เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 252.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 252.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 252.1

ตอนที่ 252

ห้องประชุมในวันนี้ไม่ได้มีสิ่งใดแตกต่างไปจากทุกคราที่มีการจัดการประชุมใหญ่

เหล่าขุนนางในภาคกลางได้ถูกเชิญให้มาร่วมเป็นสักขีพยาน พวกเขานั่งกันอยู่เต็มที่นั่งทั้งสองฝั่ง ทั่วห้องจึงเต็มไปด้วยเสียงสนทนาดังเซ็งแซ่

หากจะมีจุดแตกต่าง ก็คงจะเป็นแท่นยกระดับที่เคยวางไว้กลางห้องให้เจ้าตระกูลบราวน์ได้ขึ้นไปยืนแก้ต่างเมื่อคราวก่อนโน้น วันนี้กลับถูกวางแทนที่ด้วยโต๊ะกลมสำหรับเจ้าตระกูลทั้งห้า และตำแหน่งที่นั่งของจักรพรรดิก็ถูกเปลี่ยนเป็นแท่นสูงยกระดับขึ้นจากพื้น

และเหนือแท่นยกระดับนั่นก็มีมงกุฎสีแดงที่ถูกประดับตกแต่งอย่างหรูหราด้วยทองคำวางตั้งตระหง่าน

“ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะครับ ท่านเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”

มิเคนเต้ ไอบัน เดินเข้ามาทักทายเธอที่กำลังเหม่อมองมงกุฎประจำตำแหน่งองค์รัชทายาทด้วยความรู้สึกแปลกพิกล

“ไม่ได้พบกันนานนะคะ”

เธอทักทายตอบกลับไปด้วยความยินดี ก่อนจะเดินเข้าไปร่วมวงกับเหล่าตัวแทนทั้งสี่

“ได้ยินว่าที่ลอมบาร์เดียจะมีการจัดตั้งโรงพยาบาลขึ้นหรือครับ”

อ๊ะ ตกใจหมดเลย

เจ้าตระกูลเซอเชาว์เจ้าของร่างกายสูงใหญ่จู่ๆ ก็แทรกเข้ามาข้างๆ

เจ้าตระกูลท่านอื่นๆ เองก็มองเธอด้วยนัยน์ตาเปล่งประกาย ดูเหมือนทุกคนจะได้ยินข่าวลือเรื่องการก่อสร้างขนาดใหญ่ยักษ์กันแล้ว

แน่นอนว่ามันเป็นไปตามที่เธอตั้งใจไว้

“อืมมมม ข่าวลือแพร่ไปไกลแล้วเหรอคะเนี่ย”

“ชนชั้นสูงในเมืองหลวงต่างก็ลือกันแต่เรื่องนั้นเรื่องเดียวเลยละครับ เห็นว่าเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียคนใหม่ทำเรื่องที่น่าตกใจยิ่ง”

ถ้าขนาดมิเคนเต้ ไอบัน ที่เพิ่งเดินทางมาถึงเมืองหลวงเมื่อไม่กี่วันก่อนยังพูดแบบนี้ แสดงว่าเป้าหมายที่เธอวางไว้ว่าอยากจะให้ข่าวลือเรื่องโรงพยาบาลแพร่ไปไวๆ ก็สำเร็จแล้วสินะ

เธอพยักหน้าพลางเอ่ยตอบ

“ใช่แล้วละค่ะ”

“สิ่งที่เรียกว่าโรงพยาบาล…มันคืออะไรกันแน่ครับ”

เจ้าตระกูลเซอเชาว์เอ่ยถาม

“จะเข้าใจว่าเป็นศูนย์การแพทย์ขนาดใหญ่ประเภทหนึ่งก็ได้ค่ะ สถานที่ที่หากเป็นพลเมืองลอมบาร์เดียแล้วละก็ ไม่ว่าใครต่างก็สามารถเข้ามารับการรักษากันได้ทุกคน”

ที่จริงแล้วเธอตั้งใจจะให้โรงพยาบาลเป็นสถานที่สำหรับประชาชนทั่วอาณาจักร แต่ตอนนี้ตั้งใจปล่อยข่าวลือให้ลดระดับลงมาก่อน

“ไม่ว่าใครก็ตามหรือครับ”

แต่แค่นี้ก็ทำเอาอาบีน็อกซ์ที่มาร่วมงานในฐานะรักษาการเจ้าตระกูลรูมันต้องถามด้วยความตกใจแล้ว

“แทบจะไม่รับค่ารักษาพยาบาลเลย แถมพลเมืองในลอมบาร์เดียทุกคนก็สามารถเข้ารับการรักษาได้…”

เจ้าตระกูลบราวน์พึมพำเสียงแผ่วด้วยความตกตะลึง

ภาพที่ได้เห็นทำให้เธอรู้สึกภาคภูมิใจ แต่ก็รู้สึกอารมณ์เสียอยู่หน่อยๆ เหมือนกัน

นี่ประเมินระดับกำลังทรัพย์ของลอมบาร์เดียเอาไว้ต่ำเตี้ยแค่ไหนกัน ถึงได้ทำหน้าตกตะลึงขนาดนั้น

แต่เพราะรู้ดีว่าเจ้าตระกูลบราวน์ไม่ได้ตั้งใจคิดดูถูกลอมบาร์เดียแต่อย่างใด เธอจึงแค่ยกไหล่ไม่ยี่หระ แล้วหันไปมองรอบๆ

พอทำแบบนั้นก็รู้สึกได้ถึงสายตามากมายที่มองจ้องมาที่เธอ

“มองให้ทะลุไปเลยหรือไง”

เห็นว่าเธออยู่ไกลแบบนี้ เลยคิดว่าเธอไม่เห็นที่พวกเขามองเธอแล้วกระซิบกระซาบกันหรือไง

มิเคนเต้ ไอบัน หันไปมองขุนนางทั้งหลายที่นั่งอยู่รอบๆ เมื่อได้ยินเสียงบ่นของเธอ เขายิ้มขมขื่น

“พวกเขาก็แค่จับตามองอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่าเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียเป็นคนเช่นไรกันแน่มิใช่หรือครับ”

ก็นะ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เข้าใจปฏิกิริยาของขุนนางพวกนั้น

ตั้งแต่ตอนที่ได้เป็นผู้สืบทอดในตอนแรก จนกระทั่งความจริงถูกเปิดเผยว่าเป็นเจ้าของร้านค้าเพลเลสที่แท้จริง เธอเคยตกเป็นประเด็นให้ผู้คนฮือฮาแทบจะทุกวัน

แต่คราวนี้กลับเริ่มจากการนั่งตำแหน่งเจ้าตระกูลเร็วกว่าที่ใครๆ คาดการณ์ไว้ แถมยังสร้างโรงพยาบาลที่แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าต้องใช้เงินลงทุนมากมายมหาศาลอีก

สำหรับชนชั้นสูงที่ไม่แน่ใจว่ากำลังทรัพย์ของตระกูลลอมบาร์เดียมีมากมายขนาดไหนกันแน่ ก็พอจะเป็นเรื่องที่น่าตกใจอยู่เหมือนกัน

“ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ”

จู่ๆ อาบีน็อกซ์ที่ฟังบทสนทนาระหว่างเธอกับมิเคนเต้อยู่ก็พูดแทรกขึ้นมา

“เป็นเพราะพวกเขาหวาดกลัวเจ้าชายลำดับที่สองที่ใกล้จะขึ้นเป็นองค์รัชทายาทกันด้วยน่ะครับ”

คำพูดตรงไปตรงมาทำเอาเจ้าตระกูลท่านอื่นๆ สะดุ้งโหยงหันไปมองหน้าเขา แต่อาบีน็อกซ์ก็ยังเอ่ยพูดต่อเสียงเรียบ เหมือนไม่ได้รู้ตัวเอาเสียเลย

“เจ้าชายผู้ถือกำเนิดจากนางกำนัลที่ถูกลืมกลับมาถึงจุดนี้ได้ แถมยังกวาดล้างตระกูลอังเกนัสผู้มีอำนาจสูงส่ง และดึงอดีตจักรพรรดินีลงจากบัลลังก์ด้วยไม่ใช่หรือครับ ก็น่ากลัวอยู่หรอก”

เจ้าตระกูลบราวน์พยายามจะห้ามปรามอาบีน็อกซ์ แต่เจ้าตระกูลเซอเชาว์ที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับห้ามไว้ก่อน

ปล่อยให้พูดต่อไปนั่นแหละ

“ฝ่าบาทเองก็ยังทรงพระประชวรติดเตียง ในสถานการณ์แบบนี้จะยังมีใครมีอำนาจพอกล้าต่อกรกับเจ้าชายอีกล่ะครับ ขนาดก่อนจะขึ้นเป็นองค์รัชทายาทยังกุมบัลลังก์เอาไว้ในกำมือ…อ๊ะ”

รู้ตัวไวเหมือนกันนะ

พอรู้ตัวว่าเจ้าตระกูลท่านอื่นๆ กำลังมองตัวเองนิ่ง ใบหน้าของอาบีน็อกซ์ก็ขึ้นสีแดงก่ำ

“ขออภัยครับ ข้าพูดมากเกินไป”

“ไม่ต้องขอโทษหรอก วัฒนธรรมตะวันออกก็แค่แตกต่างจากพวกเราเท่านั้นเอง”

แถมยังไม่ได้พูดผิดเสียทีเดียว

พวกขุนนางต่างก็หวาดกลัวเฟเรสกันทั้งนั้น ดังนั้นจะบอกว่ากลัวจนหัวหดก็ไม่แปลก

ท่ามกลางตระกูลหลายตระกูลที่รวมตัวกันอยู่ในห้องนี้ มีคนตั้งมากเท่าไหร่ที่เคยร่วมมือกับอังเกนัส

อาจจะโชคดีที่หลบคลื่นลมได้ทัน แต่หากวันหนึ่งพลทหารจากราชวงศ์จะบุกเข้ามาที่บ้านของพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่ไหนแต่ไรเจ้าชายที่ขึ้นครองบัลลังก์ก็มักจะต้องเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นการประกาศศักดาอยู่แล้ว อีกทั้งเฟเรสเองก็ได้ครองบัลลังก์ในฐานะองค์รัชทายาทแค่เพราะโยบาเนสใกล้จะตายเท่านั้นเอง

เธอตบไหล่ปลอบใจอาบีน็อกซ์ที่ดูหดหู่ลงทันตา

“เจ้าชายลำดับที่สองเสด็จ”

ในตอนนั้นเอง มหาดเล็กก็ประกาศแจ้งเสียงดังพร้อมกับประตูห้องประชุมถูกเปิดออก เฟเรสเดินเข้ามาข้างในพร้อมกับอัศวินกองกำลังส่วนพระองค์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 252.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 252.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 252.1

ตอนที่ 252

ห้องประชุมในวันนี้ไม่ได้มีสิ่งใดแตกต่างไปจากทุกคราที่มีการจัดการประชุมใหญ่

เหล่าขุนนางในภาคกลางได้ถูกเชิญให้มาร่วมเป็นสักขีพยาน พวกเขานั่งกันอยู่เต็มที่นั่งทั้งสองฝั่ง ทั่วห้องจึงเต็มไปด้วยเสียงสนทนาดังเซ็งแซ่

หากจะมีจุดแตกต่าง ก็คงจะเป็นแท่นยกระดับที่เคยวางไว้กลางห้องให้เจ้าตระกูลบราวน์ได้ขึ้นไปยืนแก้ต่างเมื่อคราวก่อนโน้น วันนี้กลับถูกวางแทนที่ด้วยโต๊ะกลมสำหรับเจ้าตระกูลทั้งห้า และตำแหน่งที่นั่งของจักรพรรดิก็ถูกเปลี่ยนเป็นแท่นสูงยกระดับขึ้นจากพื้น

และเหนือแท่นยกระดับนั่นก็มีมงกุฎสีแดงที่ถูกประดับตกแต่งอย่างหรูหราด้วยทองคำวางตั้งตระหง่าน

“ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะครับ ท่านเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”

มิเคนเต้ ไอบัน เดินเข้ามาทักทายเธอที่กำลังเหม่อมองมงกุฎประจำตำแหน่งองค์รัชทายาทด้วยความรู้สึกแปลกพิกล

“ไม่ได้พบกันนานนะคะ”

เธอทักทายตอบกลับไปด้วยความยินดี ก่อนจะเดินเข้าไปร่วมวงกับเหล่าตัวแทนทั้งสี่

“ได้ยินว่าที่ลอมบาร์เดียจะมีการจัดตั้งโรงพยาบาลขึ้นหรือครับ”

อ๊ะ ตกใจหมดเลย

เจ้าตระกูลเซอเชาว์เจ้าของร่างกายสูงใหญ่จู่ๆ ก็แทรกเข้ามาข้างๆ

เจ้าตระกูลท่านอื่นๆ เองก็มองเธอด้วยนัยน์ตาเปล่งประกาย ดูเหมือนทุกคนจะได้ยินข่าวลือเรื่องการก่อสร้างขนาดใหญ่ยักษ์กันแล้ว

แน่นอนว่ามันเป็นไปตามที่เธอตั้งใจไว้

“อืมมมม ข่าวลือแพร่ไปไกลแล้วเหรอคะเนี่ย”

“ชนชั้นสูงในเมืองหลวงต่างก็ลือกันแต่เรื่องนั้นเรื่องเดียวเลยละครับ เห็นว่าเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียคนใหม่ทำเรื่องที่น่าตกใจยิ่ง”

ถ้าขนาดมิเคนเต้ ไอบัน ที่เพิ่งเดินทางมาถึงเมืองหลวงเมื่อไม่กี่วันก่อนยังพูดแบบนี้ แสดงว่าเป้าหมายที่เธอวางไว้ว่าอยากจะให้ข่าวลือเรื่องโรงพยาบาลแพร่ไปไวๆ ก็สำเร็จแล้วสินะ

เธอพยักหน้าพลางเอ่ยตอบ

“ใช่แล้วละค่ะ”

“สิ่งที่เรียกว่าโรงพยาบาล…มันคืออะไรกันแน่ครับ”

เจ้าตระกูลเซอเชาว์เอ่ยถาม

“จะเข้าใจว่าเป็นศูนย์การแพทย์ขนาดใหญ่ประเภทหนึ่งก็ได้ค่ะ สถานที่ที่หากเป็นพลเมืองลอมบาร์เดียแล้วละก็ ไม่ว่าใครต่างก็สามารถเข้ามารับการรักษากันได้ทุกคน”

ที่จริงแล้วเธอตั้งใจจะให้โรงพยาบาลเป็นสถานที่สำหรับประชาชนทั่วอาณาจักร แต่ตอนนี้ตั้งใจปล่อยข่าวลือให้ลดระดับลงมาก่อน

“ไม่ว่าใครก็ตามหรือครับ”

แต่แค่นี้ก็ทำเอาอาบีน็อกซ์ที่มาร่วมงานในฐานะรักษาการเจ้าตระกูลรูมันต้องถามด้วยความตกใจแล้ว

“แทบจะไม่รับค่ารักษาพยาบาลเลย แถมพลเมืองในลอมบาร์เดียทุกคนก็สามารถเข้ารับการรักษาได้…”

เจ้าตระกูลบราวน์พึมพำเสียงแผ่วด้วยความตกตะลึง

ภาพที่ได้เห็นทำให้เธอรู้สึกภาคภูมิใจ แต่ก็รู้สึกอารมณ์เสียอยู่หน่อยๆ เหมือนกัน

นี่ประเมินระดับกำลังทรัพย์ของลอมบาร์เดียเอาไว้ต่ำเตี้ยแค่ไหนกัน ถึงได้ทำหน้าตกตะลึงขนาดนั้น

แต่เพราะรู้ดีว่าเจ้าตระกูลบราวน์ไม่ได้ตั้งใจคิดดูถูกลอมบาร์เดียแต่อย่างใด เธอจึงแค่ยกไหล่ไม่ยี่หระ แล้วหันไปมองรอบๆ

พอทำแบบนั้นก็รู้สึกได้ถึงสายตามากมายที่มองจ้องมาที่เธอ

“มองให้ทะลุไปเลยหรือไง”

เห็นว่าเธออยู่ไกลแบบนี้ เลยคิดว่าเธอไม่เห็นที่พวกเขามองเธอแล้วกระซิบกระซาบกันหรือไง

มิเคนเต้ ไอบัน หันไปมองขุนนางทั้งหลายที่นั่งอยู่รอบๆ เมื่อได้ยินเสียงบ่นของเธอ เขายิ้มขมขื่น

“พวกเขาก็แค่จับตามองอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่าเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียเป็นคนเช่นไรกันแน่มิใช่หรือครับ”

ก็นะ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เข้าใจปฏิกิริยาของขุนนางพวกนั้น

ตั้งแต่ตอนที่ได้เป็นผู้สืบทอดในตอนแรก จนกระทั่งความจริงถูกเปิดเผยว่าเป็นเจ้าของร้านค้าเพลเลสที่แท้จริง เธอเคยตกเป็นประเด็นให้ผู้คนฮือฮาแทบจะทุกวัน

แต่คราวนี้กลับเริ่มจากการนั่งตำแหน่งเจ้าตระกูลเร็วกว่าที่ใครๆ คาดการณ์ไว้ แถมยังสร้างโรงพยาบาลที่แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าต้องใช้เงินลงทุนมากมายมหาศาลอีก

สำหรับชนชั้นสูงที่ไม่แน่ใจว่ากำลังทรัพย์ของตระกูลลอมบาร์เดียมีมากมายขนาดไหนกันแน่ ก็พอจะเป็นเรื่องที่น่าตกใจอยู่เหมือนกัน

“ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ”

จู่ๆ อาบีน็อกซ์ที่ฟังบทสนทนาระหว่างเธอกับมิเคนเต้อยู่ก็พูดแทรกขึ้นมา

“เป็นเพราะพวกเขาหวาดกลัวเจ้าชายลำดับที่สองที่ใกล้จะขึ้นเป็นองค์รัชทายาทกันด้วยน่ะครับ”

คำพูดตรงไปตรงมาทำเอาเจ้าตระกูลท่านอื่นๆ สะดุ้งโหยงหันไปมองหน้าเขา แต่อาบีน็อกซ์ก็ยังเอ่ยพูดต่อเสียงเรียบ เหมือนไม่ได้รู้ตัวเอาเสียเลย

“เจ้าชายผู้ถือกำเนิดจากนางกำนัลที่ถูกลืมกลับมาถึงจุดนี้ได้ แถมยังกวาดล้างตระกูลอังเกนัสผู้มีอำนาจสูงส่ง และดึงอดีตจักรพรรดินีลงจากบัลลังก์ด้วยไม่ใช่หรือครับ ก็น่ากลัวอยู่หรอก”

เจ้าตระกูลบราวน์พยายามจะห้ามปรามอาบีน็อกซ์ แต่เจ้าตระกูลเซอเชาว์ที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับห้ามไว้ก่อน

ปล่อยให้พูดต่อไปนั่นแหละ

“ฝ่าบาทเองก็ยังทรงพระประชวรติดเตียง ในสถานการณ์แบบนี้จะยังมีใครมีอำนาจพอกล้าต่อกรกับเจ้าชายอีกล่ะครับ ขนาดก่อนจะขึ้นเป็นองค์รัชทายาทยังกุมบัลลังก์เอาไว้ในกำมือ…อ๊ะ”

รู้ตัวไวเหมือนกันนะ

พอรู้ตัวว่าเจ้าตระกูลท่านอื่นๆ กำลังมองตัวเองนิ่ง ใบหน้าของอาบีน็อกซ์ก็ขึ้นสีแดงก่ำ

“ขออภัยครับ ข้าพูดมากเกินไป”

“ไม่ต้องขอโทษหรอก วัฒนธรรมตะวันออกก็แค่แตกต่างจากพวกเราเท่านั้นเอง”

แถมยังไม่ได้พูดผิดเสียทีเดียว

พวกขุนนางต่างก็หวาดกลัวเฟเรสกันทั้งนั้น ดังนั้นจะบอกว่ากลัวจนหัวหดก็ไม่แปลก

ท่ามกลางตระกูลหลายตระกูลที่รวมตัวกันอยู่ในห้องนี้ มีคนตั้งมากเท่าไหร่ที่เคยร่วมมือกับอังเกนัส

อาจจะโชคดีที่หลบคลื่นลมได้ทัน แต่หากวันหนึ่งพลทหารจากราชวงศ์จะบุกเข้ามาที่บ้านของพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่ไหนแต่ไรเจ้าชายที่ขึ้นครองบัลลังก์ก็มักจะต้องเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นการประกาศศักดาอยู่แล้ว อีกทั้งเฟเรสเองก็ได้ครองบัลลังก์ในฐานะองค์รัชทายาทแค่เพราะโยบาเนสใกล้จะตายเท่านั้นเอง

เธอตบไหล่ปลอบใจอาบีน็อกซ์ที่ดูหดหู่ลงทันตา

“เจ้าชายลำดับที่สองเสด็จ”

ในตอนนั้นเอง มหาดเล็กก็ประกาศแจ้งเสียงดังพร้อมกับประตูห้องประชุมถูกเปิดออก เฟเรสเดินเข้ามาข้างในพร้อมกับอัศวินกองกำลังส่วนพระองค์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด