เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 250.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 250.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 250.2

การประชุมเจ้าตระกูลอันแสนวุ่นวายจบลงได้อย่างราบรื่นกว่าที่คิด พอถึงช่วงบ่ายก็มีคนมาเคาะประตูถึงห้องทำงานของเธอ

“เข้ามาสิ ดอกเตอร์เอสทีร่า”

“ขอแสดงความยินดีอีกครั้งนะคะ ท่านเจ้าตระกูล”

เอสทีร่าหอบหิ้วกระเป๋าแพทย์ติดมือมาด้วย นางโค้งศีรษะให้เธอพลางกล่าวทักทาย

“ตลอดงานเลี้ยงก็บอกข้าตั้งหลายรอบแล้วไม่ใช่เหรอ”

“แต่การที่ท่านเจ้าตระกูลได้เป็นเจ้าตระกูลแบบนี้ มันเป็นเรื่องน่ายินดีมากจริงๆ นี่คะ”

“ข้ารู้ เพราะงั้นขอบใจนะ”

เอสทีร่าผู้ยังเป็นเพียงแค่หมอฝึกหัดทึ่มทื่อคนหนึ่งกับเธอที่เพิ่งจะอายุได้แค่เจ็ดขวบ

พวกเราได้พบกัน และตอนนี้ก็กำลังเผชิญหน้ากันในฐานะเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียกับแพทย์หญิงผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง

“ต่อไปข้าจะอุทิศตัวทำงานในฐานะแพทย์ประจำตัวท่านเจ้าตระกูลอย่างสุดความสามารถค่ะ ดังนั้นหากรู้สึกไม่สบายหรือเจ็บป่วยตรงไหน ขอให้เรียกตัวข้าได้ทุกเมื่อเลยนะคะ”

เอสทีร่ายิ้มอบอุ่น ก่อนจะเดินเข้ามาหาเธอ

“เช่นนั้นขอตรวจร่างกายสักครู่นะคะ”

มันเป็นการตรวจร่างกายทั่วไป

แต่ตรวจละเอียดกว่าที่คิดไว้มาก เป็นการตรวจทุกรายละเอียดตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเลยทีเดียว

และหลังจากเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ในมือของเอสทีร่าก็ถือกระดาษหลายแผ่นที่เขียนสภาพอาการของเธอในปัจจุบันเอาไว้

“สุขภาพแข็งแรงดีมากเลยค่ะ แต่ถ้าโหมงานหนักเกินไป ครู่เดียวร่างกายก็พังได้นะคะ เพราะฉะนั้นจะต้องออกกำลังกาย ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอค่ะ”

เอสทีร่าเริ่มจัดการเก็บกระเป๋าเครื่องมือแพทย์

“ดอกเตอร์เอสทีร่า วันนี้งานยุ่งมั้ย”

“ไม่ค่ะ รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ”

“เปล่าหรอก วันนี้ข้าว่าจะออกไปนอกคฤหาสน์เสียหน่อย เลยอยากให้ดอกเตอร์ติดตามไปด้วยน่ะ”

“…ค่ะ ทราบแล้วค่ะ ท่านเจ้าตระกูล”

เอสทีร่าดูจะสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก

คงจะคิดแค่ว่าเธอต้องมีเหตุผลที่ทำแบบนี้อยู่แล้ว

บรรดาเจ้าตระกูลใต้บังคับบัญชาเมื่อครู่นี้ก็เหมือนกัน แล้วนี่ยังเอสทีร่าอีก เธอสามารถรู้ได้เลยว่าพวกเขาเชื่อมั่นในตัวเธออย่างสมบูรณ์แบบ

ต้องทำให้ดีกว่านี้ให้ได้

เธอตั้งใจแน่วแน่ในขณะที่ก้าวขึ้นรถม้าไปพร้อมกับเอสทีร่า

เพียงครู่ รถม้าลอมบาร์เดียที่พวกเรานั่งมาก็เดินทางออกมาพ้นเขตคฤหาสน์ และมุ่งหน้าสู่ตัวเมืองลอมบาร์เดีย

เธอเหม่อมองนอกหน้าต่าง ก่อนจะเอ่ยถามเอสทีร่า

“เห็นว่าคราวนี้ก็เลือกลูกศิษย์เพิ่มเหรอคะ”

“ค่ะ รับเพิ่มมาใหม่ทั้งหมดสิบคนค่ะ”

เอสทีร่าตอบอย่างนอบน้อม แล้วจู่ๆ ก็ปรับท่านั่งตัวตรง ก่อนจะพูดต่อ

“ทั้งหมดเป็นเพราะการสนับสนุนจากลอมบาร์เดียแท้ๆ เลยค่ะ เพราะอย่างนั้นผู้คนมากมายถึงได้มีโอกาสเล่าเรียนวิชาแพทย์ และนำความรู้ไปช่วยเหลือผู้คนได้แบบนี้”

เหมือนอย่างที่ดอกเตอร์โอมัลลี่เคยทำในอดีต เอสทีร่าเองก็เลือกตัวผู้ช่วยและลูกศิษย์มาติดตามหลายคน

หลังจากได้เข้ามาเป็นแพทย์ประจำตระกูลลอมบาร์เดียในฐานะลูกศิษย์ประจำตัวแพทย์หลัก พวกเขาก็จะได้กินอยู่ฟรีในคฤหาสน์ ทั้งยังได้รับเงินค่าจ้างสูงพอควรด้วย

นอกจากต้องยกเรื่องรักษาคนในลอมบาร์เดียให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งก็ไม่มีเงื่อนไขใดอีก เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ศิษย์รุ่นแรกบางคนยังเดินทางกลับบ้านเกิดไปเปิดศูนย์การแพทย์ด้วยเช่นกัน

“อย่างไรการศึกษาวิจัยอย่างแข็งขันจนสามารถคิดค้นยารักษาโรคต่างๆ มากมาย ก็เป็นเรื่องที่ดีต่อลอมบาร์เดียของพวกเราอยู่แล้วนี่นา”

ไม่นานหลังจากนั้น รถม้าก็ค่อยๆ ลดระดับความเร็วลงอย่างช้าๆ

ประตูเปิดออก สถานที่ที่พวกเราก้าวเท้าลงเหยียบก็คือ ทุ่งกว้างแถบชานเมืองลอมบาร์เดีย

บริเวณโดยรอบนอกจากที่ดินว่างเปล่าเนื่องจากหมดฤดูเพาะปลูกแล้ว ที่แห่งนี้ก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากรถม้าของพวกเรา

“ท่านเจ้าตระกูล ที่นี่…”

เอสทีร่าเอ่ยถามเธออย่างระมัดระวัง เธอจึงชี้ไปยังใจกลางทุ่งหญ้า แล้วพูดขึ้น

“ตรงนั้นไง”

“คะ?”

“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเราจะสร้างศูนย์การแพทย์ขึ้นตรงนั้น”

“ทะ…ท่านเจ้าตระกูล…”

เอสทีน่ายกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ

“ข้าสัญญาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ว่าจะช่วยทำให้ความฝันของเอสทีร่าเป็นจริงน่ะ”

เมื่อเนิ่นนานมาแล้ว มันเป็นสัญญาที่พวกเราให้ไว้ต่อกันแทนเงื่อนไขว่าให้เอสทีร่าช่วยหลอมยาเมลโคนซึ่งเป็นยาแก้พิษให้เฟเรส

“มันจะกลายเป็นสถานที่ให้คนยากไร้สามารถมารับการรักษาได้ คนที่เล่าเรียนวิชาการแพทย์เหมือนเอสทีร่า คนที่ศึกษาด้านสมุนไพร ทุกคนจะมารวมตัวกันที่นี่ ดังนั้นพวกเราจะสร้างมันให้ใหญ่โตจนพวกเขาสามารถกิน นอน และให้การรักษาประจำอยู่ที่นี่ได้”

มันอาจจะยังเป็นเพียงแค่ทุ่งหญ้าว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลยก็จริง แต่ในสายตาเธอกลับมองเห็นของเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน

“ทางด้านนั้นเป็นอาคารสำหรับให้การรักษา ส่วนอีกด้านทางโน้นเป็นหอพักสำหรับแพทย์ทุกคน และทางนี้ก็เป็นที่ให้คนไข้จากแดนไกลใช้พักรักษาตัว”

และหันไปถามเอสทีร่า

“คิดว่ายังไง”

เอสทีร่ากำลังมองเธอด้วยนัยน์ตาเอ่อคลอหยาดน้ำตา และคุกเข่าลงตรงนั้นอย่างช้าๆ

“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะ ท่านเจ้าตระกูล”

เธอเองก็ย่อเข่าลง ปรับระดับสายตาให้ตรงกับเอสทีร่า แล้วเอ่ยพูด

“เป็นเพราะเอสทีร่าช่วยชีวิตท่านพ่อ ข้าถึงมาได้ไกลจนถึงจุดนี้ได้”

“ทะ…ท่านฟีเรนเทีย…”

“ตอนนี้เอสทีร่ากับลูกศิษย์เพียงแค่ช่วยชีวิตผู้คนมากมายตรงนั้นก็พอ ถ้าอย่างนั้นทุกคนก็จะจดจำชื่อลอมบาร์เดียได้ด้วยเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ มันไม่ใช่ข้อตกลงที่ข้าเสียเปรียบเสียหน่อย”

ถึงแม้จะพูดหยอกล้อออกไป แต่หยาดน้ำตาของเอสทีร่าก็ยังคงไม่หยุดไหลริน

ไม่นานหลังจากนั้น เอสทีร่าก็เริ่มสงบสติได้ เธอเลยช่วยพยุงไหล่ของเอสทีร่า แล้วยื่นข้อเสนอ

“มันอาจจะเป็นแค่ที่ดินว่างเปล่า แต่ให้ข้าอธิบายรายละเอียดเพิ่มให้ฟังเอามั้ย”

เอสทีร่าใช้ชายเสื้อซับหยาดน้ำตา ก่อนจะพยักหน้าลง

พวกเราเดินเล่นไปท่ามกลางทุ่งหญ้าว่างเปล่าจนกระทั่งพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า พลางช่วยกันวางแผนเกี่ยวกับ ‘โรงพยาบาลลอมบาร์เดีย’ ไปด้วย

* * *

พรุ่งนี้เป็นวันแต่งตั้งเฟเรสขึ้นเป็นองค์รัชทายาทอย่างเป็นทางการ

เมื่อสองวันก่อน เจ้าตระกูลมิเคนเต้ ไอบัน จากทางเหนือเองก็ได้เดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้ว

สุดท้ายขาข้างหนึ่งก็ใช้การได้ไม่ค่อยปกตินักอย่างที่หมอเคยบอกไว้ แต่เขาก็ดูร่าเริงดี

และวันนี้

“อ๊ะ มานั่นแล้ว”

เธอเดินออกมานอกประตู เฝ้ามองรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่คฤหาสน์ลอมบาร์เดียพอดี

รถม้าหรูหราขนาดใหญ่ใช้ม้าสีขาวสี่ตัวลาก ด้านหน้าขบวนมีเหล่าอัศวินคอยอารักขา ด้านหลังมีรถม้าขนสัมภาระมากมายต่อท้ายขบวนหลายคัน เป็นขบวนเดินทางที่ยิ่งใหญ่อลังการยิ่ง

“สมแล้วที่เป็นตะวันออก”

“ที่กองสุมอยู่ข้างหลังเท่าภูเขานั่น ใช่ผ้าไหมตะวันออกหรือเปล่า”

สองแฝดที่คอยอารักขาเธออยู่ข้างๆ เองก็ผิวปากวีดวิ้วเบาๆ

ฮี้!

สิ้นสุดเสียงร้องของม้าที่เดินทางมาไกล รถม้าก็มาหยุดจอดอยู่ตรงหน้าเธอ

พรึบ ประตูรถม้าถูกเปิด ก่อนที่ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลางดงามคนหนึ่งจะเป็นฝ่ายก้าวลงมาคนแรก และหลังจากนั้นก็เผยให้เห็นรูปโฉมของหญิงสาวนางหนึ่งก้าวตามหลังลงมา

หญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้า ผมสีน้ำตาลอ่อน สวมเดรสตัวหรูสีสว่างสดใสอันเป็นเอกลักษณ์ของตะวันออก

ทันทีที่หญิงนางนั้นพบเธอ นัยน์ตาอ่อนหวานคู่นั้นก็คลี่ยิ้มด้วยความยินดี

เธอส่งยิ้มทักทายตอบกลับไป

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ ลาลาเน่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 250.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 250.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 250.2

การประชุมเจ้าตระกูลอันแสนวุ่นวายจบลงได้อย่างราบรื่นกว่าที่คิด พอถึงช่วงบ่ายก็มีคนมาเคาะประตูถึงห้องทำงานของเธอ

“เข้ามาสิ ดอกเตอร์เอสทีร่า”

“ขอแสดงความยินดีอีกครั้งนะคะ ท่านเจ้าตระกูล”

เอสทีร่าหอบหิ้วกระเป๋าแพทย์ติดมือมาด้วย นางโค้งศีรษะให้เธอพลางกล่าวทักทาย

“ตลอดงานเลี้ยงก็บอกข้าตั้งหลายรอบแล้วไม่ใช่เหรอ”

“แต่การที่ท่านเจ้าตระกูลได้เป็นเจ้าตระกูลแบบนี้ มันเป็นเรื่องน่ายินดีมากจริงๆ นี่คะ”

“ข้ารู้ เพราะงั้นขอบใจนะ”

เอสทีร่าผู้ยังเป็นเพียงแค่หมอฝึกหัดทึ่มทื่อคนหนึ่งกับเธอที่เพิ่งจะอายุได้แค่เจ็ดขวบ

พวกเราได้พบกัน และตอนนี้ก็กำลังเผชิญหน้ากันในฐานะเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียกับแพทย์หญิงผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง

“ต่อไปข้าจะอุทิศตัวทำงานในฐานะแพทย์ประจำตัวท่านเจ้าตระกูลอย่างสุดความสามารถค่ะ ดังนั้นหากรู้สึกไม่สบายหรือเจ็บป่วยตรงไหน ขอให้เรียกตัวข้าได้ทุกเมื่อเลยนะคะ”

เอสทีร่ายิ้มอบอุ่น ก่อนจะเดินเข้ามาหาเธอ

“เช่นนั้นขอตรวจร่างกายสักครู่นะคะ”

มันเป็นการตรวจร่างกายทั่วไป

แต่ตรวจละเอียดกว่าที่คิดไว้มาก เป็นการตรวจทุกรายละเอียดตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเลยทีเดียว

และหลังจากเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ในมือของเอสทีร่าก็ถือกระดาษหลายแผ่นที่เขียนสภาพอาการของเธอในปัจจุบันเอาไว้

“สุขภาพแข็งแรงดีมากเลยค่ะ แต่ถ้าโหมงานหนักเกินไป ครู่เดียวร่างกายก็พังได้นะคะ เพราะฉะนั้นจะต้องออกกำลังกาย ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอค่ะ”

เอสทีร่าเริ่มจัดการเก็บกระเป๋าเครื่องมือแพทย์

“ดอกเตอร์เอสทีร่า วันนี้งานยุ่งมั้ย”

“ไม่ค่ะ รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ”

“เปล่าหรอก วันนี้ข้าว่าจะออกไปนอกคฤหาสน์เสียหน่อย เลยอยากให้ดอกเตอร์ติดตามไปด้วยน่ะ”

“…ค่ะ ทราบแล้วค่ะ ท่านเจ้าตระกูล”

เอสทีร่าดูจะสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก

คงจะคิดแค่ว่าเธอต้องมีเหตุผลที่ทำแบบนี้อยู่แล้ว

บรรดาเจ้าตระกูลใต้บังคับบัญชาเมื่อครู่นี้ก็เหมือนกัน แล้วนี่ยังเอสทีร่าอีก เธอสามารถรู้ได้เลยว่าพวกเขาเชื่อมั่นในตัวเธออย่างสมบูรณ์แบบ

ต้องทำให้ดีกว่านี้ให้ได้

เธอตั้งใจแน่วแน่ในขณะที่ก้าวขึ้นรถม้าไปพร้อมกับเอสทีร่า

เพียงครู่ รถม้าลอมบาร์เดียที่พวกเรานั่งมาก็เดินทางออกมาพ้นเขตคฤหาสน์ และมุ่งหน้าสู่ตัวเมืองลอมบาร์เดีย

เธอเหม่อมองนอกหน้าต่าง ก่อนจะเอ่ยถามเอสทีร่า

“เห็นว่าคราวนี้ก็เลือกลูกศิษย์เพิ่มเหรอคะ”

“ค่ะ รับเพิ่มมาใหม่ทั้งหมดสิบคนค่ะ”

เอสทีร่าตอบอย่างนอบน้อม แล้วจู่ๆ ก็ปรับท่านั่งตัวตรง ก่อนจะพูดต่อ

“ทั้งหมดเป็นเพราะการสนับสนุนจากลอมบาร์เดียแท้ๆ เลยค่ะ เพราะอย่างนั้นผู้คนมากมายถึงได้มีโอกาสเล่าเรียนวิชาแพทย์ และนำความรู้ไปช่วยเหลือผู้คนได้แบบนี้”

เหมือนอย่างที่ดอกเตอร์โอมัลลี่เคยทำในอดีต เอสทีร่าเองก็เลือกตัวผู้ช่วยและลูกศิษย์มาติดตามหลายคน

หลังจากได้เข้ามาเป็นแพทย์ประจำตระกูลลอมบาร์เดียในฐานะลูกศิษย์ประจำตัวแพทย์หลัก พวกเขาก็จะได้กินอยู่ฟรีในคฤหาสน์ ทั้งยังได้รับเงินค่าจ้างสูงพอควรด้วย

นอกจากต้องยกเรื่องรักษาคนในลอมบาร์เดียให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งก็ไม่มีเงื่อนไขใดอีก เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ศิษย์รุ่นแรกบางคนยังเดินทางกลับบ้านเกิดไปเปิดศูนย์การแพทย์ด้วยเช่นกัน

“อย่างไรการศึกษาวิจัยอย่างแข็งขันจนสามารถคิดค้นยารักษาโรคต่างๆ มากมาย ก็เป็นเรื่องที่ดีต่อลอมบาร์เดียของพวกเราอยู่แล้วนี่นา”

ไม่นานหลังจากนั้น รถม้าก็ค่อยๆ ลดระดับความเร็วลงอย่างช้าๆ

ประตูเปิดออก สถานที่ที่พวกเราก้าวเท้าลงเหยียบก็คือ ทุ่งกว้างแถบชานเมืองลอมบาร์เดีย

บริเวณโดยรอบนอกจากที่ดินว่างเปล่าเนื่องจากหมดฤดูเพาะปลูกแล้ว ที่แห่งนี้ก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากรถม้าของพวกเรา

“ท่านเจ้าตระกูล ที่นี่…”

เอสทีร่าเอ่ยถามเธออย่างระมัดระวัง เธอจึงชี้ไปยังใจกลางทุ่งหญ้า แล้วพูดขึ้น

“ตรงนั้นไง”

“คะ?”

“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเราจะสร้างศูนย์การแพทย์ขึ้นตรงนั้น”

“ทะ…ท่านเจ้าตระกูล…”

เอสทีน่ายกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ

“ข้าสัญญาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ว่าจะช่วยทำให้ความฝันของเอสทีร่าเป็นจริงน่ะ”

เมื่อเนิ่นนานมาแล้ว มันเป็นสัญญาที่พวกเราให้ไว้ต่อกันแทนเงื่อนไขว่าให้เอสทีร่าช่วยหลอมยาเมลโคนซึ่งเป็นยาแก้พิษให้เฟเรส

“มันจะกลายเป็นสถานที่ให้คนยากไร้สามารถมารับการรักษาได้ คนที่เล่าเรียนวิชาการแพทย์เหมือนเอสทีร่า คนที่ศึกษาด้านสมุนไพร ทุกคนจะมารวมตัวกันที่นี่ ดังนั้นพวกเราจะสร้างมันให้ใหญ่โตจนพวกเขาสามารถกิน นอน และให้การรักษาประจำอยู่ที่นี่ได้”

มันอาจจะยังเป็นเพียงแค่ทุ่งหญ้าว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลยก็จริง แต่ในสายตาเธอกลับมองเห็นของเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน

“ทางด้านนั้นเป็นอาคารสำหรับให้การรักษา ส่วนอีกด้านทางโน้นเป็นหอพักสำหรับแพทย์ทุกคน และทางนี้ก็เป็นที่ให้คนไข้จากแดนไกลใช้พักรักษาตัว”

และหันไปถามเอสทีร่า

“คิดว่ายังไง”

เอสทีร่ากำลังมองเธอด้วยนัยน์ตาเอ่อคลอหยาดน้ำตา และคุกเข่าลงตรงนั้นอย่างช้าๆ

“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะ ท่านเจ้าตระกูล”

เธอเองก็ย่อเข่าลง ปรับระดับสายตาให้ตรงกับเอสทีร่า แล้วเอ่ยพูด

“เป็นเพราะเอสทีร่าช่วยชีวิตท่านพ่อ ข้าถึงมาได้ไกลจนถึงจุดนี้ได้”

“ทะ…ท่านฟีเรนเทีย…”

“ตอนนี้เอสทีร่ากับลูกศิษย์เพียงแค่ช่วยชีวิตผู้คนมากมายตรงนั้นก็พอ ถ้าอย่างนั้นทุกคนก็จะจดจำชื่อลอมบาร์เดียได้ด้วยเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ มันไม่ใช่ข้อตกลงที่ข้าเสียเปรียบเสียหน่อย”

ถึงแม้จะพูดหยอกล้อออกไป แต่หยาดน้ำตาของเอสทีร่าก็ยังคงไม่หยุดไหลริน

ไม่นานหลังจากนั้น เอสทีร่าก็เริ่มสงบสติได้ เธอเลยช่วยพยุงไหล่ของเอสทีร่า แล้วยื่นข้อเสนอ

“มันอาจจะเป็นแค่ที่ดินว่างเปล่า แต่ให้ข้าอธิบายรายละเอียดเพิ่มให้ฟังเอามั้ย”

เอสทีร่าใช้ชายเสื้อซับหยาดน้ำตา ก่อนจะพยักหน้าลง

พวกเราเดินเล่นไปท่ามกลางทุ่งหญ้าว่างเปล่าจนกระทั่งพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า พลางช่วยกันวางแผนเกี่ยวกับ ‘โรงพยาบาลลอมบาร์เดีย’ ไปด้วย

* * *

พรุ่งนี้เป็นวันแต่งตั้งเฟเรสขึ้นเป็นองค์รัชทายาทอย่างเป็นทางการ

เมื่อสองวันก่อน เจ้าตระกูลมิเคนเต้ ไอบัน จากทางเหนือเองก็ได้เดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้ว

สุดท้ายขาข้างหนึ่งก็ใช้การได้ไม่ค่อยปกตินักอย่างที่หมอเคยบอกไว้ แต่เขาก็ดูร่าเริงดี

และวันนี้

“อ๊ะ มานั่นแล้ว”

เธอเดินออกมานอกประตู เฝ้ามองรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่คฤหาสน์ลอมบาร์เดียพอดี

รถม้าหรูหราขนาดใหญ่ใช้ม้าสีขาวสี่ตัวลาก ด้านหน้าขบวนมีเหล่าอัศวินคอยอารักขา ด้านหลังมีรถม้าขนสัมภาระมากมายต่อท้ายขบวนหลายคัน เป็นขบวนเดินทางที่ยิ่งใหญ่อลังการยิ่ง

“สมแล้วที่เป็นตะวันออก”

“ที่กองสุมอยู่ข้างหลังเท่าภูเขานั่น ใช่ผ้าไหมตะวันออกหรือเปล่า”

สองแฝดที่คอยอารักขาเธออยู่ข้างๆ เองก็ผิวปากวีดวิ้วเบาๆ

ฮี้!

สิ้นสุดเสียงร้องของม้าที่เดินทางมาไกล รถม้าก็มาหยุดจอดอยู่ตรงหน้าเธอ

พรึบ ประตูรถม้าถูกเปิด ก่อนที่ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลางดงามคนหนึ่งจะเป็นฝ่ายก้าวลงมาคนแรก และหลังจากนั้นก็เผยให้เห็นรูปโฉมของหญิงสาวนางหนึ่งก้าวตามหลังลงมา

หญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้า ผมสีน้ำตาลอ่อน สวมเดรสตัวหรูสีสว่างสดใสอันเป็นเอกลักษณ์ของตะวันออก

ทันทีที่หญิงนางนั้นพบเธอ นัยน์ตาอ่อนหวานคู่นั้นก็คลี่ยิ้มด้วยความยินดี

เธอส่งยิ้มทักทายตอบกลับไป

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ ลาลาเน่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+