคือหม่อมฉัน อีกอย่างก็ไม่น่ามีใครที่มีความสามารถมากพอจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลบราวน์คนถัดไปได้แล้วเพคะ”

ราโมนาตอบเสียงหนักแน่น

ภาพที่ได้เห็นช่างดูแล้วมีส่วนคล้ายกับเทียมาก เฟเรสจึงพยักหน้าลง

“เป็นเรื่องดี”

“หม่อมฉันคิดว่าต่อไปก็คงมีคนเริ่มคิดเช่นเดียวกับหม่อมฉันปรากฏกายออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เพคะ เพราะท่านฟีเรนเทียกลายเป็นแบบอย่างให้แก่พวกเรา ต่อให้เป็นผู้หญิง แต่ถ้าหากมีความสามารถมากพอละก็ จะต้องสามารถเป็นผู้นำตระกูลได้อย่างแน่นอน”

นัยน์ตาของราโมนาส่องประกายระยิบระยับยามกล่าวออกมาเช่นนั้น

“ท่านฟีเรนเทียเป็นคนที่น่าทึ่งมากจริงๆ เพคะ ทั้งฉลาด ทั้งงดงาม ทั้งยังแข็งแกร่งยิ่ง”

ไม่ใช่การพูดประจบสอพลอ แต่ราโมนาชื่นชมในตัวเทียจากใจจริง

“หม่อมฉันประทับใจตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เมื่อได้เห็นท่านใจดีกับคนที่อ่อนแอกว่า”

“เทียเป็นแบบนั้นตั้งแต่เด็กแล้วละ”

เฟเรสพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย

“อา สมกับเป็นท่านจริงๆ เพคะ”

“นั่นเป็นเหตุผลที่มักจะมีอัจฉริยะมากความสามารถอยู่รอบกายเทียเสมอยังไงล่ะ รู้จักอัลเพโอ้ จอห์นหรือไม่”

“นักแกะสลักชื่อดังหรือเพคะ”

“ใช่แล้ว คนคนนั้นก็เป็นคนที่เทียได้พบตอนยังเล็กมาก และช่วยแนะนำให้เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียได้เห็นฝีมือ ก่อนหน้านั้นเห็นว่ากำลังเรียนงานช่างไม้อยู่ในตระกูลลอมบาร์เดียหรือเปล่านะ”

เฟเรสรู้สึกภาคภูมิใจยิ่งที่สามารถเล่าเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับเทียที่ราโมนายังไม่รู้ออกไปได้

ความจริงที่ว่า เขารู้เรื่องราวเกี่ยวกับเทียมากกว่าใคร มันทำให้รู้สึกไหล่ยืดชอบกล

“เทียเป็นคนแบบนั้นเสมอ ใจกว้างกับผู้อ่อนแอ เข้มงวดกับพวกขี้ขลาดแต่อวดเก่ง…”

พูดไปพูดมาเฟเรสก็นึกถึงสมัยที่ได้พบกับเทียเป็นครั้งแรกขึ้นมา

เทียตัวน้อยที่จู่ๆ ก็ปรากฏกายขึ้นในป่าลึกราวกับภูตสาวยังคงเด่นชัดอยู่ตรงหน้าเขาอยู่เลย

เปล่งประกายระยิบระยับดูเจิดจ้ามากเสียจนเฟเรสถึงกับคิดว่าตัวเองมองเห็นภาพหลอนเพราะถูกวางยาพิษเสียอีก

“พอได้แล้ว ทำอะไรกันแน่เนี่ย กินหญ้านั่นทำไม”

ตอนที่ได้ยินเสียงกระจ่างใส

พอนึกถึงตอนนั้นขึ้นมา เฟเรสก็รู้สึกได้ว่าหัวใจของเขายังเต้นโครมครามอยู่เลย เพราะอย่างนั้นใบหน้าแข็งกระด้างจึงคลายตัวอ่อนลง รอยยิ้มแต่งแต้มขึ้นบนใบหน้า

“ท่านฟีเรนเทีย”

ในตอนนั้นเอง ราโมนาก็เอียงคอเล็กน้อย เมื่อพบว่าเทียกำลังยืนอยู่ข้างหน้านั่น

หญิงสาวยืนอยู่กับเหล่าขุนนางมากอิทธิพลระดับต้นๆ ของอาณาจักร

“เทีย”

เฟเรสพึมพำชื่อของหญิงสาวออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาด้วยความดีใจ

แต่ทว่า

“…เทีย”

แปลก

ใบหน้าของหญิงสาวที่กำลังมองเขาอยู่นั่น เฟเรสเพิ่งเคยเห็นสีหน้าเช่นนั้นเป็นครั้งแรก

ท่าทางเย็นชาเสียจนไร้ซึ่งความอบอุ่นใดๆ

ตุบ

ใจของเฟเรสร่วงหล่นตกลงไปอยู่ที่ปลายเท้า หัวใจที่เต้นอย่างอารมณ์ดีอยู่จนถึงเมื่อครู่นี้กลับกลายเป็นสั่นไหวด้วยความไม่สบายใจ

“พบกันที่ภัตตาคารนะคะ”

เทียเอ่ยกับขุนนางรอบกาย ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป

โดยที่ไม่แม้แต่จะชายตาเหลือบมองเฟเรส

“อา ครับ ได้ครับ”

ประธานคิลเลียนตอบกลับไปด้วยความงุนงงเล็กน้อย

ก่อนที่เฟเรสจะทันได้ทำอะไร เทียก็เดินห่างออกไปไกลจนจะถึงรถม้าของนางอยู่แล้ว

ภาพด้านหลังที่ได้เห็นทำให้เฟเรสรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ความหวาดกลัวที่เขาไม่เคยได้สัมผัสแม้กระทั่งตอนที่ถูกมือสังหารคนใดไล่ตามล่า

ราวกับถูกดาบที่มองไม่เห็นฟันร่างขาดเป็นสองซีก

“ให้ตายเถอะ”

เฟเรสสบถเสียงแผ่ว แล้วรีบวิ่งตามหลังเทียไปทันที

มันมีอะไรบางอย่างผิดปกติแน่

เหงื่อเย็นเฉียบไหลอาบท่วมแผ่นหลัง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 241.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 241.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฟเรสเดินออกมาจากห้องประชุมที่ใช้จัดการประชุมราชการแผ่นดิน เขาพยายามปลอบประโลมความรู้สึกเสียดายในใจ

‘ไม่ได้พบกันตั้งนานแท้ๆ’

เขารู้สึกเสียดายยิ่งที่ไม่อาจส่งสายตาทักทายเทียได้ตอนก่อนจะออกมาจากห้องเป็นครั้งสุดท้าย

“ตารางงานถัดไปข้าจะไปเองคนเดียว”

เฟเรสหันไปสั่งเหล่าเลขาธิการที่มักจะคอยตามประกบติดไม่ว่าช่วงนี้เขาจะไปที่ใด

“ไปพบสหายจากอะคาเดมีใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ ทราบแล้ว เช่นนั้นอีกหนึ่งชั่วโมงให้หลังกระหม่อมจะไปรอรับพ่ะย่ะค่ะ”

การพบปะกับราโมนาและสามสหายจากอะคาเดมีแท้จริงแล้วเป็นนัดหมายเพื่อรับฟังรายงานเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสถานที่ที่สายตาของเฟเรสไปไม่ถึง

แต่อย่างไรเลขาธิการก็เข้าใจแค่ว่าเป็นการพบปะส่วนตัวกับสหายสนิททั่วไป จึงยอมถอยห่างอย่างว่าง่าย

“ได้”

เฟเรสมองตรงไปข้างหน้า เขาก้าวเท้าเดินต่อไปเรื่อยๆ

ใบหน้าที่หากมองแค่ภายนอกแล้วเป็นเพียงแค่ใบหน้าไร้อารมณ์ คล้ายกับแผ่ไอเย็นซ่านอันหนาวเหน็บเสียยิ่งกว่าอากาศในฤดูหนาว แต่แท้จริงแล้วในหัวสมองของเขาคิดถึงแต่เรื่องเทียเท่านั้น

‘ใบหน้าดูซูบผอมลงไปนิดหน่อย’

การรับเอางานขององค์จักรพรรดิมาทำทั้งหมด เพื่อไม่ให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงช่องว่างเมื่อไร้ซึ่งโยบาเนสนั้น เป็นหนึ่งในแผนการของเฟเรส

ในระยะเวลาอันแสนสั้นนี้ เฟเรสจะต้องทำให้อาณาจักรแห่งนี้ขาดเขาไปไม่ได้

“เฮ้อ”

เฟเรสถอนหายใจไม่สมกับเป็นตัวเขาเลยสักนิด

การงานทั้งหลายแหล่ที่ต้องจัดการตั้งแต่เช้ายันค่ำมันอาจจะทำให้เหนื่อยก็จริง แต่เขาก็ยังอดทนได้

โล่งอกที่โยบาเนสไม่ใช่จักรพรรดิที่มีความสามารถยอดเยี่ยมอะไรขนาดนั้น การเติมเต็มช่องว่างนั่นจึงเป็นไปได้อย่างง่ายดาย

สิ่งที่รบกวนจิตใจของเฟเรสคือเทียต่างหาก

พูดให้ถูกก็คือ เขาคิดถึงเทียจนนอนไม่หลับ

อยากจะควบม้าไปหาถึงคฤหาสน์ลอมบาร์เดีย ต่อให้ต้องไปตั้งแต่เช้ามืดก็ยังดี แต่ในเมื่อได้รับคำเตือนจากนางมาแล้วว่าอย่าได้ทำแบบนั้นอีก เขาจึงไม่อาจทำเช่นนั้นได้

สิ่งที่ทำให้เขาหายใจหายคอได้บ้างในชีวิตประจำวันของเขาช่วงนี้ มักจะเป็นยามที่ได้อ่านรายงานจากเทียเรื่องการจัดการทรัพย์สินของอังเกนัส

เนื้อหาในรายงานเพียงแค่บอกว่าขายสิ่งใดไปแล้วบ้าง ขายได้เงินเท่าไหร่ เป็นแค่รายงานทั่วไปเรื่องงานเท่านั้น แต่เฟเรสรู้สึกราวกับได้ยินเสียงเทียจากแต่ละบรรทัด เขาจึงวางมันไว้ข้างกายตลอดทั้งวัน

“เจ้าชาย”

เสียงคุ้นเคยดังขึ้นข้างใบหูเฟเรสที่ไม่ทันได้รู้สึกตัวว่ามีคนเข้ามาใกล้ เพราะมัวแต่คิดถึงเทียอยู่

“เซอร์ราโมนา บราวน์”

ราโมนาลงมาจากรถม้าพอดี

“สถานที่นัดหมายอยู่ทางด้านนั้นเพคะ เจ้าชาย”

ราโมนาเอ่ยเสียงเรียบ มือชี้ไปอีกด้านหนึ่งซึ่งคนละทิศกับทางที่เฟเรสกำลังมุ่งหน้าไป

“อา”

เพราะมัวแต่คิดถึงเทีย ถึงได้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังเดินไปไหน

“ไปด้วยกันเถอะเพคะ”

ราโมนาผู้มีไหวพริบว่องไวกล่าวเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็เป็นฝ่ายช่วยนำทางเฟเรสไปยังสถานที่นัดหมาย

ถึงแม้จะเดินอยู่เคียงข้างกัน แต่ระหว่างคนทั้งสองกลับแทบไม่มีบทสนทนาอะไรเลย

ก็แค่สนทนากันสั้นๆ เกี่ยวกับการฝึกซ้อมฟันดาบเท่านั้น

ในตอนนั้นเอง ราโมนาก็เปิดปากพูดอย่างระมัดระวัง

“สัปดาห์หน้าหม่อมฉันจะเข้าร่วมกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์อย่างเป็นทางการเพคะ”

“งั้นหรือ ยินดีด้วย บรรลุเป้าหมายแล้วสินะ”

“ขอบพระทัยเพคะ”

ราโมนายิ้มจาง โค้งศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ

“แต่นั่นไม่ใช่ความฝันของหม่อมฉันหรอกเพคะ”

“เปลี่ยนเป้าหมายแล้วหรือ”

สมัยศึกษาอยู่ที่อะคาเดมี ความฝันของราโมนาคือ ทวงคืนฐานะชนชั้นสูงให้แก่ตระกูลบราวน์ และเข้าเป็นอัศวินกองกำลังส่วนพระองค์เฉกเช่นบรรพบุรุษของตระกูล

“เพคะ ได้เห็นท่านฟีเรนเทียแล้ว หม่อมฉันจึงอยากจะลองทำอย่างท่านบ้าง”

ราโมนาพูดพลางยิ้มขวยเขิน

“บางทีช่วงปีหน้า ก็น่าจะได้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าตระกูลบราวน์แล้วละเพคะ”

“…ผิดคาดจริงๆ”

ไม่นึกเลยว่าราโมนาจะมีความโลภเช่นนั้นอยู่ด้วย

ที่ผ่านมาราโมนาเพียงแค่อยากจะปลดปล่อยความโศกเศร้าของตระกูล และขอแค่ได้ถือดาบต่อไปตลอดชีวิต นางก็มีความสุขมากแล้ว

“ได้เห็นท่านฟีเรนเทียสืบทอดตำแหน่งเจ้าตระกูลอย่างมั่นใจ หม่อมฉันจึงกล้าที่จะลองทำดูบ้างเพคะ ท่านพ่อเองก็มีบุตรเพียงคนเดียวคือหม่อมฉัน อีกอย่างก็ไม่น่ามีใครที่มีความสามารถมากพอจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลบราวน์คนถัดไปได้แล้วเพคะ”

ราโมนาตอบเสียงหนักแน่น

ภาพที่ได้เห็นช่างดูแล้วมีส่วนคล้ายกับเทียมาก เฟเรสจึงพยักหน้าลง

“เป็นเรื่องดี”

“หม่อมฉันคิดว่าต่อไปก็คงมีคนเริ่มคิดเช่นเดียวกับหม่อมฉันปรากฏกายออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เพคะ เพราะท่านฟีเรนเทียกลายเป็นแบบอย่างให้แก่พวกเรา ต่อให้เป็นผู้หญิง แต่ถ้าหากมีความสามารถมากพอละก็ จะต้องสามารถเป็นผู้นำตระกูลได้อย่างแน่นอน”

นัยน์ตาของราโมนาส่องประกายระยิบระยับยามกล่าวออกมาเช่นนั้น

“ท่านฟีเรนเทียเป็นคนที่น่าทึ่งมากจริงๆ เพคะ ทั้งฉลาด ทั้งงดงาม ทั้งยังแข็งแกร่งยิ่ง”

ไม่ใช่การพูดประจบสอพลอ แต่ราโมนาชื่นชมในตัวเทียจากใจจริง

“หม่อมฉันประทับใจตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เมื่อได้เห็นท่านใจดีกับคนที่อ่อนแอกว่า”

“เทียเป็นแบบนั้นตั้งแต่เด็กแล้วละ”

เฟเรสพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย

“อา สมกับเป็นท่านจริงๆ เพคะ”

“นั่นเป็นเหตุผลที่มักจะมีอัจฉริยะมากความสามารถอยู่รอบกายเทียเสมอยังไงล่ะ รู้จักอัลเพโอ้ จอห์นหรือไม่”

“นักแกะสลักชื่อดังหรือเพคะ”

“ใช่แล้ว คนคนนั้นก็เป็นคนที่เทียได้พบตอนยังเล็กมาก และช่วยแนะนำให้เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียได้เห็นฝีมือ ก่อนหน้านั้นเห็นว่ากำลังเรียนงานช่างไม้อยู่ในตระกูลลอมบาร์เดียหรือเปล่านะ”

เฟเรสรู้สึกภาคภูมิใจยิ่งที่สามารถเล่าเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับเทียที่ราโมนายังไม่รู้ออกไปได้

ความจริงที่ว่า เขารู้เรื่องราวเกี่ยวกับเทียมากกว่าใคร มันทำให้รู้สึกไหล่ยืดชอบกล

“เทียเป็นคนแบบนั้นเสมอ ใจกว้างกับผู้อ่อนแอ เข้มงวดกับพวกขี้ขลาดแต่อวดเก่ง…”

พูดไปพูดมาเฟเรสก็นึกถึงสมัยที่ได้พบกับเทียเป็นครั้งแรกขึ้นมา

เทียตัวน้อยที่จู่ๆ ก็ปรากฏกายขึ้นในป่าลึกราวกับภูตสาวยังคงเด่นชัดอยู่ตรงหน้าเขาอยู่เลย

เปล่งประกายระยิบระยับดูเจิดจ้ามากเสียจนเฟเรสถึงกับคิดว่าตัวเองมองเห็นภาพหลอนเพราะถูกวางยาพิษเสียอีก

“พอได้แล้ว ทำอะไรกันแน่เนี่ย กินหญ้านั่นทำไม”

ตอนที่ได้ยินเสียงกระจ่างใส

พอนึกถึงตอนนั้นขึ้นมา เฟเรสก็รู้สึกได้ว่าหัวใจของเขายังเต้นโครมครามอยู่เลย เพราะอย่างนั้นใบหน้าแข็งกระด้างจึงคลายตัวอ่อนลง รอยยิ้มแต่งแต้มขึ้นบนใบหน้า

“ท่านฟีเรนเทีย”

ในตอนนั้นเอง ราโมนาก็เอียงคอเล็กน้อย เมื่อพบว่าเทียกำลังยืนอยู่ข้างหน้านั่น

หญิงสาวยืนอยู่กับเหล่าขุนนางมากอิทธิพลระดับต้นๆ ของอาณาจักร

“เทีย”

เฟเรสพึมพำชื่อของหญิงสาวออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาด้วยความดีใจ

แต่ทว่า

“…เทีย”

แปลก

ใบหน้าของหญิงสาวที่กำลังมองเขาอยู่นั่น เฟเรสเพิ่งเคยเห็นสีหน้าเช่นนั้นเป็นครั้งแรก

ท่าทางเย็นชาเสียจนไร้ซึ่งความอบอุ่นใดๆ

ตุบ

ใจของเฟเรสร่วงหล่นตกลงไปอยู่ที่ปลายเท้า หัวใจที่เต้นอย่างอารมณ์ดีอยู่จนถึงเมื่อครู่นี้กลับกลายเป็นสั่นไหวด้วยความไม่สบายใจ

“พบกันที่ภัตตาคารนะคะ”

เทียเอ่ยกับขุนนางรอบกาย ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป

โดยที่ไม่แม้แต่จะชายตาเหลือบมองเฟเรส

“อา ครับ ได้ครับ”

ประธานคิลเลียนตอบกลับไปด้วยความงุนงงเล็กน้อย

ก่อนที่เฟเรสจะทันได้ทำอะไร เทียก็เดินห่างออกไปไกลจนจะถึงรถม้าของนางอยู่แล้ว

ภาพด้านหลังที่ได้เห็นทำให้เฟเรสรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ความหวาดกลัวที่เขาไม่เคยได้สัมผัสแม้กระทั่งตอนที่ถูกมือสังหารคนใดไล่ตามล่า

ราวกับถูกดาบที่มองไม่เห็นฟันร่างขาดเป็นสองซีก

“ให้ตายเถอะ”

เฟเรสสบถเสียงแผ่ว แล้วรีบวิ่งตามหลังเทียไปทันที

มันมีอะไรบางอย่างผิดปกติแน่

เหงื่อเย็นเฉียบไหลอาบท่วมแผ่นหลัง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+