Alchemy Emperor of the Divine Dao 1728 หุบเหวสืบสานนิพพานเปิดออก

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1728 หุบเหวสืบสานนิพพานเปิดออก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุรุษผู้นี้อวดดีเป็นอย่างมาก

แต่เขาก็มีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนั้น ด้วยพรสวรรค์ที่สามารถบรรลุระดับโลกียนิพพานได้ตั้งแต่เยาว์วัย ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะถูกรับให้เป็นศิษย์ของตำหนักวิหารพลิกผันชะตา

เหล่าราชาแห่งยุคอย่างจ่างซุนเหลียงและพวกเซียวเซิ่นทำได้เพียงเค้นเสียงเย็นชา ความต่างระหว่างพลังบ่มเพาะมีมากเกินไป รอให้พวกเขาบรรลุระดับโลกียนิพพานได้ก่อน แล้วจะได้รู้กันว่าใครกันแน่ที่เป็นราชาที่แท้จริง!

เป่ยเสวียนหมิงแสยะยิ้มมุมปากและกล่าว “อาจารย์ของข้ามอบหมายหน้าที่ให้ช่วยดูว่าที่นี่พอจะมีใครมีพรสวรรค์สูงพอจะเข้าร่วมตำหนักวิหารพลิกผันชะตาหรือไม่ เหอๆ แต่ในความคิดของข้า พวกเจ้าทุกคนในที่นี้ไม่ว่าใครก็เป็นเพียงขยะ!”

ฮึ่ม!

คิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์สูงส่งแล้วจะสามารถดูถูกใครก็ได้?

ทางด้านของฟู่เสี่ยวอวิ๋นนั้นนางทำตัวเรียบง่ายไม่โดดเด่น มีเพียงในขณะที่นางพูดคุยกับเป่ยเสวียนหมิงเท่านั้น นางถึงจะเผยรอยยิ้มออกมา

“ช่างมีตาหามีแววไม่” สตรีนกอมตะเอ่ยถึงฟู่เสี่ยวอวิ๋น “บุรุษผู้นั้นไม่เหมาะสมกับนางแม้แต่น้อย”

หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “แม้จะอวดดีไปบ้าง แต่การจะบรรลุระดับโลกียนิพพานด้วยอายุเท่านั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย”

สตรีนกอมตะยังคงไม่สบอารมณ์ นางรู้สึกว่าเป่ยเสวียนหมิงผู้นั้นขัดหูขัดตานางเป็นอย่างมาก

‘ครืนน’ ทันใดนั้นเองจู่ๆพื้นดินในบริเวณนี้ก็เกิดการแยกตัวทำให้ปรากฏปากเหวที่มีรูปร่างเหมือนกับปาก

หุบเหวที่ปรากฏออกมานั้นลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง ด้านในหุบเหวมีหมอกควันนับไม่ถ้วนล่องลอยไปมา แม้แต่นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานก็ไม่อาจมองเห็นว่ามีอะไรอยู่ด้านล่าง

ในที่สุดหุบเหวสืบสานนิพพานก็เปิดออกอย่างสมบูรณ์

“หืม?” หลิงฮันสัมผัสถึงพลังงานบางอย่างที่ไม่คุ้นเคยจากภายในหุบเหวได้อย่างเลือนราง

“ความรู้สึกนี้คือพลังของโลกียนิพพาน?” จักรพรรดิที่สัมผัสได้เช่นกันหันไปมองหลิงฮัน

หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “น่าจะเป็นเช่นนั้น เพียงแต่พลังงานที่พวกเราสัมผัสได้จากบริเวณนี้เบาบางเป็นอย่างมาก หากต้องการจะรับรู้ถึงมันได้อย่างชัดเจนคงต้องไปให้ถึงส่วนลึกของหุบเหวเสียก่อน”

ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมถึงมีคำกล่าวว่าหากต้องการทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานจำเป็นต้องเข้าสู่ส่วนลึกของหุบเหวสืบสานนิพพานให้ได้เสียก่อน มีเพียงส่วนลึกของหุบเหวเท่านั้นที่อำนาจแห่งสวรรค์และปฐพีจะหนาแน่นพอให้จอมยุทธใช้ตัดนิพพาน

‘ตุบ ตุบ ตุบ’ เหล่าฝูงชนพุ่งทะยานเข้าสู่หุบเหวอย่างรีบร้อน คนที่เข้าสู่หุบเหวสืบสานนิพพานนั้นมีแค่จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งและโลกียนิพพาน ส่วนปรมาจารย์ระดับแบ่งแยกวิญญาณที่มาคุ้มครองรุ่นเยาว์ของตนเองนั้นทำได้เพียงยืนรออยู่ภายนอก

ทำไมน่ะรึ?

เขตแดนลี้ลับที่มีอำนาจของสวรรค์และปฐพีที่พิเศษอย่างหุบเหวสืบสานนิพพานนั้น หากปรมาจารย์ที่ทรงพลังกว่าระดับโลกียนิพานเข้าไปจะถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษและมีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก อย่าได้มองว่ามันเป็นเพียงสถานที่สำหรับทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานแล้วใครจะเข้าไปก็ได้ ต่อให้ตัวตนระดับราชานิรันดร์หากคิดจะเข้าไปก็ยังต้องระวังตัวเป็นอย่างมาก เพราะงั้นสำหรับจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณยิ่งไม่ต้องพูดถึง

พวกจ่างซุนเหลียงและเซียวเซิ่นไม่รีบร้อนเข้าสู่หุบเหว พวกเขาคือราชาแห่งยุคที่มั่นใจในศักยภาพของตัวเอง

“เสี่ยวอวิ๋น ไปกันเถอะ” เป่ยเสวียนหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ นอกจากเขาจะบรรลุระดับโลกียนิพพานหนึ่งนิพพานขั้นสูงสุดแล้ว เขายังไร้เทียมทานในระดับเดียวกันอีกด้วย จึงไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวใครในหุบเหวสืบสานนิพพาน สิ่งที่เขาต้องระวังคือสภาพแวดล้อมภายในหุบเหวเท่านั้น

ฟู่เสี่ยวอวิ๋นพยักหน้าและเดินเคียงข้างเป่ยเสวียนหมิงเข้าสู่หุบเหว กลิ่นอายที่ทั้งสองปลดปล่อยออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าที่พริ้วทำให้ดูองอาจเป็นอย่างมาก

ซ่งจี๋และหม่าอิ่งเองก็เดินเคียงคู่ตามเข้าไปเช่นกัน จริงอยู่ที่ทั้งสองคือราชาแห่งยุค แต่เนื่องจากทั้งสองยังไม่บรรลุระดับโลกียนิพพาน กลิ่นอายที่สัมผัสได้จากพวกเขาจึงไม่น่าเกรงขามเหมือนคู่ของฟู่เสี่ยวอวิ๋นและเป่ยเสวียนหมิง

จ่างซุนเหลียงและเซียวเซิ่นเริ่มก้าวเดินเข้าสู่หุบเหว ทั้งสองคนเดินเคียงบ่ากันอย่างเป็นปฏิปักษ์ คนหนึ่งต้องการโค่นอีกฝ่ายลงจากบัลลังก์ อีกคนหนึ่งต้องการทวงคืนชัยชนะที่ตนเองประมาทจนพ่ายแพ้

“พวกเราก็ไปกันเถอะ”

หลิงฮันพบเห็นจางชงและเม่าซูอวี่เดินตามจ่างซุนเหลียงอยู่ด้านหลัง เมื่อนึกถึงคำพูดที่ให้ไว้กับเม่าไต่แล้ว หลิงฮันจึงตัดสินเดินตามหลังทั้งสองคน

สิ่งที่เหนือความคาดหมายของหลิงฮันคือการที่เม่าซูอวี่มาที่นี่ด้วย

พลังบ่มเพาะของนางยังขัดเกลาไม่มากพอที่จะทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพาน ครั้งนี้นางคงมาเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในเขตแดนลี้ลับเท่านั้น เพื่อที่เมื่อถึงเวลาจริงโอกาสทะลวงผ่านสำเร็จจะได้มีมากขึ้น

การจะลงสู่หุบเหวนั้นไม่มีเส้นทางอื่นนอกจากดิ่งร่างลงไปตรงๆ พวกหลิงฮันใช้เวลาดิ่งร่างนานกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าเบื้องหน้าจะปรากฏให้เห็นพื้นดิน การจะร่อนลงพื้นเองก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่บริเวณพื้นดินมีแท่งหินแหลมคมอยู่มากมาย แท่งหินบางแท่งถูกชโลมไปด้วยโลหิตจนมีสีแดงฉานและมีซากศพนอนแน่นิ่งอยู่ด้านข้าง

ต่อให้โคจรปราณก่อเกิดเป็นโล่คุ้มกันเอาไว้ก็ไม่อาจคุ้มกันอำนาจทิ่มแทงจากแท่งหินแหลมคนเหล่านี้ได้ และเมื่อใดที่ถูกทิ่มแท่งจอมยุทธผู้นั้นจะสิ้นชีพทันที แท่งหินเหล่านี้ไม่ใช่ความลับที่แปลกใหม่อะไร ข้อมูลของแท่งหินที่อยู่ใต้หุบเหวเป็นที่รู้จักกันมานานหลายแสนหลายล้านปี เพียงแต่ก็ยังมีจอมยุทธบางคนที่มั่นใจในตัวเองมากเกินไปและเสียชีวิตให้เห็นอยู่เป็นประจำ

พวกหลิงฮันสามคนเดินตามหลังจางชงโดยเว้นระยะห่างสิบไมล์ซึ่งเป็นขีดจำกัดของรัศมีสัมผัสสวรรค์ของหลิงฮัน

ด้วยการที่พลังอำนาจแห่งสวรรค์และปฐพีของหุบเหวสืบสานนิพพานนั้นรุนแรงเกินไป ทั้งการมองเห็นของขอบเขตรัศมีที่จะแผ่กระจายสัมผัสสวรรค์ออกไปได้จึงถูกจำกัดลงมา

จอมยุทธทุกคนต่างเร่งรีบที่จะเข้าไปให้ถึงส่วนลึกที่สุดของหุบเหว เขตแดนลี้ลับมีวันเปิดก็ต้องมีวันปิด ระยะเวลาที่หุบเหวสืบสานนิพพานจะเปิดออกในแต่ละครั้งคือสามเดือนเท่านั้น หากสิ้นสุดเวลาแล้วพวกเขายังไม่กลับออกไป ชะตากรรมของพวกเขาคงหนีไม่พ้นความตาย

นั่นเพราะว่าหากอำนาจแห่งสวรรค์และปฐพีของหุบเหวสืบสานนิพพานฟื้นสภาพกลับไปเป็นเหมือนเดิมเมื่อใด ต่อให้เป็นราชาเซียนก็ยังต้องขมวดคิ้ว

สภาพวาดล้อมภายในหุบเหวเองก็ไม่ได้มืดมิดจนมองไม่เห็น เนื่องจากตามเส้นทางที่พวกเขาเดินมีหินแปลกประหลาดคอยส่องแสงสลัวออก

“หินที่ส่องแสงเหล่านี้มีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิงอัดแน่นเอาไว้ สำหรับจอมยุทธที่ฝึกฝนทักษะธาตุเปลวเพลิงแล้วมันคือสมบัติที่ล้ำค่าอย่างแท้จริง” หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะกล่าวกับภรรยาทั้งสองคน

สตรีนกอมตะตื่นเต้นเป็นอย่างมาก นางคือผู้ที่ได้รับสืบทอดพลังมาจากสามนกอมตะราชาเซียนทำให้มีความเชี่ยวชาญในการใช้ทักษะเปลวเพลิง ด้วยเหตุนี้หินแปลกประหลาดที่ส่องแสงเหล่านี้จึงมีค่าสำหรับนางมาก

หลิงฮันพยายามหาวิธีนำก้อนหินมาครอบครอง แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่โตของก้อนหินและถูกฝังลึกอยู่ในดินแถมยังมีแท่งหินแหลมคมล้อมรอบอยู่อีก ต่อให้เป็นหลิงฮันที่มีกายหยาบไร้เทียมทานก็ไม่กล้าทำอะไรผลีผลามและต้องยอมแพ้อย่างช่วยไม่ได้

“หืม ดูเหมือนพวกเขาจะพบเจอปัญหานะ” หลิงฮันกล่าว เขาพบว่าจู่ๆจางชงกับเม่าซูอวี่ก็หยุดฝีเท้าโดยที่มีคนอีกสิบสามคนยืนอยู่ด้านหน้าพวกเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด