Alchemy Emperor of the Divine Dao 1522

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1522 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฝ่ามือกดทับลงมาราวกับสวรรค์กำลังร่วงหล่น

กู่ต้าวอี้กระหน่ำปล่อยหมัดตอบโต้อย่างรุนแรง พลังของแก่นกำเนิดนิรันดร์ถูกกระตุ้นจนถึงขีดจำกัด

แต่การฝืนดันทุรังเช่นนั้นก็ไร้ความหมาย

ฝ่ามือของหลิงฮันหล่นทับลงมาและกำราบกู่ต้าวอี้ได้ทันทีพร้อมกับโยนร่างของอีกฝ่ายเข้าไปในหอคอยทมิฬ

ตัวเขาในตอนนี้ทรงพลังกว่ากู่ต้าวอี้มากนัก การจะเอาชนะอีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องเอาจริงแม้แต่น้อย

ณ เวลานี้คนที่เข้ามาใกล้ยอดเขาที่สุดเพิ่งจะผ่านทางเดินมาเพียงสองในสิบส่วนเท่านั้น หลิงฮันนึกสนุก เขานำร่างของเทียนเซี่ยตี้เอ้อออกมาพร้อมกับแกล้งปลดเชือกกางเกงของอีกฝ่ายและรีบออกจากตำหนักกลับไปยังตีนเขา

หลิงฮันแสร้งทำเป็นเดินขึ้นเขาตามทางเดินอีกครั้งด้วยท่าทีผิวปากอารมณ์ดี เมื่อถูกจับไปอยู่ในหอคอยทมิแล้ว กู่ต้าวอี้ย่อมไร้พลังและทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม

“หลิงฮัน! ที่นี่คือที่ไหน!”

“เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่เช่นนี้?”

“เจ้าเป็นใครกันแน่!”

กู่ต้าวอี้ตะโกนจากภายในหอคอยทมิฬ พลังอำนาจของแก่นกำเนิดนิรันดร์ของเขาถูกหอคอยทมิฬกำราบเอาไว้ ตัวเขาในตอนนี้ทำได้เพียงยืนอยู่เฉยๆเท่านั้น แม้แต่จะเดินไปไหนมาไหนยังทำไม่ได้

“จะตะโกนเสียงดังเพื่ออะไร? ที่นี่คือจุดจบของเจ้ายังไงล่ะ!” จักรพรรดิจอมอสูรปรากฏตัว มันมีนิสัยเก่งกับคนอ่อนแอและหวาดกลัวคนที่แข็งแกร่ง เมื่อเห็นว่ากู่ต้าวอี้ไม่อาจขัดขืนได้ เป็นธรรมดาที่มันจะแสดงท่าทีอวดเบ่ง

กู่ต้าวอี้คลั่งจนแทบจะเป็นบ้า มดปลวกระดับสุริยันจันทรากล้าพูดจากับเขาเช่นนี้?

เพี๊ยะ!

จักรพรรดิจอมอสูรตบเข้าที่ใบหน้าของกู่ต้าวอี้ “สายตานั่นมันอะไร? นี่เจ้ากำลังดูถูกจักรพรรดิน้อยผู้นี้?”

“หลิงฮัน! เจ้าจะดูถูกกันเกินไปแล้ว ไม่ยอมสังหารข้าแต่กลับให้ลิ่วล้อมาสร้างความอัปยศให้ข้าเช่นนี้!” กู่ต้าวอี้บ้าคลั่ง ตัวเขาเคยเป็นถึงนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานที่ทรงพลัง

“ลิ่วล้อ?” จักรพรรดิจอมอสูรเผยสีหน้าภูมิใจ “เหอะ การได้เป็นลิ่วล้อของนายท่านนับว่าเป็นวาสนาที่ยิ่งใหญ่ เจ้าคิดว่าใครก็สามารถเป็นลิ่วล้อของนายท่านได้? คนอย่างเจ้าน่ะนายท่านไม่แม้แต่จะเหลียวตามองด้วยซ้ำ!”

ใบหน้าของเขาประดับไว้ด้วยท่าทีประจบสอพลอ “นายท่านเป็นดั่งดวงตะวันที่เฉิดฉายไม่ว่าจะเป็นที่ไหน! นายท่านคือแสงสว่างคอยชี้ทางท่ามกลางความมืดมิด! นายท่านคือปรมาจารย์ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด ไม่ว่าใครก็ต้องคุกเข่าต่อหน้านายท่านของข้า”

กู่ต้าวอี้กลายเป็นไร้คำพูด เขาเพิ่งเคยเห็นใครบางคนที่สามารถประจบประแจงได้ลื่นไหลขนาดนี้

หลิงฮันยังคงเดินอย่างสบายใจ ตั้งแต่ที่เขาโยนร่างของกู่ต้าวอี้เข้าไปในหอคอยทมิฬเขาก็หมดความสนใจในตัวกู่ต้าวอี้ไปโดยสมบูรณ์และไม่แม้แต่จะเฝ้าดูสถานการณ์ภายในหอคอยทมิฬ

อัจฉริยะแห่งทุกยุคสมัยอะไรกัน ทักษะบ่มเพาะของเขาก็แค่ทักษะระดับราชานิรันดร์ที่ไม่สมบูรณ์เท่านั้น

เมื่อหลิงฮันมาถึงยอดเขา คนกว่าสามสิบเอ็ดคนก็มาถึงก่อนหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกคนจ้องมองไปยังห้องสมบัติโดยไม่รู้เลยว่าหลิงฮันเคยรื้อค้นที่นี่มาก่อนแล้วและไม่มีสิ่งของล้ำค่าอะไรเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อยนิด

เทียนเซี่ยตี้เอ้อนั่งอยู่บนพื้นโดยและเกาหัวด้วยนิ้วทั้งห้า

ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?

จริงสิ… เขาถูกทำให้สลบ

บนตัวเขาไม่มีสิ่งของใดหายไปเลย มีเพียงแค่กางเกงที่ถูกถอดปลดเชือก

ว่าไงนะ!

เทียนเซี่ยตี้เอ้อรีบเอื้อมมือไปสำรวจก้นของตนเองทันที หรือคนที่ทำให้เขาสลบจะเป็นโจรที่ชื่นชอบการปล้นพรหมจรรย์ประตูหลัง? ที่จริงแล้วก้นของเขาไม่ได้ถูกทำอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยจิตใจที่คิดมากทำให้เขาคิดไปเองว่ารู้สึกเจ็บปวดที่บริเวณก้นเล็กน้อย

เขากวาดสายตามองรอบด้าน คนที่น่าสงสัยคือทุกคนที่อยู่ที่นี่!

หลิงฮันพึ่งจะขึ้นมาถึงยอดเขา เมื่อเห็นใบหน้าซัดเผือดของเทียนเซี่ยตี้เอ้อเขาจึงเอ่ยถาม “สหาย เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ ใบหน้าของเจ้าดูไม่ดีเลย?”

ใครใช้ให้เจ้าเดินนำหน้ากันล่ะ!

เทียนเซี่ยตี้เอ้อถลึงตามองสำรวจหลิงฮันตั้งแต่หัวจรดเท้ารวมไปถึงคนอื่นๆอีกสามสิบคนอย่างเริ่นเฟยอวิ๋นและศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดคนอื่นๆ

บัดซบ มีคนอยู่เยอะเกินไป แบบนี้หาตัวคนร้ายไม่ได้ง่ายๆแน่!

สุนัขตัวดำมาเห็นพอดี มันรีบยืนสองขาและกล่าว “เจ้าหนู เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้า? ดูจากท่าทางของเจ้ามนุษย์ร่างใหญ่ขนเยอะเหมือนหมีนั่นแล้ว เป็นไปได้ว่าเขาเพิ่งจะเสียพรหมจรรย์ประตูหลังให้ใครสักคนมา หรือว่าเจ้าจะ…!”

สุนัขตัวดำมีท่าทีหวาดกลัวและรีบล่าถอย “ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะมีรสนิยมเช่นนี้ นายท่านหมาขอกล่าวเตือนเอาไว้เลยนะ ถ้าเจ้าคิดจะทำเช่นนั้นกับข้าด้วยล่ะก็ ข้าจะกัดก้นเจ้าให้แยกออกเป็นสามแฮก!”

หลิงฮันไม่สนใจสุนัขตัวดำ ที่จริงเขาเพียงแค่คิดจะแกล้งเทียนเซี่ยตี้เอ้อเล่นๆเท่านั้น แต่ไม่คาดคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ เทียนเซี่ยตี้เอ้อร้อนรนตามหาคนร้ายไปทั่ว

ส่วนในด้านสมบัตินั้น ไม่ว่าทุกคนจะหาอย่างไรก็ไม่พบของล้ำค่าใดๆ พวกเขาจึงเปลี่ยนสำรวจค้นภูเขาลูกอื่นๆ

แต่ก็ยังไม่พบเจออะไรอยู่ดี

ไม่มีใครสนใจเรื่องที่กู่ต้าวอี้หายหัวไปเลยแม้แต่คนเดียว เมื่อเข้ามาในเขตแดนลี้ลับแล้วทุกคนต่างกลายเป็นนักล่าสมบัติ ต่อให้มีคนหายไปคนนึงก็ไม่มีใครใส่ใจ มีบางคนคิดว่าบางทีกู่ต้าวอี้อาจจะพบเจอสมบัติจึงกลับออกไปแล้ว

เมื่อไม่พบของล้ำค่าใดๆทุกคนจึงไม่มีทางเลือกและกลับออกมาจากกล่อง ทันทีที่กลับออกมาพวกเขาก็พบเห็นคลื่นแสงแห่งเต๋าสีทองพุ่งทะยานเข้ามาพร้อมกับร่างของคนคนหนึ่ง ร่างนั้นขยับตัวอย่างเชื่องช้าด้วยการก้าวเดิน แต่พริบตาเดียวเขากลับเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

“เซียนขวงยวี่!” ทุกคนอุทานพร้อมกัน

เซียนขวงยวี่ยกมือเล็กน้อยก่อนจะหันมองซากศพของนกอมตะทั้งสาม ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความตกตะตึงอย่างปิดไม่มิด

ข่าวที่ว่ามีสมบัติปรากฏขึ้นที่นี่นั้นย่อมต้องผ่านไปถึงหูของเขาแน่นอน แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกสนใจอะไรนัก เซียนคนอื่นๆเองก็เป็นเช่นเดียวกัน แต่ว่าก่อนหน้านี้ที่กล่องถูกเปิดออก แสงสว่างสีทองได้สาดส่องขึ้นไปบนท้องฟ้าทะลุไปถึงชั้นอวกาศ แม้จะอยู่บนดาวมู่ถูก็สามารถมองเห็น เพราะแสงสีทองที่ว่าเซียนทั้งสิบจึงรู้สึกสงสัย

เซียนขวงยวี่นั้นคิดว่าหากเขามาที่นี่ด้วยตนเองแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเหตุกาณ์เช่นใดทุกอย่างก็คงจบลงอย่างง่ายดาย

เพียงแต่ว่าทันทีที่ได้เห็นศพของนกอมตะทั้งสามตัว… เรื่องนี้เกรงว่าต่อให้เป็นเขาก็คงจัดการไม่ได้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด