Alchemy Emperor of the Divine Dao 572

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 572 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทวงคืน

“ในเมื่อผู้นำของเจ้ามาไม่ได้ เจ้าก็ไส้หัวไปซะ!” เฟิงผั่วหยุนพูดและสะบัดมือ

มีรึที่ไป๋หยวนจะกล้าต่อต้าน? โชคดีที่อีกฝ่ายเป็นคนนิสัยอย่างเฟิงผั่วหยุน ถ้าหากเป็นตัวตนระดับทลายมิติคนอื่นล่ะก็ มันคงจะตกตายไปหลายร้อยรอบแล้ว

ถึงแม้รูปแบบอาคมสังหารที่สี่จะสามารถสังหารได้แม้แต่ตัวตนระดับทลายมิติขั้นสูง แต่ตอนนี้มันยังมีส่วนที่ไม่สมบูรณ์อยู่ ดังนั้นแม้จะเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นต้นก็สามารถทำลายรูปแบบอาคมนี้ได้

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ไป๋หยวนก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ ด้วยพลังของมันแล้ว มันจะสร้างปาฏิหาริย์ที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้รึ?

ในโลกนี้ ตัวตนระดับทลายมิติก็ไม่ต่างอะไรกับพระเจ้า

เฟิงผั่วหยุนเดินตรงเข้าไปยังจุดกึ่งกลางของหมอกสีดำที่เกิดจากรูปแบบอาคมสังหารที่สี่

ภายในประตูเมือง ทุกคนกำลังรู้สึกสับสน ในเมืองที่ถูกวางกับดักแบบนี้ ไม่มีใครคิดว่าจู่ๆจะมีตัวตนระดับทลายมิติปรากฏตัวออกมา

ภายในจิตใจของทุกคน ตัวตนระดับทลายมิติก็ไม่ต่างอะไรกับตำนาน

ผ่านไปสักพัก ทุกคนก็มองเห็นประกายแสงที่น่าสะพรึงกลัวจากระยะไกล คลื่นพลังทำลายเหล่านั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก คลื่นกระแทกที่เกิดการประกายแสงเหล่านั้นปะทะเข้ากับข่ายอาคมป้องกันของเมืองทำให้ทุกคนสั่นกลัว

มันคือการต่อสู้ของตัวตนระดับทลายมิติ ถ้าหากไม่มีข่ายอาคมป้องกันเมืองเอาไว้ คลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์กระอักโลหิตออกมา และหากเป็นระดับก้าวสู่เทวาก็คงจะร่างกายแตกสลาย

พลังทำลายล้างของการโจมตีของตัวตนระดับทลายมิตินั้นทรงพลังจนไม่สามารถเพ้งตาจ้องมอง

‘ตูม! ตูม! ตูม!’

การปะทะที่รุนแรงยังคงดำเนินต่อไป รัศมีแห่งแสงระเบิดไปทั่วท้องฟ้าจนราวกับสวรรค์กำลังสั่นสะเทือน ทุกคนสามารถมองเห็นว่าช่องว่างมิติกำลังถูกฉีกขาดพร้อมกับมีเศษดวงดาวร่วงหล่นลงมาเป็นอุกกาบาต

หลิงฮันรู้สึกขนลุกทันที ในทวีปฮงเทียนแห่งนี้ อาวุธวิญญาณระดับสูงที่สุดซึ่งก็คือระดับสิบนั้นถูกหลอมขึ้นจากแร่อุกกาบาต และแร่อุกกาบาตนั่นมาจากไหน? แต่นอนว่าพวกมันคือเศษดวงดาวที่ร่วงหล่นลงมา

แต่ต้องรู้ก่อนว่าเหนือต้องฟ้านั้นมีชั้นบรรยากาศที่หนาแน่นปกคลุมอยู่ แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ก็ไม่สามารถบินขึ้นเหนือชั้นบรรยากาศนั่นขึ้นไปได้ แต่แล้วจะนำดวงดาวเหล่านั้นมาได้อย่างไร? มีเพียงตัวตนระดับทลายมิติเท่านั้นที่สามารถทำได้

เฟิงผั่วหยุนและรูปแบบอาคมสังหารที่สี่ปะทะกันอย่างดุเดือด ดวงดาวมากมายถูกทำลายจนกลายเป็นเศษอุกกาบาต ถึงแม้จะไม่ใช่ดวงดาวทุกดวงที่สามารถนำมาหลอมเป็นอาวุธวิญญาณระดับสิบได้ แต่ในหมู่อุกกาบาตเหล่านั้นคงต้องมีซักหนึ่งหรือสองก้อนที่ใช้ได้ล่ะน่า

ช่างน่าเสียดายอย่างมากที่รูปแบบอาคมสังหารที่สี่ยังไม่ถูกทำลาย ไม่เช่นนั้นหากเขาผลิผลามออกจากเมืองไปตอนนี้ เขาคงถูกสังหารเป็นแน่

มีคนไม่น้อยที่มีเป้าหมายเช่นเดียวกับเขา แววตาของแต่ละคนเต็มไปด้วยความเร่าร้อน แต่ทุกคนก็ต้องยับยั้งความคิดเหล่านั้นเอาไว้… ใครกันจะกล้าไปเก็บเกี่ยวสิ่งของจากตัวตนระดับทลายมิติ? พวกเขาเบื่อชีวิตแล้วรึไง

แสงแห่งการทำลายล้างช่างทรงพลังยิ่งนัก จะมีสักที่คนที่เคยเห็นตัวตนระดับทลายมิติลงมือต่อสู้?

จนถึงทุกวันนี้ คนที่โชคดีก็คงเคยเห็นเพียงผ่านรูปแบบอาคมบางอย่าง ไม่มีใครเลยที่เคยเห็นการต่อสู้ของจริง

หลังจากการปะทะอันดุเดือด จู่ๆสถานการณ์ก็กลายเป็นเงียบสงบ

จบแล้ว?

“ดูนั่น หมอกเริ่มจางหายไปแล้ว!” ใครบางคนอุทานออกมา

เมื่อมองไปด้านหน้าจะเห็นหมอกที่กำลังกระจายตัวอย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจหมอกสีดำที่ล้อมรอบทั่วท้องฟ้าเอาไว้ก็สลายหายไปอย่างสมบูรณ์

รูปแบบอาคมสังหารที่สี่ถูกทำลายแล้ว!

บริเวณที่ห่างไกลออกไป เฟิงผั่วหยุนกำลังยืนอยู่อย่างสงบนิ่ง ทุกคนที่มองไปยังเฟิงผั่วหยุนรู้สึกราวกับว่าการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่สำหรับเขาแล้วมันไม่นับเป็นอันใดแม้แต่น้อย เฟิงผั่วหยุนหันหน้าและเดินกลับมายังประตูเมือง

หลิงฮันต้องยอมรับเลยว่าพลังของพี่ชายคนนี้ของเขาช่างเหนือกว่าจินตนาการของเขาไปไกลนัก

“นี่เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกระซิบ

“หืม นี่เจ้ารู้จักเขา?” จูเสวียนเอ๋อประหลาดใจ

“ข้าพบเขาพร้อมกับฮันฮันเมื่อวาน ฮันฮันกับชายคนนั้นดื่มสุราและปฏิญาณว่าจะเป็นพี่น้องกัน” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าว

‘แค่กๆ!’

จูเสวียนเอ๋อสำลักทันที กลายเป็นพี่น้องกับตัวตนระดับทลายมิติ? เรื่องที่ราวกับความฝันเช่นนั้นน่ะรึ! แต่เมื่อคิดดีๆแล้ว หลิงฮันเองก็เป็นถึงนักปรุงยาระดับสวรรค์ หากเทียบกับตัวตนระดับทลายมิติแล้ว สถานะของพวกเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากนัก พวกเขาล้วนแต่เป็นตัวตนสูงส่งที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคารพ

หลิงฮันชะงักเล็กน้อย ฮันฮัน? เมื่อใดกันที่นางตั้งชื่อเช่นนี้ให้กับเขา?

ทุกคนกระโดดลงจากกำแพงเมืองและเปิดประตูเพื่อต้อนรับการกลับมาของเฟิงผั่วหยุน

“ปรมาจารย์เฟิง!”

“ปรมาจารย์เฟิง!”

ยิ่นเฉวยางและจอมยุทธระดับสวรรค์ทำการคารวะ ส่วนจอมยุทธคนอื่นๆนั้น พวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเปิดปากพูด ทำได้เพียงยืนมองจากระยะไกล

เฟิงผั่วหยุนพยักหน้าและพูด “ข้าติดหนี้บุญคุณหยินสามเอาไว้ ก่อนหน้านี้เขาได้ขอร้องข้าเอาไว้ว่าถ้าหากมีวิกฤตใดเกิดขึ้นกับเมืองหมื่นสมบัติ ขอให้ข้าลงมือช่วยเหลือให้ที เพราะงั้นพวกเจ้าจึงไม่ต้องรู้สึกขอบคุณข้าขนาดนั้น”

หยินสามไม่ใช่ชาวเมืองทั่วไป ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มีคุณสมบัติจะทำให้ตัวตนระดับทลายมิติติดหนี้บุญคุณ! เขาคือผู้อาวุโสที่สามของตำหนักสมบัติวิญญาณ แซ่หยิน นามอีเก้อเทียน ผู้คนที่ใกล้ชนิดกับเขาจะเรียกเขาว่าหยินสาม

แต่ก็แน่นอนว่ามีเพียงตัวตนระดับทลายมิติเท่านั้นที่จะกล้าเรียกเขาแบบนั้น

ยิ่นเฉวยางเข้าใจทันที ถึงว่าทำไมผู้อาวุโสสูงสุดของตำหนักถึงกล้าพาผู้อาวุโสอีกเจ็ดคนไปด้วยทั้งหมด ที่แท้เขาก็มีการเตรียมการเอาไว้แล้วนี่เอง

มีตัวตนระดับทลายมิติคอยคุ้มกันเมืองอยู่ยังมีอะไรต้องกังวลอีกรึ? เพียงแต่ทำไมเฟิงผั่วหยุนถึงไม่ปรากฏตัวให้เร็วกว่านี้ พวกเขานึกว่าพวกเขาจะต้องตายเสียแล้ว แต่ใครกันจะกล้าเอ่ยปากถามคำถามกับตัวตนระดับทลายมิติ?

เฟิงผั่วหยุนมีจอมยุทธระดับสวรรค์หลายคนคอยรับรอง ส่วนจอมยุทธคนอื่นๆนั้นพวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนั้น แถมยังมีคนบางคนที่มีธุระอื่นต้องทำอีกด้วย

“ฮันหลิง คืนผลึกก่อเกิดข้ามา!” ใครบางคนตะโกนใส่หลิงฮัน

“ใช่แล้ว พวกเราไม่ต้องการตำแหน่งแล้ว พวกเราต้องการผลึกก่อเกิดของพวกเราคืน!”

“คืนผลึกก่อเกิดมา!”

ผู้คนที่ประมูลตำแหน่งในการหลบหนีออกจากเมืองร้อยเมื่อวานหนึ่งร้อยแปดสิบตำแหน่งตะโกนใส่หลิงฮัน เพื่อที่จะมีชีวิตต่อไป พวกเขาจึงต้องถูกขูดเลือดขูดเนื้อโดยหลิงฮัน แต่ตอนนี้วิกฤตได้หายไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการนำผลึกก่อเกิดคืนมา

นอกจากนั้นแล้ว หลิงฮันก็ยังเป็นเพียงจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน แม้เขากับหญิงสาวรอบกายเขาจะมีพรสวรรค์ที่ราวกับสัตว์ประหลาด แต่ตอนนี้พวกเขาก็ยังอ่อนแอเกินไป แค่ใช่อำนาจของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณก็เพียงพอแล้ว

แถมที่นี่ยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับก้าวสู่เทวาอยู่มากมาย

“ผลึกก่อเกิด!” ผู้คนนับไม่ถ้วนตะโกนใส่หลิงฮัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด