Alchemy Emperor of the Divine Dao 1860 กำราบผู้สืบทอดได้ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1860 กำราบผู้สืบทอดได้ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ไร้เทียมทานงั้นรึ? ก็แค่คำพูดที่ดูกล่าวเกินจริงเท่านั้น” เป้าเฉิงกล่าวอย่างไม่แยแส

หากคนที่มาที่นี่คือเอี๋ยนเซียนลู่ เขาก็คงไม่มีสิ่งใดจะโต้แย้ง แต่กับจ้าวชิงเฟิงน่ะรึ? อีกฝ่ายเป็นเพียงสุนัขข้างกายเอี๋ยนเซียนลู่แท้ๆ แต่กลับได้รับคำเยินยอว่าไร้เทียมทานในระดับโลกียนิพพาน

จ้าวชิงเฟิงยิ้มมุมปากและมองไปยังเป้าเฉิง “เจ้าไม่พอใจงั้นหรือ?”

ช่างน่าขัน แน่นอนว่าข้าต้องไม่พอใจอยู่แล้ว!

ไม่ใช่แค่เป้าเฉิงเท่านั้น แต่ผู้สืบทอดราชานิรันดร์อีกสองคนก็ไม่พอใจเช่นกัน อีกฝ่ายเป็นเพียงลิ่วล้อแท้ๆ แต่กลับกล้าตีตนเหนือพวกเขางั้นรึ? อีกฝ่ายคิดว่าการที่ชื่อเสียงของเอี๋ยนเซียนลู่คลุมกะลาหัวเอาไว้ จะทำให้สามารถกร่างไปทั่วได้รึไง?

“แน่นอนว่าข้าไม่พอใจ!” เป้าเฉิงคำราม

“พวกเจ้าก็ด้วยสินะ?” จ้าวชิงเฟิงหันมองผู้สืบทอดราชานิรันดร์อีกสองคน

“ฮึ่ม!” ผู้สืบทอดราชานิรันดร์ทั้งสองเค้นเสียงดูถูก และคร้านแม้แต่จะเสวนากับลิ่วล้ออย่างจ้าวชิงเฟิง

“ถ้าพวกเจ้าไม่ยอมรับก็มาประลองกัน ข้าจะแสดงให้เห็นเองว่าพวกเจ้าเป็นเพียงแค่สวะไร้ค่า!” จ้าวชิงเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแส โดยไม่ไว้หน้าผู้สืบทอดราชานิรันรด์ทั้งสองเลยแม้แต่น้อย

พวกเป้าเฉิงเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก สุนัขลิ่วล้อเช่นเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดจากับพวกข้าเช่นนี้?

“เหอะ ดูเหมือนคนบางคน ก็จำเป็นต้องได้รับการสั่งสอนเสียบ้าง!” เป้าเฉิงก้าวเดินไปหยุดด้านหน้าจ้าวชิงเฟิงและกวักนิ้ว “ตามมา ข้าจะแสดงให้เห็นเองว่าข้าจะกำราบเจ้าให้ลงไปนอนแทบเท้าด้วยวิธีใด!”

จ้าวชิงเฟิงเค้นเสียง “พล่ามมากเสียจริง”

ซุนตงที่มองดูอยู่มีท่าทีตื่นเต้น เขาไม่คาดคิดว่าจ้างชิงเฟิงผู้นี้จะอวดดีขนาดนี้ อีกฝ่ายกล้าล่วงเกินแม้กระทั่งผู้สืบทอดราชานิรันดร์ทั้งสามคน แต่ประเด็นหลักที่สำคัญคือ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะสนใจที่จะลงมือจัดการหลิงฮันเสียด้วย

เพื่อที่จะกำราบหลิงฮันให้ได้ภายในไม่กี่อึดใจ เขาจึงคาดหวังให้จ้าวชิงเฟิงยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

จ้าวชิงเฟิงและเป้าเฉิงเดินออกไปยังนอกห้องโถงและเหินร่างขึ้นท้องฟ้า ในอาณาเขตที่สีของเมืองนั้น แน่นอนว่าต้องมีค่ายกลอาคมคุ้มกันที่ทรงพลังปกคลุมอยู่ ด้วยพลังของนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะทำลายพลังป้องกันของค่ายกลอาคมได้

แต่เหตุผลที่ทั้งสองประมือกันบนท้องฟ้านั้น เป็นเพราะไม่อยากให้คลื่นพลังจากการต่อสู้เล็ดรอดไปทำให้สิ่งก่อสร้างของตำหนักแห่งนี้พังทลาย

“เริ่มลงมือได้!” เป้าเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

จ้าวชิงเฟิงแสยะยิ้ม ‘พรึบ’ ในช่วงเวลาเสี้ยววินาที จู่ๆร่างของเขาก็หายไปและมาปรากฏตัวอีกครั้งด้านหน้าเป้าเฉิง พร้อมกับปล่อยหมัดโจมตี

“อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติ!” เป้าเฉิงเค้นเสียงและเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดว่าจ้าวฉิงเฟิงผู้นี้จะเชี่ยวชาญอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่พิเศษ อย่างอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติ

เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นถึงผู้สืบทอดราชานิรันดร์ ถึงแม้เขาจะตกตะลึงและไม่ได้ตั้งตัว แต่เขาก็ยังตอบโต้ทัน นิ้วมือของเขาส่องประกายแสงราวกับทองคำ และสะบัดปลดปล่อยปราณดาบอันทรงพลังออกไป

เขาคือจอมยุทธผู้ครอบครองแก่นกำเนิดนิรันดร์ทองคำ เมื่อใดที่เขากระตุ้นพลังสายเลือด ร่างกายทุกส่วนของเขาทรงพลังขึ้น และสามารถใช้แทนศาสตราวุธอันไร้เทียมทานได้

จ้างชิงเฟิงไม่หวั่นไหว เขายังคงไม่รั้งหมัดของตนเองกลับ และโจมตีปะทะกับเป้าเฉิง

ตูม!

เมื่อการโจมตีเข้าปะทะกัน คลื่นพลังของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ก็ผันผวนไปทั่วพื้นที่

ปัง ร่างของเป้าเฉิงสั่นสะท้านและลอยกระเด็น เขากระอักโลหิตออกมาด้วยสภาพที่โล่ปราณก่อเกิดรอบกายปรากฏรอpแตกร้าว แต่ในทางกลับกัน ร่างของจ้าวชิงเฟิงยังคงยื่นแน่นิ่งราวกับขุนเขา โดยที่ไม่ขยับไปจากจุดเดิมเลยแม้แต่ก้าวเดียว

พอได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้สืบทอดราชานิรันดร์อีกสองคนก็เปลี่ยนสีหน้าทันที

แข็งแกร่ง! เพียงแค่หนึ่งกระบวนท่าก็เกือบจะเอาชนะเป้าเฉิงได้

คนผู้นี้เป็นเพียงผู้ติดตามจริงๆรึ เหตุใดพลังของเขาถึงได้แข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้สืบทอดเสียอีก!

หลังจากที่จ้าวชิงเฟิงลงมือ กลิ่นอายอันไม่แยแสก่อนหน้านี้ของเขา ก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นกลิ่นอายเย็นยะเยือกแสนโหดเหี้ยม

‘ฟุบ’ ร่างของเขาพุ่งทะยานไล่ตามเป้าเฉิงและโจมตีอีกครั้ง หมัดที่ถูกปล่อยออกไปทรงพลังราวกับขุนเขาที่สามารถบดขยี้ได้แม้แต่เมืองทั้งเมือง

เป้าเฉิงทำได้เพียงโจมตีตอบโต้และกระอักโลหิตอีกครั้ง เพียงแต่ครานี้โล่ปราณก่อเกิดของเขาได้แหลกสลายไปอย่างสมบูรณ์

หลังจากปะทะกันอีกไม่กี่สิบกระบวนท่าน ร่างของเป้าเฉิงก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้าและกระอักโลหิตต่อเนื่องอย่างหมดสภาพ

จ้าวชิงเฟิงเลือกที่จะไม่สังหารเป้าเฉิง เขาพาดมือไว้ด้านหลังและมองไปยังผู้สืบทอดราชานิรันดร์อีกสองคน “เศษสวะไร้ค่าอย่างพวกเจ้าอีกสองคนก็ไม่พอใจเช่นกันรึเปล่า?”

ผู้สืบทอดราชานิรันดร์ทั้งสองกัดฟันด้วยสีหน้าขมขื่น และไม่กล่าวโต้แย้งใดๆออกไป

ต่อให้ตอนนี้พวกเขาจะสามารถเตรียมพร้อมลงมือด้วยพลังทั้งหมด แต่อย่างมากก็คงทำได้แค่รับกระบวนท่าไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น ซึ่งไม่มีทางเลยที่จะเอาชนะจ้าวชิงเฟิงได้

ทั้งสองคนไม่อาจทำใจยอมรับได้ เพียงแค่หนึ่งในผู้ติดตามก็ยังเอาชนะพวกเขาได้ง่ายดายเพียงนี้ แล้วหากเป็นเอี๋ยนเซียนลู่ล่ะจะแข็งแกร่งขนาดไหน?

“น้องชายหลู่ พวกข้าขอตัวก่อน!” ผู้สืบทอดราชานิรันดร์ทั้งสองกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ พวกเขามาที่นี่เพื่อร่วมประลองแย่งชิงเม็ดยาเสริมรากฐาน แต่ในเมื่อจ้าวชิงเฟิงก็ร่วมประลองด้วย พวกเขาจะลงประลองต่อเพื่อทำให้ตนเองอัปยศทำไม?

หลู่เซียนหมิงกวาดมืออำลาพอเป็นพิธี ไม่ว่าอย่างไรตัวเขากับผู้สืบทอดราชานิรันดร์เหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นมิตรสหายกันอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะเม็ดยาเสริมรากฐานล่ะก็ ในชีวิตที่พวกเขาอาจจะไม่มีโอกาสได้พบกันเลยก็เป็นได้

หลังจากเป้าเฉิงลุกขึ้น เขาเองก็ขอตัวจากไปเช่นกัน

จ้าวชิงเฟิงมองไปยังซุนตง “คนที่เจ้าว่าอยู่ที่ไหน จงนำทางข้าไป”

“ขะ… ขอรับ!” ซุนตงรีบพยักหน้า ขนาดผู้สืบทอดขุมอำนาจราชานิรันดร์ อีกฝ่ายก็ยังสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย เพราะงั้นกับแค่การจัดการหลิงฮัน จะไปเป็นเรื่องยากเย็นอันใด?

หลู่เซียนหมิงยิ้ม “งั้นข้าขอไปดูด้วยแล้วกัน”

เอี๋ยนเซียนลู่คืออัจฉริยะที่ในอนาคตจะบรรลุเป็นราชานิรันดร์ได้อย่างแน่แท้ เพราะงั้นหลู่เซียนหมิงจึงคิดจะคว้าโอกาสนี้สร้างสายสัมพันธ์เอาไว้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด