Alchemy Emperor of the Divine Dao 929

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 929 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ถึงแม้ตระกูลสุ่ยจะเป็นตระกูลระดับห้า แต่อย่าได้ดูถูกตระกูลสุ่ยเชียว

การที่ตระกูลได้รับระดับจากหนึ่งในเก้านั้น ในเมืองจักรพรรดินั้นเป็นเรื่องยากมาก ซึ่งทุกคนต่างใฝ่ฝัน

ผู้นำของตระกูลสุ่ยนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ระดับหกของจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะและเป็นบิดาของสุ่ยเยี่ยนยวี่ นอกจากนี้เขาได้ก้าวเข้าสู่ระดับสุริยันจันทราแล้ว

ประตูทางเข้าของตระกูลสุ่ยมีทหารยามทั้งหมดแปดคน ซึ่งพวกเขาทั้งแปดคนต่างก็เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ

ในเมืองจักรพรรดิ ทหารยามของหลายตระกูลเป็นเหมือนกันหมด ยกเว้นจักรพรรดินี เพราะมันจะเป็นการสิ้นเปลืองเงินทองมากเกินไป

เมื่อสุ่ยเยี่ยนยวี่เป็นคนพาหลิงอันมา แน่นอนว่าเขาสามารถเดินเข้าไปในตระกูลสุ่ยได้อย่างราบรื่น และพวกเขาก็เดินไปที่ห้องตำราที่ผู้นำตระกูลสุ่ยอยู่

“ทำไมเจ้าต้องเดินวางท่าขนาดนั้นด้วย!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กระซิบก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้อง

หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เพื่อความมั่นใจ”

“ข้าก็จะคอยอยู่เคียงข้างเจ้าแล้วไง!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พูดอีกครั้ง

“นั่นเป็นการสร้างความมั่นใจให้ข้าได้ดีเลยจริงๆ” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม

สุ่ยเยี่ยนยวี่หายใจเข้าลึกๆ จากนั้นนางก็ผลึกประตูและเดินเข้าไปข้างในเป็นคนแรก

“ท่านพ่อ!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ภายในห้องมีชายวัยกลางคนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ เมื่อได้ยินนางเรียก เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองสุ่ยเยี่ยนยวี่และหลิงฮัน แล้วพยักหน้าให้

“เจ้าออกไปก่อน” เขาพูดบอกให้สุ่ยเยี่ยนยวี่ออกไป

สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกแปลกใจ นางอยากอยู่ที่นี่ด้วยเพื่อร่วมวงสนทนา แต่เมื่อถูกพ่อจ้องมองด้วยสายตาเข้มงวด ทำให้นางไม่อาจปฏิเสธคำพูดของเขาได้

หลิงฮันหันไปจ้องมองนาง ทั้งที่เมื่อครู่บอกจะอยู่ด้วยแท้ๆ แต่กลับคำพูดในพริบตา

ในเมื่อสุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่อาจปฏิเสธคำพูดของพ่อของนางได้ ในไม่ช้านางก็เดินออกจากห้องไปและปิดประตู

หลังจากที่สุ่ยเยี่ยนยวี่เดินออกไปจากห้อง ผู้นำตระกูลสุ่ยไม่แม้แต่จะหันไปมองหลิงฮัน และยังคงก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป

หลิงฮันสำรวจอีกฝ่าย เขาเป็นชายวัยกลางคนที่หล่อเหลามาก อย่างน้อยหลิงฮันก็ไม่สามารถเทียบกับอีกฝ่ายได้ และยังมีดวงตาที่งดงาม

สุ่ยเยี่ยนยวี่เหมือนเขามาก ไม่เพียงแค่รูปลักษณ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงนิสัยด้วย ที่แตกต่างเพียงอย่างเดียวคือเขาเป็นผู้ชาย

สุ่ยสื่อเกอเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา อย่าว่าแต่จอมยุทธระดับทลายมิติเลย แม้แต่จอมยุทธระดับภูผาวารีก็ยังต้องสั่นสะท้าน เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าเขา

ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แรงกดดันของจอมยุทธทุกระดับน่าเกรงขามมาก โดยเฉพาะจากจอมยุทธที่แข็งแกร่งกว่า และว่ากันว่าแม้กระทั่งอัจฉริยะระดับห้าดาวก็ยังไม่สามารถทนแรงกดดันของจอมยุทธที่แข็งแกร่งกว่าได้

– ตัวอย่างเช่นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดที่เป็นอัจฉริยะระดับห้าดาวก็ยังไม่อาจทนแรงกดดันของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต่ำได้

หลิงฮันไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเขายังเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติเท่านั้น

แต่นั่นมันสำคัญอะไร?

หลิงฮันนั่งลงบนพื้นทันที ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไร ถ้างั้นเขาก็จะนั่งฝึกฝนบ่มเพาะพลังก็ได้ แล้วมาดูกันว่าใครจะเป็นฝ่ายปริปากพูดเป็นคนแรก

เมื่อเห็นหลิงฮันหลับตาเริ่มบ่มเพาะพลัง สุ่ยสื่อเกอปิดหนังสือทันที

เขาต้องการให้หลิงฮันเป็นฝ่ายพูด แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะนั่งบ่มเพาะพลังแทน

“เจ้าคือหลิงฮัน?” ในที่สุดสุ่ยสื่อเกอก็เป็นฝ่ายถาม

นี่เขาพูดจาไร้สาระอะไรออกมา? เจ้าเป็นคนให้ลูกสาวตัวเองพาข้ามาที่นี่มิใช่หรือ แล้วเจ้ายังมีหน้ามาถามชื่อข้าอีกรึ?

หลิงฮันลุกขึ้นยืนและพูดด้วยความเคารพว่า “ใช่แล้ว ข้าคือหลิงฮัน”

อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องรักษามารยาทเอาไว้ แม้ก่อนหน้านี้เขาจะนั่งฝึกฝนบ่มเพาะพลังและไม่สนใจอีกฝ่ายก็ตาม แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนเปิดปากถามเขา เขาก็ไม่อาจทำตัวหยิ่งยโสได้

สีหน้าของสุ่ยสื่อเกอดูประหลาดใจ เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามีอายุประมาณยี่สิบปีเท่านั้น ทั้งยังเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติ แต่ทำไมเขาถึงสุขุมขนาดนี้?

เขารู้สึกชื่นชมหลิงฮันอยู่ในใจ แต่ก็ไม่อาจทำให้เขาเปลี่ยนความคิดได้ และพูดว่า “เจ้าไม่คู่ควรกับบุตรสาวของข้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้พบเจอเยี่ยนยวี่อีก”

หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ท่านสุ่ย นั่นมันไม่เกินไปหน่อยหรือ?”

“เจ้ากล้าเถียงข้า?” สุ่ยสื่อเกอถาม แม้แต่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายก็ยังไม่ทำตัวหยาบคายต่อหน้าเขา ถึงแม้เขาจะฆ่าหลิงฮัน ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายก็คงไม่พูดอะไร

“ไม่กล้า ไม่กล้า” หลิงฮันส่ายหัว “รุ่นเยาว์แค่กำลังพูดความจริงกับท่านว่าถึงแม้ข้าจะเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติตลอดไป! แม้กระทั่งแม่ทัพเจ็ดคนก็ต้องเคยเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติมากันทั้งนั้น แม้แต่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและขวาก็ไม่มีข้อยกเว้น”

เจ้าเด็กนี่บ้าไปแล้ว!

สุ่ยสื่อเกอพูดว่า “เจ้ากล้าเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อาวุโสทั้งเก้าคนกับเจ้ารึ?”

“ตอนนี้ข้าอาจเทียบกับพวกเขาไม่ได้ แต่ในอนาคตใช่ว่าจะไม่ได้” หลิงฮันยิ้มอย่างมั่นใจ เขาไม่ได้พูดอะไรเกินจริงและยังคงถ่อมตัวอยู่เสมอ

แต่สุ่ยสื่อเกอก็พบว่าหลิงฮันไม่ได้พูดจาโอ้อวดและดูมั่นใจมาก

เขาแข็งแกร่งกว่าหลัวป้าและเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้อย่างน้อยยี่สิบสองดาว ใครจะเทียบเขาได้?

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถึงแม้จะมีวันหนึ่งที่เจ้าอาจทะลวงผ่านระดับดารา แต่บุตรสาวของข้าคงจะแก่ตายไปแล้ว ข้าคงรอให้ถึงวันนั้นไม่ได้!”

สุ่ยสื่อเกอโบกมือ “นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายของข้า เจ้าห้ามมาเจอบุตรสาวของข้าอีกเป็นอันขาด มิฉะนั้น ข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจ!”

หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “หรือพ่อตาจะไม่รู้ว่า ท่านกำลังจะได้กลายเป็นตาแล้ว?”

พรวด!

สุ่ยสื่อเกอแทบกระอักเลือดออกมา บุตรสาวที่เขารักมีลูกกับเจ้าเด็กคนนี้อย่างนั้นรึ?

ถ้าเขาคิดให้รอบครอบ หลิงฮันเพิ่งอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้แค่เดือนเดียวเท่านั้น แล้วเรื่องแบบนั้นมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? และเมื่อคิดถึงคำว่าหลานชาย แล้วเขาจะสงบสติอารมณ์ได้อย่างไร?

“เยี่ยนยวี่!” สุ่ยสื่อเกอตะโกนเสียงดัง

สุ่ยสื่อเกอกำลังยืนรออยู่ที่ประตู เมื่อนางได้ยินเสียงตะโกนเรียก นางรีบผลักประตูและเดินเข้าไปข้างในทันที และเห็นว่าเส้นผมของพ่อนางชี้ตั้งและแววตาลุกไหม้ราวกับเปลวเพลิง

นางจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าหลิงฮันพูดอะไรกับพ่อของนางกันแน่ ถึงทำให้พ่อของนางโกรธเกรี้ยวมากขนาดนี้

“เจ้า เจ้า เจ้า-” สุ่ยสื่อเกอชี้ไปที่สุ่ยเยี่ยนยวี่ เขาโกรธมากจนพูดไม่ออก

หลิงฮันเอื้อมมือออกไปและพูดว่า “พ่อตา หากท่านจะโทษนาง ได้โปรดโทษข้าเถอะ!”

“พวกเจ้าออกไปจากที่นี่ซะ!” สุ่ยสื่อเกอโบกมือไล่อีกครั้ง ตอนนี้เขาต้องการความเงียบสงบและคิดเรื่องที่เกิดขึ้น

“ไปกันเถอะ!” หลิงฮันดึงมือสุ่ยเยี่ยนยวี่และรีบเดินออกไปจากห้อง

สุ่ยเยี่ยนยวี่ดูงงงวย หลังจากที่นางเดินออกมาจากตระกูลสุ่ย นางก็ถามหลิงฮันว่า “เจ้าพูดอะไรกับพ่อของข้ากันแน่?”

“ข้าเกรงว่าพวกเราจะถูกแยกออกจากกัน ข้าเลยพูดแบบนั้นออกมา” หลิงฮันกล่าว

“เจ้าพูดอะไร?” สุ่ยเยี่ยนยวี่แปลกใจ นางไม่เข้าใจที่หลิงฮันต้องการพูดแม้แต่น้อย

“หึหึ”

“บอกข้ามา ตกลงเจ้าพูดอะไรกับพ่อของข้ากันแน่?”

“ข้าบอกพ่อของเจ้าว่าเขากำลังจะได้เป็นตา”

ในตอนแรกสุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกตกตะลึง แต่หลังจากนั้นใบหน้าที่งดงามของนางก็ถูกแทนที่ด้วยจิตสังหารและพูดว่า “หลิงฮัน ข้าจะฆ่าเจ้า!” นางเหวี่ยงดาบไปมาและเริ่มไล่ล่าหลิงฮัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด