เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 252.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 252.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 252.2

ห้องประชุมที่เคยวุ่นวายราวกับโถงจัดงานเลี้ยงจึงพลันเงียบลงในพริบตา

พวกเขาไม่ได้รักษามารยาทที่มีต่อเฟเรสซึ่งกำลังจะเป็นรัชทายาท

แต่เป็นเพราะแรงกดดันอันหนักหน่วงภายในห้องประชุมที่กดทับลงมาทั่วร่างราวกับหมอกหนาต่างหากล่ะ ที่ทำให้พวกเขาต้องก้มศีรษะโค้งกายลง

“อะแฮ่ม”

เจ้าตระกูลบราวน์กระแอมไอเบาๆ เจ้าตระกูลเซอเชาว์เองก็หันไปมองเฟเรส

เพราะแรงกดดันอันแข็งแกร่งมันแผ่ซ่านมาจากทางฟากนั้น

จิตสังหารรุนแรงที่มากพอจะควบคุมขุนนางนับร้อยในห้องนี้ให้ยอมศิโรราบ

เฟเรสนั่งลงบนเก้าอี้ ชายหนุ่มกวาดสายตามองเหล่าขุนนางด้วยนัยน์ตาสีแดงโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ทุกครั้งที่สบสายตาคู่นั้น ขุนนางแต่ละคนก็จะสะดุ้งเฮือกจนตัวโยน

คราวนี้คงถึงตาเธอออกโรงแล้ว

เธอค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างช้าๆ สายตาของเฟเรสกับเหล่าขุนนางจึงพุ่งตรงมาที่เธอแทน

หน้าที่ดำเนินพิธีลงนามเป็นหน้าที่ของเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียผู้เป็นตัวแทนของภาคกลาง

“ข้าขอเริ่มพิธีเลยนะคะ จะได้ไม่ล่าช้าไปกว่านี้”

ทันใดนั้นเหล่าเลขาธิการผู้ช่วยองค์จักรพรรดิก็เริ่มขยับกายกันอย่างยุ่งวุ่นวาย

พวกเขาช่วยกันกางราชโองการแต่งตั้งองค์รัชทายาทที่ม้วนเก็บไว้ขึ้นปักบนกระดานขนาดใหญ่ ก่อนจะวางมันลงเหนือโต๊ะกลมอย่างระมัดระวัง

เมื่อเจ้าตระกูลทุกท่านลงนามและปิดผนึกเสร็จเรียบร้อย หนังสือลงนามแต่งตั้งฉบับนี้ก็จะถูกเข้ากรอบเก็บไว้ในกระจกแก้วหนา เพื่อนำไปเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัยในส่วนลึกของพระราชวัง

เจ้าตระกูลบราวน์เป็นฝ่ายขยับกายก่อน เขาหยิบปากกาขนนกจรดลงไปด้วยความระมัดระวัง ลงนามของตัวเอง แล้วประทับตราประจำตระกูลลงไปบนนั้น

ต่อไปเป็นไอบันจากเหนือ รูมันจากตะวันออก และเซอเชาว์จากใต้ตามลำดับ

แกรก แกรก

ภายในห้องประชุมใหญ่ตกอยู่ในความเงียบ เหลือเพียงเสียงเจ้าตระกูลแต่ละท่านขยับปากกาขนนกที่ดังก้องไปทั่ว

“ท่านเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”

เจ้าตระกูลเซอเชาว์ประทับตราเป็นคนสุดท้าย ก่อนจะหลีกทางให้เธอ

เธอรับปากกาขนนกมีน้ำหนักที่มหาดเล็กช่วยส่งให้ แล้วเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้ากระดานแผ่นใหญ่

[แต่งตั้งเจ้าชายลำดับที่สอง เฟเรส บรีบาเชาว์ ดิวเรลลี่ ขึ้นเป็นองค์รัชทายาท]

ด้านบนสุดของหนังสือแต่งตั้งถูกเขียนเอาไว้อย่างเรียบง่ายด้วยลายพระหัตถ์ขององค์จักรพรรดิ ส่วนข้างใต้มีลายเซ็นกับตราประทับจากตระกูลทั้งสี่ในห้องนี้

มือข้างหนึ่งของเธอถือปากกาขนนกค้างไว้ เงยหน้าขึ้นมองเฟเรสที่อยู่ตรงหน้า

ทั้งเด็กหนุ่ม ทั้งตัวเธอต่างก็ไม่ได้พูดอะไร พวกเราเพียงแค่มองนัยน์ตาของกันและกันอยู่อย่างนั้นไม่กี่วินาที

เฟเรสยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย

เขาดูเฉยชาราวกับเป็นเรื่องของคนอื่น ไม่คล้ายกับคนที่กำลังจะได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทของอาณาจักรเลยสักนิด

แสดงออกไม่ตรงความรู้สึกน่ะสิ

ต่อให้เป็นเฟเรสก็เถอะ ในวินาทีนี้ใจจะยังสงบอยู่ได้ยังไง อย่างน้อยเขาก็น่าจะแสดงสีหน้ายินดีออกมาให้เธอได้เห็นบ้างแท้ๆ

วินาทีนั้นเอง นัยน์ตาก็เฟเรสก็คลี่ตัวลงเล็กน้อย

มันเล็กน้อยเสียจนในห้องกว้างนี่คงมีแค่เธอเท่านั้นที่สังเกตเห็น

ก็น่าจะทำแบบนี้แต่แรก

เธอส่งยิ้มตอบกลับไปในขณะที่ยกปากกาขนนกขึ้น

[เจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย]

หลังจากลงชื่อเสร็จ เธอก็ถอดแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วออกมาถือไว้ในมือ

“ขออนุญาตนะครับ”

มหาดเล็กที่รออยู่ข้างๆ เข้ามารับแหวนของเธอไปจุ่มหมึก เธอรับมันกลับมาถือไว้ แล้วประทับตราลงไปข้างลายเซ็นของเธอ

ต้นไม้โลกอันเป็นสัญลักษณ์ของลอมบาร์เดียหยั่งรากลึกลงบนหนังสือลงนาม พร้อมกับราชโองการแต่งตั้งองค์รัชทายาทที่เสร็จสมบูรณ์ และในวินาทีนั้นเอง เฟเรสก็ได้ถือกำเนิดขึ้นใหม่ในฐานะองค์รัชทายาทในที่สุด

* * *

เหล่าขุนนางที่เฝ้ามองการลงนามต่างก็ตกอยู่ในความเงียบ

อึก

ใครบางคนกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ด้วยไม่อาจเอาชนะความตื่นเต้นได้

หลังจากเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียลงนามเสร็จสิ้น เหล่ามหาดเล็กก็นำราชโองการไปเข้ากรอบแก้ว ก่อนจะถือมันออกไปจากห้องประชุมอย่างรวดเร็ว

อัศวินกองกำลังส่วนพระองค์หลายนายเองก็เดินตามหลังออกไป เพื่อคุ้มครองราชโองการฉบับนั้นไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น

แกรก

เสียงประตูปิดลงดังขึ้นเบาๆ ห้องประชุมใหญ่ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

ตึก ตึก

เจ้าชายลำดับที่สองลุกขึ้นจากที่นั่ง เขาก้าวขึ้นไปยืนบนแท่นยกระดับ

มงกุฎประจำตำแหน่งรัชทายาทส่องประกายทอแสงระยิบระยับอยู่บนหมอนใบเล็กสีม่วง มันกำลังเฝ้ารอเจ้าของอยู่

ในตอนนั้นเองที่ขุนนางทั้งหลายเริ่มอยู่ไม่สุข

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

ใครคนหนึ่งพึมพำเสียงแผ่ว

ทว่านั่นเป็นคำถามที่ขุนนางทุกคนในห้องนี้ต่างก็อยากถามออกไปกันทั้งสิ้น

เมื่อเสร็จสิ้นพิธีลงนามแต่งตั้งองค์รัชทายาท ผู้ที่สวมมงกุฎให้แก่องค์รัชทายาทย่อมเป็นหน้าที่ขององค์จักรพรรดิ

เจ้าชายจะต้องคุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้าองค์จักรพรรดิ แล้วพระองค์จะสวมมงกุฎลงบนศีรษะให้ ก่อนจะช่วยพยุงผู้สืบทอดที่คุกเข่าอยู่บนพื้นให้ลุกขึ้นยืน นั่นจึงจะเป็นลำดับพิธีการที่ถูกต้อง

หากองค์จักรพรรดิไม่สามารถทำหน้าที่นั้นได้ ก็จะมอบหมายให้องค์จักรพรรดินีเป็นผู้ดำเนินการแทน

เมื่อตอนคุกเข่าจะยังคงเป็นเจ้าชาย หากแต่เมื่อยามลุกขึ้นยืนด้วยความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสในราชวงศ์ จะถือว่าได้ยืนหยัดขึ้นอีกครั้งในฐานะองค์รัชทายาท

แต่ตอนนี้ไม่มีทั้งองค์จักรพรรดิ ไม่มีทั้งองค์จักรพรรดินี

“อา…”

การกระทำของเฟเรสทำให้ทุกคนต้องตื่นตระหนก

เฟเรสไม่ได้รอให้ใครมาสวมมงกุฎลงบนศีรษะของเขา เด็กหนุ่มยื่นมือทั้งสองข้างออกไปจับมงกุฎ แล้ววางมันลงเหนือศีรษะตัวเองอย่างไม่ลังเล

และได้กลายเป็นองค์รัชทายาทด้วยตัวเอง

ห้องประชุมใหญ่ตกอยู่ในความเงียบและความตะลึงงันอีกครั้ง

ถือกำเนิดในฐานะเจ้าชายผู้ถูกทอดทิ้งอยู่ในวังเล็กผุพังไร้ซึ่งผู้คนถามหา เติบใหญ่จนกลายเป็นองค์รัชทายาทผู้ครองบัลลังก์อันแข็งแกร่ง

วินาทีนี้แสดงให้เห็นว่าการเดินทางอันแสนโหดร้ายของเด็กหนุ่มดำเนินมาจนถึงจุดสิ้นสุด และได้กลายเป็นตำนานอันยิ่งใหญ่ด้วยตัวของเขาเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 252.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 252.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 252.2

ห้องประชุมที่เคยวุ่นวายราวกับโถงจัดงานเลี้ยงจึงพลันเงียบลงในพริบตา

พวกเขาไม่ได้รักษามารยาทที่มีต่อเฟเรสซึ่งกำลังจะเป็นรัชทายาท

แต่เป็นเพราะแรงกดดันอันหนักหน่วงภายในห้องประชุมที่กดทับลงมาทั่วร่างราวกับหมอกหนาต่างหากล่ะ ที่ทำให้พวกเขาต้องก้มศีรษะโค้งกายลง

“อะแฮ่ม”

เจ้าตระกูลบราวน์กระแอมไอเบาๆ เจ้าตระกูลเซอเชาว์เองก็หันไปมองเฟเรส

เพราะแรงกดดันอันแข็งแกร่งมันแผ่ซ่านมาจากทางฟากนั้น

จิตสังหารรุนแรงที่มากพอจะควบคุมขุนนางนับร้อยในห้องนี้ให้ยอมศิโรราบ

เฟเรสนั่งลงบนเก้าอี้ ชายหนุ่มกวาดสายตามองเหล่าขุนนางด้วยนัยน์ตาสีแดงโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ทุกครั้งที่สบสายตาคู่นั้น ขุนนางแต่ละคนก็จะสะดุ้งเฮือกจนตัวโยน

คราวนี้คงถึงตาเธอออกโรงแล้ว

เธอค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างช้าๆ สายตาของเฟเรสกับเหล่าขุนนางจึงพุ่งตรงมาที่เธอแทน

หน้าที่ดำเนินพิธีลงนามเป็นหน้าที่ของเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียผู้เป็นตัวแทนของภาคกลาง

“ข้าขอเริ่มพิธีเลยนะคะ จะได้ไม่ล่าช้าไปกว่านี้”

ทันใดนั้นเหล่าเลขาธิการผู้ช่วยองค์จักรพรรดิก็เริ่มขยับกายกันอย่างยุ่งวุ่นวาย

พวกเขาช่วยกันกางราชโองการแต่งตั้งองค์รัชทายาทที่ม้วนเก็บไว้ขึ้นปักบนกระดานขนาดใหญ่ ก่อนจะวางมันลงเหนือโต๊ะกลมอย่างระมัดระวัง

เมื่อเจ้าตระกูลทุกท่านลงนามและปิดผนึกเสร็จเรียบร้อย หนังสือลงนามแต่งตั้งฉบับนี้ก็จะถูกเข้ากรอบเก็บไว้ในกระจกแก้วหนา เพื่อนำไปเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัยในส่วนลึกของพระราชวัง

เจ้าตระกูลบราวน์เป็นฝ่ายขยับกายก่อน เขาหยิบปากกาขนนกจรดลงไปด้วยความระมัดระวัง ลงนามของตัวเอง แล้วประทับตราประจำตระกูลลงไปบนนั้น

ต่อไปเป็นไอบันจากเหนือ รูมันจากตะวันออก และเซอเชาว์จากใต้ตามลำดับ

แกรก แกรก

ภายในห้องประชุมใหญ่ตกอยู่ในความเงียบ เหลือเพียงเสียงเจ้าตระกูลแต่ละท่านขยับปากกาขนนกที่ดังก้องไปทั่ว

“ท่านเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”

เจ้าตระกูลเซอเชาว์ประทับตราเป็นคนสุดท้าย ก่อนจะหลีกทางให้เธอ

เธอรับปากกาขนนกมีน้ำหนักที่มหาดเล็กช่วยส่งให้ แล้วเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้ากระดานแผ่นใหญ่

[แต่งตั้งเจ้าชายลำดับที่สอง เฟเรส บรีบาเชาว์ ดิวเรลลี่ ขึ้นเป็นองค์รัชทายาท]

ด้านบนสุดของหนังสือแต่งตั้งถูกเขียนเอาไว้อย่างเรียบง่ายด้วยลายพระหัตถ์ขององค์จักรพรรดิ ส่วนข้างใต้มีลายเซ็นกับตราประทับจากตระกูลทั้งสี่ในห้องนี้

มือข้างหนึ่งของเธอถือปากกาขนนกค้างไว้ เงยหน้าขึ้นมองเฟเรสที่อยู่ตรงหน้า

ทั้งเด็กหนุ่ม ทั้งตัวเธอต่างก็ไม่ได้พูดอะไร พวกเราเพียงแค่มองนัยน์ตาของกันและกันอยู่อย่างนั้นไม่กี่วินาที

เฟเรสยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย

เขาดูเฉยชาราวกับเป็นเรื่องของคนอื่น ไม่คล้ายกับคนที่กำลังจะได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทของอาณาจักรเลยสักนิด

แสดงออกไม่ตรงความรู้สึกน่ะสิ

ต่อให้เป็นเฟเรสก็เถอะ ในวินาทีนี้ใจจะยังสงบอยู่ได้ยังไง อย่างน้อยเขาก็น่าจะแสดงสีหน้ายินดีออกมาให้เธอได้เห็นบ้างแท้ๆ

วินาทีนั้นเอง นัยน์ตาก็เฟเรสก็คลี่ตัวลงเล็กน้อย

มันเล็กน้อยเสียจนในห้องกว้างนี่คงมีแค่เธอเท่านั้นที่สังเกตเห็น

ก็น่าจะทำแบบนี้แต่แรก

เธอส่งยิ้มตอบกลับไปในขณะที่ยกปากกาขนนกขึ้น

[เจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย]

หลังจากลงชื่อเสร็จ เธอก็ถอดแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วออกมาถือไว้ในมือ

“ขออนุญาตนะครับ”

มหาดเล็กที่รออยู่ข้างๆ เข้ามารับแหวนของเธอไปจุ่มหมึก เธอรับมันกลับมาถือไว้ แล้วประทับตราลงไปข้างลายเซ็นของเธอ

ต้นไม้โลกอันเป็นสัญลักษณ์ของลอมบาร์เดียหยั่งรากลึกลงบนหนังสือลงนาม พร้อมกับราชโองการแต่งตั้งองค์รัชทายาทที่เสร็จสมบูรณ์ และในวินาทีนั้นเอง เฟเรสก็ได้ถือกำเนิดขึ้นใหม่ในฐานะองค์รัชทายาทในที่สุด

* * *

เหล่าขุนนางที่เฝ้ามองการลงนามต่างก็ตกอยู่ในความเงียบ

อึก

ใครบางคนกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ด้วยไม่อาจเอาชนะความตื่นเต้นได้

หลังจากเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียลงนามเสร็จสิ้น เหล่ามหาดเล็กก็นำราชโองการไปเข้ากรอบแก้ว ก่อนจะถือมันออกไปจากห้องประชุมอย่างรวดเร็ว

อัศวินกองกำลังส่วนพระองค์หลายนายเองก็เดินตามหลังออกไป เพื่อคุ้มครองราชโองการฉบับนั้นไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น

แกรก

เสียงประตูปิดลงดังขึ้นเบาๆ ห้องประชุมใหญ่ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

ตึก ตึก

เจ้าชายลำดับที่สองลุกขึ้นจากที่นั่ง เขาก้าวขึ้นไปยืนบนแท่นยกระดับ

มงกุฎประจำตำแหน่งรัชทายาทส่องประกายทอแสงระยิบระยับอยู่บนหมอนใบเล็กสีม่วง มันกำลังเฝ้ารอเจ้าของอยู่

ในตอนนั้นเองที่ขุนนางทั้งหลายเริ่มอยู่ไม่สุข

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

ใครคนหนึ่งพึมพำเสียงแผ่ว

ทว่านั่นเป็นคำถามที่ขุนนางทุกคนในห้องนี้ต่างก็อยากถามออกไปกันทั้งสิ้น

เมื่อเสร็จสิ้นพิธีลงนามแต่งตั้งองค์รัชทายาท ผู้ที่สวมมงกุฎให้แก่องค์รัชทายาทย่อมเป็นหน้าที่ขององค์จักรพรรดิ

เจ้าชายจะต้องคุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้าองค์จักรพรรดิ แล้วพระองค์จะสวมมงกุฎลงบนศีรษะให้ ก่อนจะช่วยพยุงผู้สืบทอดที่คุกเข่าอยู่บนพื้นให้ลุกขึ้นยืน นั่นจึงจะเป็นลำดับพิธีการที่ถูกต้อง

หากองค์จักรพรรดิไม่สามารถทำหน้าที่นั้นได้ ก็จะมอบหมายให้องค์จักรพรรดินีเป็นผู้ดำเนินการแทน

เมื่อตอนคุกเข่าจะยังคงเป็นเจ้าชาย หากแต่เมื่อยามลุกขึ้นยืนด้วยความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสในราชวงศ์ จะถือว่าได้ยืนหยัดขึ้นอีกครั้งในฐานะองค์รัชทายาท

แต่ตอนนี้ไม่มีทั้งองค์จักรพรรดิ ไม่มีทั้งองค์จักรพรรดินี

“อา…”

การกระทำของเฟเรสทำให้ทุกคนต้องตื่นตระหนก

เฟเรสไม่ได้รอให้ใครมาสวมมงกุฎลงบนศีรษะของเขา เด็กหนุ่มยื่นมือทั้งสองข้างออกไปจับมงกุฎ แล้ววางมันลงเหนือศีรษะตัวเองอย่างไม่ลังเล

และได้กลายเป็นองค์รัชทายาทด้วยตัวเอง

ห้องประชุมใหญ่ตกอยู่ในความเงียบและความตะลึงงันอีกครั้ง

ถือกำเนิดในฐานะเจ้าชายผู้ถูกทอดทิ้งอยู่ในวังเล็กผุพังไร้ซึ่งผู้คนถามหา เติบใหญ่จนกลายเป็นองค์รัชทายาทผู้ครองบัลลังก์อันแข็งแกร่ง

วินาทีนี้แสดงให้เห็นว่าการเดินทางอันแสนโหดร้ายของเด็กหนุ่มดำเนินมาจนถึงจุดสิ้นสุด และได้กลายเป็นตำนานอันยิ่งใหญ่ด้วยตัวของเขาเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+