Alchemy Emperor of the Divine Dao 1855

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1855 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิงฮันก้าวเดินขึ้นหน้าไปยังหลิวอวี้

“เดี๋ยวก่อน ถ้ามีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจา อย่าเพิ่งลงมือกันเลย!” จูจิ่นรีบพุ่งเข้ามาโน้มน้าว ในฐานะที่เป็นคนของตระกูลพ่อค้า เขาจึงสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี แต่จะอย่างไรก็เถอะ ในเรื่องราวครั้งนี้หลิวอวี้ถือว่าทำเกินไปจริงๆ อีกฝ่ายอุตส่าห์ยกห้องบ่มเพาะกาลเวลาให้แล้วแท้ๆ แต่ทำไมถึงต้องไปแสดงกิริยาอวดดีแบบนั้นด้วย?

“จูจิ่น เจ้าหลบไป!” หลิวอวี้ออกคำสั่งและแสดงท่าทีเหยียดหยาม “ข้ายังเผชิญโลกมาไม่มากพอจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าพบเจอคนที่กล้าสั่งให้ข้ากล่าวขอโทษ!”

หลิงฮันดีดนิ้วเบาๆเพื่อดันร่างของจูจิ่นให้ถอยห่างออกไป ก่อนจะยื่นมือไปคว้าร่างของหลิวอวี้ที่อยู่ด้านหน้า

เมืองวิถีโอสถก็มีกฎของเมืองวิถีโอสถ ความบาดหมางของรุ่นเยาว์ก็ต้องให้รุ่นเยาว์จัดการกันเอง ปรมาจารย์ระดับสูงกว่าไม่สามารถเข้ามาแทรกแซง

หลิงฮันรู้กฎข้อนี้ดีจึงลงได้อย่างไม่หวั่นเกรง ตราบใดที่เขาไม่สังหารใคร ตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรเขา

“ช่างโอหัง!” หลิวอวี้แสยะยิ้ม และผลักฝ่ามือเข้าใส่หลิงฮัน

อย่าคิดว่าเขาเป็นนายน้อยผู้หยิ่งยโสเพียงอย่างเดียว หากพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธของเขาไม่โดดเด่นล่ะก็ มีรึที่เขาจะกลายเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดของตระกูลหลิวสาขาวรยุทธได้?

ตระกูลหลิวคือผู้ปกครองเมืองเอกภพดาราคราม และเป็นขุมอำนาจที่ฝึกฝนศาสตร์ปรุงยา!

เมืองเอกภพดาราครามเป็นเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองวิถีโอสถ ตระกูลหลิวมีประมุขอยู่สองคนคือ ประมุขที่เป็นปรมาจารย์นักปรุงยาระดับหนึ่ง และประมุขที่เป็นปรมาจารย์ในระดับแบ่งแยกวิญญาณ

ด้วยเหตุนี้ตระกูลหลิวถึงได้ถูกแบ่งออกเป็นสองสาขา หากสมาชิกตระกูลคนใดมีพรสวรรค์ใดด้านวรยุทธ ก็จะถูกเน้นให้บ่มเพาะพลัง ส่วนสมาชิกคนใดที่มีพรสวรรค์ในศาสตร์ปรุงยา ก็จะถูกเน้นให้ฝึกฝนหลอมเม็ดยา

อย่าวหลิวอวี้ผู้นี้นั้น แม้เขาจะไม่มีพรสวรรค์ในศาสตร์ปรุงยา แต่ก็มีพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธ เพราะงั้นเขาจึงได้เป็นคนของตระกูลหลิวสาขาวรยุทธ

และด้วยขุมอำนาจเบื้องหลังหลิวอวี้นี้เอง เมื่อครั้งนี้เขามายังเมืองวิถีโอสถ เหล่าตระกูลพ่อข้ามากมายจึงต้องการสร้างสายสัมพันธ์กับเขา เพื่อเปิดลู่ทางในการซื้อขายเม็ดยาใหม่ๆ

ทั้งๆที่เขาเป็นบุคลสำคัญขนาดนั้น แต่หลิงฮันยังกล้าลงมือกับเขาอีกงั้นรึ?

เพราะเขามาจากตระกูลปรุงยา อีกฝ่ายเลยคิดว่าเขาอ่อนแองั้นรึไง? ช่างอ่อนต่อโลกนัก

หลิงฮันไม่แยแสแม้แต่น้อย ขนาดราชาในระดับสี่นิพพานสูงสุดเขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แล้วมีรึที่นิรันดร์ที่ไม่ใช่แม้แต่ราชาและเพิ่งทะลวงผ่านระดับสองนิพพาน อย่างหลิวอวี้จะทำอะไรเขาได้?

‘พรึบ’ ฝ่ามือของเขาเอื้อมไปกำลำคอของหลิวอวี้ และยกร่างของอีกฝ่ายขึ้นสูงจากพื้น

‘อั่ก!’ หลิวอวี้รู้สึกทรมานและสะบัดแขนขาไปมา แต่ต่อหน้าหลิงฮันแล้ว เขาก็ไม่ต่างอะไรจากลูกไก่ในกำมือ

“สหาย! สหาย!” จูจิ่นลุกลี้ลุกลน ถ้าหากหลิวอวี้ได้รับบาดเจ็บล่ะก็ ตระกูลของเขาคงไม่มีทางทำการค้ากับตระกูลหลิวได้แน่ หรือในกรณีร้ายแรง ตระกูลหลิวอาจจะบอกนักปรุงยาคนอื่น ไม่ให้ทำการค้ากับตระกูลของเขาด้วยก็เป็นได้

แต่ถึงอย่างนั้น ไม่ว่าจะทำอย่างไรเขาก็ไม่สามารถเข้าประชิดหลิงฮันได้ ภายใต้กลิ่นอายอันน่าเกรงขามที่ปลดปล่อยออกมา เขาทำได้เพียงแค่คุกเข่าต่อหน้าหลิงฮันเท่านั้น

เมื่อรู้ว่าพลังของหลิงฮันนั้นยากจะหยั่งถึงแค่ไหน จูจิ่นก็ทำได้เพียงถอนหายใจและสาปแช่งหลิวอวี้ ทั้งๆที่อีกฝ่ายยอมมอบห้องบ่มเพาะกาลเวลาให้แล้วแท้ๆ เจ้าจะไปท้าทายอีกฝ่ายทำไม?

แต่จะอย่างไรเขาก็ไม่อาจมองดูอยู่เฉยๆ ไม่ว่าเขาจะรังเกียจหลิวอวี้ขนาดไหน เขาก็ไม่อาจมองดูอีกฝ่ายถูกทุบตีต่อหน้าต่อตาโดยที่ไม่ทำอะไรเลย

เขาพยายามพูดโน้มน้าวหลิงฮัน โดยนำขุมอำนาจเบื้องหลังของหลิวอวี้มาอ้าง

เพียงแต่มีรึที่หลิงฮันจะฟัง? เขาจ้องมองไปยังหลิวอวี้และกล่าว “เหตุใดปากของเจ้าถึงได้เหม็นอย่างนี้ นี่เจ้าโตมาจากการกินดินโคลนรึไง?” เขาหยิบก้อนหินขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะบดขยี้ให้เป็นเศษเล็กเศษน้อย และยัดเข้าใส่ปากของหลิวอวี้

“อุบ!” หลิวอวี้อยากจะพบเศษหินออกมา แต่ก็ไม่อาจทำได้

ในความเป็นจริงด้วยระดับพลังบ่มเพะของเขาแล้ว การกินก้อนหินไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่ประเด็นหลักมันอยู่ที่ความอัปยศ!

ใครหลายคนที่เพิ่งใช้ห้องเร่งเวลาเสร็จและก้าวเดินออกมา ต่างระเบิดเสียงหัวเราะทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า

หลิวอวี้ใบหน้าเปลี่ยนเป็นแดนฉานจากความอับอาย สายตาที่จ้องมองมาของผู้คนเปรียบได้ดั่งกระบี่ ที่ทิ่มแท่งใส่เขาอย่างเจ็บปวดทรมาน

ไม่ ข้าจะเสียหน้าไม่ได้!

เขาจ้องมองไปยังหลิงฮันด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด และสาบานว่าจะต้องสังหารบุรุษตรงหน้าให้ได้!

“โอ้ ยังไม่สำนึกอีกรึ?” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา ‘เพี๊ยะ’ เขายกฝ่ามือขึ้นและตบไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย

อ่อก!

เศษหินในปากของหลิวอวี้กระเด็นออกมาพร้อมกับฟันที่แตกหักหลายซี่ ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาปูดบวมด้วยแรงตบ

แน่นอนว่าหลิงฮันไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดออกไป เพราะไม่อย่างนั้นหลิวอวี้ผู้นี้คงกลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว

ปัง!

หลิงฮันทุ่มร่างของหลิวอวี้ลงกับพื้น จนหัวของอีกฝ่ายทะลุติดกับพื้นดิน และแหงนก้นชี้ขึ้นฟ้า

หลิงฮันอดนึกไม่ได้ว่า ในสถานการณ์แบบนี้ หากเป็นสุนัขตัวดำมันจะทำเช่นไร?

ใบหน้าของเขาค่อยๆปรากฏรอยยิ้มชั่วร้าย “ภรรยาข้า เจ้าหลบไปก่อน”

สตรีนกอมตะพยักหน้าและถูกส่งเข้าไปในหอคอยทมิฬ

หลิงฮันนำแท่งไม้ไผ่ซึ่งเป็นวัสดุเซียนออกมา ต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์เก้าท่อนแท่งนี้มีความทนทานที่น่าอัศจรรย์ ซึ่งกว่ามันจะเติบโตได้ต้องใช้เวลานานถึงหนึ่งพันล้านปี กล่าวได้ว่ามันคือสมบัติที่ล้ำค่าพอสมควร

หลิงฮันแสยะยิ้มก่อนจะนำแท่งไม้ไผ่แท่งเข้าใส่ก้นของหลิวอวี้

“อ้ากกกกกกก” หลิวอวี้ที่กำลังมึนงงจากการที่หัวถูกกระแทกกับพื้น ได้สติกลับคืนมาและร้องโอดครวญด้วยความทรมานทันที เขาดิ้นรนพยายามส่ายก้นไปมา เพื่อที่จะสะบัดสิ่งแปลกปลอมที่แทงเข้ามาให้หลุดแต่ก็ไม่อาจทำได้

“หลังจากที่ก็ทำตัวดีๆเสียล่ะ เพราะในยุทธภพนี้ยังมีคงที่แข็งแกร่ง และมีภูมิหลังที่สูงส่งกว่าเจ้าอยู่อีกมากมาย เจ้าควรดีใจนะที่ที่นี่คือเมืองวิถีโอสถ ไม่เช่นนั้นข้าคงสังหารเจ้าเพื่อระบายโทสะไปแล้ว” หลิงฮันตบท่อนไผ่ให้ส่ายไปมา จนทำให้หลิวอวี้ส่งเสียงร้องโอดครวญด้วยความทรมานที่ยิ่งกว่าเดิม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด