Alchemy Emperor of the Divine Dao 1716 สร้างปัญหาครั้งใหญ่

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1716 สร้างปัญหาครั้งใหญ่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตระกูลหาน ขุมอำนาจสามดาวที่ปกครองเมืองเก้าสันติ

ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ตระกูลหานได้ส่งรุ่นเยาว์อัจฉริยะผู้หนึ่งไปยังโลกบรรพกาลเพื่อหาประสบการณ์และตามหามรดกที่ถูกทิ้งไว้โดยราชานิรันดร์ที่ร่วงหล่น

รุ่นเยาว์ที่ว่าคือหานฉี

เพียงแต่ว่าหานฉีบังเอิญได้พบเจอกับหลิงฮันและต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงบุปผาห้วงมิติ ผลสุดท้ายคือหานฉีถูกหลิงฮันสังหารจนร่างแหลกสลาย หากไม่ใช่เพราะมีผู้อาวุโสระดับสูงของตระกูลคุ้มกันดวงวิญญาณของเขาเอาไว้ก่อนแล้วล่ะก็ หานฉีคงจะสิ้นชีพอยู่ที่โลกบรรพกาลไปแล้ว

ในตอนนั้นหลิงฮันได้อ้างตนเองว่ามาจากตระกูลติงแห่งเมืองธุลีจันทรา

ผลที่ตามมาคือตระกูลหานไม่ได้แค่โกรธแค้นที่ตระกูลติงสังหารรุ่นเยาว์ของตน แต่ยังเกิดความสงสัยอีกด้วยว่าหลิงฮันอาจจะได้รับสมบัติสืบทอดของราชานิรันดร์มาครอบครอง ด้วยเหตุนี้ตัวตนที่ทรงพลังของตระกูลหานจึงเดินทางมายังตระกูลติง แต่ไม่ว่าจะสืบสวนอย่างไรพวกเขาก็ไม่พบว่าตระกูลติงนั้นสามารถส่งคนไปยังโลกบรรพกาลได้

หากต้องการส่งคนที่มีระดับพลังต่ำกว่านิรันดร์ไปยังโลกบรรพกาล จำเป็นต้องมีตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณคอยช่วยเหลือ ซึ่งในเมืองธุลีจันรทราจะไปหาจอมยุทธระดับนั้นมาจากไหน?

เมื่อเป็นแบบนั้นตระกูลหานจึงทำได้เพียงกลับไปมือเปล่า

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้นิกายจันทราหม่นแสงไม่กล้าแทรกแซงอะไร เหตุผลก็ไม่ได้ซับซ้อน ขุมอำนาจสองดาวจะไปขัดขืนขุมอำนาจสามดาวได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลฟู่เองก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะทำอะไรกับเรื่องนี้เช่นกัน

ครั้งนี้ที่คนของตระกูลหานกลับมาอีกครั้งก็เป็นเพราะหานฉีต้องการยืนยันตัวคนร้ายที่สังหารเขาด้วยตัวเอง

เมื่อได้ยินข่าวนี้ หลิงฮันก็เริ่มครุ่นคิด หรือเขาจะใช้โอกาสนี้สั่งสอนตระกูลติงดี?

ความจริงหลิงฮันก็มีแผนที่จะออกจากเมืองธุลีจันรทราอยู่แล้ว เหตุผลแรกก็เพราะเวลาเปิดของหุบเหวสืบสานนิพพานใกล้เข้ามาทุกทีและการเดินทางอาจจะกินระยะเวลาถึงครึ่งปี กล่าวคือหลิงฮันมีเวลาว่างเหลือแค่หนึ่งปีเท่านั้น

และเหตุผลที่สองคือในหมู่เมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของนิกายจันทราหม่นแสงนั้น ชื่อเสียงของเขาโด่งดังเกินไป แม้จะมีขุมอำนาจมากมายต้องการให้เขาเข้าร่วมด้วย แต่ก็มีขุมอำนาจจำนวนไม่น้อยที่ต้องการกำจัดเขา

ใครจะไปอยากให้มีราชาแห่งยุคอยู่ในขุมอำนาจอื่นที่ไม่ใช่ของตนเอง?

ยิ่งกว่านั้นเขาก็ได้ล่วงเกินตระกูลเซียวที่เป็นขุมอำนาจสองดาวไปแล้ว!

หากตระกูลเซียวส่งตัวตนระดับระดับแบ่งแยกวิญญาณมาไล่ล่า มีรึที่หลิงฮันจะต้านทานไหว?

แน่นอนว่าหากหลิงฮันอยู่ในเมืองจันทราหม่นแสงตระกูลเซียวคงไม่กล้าลงมือ แต่ที่นี่คือเมืองหนึ่งดาวเท่านั้น ซึ่งไม่มีเหตุผลใดให้ตระกูลเซียวต้องกลัว

ไหนๆเขาก็ต้องจากเมืองนี้ไปอยู่แล้ว ทำไมไม่สร้างปัญหาให้กับตระกูลติงเสียก่อนล่ะ? หลิงฮันเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

ตอนนี้เขาไม่มีภาระผูกพันอีกต่อไปแล้ว พวกเฟิงโปหยุนและสหายคนอื่นๆของเขาอาศัยอยู่ในเมืองรองของเมืองจันทราหม่นแสง จักรพรรดิพิรุณเองก็ออกเดินทางฝึกตนเพื่อขัดเกลาศาสตร์วรยุทธของตนเอง ตอนนี้เขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรทั้งนั้น

หลิงฮันเริ่มลงมือวางแผน หลังจากเวลาผ่านไปราวๆหนึ่งวันเขาก็แพร่งพรายข่าวออกไปว่าตัวเขาต้องการเข้าร่วมกับตระกูลติง

เรื่องนี้สร้างความตกตะลึงครั้งใหญ่ให้แก่สามตระกูล

หลิงฮันปฏิเสธตระกูลต้วนและตระกูลล้งที่ยื่นข้อเสนออันหอมหวานมากมาย แต่กลับต้องการเข้าร่วมกับตระกูลติงที่ไม่ได้ยื่นข้อเสนออะไรให้เลย?

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ตระกูลติงทำการเรียกรวมตัวเพื่อประชุมครั้งใหญ่ทันที

“ข้าคิดว่าพวกเราควรจะรับเจ้าหนูนั่นเข้าตระกูล พวกเจ้าก็ได้ยินแล้วไม่ใช่รึว่าเจ้าหนูนั่นมีความแข็งแกร่งที่เทียบเท่ากับรัชทายาท?” ผู้อาวุโสผู้หนึ่งเอ่ยกล่าว ชื่อของเขาคือติงซาน เขาคือหนึ่งในนิรันดร์สามนิพพานที่มีอยู่เพียงสองคนในตระกูลติง

“เหนือสิ่งอื่นใดคือเขากับรัชทายาทเป็นสหายกัน หากพวกเราใช้ประโยชน์จากจุดนี้ ตระกูลติงจะกลายเป็นขุมอำนาจที่ทรงพลังที่สุดในเมืองธุลีจันทรา!”

ผู้อาวุโสระดับนิรันดร์สามนิพพานอีกคนมีชื่อว่าติงซง เขาส่ายหัวและกล่าว “เจ้าหนูนั่นมีนิสัยเจ้าเล่ห์ บางทีเขาอาจจะวางแผนชั่วร้ายอะไรไว้ก็ได้! ทั้งๆที่ตระกูลติงของพวกเราไม่ได้ยื่นเสนอผลประโยชน์ใดๆให้เลยแท้ๆ เหตุใดเขาถึงต้องการเข้าร่วมกับพวกเรา?”

นี่คือเรื่องที่พวกเขาไม่เข้าใจมากที่สุด หากหลิงฮันต้องการจะเข้าร่วมกับขุมอำนาจใด ขุมอำนาจนั้นก็ไม่สมควรเป็นตระกูลติง

“พวกท่านคิดให้ดี พวกเราไม่อาจเชื่อคำพูดของเจ้าหนูนั่นได้!” ติงหู่กล่าว แม้เขากับหลิงฮันได้พบหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายนัก

ตระกูลติงในตอนนี้แบ่งเป็นสองฝ่าย ครึ่งหนึ่งยินยอมให้หลิงฮันเข้าร่วมตระกูลด้วย เพราะไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นราชาแห่งยุคและมีสายสัมพันธ์กับรัชทายาท เพียงแต่อีกครึ่งหนึ่งก็ยืนกรานอย่างหนักแน่นว่าไม่ควรให้หลิงฮันเข้าร่วมตระกูลเพราะรู้สึกไม่ชอบมาพากล

ท้ายที่สุดทุกคนก็ทำได้เพียงมองไปยังติงเหยาหลงที่เป็นประมุขและเสาหลักของตระกูล

ติงเหยาหลงยกนิ้วขึ้นมาเคาะแขนอีกข้างและครุ่นคิดอยู่นานสักพักก่อนจะกล่าว “ให้หลิงฮันเข้าร่วมตระกูลมาก่อน ตราบใดที่มาอยู่ในตระกูลติงแล้ว ไม่ว่าเขาจะมีแผนการชั่วร้ายหรือไม่ ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่พวกเราจะควบคุมเขาเอาไว้!”

“ประมุขช่างเลื่อมใส!” ไม่ว่าทุกคนจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม แต่ในเมื่อติงเหยาหลงกล่าวเช่นนั้นทุกคนย่อมทำได้เพียงพยักหน้า

แต่เมื่อคิดอีกที หากหลิงฮันเข้าร่วมกับตระกูลติงล่ะก็ เขาก็เปรียบได้กับลูกไก่ในกำมือที่จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด

ติงหู่เผยสีหน้ามืดมน เขาแทบจะรอบดขยี้หลิงฮันด้วยเงื้อมมือตัวเองไม่ไหวแล้ว ส่วนสตรีที่งดงามอย่างสมบูรณ์แบบผู้นั้น หลังจากสังหารหลิงฮันแล้วเขาก็จะนำมาเป็นของเล่นของตนเอง

ผ่านไปไม่นานข่าวที่ตระกูลติงยอมรับหลิงฮันเข้าตระกูลก็แพร่กระจายไปทั่ว และเพื่อเป็นการให้เกียรติ พวกเขารับปากแม้กระทั่งว่าจะมอบแซ่ติงให้แก่หลิงฮัน

สำหรับโลกวรยุทธ แซ่คือสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะมันแสดงให้เห็นถึงรากเหง้าของคนผู้นั้น

หลังจากได้รับข่าวหลิงก็ฮันหัวเราะลั่น เขาส่งคนกลับไปบอกตระกูลติงว่าหากอีกฝ่ายยอมให้เขาเข้าร่วมตระกูล เขาก็พร้อมจะเปลี่ยนแซ่เป็นแซ่ติง

เขาไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากอยู่แล้ว นั่นก็เพราะทั้งเรื่องเข้าร่วมตระกูลติงหรือการเปลี่ยนชื่อแซ่จะไม่มีทางเกิดขึ้นทั้งนั้น

“ตระกูลติง พวกเจ้าทำแต่เรื่องชั่วร้ายมาตลอด คราวนี้ข้าจะสั่งสอนพวกเจ้าเอง” หลิงฮันพึมพำกับตัวเองด้วยรอยยิ้มแปลกประหลาด หากเป็นคนที่คุ้นเคยกับเขาจะรับรู้ได้ทันทีว่าเมื่อใดที่หลิงฮันยิ้มแบบนี้แสดงว่ากำลังคิดแผนการชั่วร้ายอยู่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด