Alchemy Emperor of the Divine Dao 872

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 872 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้แต่เจ้าเมืองยังมาแสดงความยินดีกับเขา ทำให้ติงเฟยเหวินมีความสุขจนตัวลอย และลืมว่าเขาเป็นใคร

มันจะต้องเป็นเช่นนั้นไม่ผิดแน่ เพราะเขาได้รับการยอมรับจากนิกายชื่อยื่อในฐานะศิษย์

ฮ่าฮ่าฮ่า ใช่แล้วมันจะต้องเป็นเช่นนั้น!

ติงผิง ก่อนหน้านี้เจ้ากล้ามากที่ชกข้า คราวนี้เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน!

“ท่านเจ้าเมือง โปรดเข้ามาข้างในก่อน!” ผู้นำตระกูลผิงรีบเชื้อเชิญเขาเข้ามาข้างในเพื่อเปลี่ยนที่พูดคุยกัน

“เชิญ!”

“เชิญ!”

พวกเขาเดินกลับไปที่ห้องโถงและจัดเตรียมที่นั่งให้แขกของเขา เพราะเลี่ยวเจิ้นมีสถานะสูงมาก แม้อีกฝ่ายจะเป็นแขก แต่พวกเขาก็ยังคงรู้สึกอึดอันเกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ

“ท่านผู้นำ ผู้อาวุโส!” ติงเฟยเหวินกล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหันและหันไปมองติงผิงพรางแสยะยิ้ม “แล้วพวกเราจะจัดการกับติงผิงเช่นไรดี?”

“ข้าตัดสินใจแล้วที่จะถอดถอนติงผิงเป็นผู้สืบทอดลำดับแรกและจะเฆี่ยนตีเขาสามร้อยครั้ง!” ผู้นำตระกูลติงกล่าว แม้ว่าเสียงของติงเฟยเหวินจะฟังดูหยิ่งยโสขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าแขก เขาจะทำตัวเสียมารยาทได้อย่างไร?

“ทำไมโทษของเขาถึงเบาขนาดนั้น?” ติงเฟยเหวินถามด้วยความไม่พอใจ

“เฟยเหวิน แล้วเจ้าจะให้ข้าลงโทษติงผิงเช่นไร?” ผู้นำตระกูลติงถามด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าแสดงท่าทางเช่นนั้นออกมา เพราะหากเขาปฏิบัติกับติงเฟยเหวินไม่ดี มันอาจเป็นการทำลายความหวังดีของเลี่ยวเจิ้นได้

เจ้าเมืองเป็นถึงจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน แล้วเขาจะกล้าทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจได้อย่างไร?

“ตัดแขนเขาทิ้ง!” ติงเฟยเหวินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ในเมื่ออีกฝ่ายชกเขา มันก็สมควรแล้วที่จะถูกตัดแขนมิใช่หรือ?

“รายงาน!”

แต่ในขณะนั้นเองมีสมาชิกตระกูลติงอีกคนหนึ่งวิ่งเข้ามาและคุกเข่าลง “ท่านผู้นำ ผู้นำตระกูลเยว่มาหาและต้องการพบท่าน!”

ตระกูลเยว่?

“หยวนหยวนมาที่นี่อย่างนั้นรึ?” ติงเฟยเหวินอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เขาคิดว่าเยว่หยวนมาถูกเวลามากและพูดว่า “พาพวกเขาเข้ามา!”

แต่แน่นอนว่าสมาชิกตระกูลคนนั้นไม่ได้ทำตามคำสั่งของติงเฟยเหวินทันที เขาหันหน้าไปมองผู้นำติงเพื่อรอคำสั่งของเขา

การกระทำของติงเฟยเหวินทำให้ผู้นำตระกูลติงรู้สึกไม่พอใจมากยิ่งขึ้น ตอนนี้ใครคือผู้นำตระกูลติง? ถ้าติงเฟยเหวินสามารถกลายเป็นจอมยุทธที่เหนือกว่าเขาได้ในอนาคต แต่มันก็เป็นเรื่องของอนาคต แต่ในตอนนี้เขายังคงเป็นผู้นำตระกูลติงอยู่ ใบหน้าของเขากลายเป็นมืดมนและพูดว่า “พาพวกเขาเข้ามา!”

หลังจากนั้นไม่นาน สมาชิกตระกูลติงก็กลับมาพร้อมกับคนสามคน คือ ผู้นำตระกูลเยว่และผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลเยว่ ส่วนอีกคนแน่นอนว่าจะต้องเป็นเยว่หยวน

“หยวนหยวน!” ติงเฟยเหวินหัวเราะ ตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองเป็นผู้นำตระกูลติงไปแล้วและพูดว่า “เข้ามาก่อน ข้าแนะนำเจ้าให้รู้จัก ท่านผู้นี้คือท่านเจ้าเมืองเลี่ยวเจิ้น!”่

เจ้าเมือง!

พวกเขาทั้งสามคนรู้สึกตกตะลึง เหตุใดเจ้าเมืองถึงมาอยู่ที่นี่? และดูจากท่าทางของติงเฟยเหวินแล้ว มันเหมือนกับว่าเขามีสถานะใกล้เคียงกับเจ้าเมืองเลย

“พี่เฟยเหวิน เหตุใดท่านเจ้าเมืองถึงอยู่ที่นี่?” เยว่หยวนกระซิบถาม

ติงเฟยเหวินยิ้มกริมและพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจว่า “ข้าได้รับการยอมรับจากนิกายชื่อยื่อและกลายเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสของนิกาย ดังนั้น ท่านเจ้าเมืองจึงเดินทางมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับข้าด้วยตัวเอง!” เขาเดินไปอยู่ด้านข้างเยว่หยวนและลดระดับเสียงลงราวกับว่ามันเป็นเรื่องลึกลับ

แน่นอนว่าตระกูลเยว่รู้ว่าท่านเจ้าจะเดินทางมาที่ตระกูลติง ดังนั้นผู้นำตระกูลเยว่และผู้อาวุโสใหญ่จึงเดินมาที่ตระกูลติงเพื่อทราบถึงเหตุผล

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เยว่หยวนรู้สึกตกตะลึงมากและพูดว่า “นั่นมันยอดเยี่ยมไปเลย ข้าเองก็ขอแสดงความยินดีกับพี่เฟยเหวินเช่นกัน!” ก่อนหน้านี้นางเห็นติงเฟยเหวินถูกติงผิงต่อยจนพ่ายแพ้ และคิดว่าจะทำยังไงกับติงผิงดี แต่ตอนนี้นางละทิ้งความคิดพวกนั้นไปหมดแล้ว

มันไร้สาระเกินไปที่จะครุ่นคิดเรื่องของติงผิง อีกฝ่ายมีรากฐานวิญญาณที่ไร้ค่า ความสำเร็จในชีวิตของเขามันถึงทางตันแล้ว

หัวใจของติงเฟยเหวินเต็มไปด้วยความสุข เขาหันไปมองติงผิงด้วยสายตาที่หนาวเย็นและพูดว่า “พวกเราไม่อาจปล่อยความผิดของติงผิงไปได้ และต้องลงโทษเขาด้วยการตัดแขนเท่านั้น!” ท่าทางของเขาเริ่มหยิ่งยโสมากขึ้นเรื่อยๆและคิดว่าตัวเองเป็นผู้นำตระกูลติงไปเสียแล้ว

“ร..รายงาน!” วันนี้ที่ตระกูลติงช่างวุ่นวายยิ่งนัก ในขณะนั้นเองก็มีคนรับใช้วิ่งมารายงานอีกครั้ง “ท่านผู้นำติง ผู้นำนิกายชื่อยื่อมาที่นี่เพื่อต้องการพบท่าน” น้ำเสียงของเขาสั่นเล็กน้อย ผู้นำนิกายชื่อยื่อนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน เขาแข็งแกร่งมากกว่าเจ้าเมืองหลายร้อยเท่า!

เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลติงมองหน้ากันไปมาด้วยความสับสน

แม้ว่าติงเฟยเหวินจะได้รับความดีความชอบได้เป็นศิษย์ของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณของนิกายชื่อยื่อ แต่มันถึงขนาดที่ว่าผู้นำนิกายจะต้องมาหาเขาด้วยตัวเองเลยอย่างนั้นหรือ?

แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น?

เมื่อเจ้าเมืองเลี่ยวเจิ้นได้ยิน เขารู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเริ่มต่างจากที่เขาคิดไว้มากว่าทำไมผู้นำนิกายชื่อยื่อถึงต้องมาที่นี่ด้วย

แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่มันก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับนิกายชื่อยื่อ และถึงแม้ติงเฟยเหวินจะมีพรสวรรค์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นคนที่มีจิตใจดี แล้วทำไมท่านผู้นั้นถึงรับเขาเป็นศิษย์?

แต่หลิงฮันพูดชัดเจนว่าให้เขาไปที่ตระกูลติงเพื่อแสดงความยินดีต่อตระกูลติงเท่านั้น หรือว่าตระกูลติงจะเข้าใจอะไรบางอย่างผิดอยู่?

ทุกคนรีบออกไปต้อนรับผู้นำนิกายชื่อยื่อทันที เขามีชื่อว่าเจี่ยอู้ที่เป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคนี้ เพียงแค่ได้ยินชื่อของเขาทุกคนก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวในใจแล้ว

“คารวะผู้อาวุโส!” ทุกคนคุกเข่าลงกับพื้นทำความเคารพเขาทันที

เจี่ยอู้ยกมือขึ้นด้วยรอยยิ้มและถามพวกเขาว่า “ใครคือศิษย์ของท่านผู้นั้น?”

เมื่อได้ยินเขาพูด ทุกคนในตระกูลติงดูตกตะลึงและตอบกลับทันทีว่า “ท่านผู้นั้นคือ?”

พวกเขาทุกคนคิดว่าติงเฟยเหวินเป็นศิษย์ของนิกายชื่อยื่อ ดังนั้นเจ้าเมืองเลี่ยวเจิ้นจึงมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดี แต่ผู้นำนิกายชื่อยื่อกลับพูดถึงเขาผู้นั้น ในนิกายชื่อยื่อจะมีใครที่มีสถานะเหนือกว่าเขาอยู่อีกหรือไง? และนั่นมันไม่ได้หมายความว่าท่านผู้นั้นที่เขาพูดถึงแข็งแกร่งกว่าเขาหรอกหรือ?

แม้แต่ผู้นำนิกายเจี่ยอู้ยังเรียกอีกฝ่ายเขาท่านผู้นั้น

ตระกูลติงเริ่มตระหนักถึงบางอย่าง…มันไม่ถูกต้อง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจผิดไปทั้งหมด!

แต่ทันใดนั้นเอง ติงผิงก็เปิดปากพูดออกมาอย่างกะทันหันว่า “ข้าขออนุญาตถามท่านว่า ท่านผู้นั้นที่ท่านพูดถึงเป็นคนแซ่หลิงใช่หรือไม่?”

“หุบปาก ใครอนุญาตให้เจ้าพูดที่นี่?” ผู้อาวุโสเจ็ดพูดตะคอกติงผิงทันที อีกฝ่ายไม่เห็นหรือว่าพวกเขากำลังตึงเครียดกันอยู่?

เมื่อเจี่ยอู้และเลี่ยวเจิ้นได้ยินที่ติงผิงพูด พวกเขาหันไปมองติงผิงทันที และพยักหน้าหน้าให้อีกฝ่ายแล้วพูดว่า “ถูกต้อง!”

นี่พวกเขากำลังพูดถึงใครกันอยู่?

“อาจารย์ของข้าเป็นคนแซ่หลิงที่มีความหมายว่าหนาวเย็น” ติงผิงกล่าว เขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าพวกเขาทั้งสองคนมาที่นี่เพราะเขา – แต่ถ้าจะพูดให้ถูกหลิงฮันสั่งให้พวกเขามาที่นี่

“คารวะนายน้อย!” ในขณะนั้น เจี่ยอู้และเลี่ยวเจิ้นคุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกันทันทีเพื่อแสดงความเคารพต่อติงผิง

เกิดอะไรขึ้น!

ทุกคนในตระกูลติงรู้สึกตกตะลึงมากจนหนังศีรษะด้านชา เมื่อเห็นเจ้าเมืองเลี่ยวเจิ้นและผู้นำนิกายชื่อเยื่อคุกเข่าต่อหน้าติงผิง มันเป็นไปได้ยังไงกัน!?

อย่างไรก็ตาม มันเป็นความจริงที่พวกเขาทั้งสองคนคุกเข่าลงข้างหนึ่งและเรียกติงผิงว่านายน้อย

พระเจ้ามันเกิดอะไรขึ้นกับติงผิง นี่เขาได้เป็นศิษย์ของใครกันแน่?

เมื่อเห็นการกระทำของพวกเขาทั้งสองคน ติงเฟยเหวินเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้ และใบหน้าของเขากลายเป็นมืดมนทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด