Alchemy Emperor of the Divine Dao 1882 ก็แค่ทุบตี แล้วจะทำไม?

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1882 ก็แค่ทุบตี แล้วจะทำไม? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ไม่ผิด ข้าคือหลิงฮัน” หลิงฮันยิ้มมุมปากเล็กน้อย

นักปรุงยาฝึกหัดผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา “ผู้อาวุโสของข้าเชิญเจ้าไปพบ”

“แล้วผู้อาวุโสของเจ้าคือใคร?” หลิงฮันเอ่ยถาม เรื่องจากเขาไม่รู้จักนักปรุงยาฝึกหัดผู้นี้แม้แต่น้อย

นักปรุงยาฝึกหัดเผยสีหน้าหยิ่งทะนง “ไม่รู้แม้กระทั่งว่าผู้อาวุโสของข้าคือใครงั้นรึ? เจ้ายังกล้าเรียกตนเองว่านักปรุงยาอยู่อีก?”

หลิงฮันรู้สึกไม่สบอารมณ์ เขาพาดมือทั้งสองไว้ด้านหลังและกล่าว “ข้าไม่รู้ว่าผู้อาวุโสของเจ้าคือใคร แล้วก็เจ้าคิดว่าตนเองเป้นใครกัน ถึงกล้าพูดจาวางท่ากับข้าเช่นนั้น?”

ในด้านศาสตร์วรยทุธ เขามีพลังต่อสู้ที่แทบจะไร้เทียมทานที่สุดในระดับโลกียนิพพาน ส่วนในด้านศาสตร์ปรุงยา เขาก็กลายเป็นนักปรุงยาหนึ่งดาวแล้ว

แต่นักปรุงยาฝึกหัดผู้นี้น่ะรึ? อีกฝ่ายมีพลังอยู่ในระดับสามนิพพานเท่านั้น แถมด้วยการที่ยังเป็นเพียงนักปรุงยาฝึกหัดอยู่ อย่างมากอีกฝ่ายก็คงเป็นเพียงผู้ช่วยนักปรุงยาระดับสูง ซึ่งไม่ว่าสถานะใดก็ไม่อาจนำมาเทียบกับเขาได้

นักปรุงยาฝึกหัดผู้นั้นเกรี้ยวกราดทันที เขาชี้นิ้วไปยังหลิงฮัน “โอหัง เจ้ากล้าดูหมิ่นข้างั้นรึ!”

“ทำไมข้าจะทำไม่ได้?” หลิงฮันไม่แยแส “ขยะไร้ค่าเช่นเจ้ามีคุณสมบัติอันใดกล้าตีตนเสมอข้า?”

“ข้า… ข้า…” นักปรุงยาฝึกหัดพูดไม่ออก ที่เขาสามารถทำตัวกร่างได้ทุกวันนี้เป็นเพราะเขามีปรมาจารย์นักปรุงยาจื่อเฉิงคอยคุ้มกะลาหัว หากเป็นเพียงตัวเขาเองล่ะก็ แน่นอนว่าไม่มีอะไรดีสักอย่าง

เหตุผลหลักที่เขากล้าทำตัวหยิ่งยโสนั้นเป็นเพราะ เขาคือผู้ช่วยนักปรุงยาของปรมาจารย์จื่อเฉิง ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ใครบ้างจะไม่ไว้หน้าเขา? แม้แต่ตัวตนระดับตำหนักอมตะ เมื่อเห็นเขาก็ต้องเรียกเขาอย่างเอาใจว่าเสี่ยวโม่ (โม่น้อย)

เหล่านักปรุงยาเองก็เช่นกัน ปรมาจารย์จื่อเฉิงคือหนึ่งในนักปรุงยาสี่ดาวของเมืองวิถีโอสถ เพราะงั้นต่อให้นักปรุงยาระดับสามดาวพบเจอเขา ก็ต้องยอมไว้หน้า

แต่ตอนนี้นักปรุงยาหนึ่งดาวตัวจ้อยกลับกล้าทำตัวเหิมเกริมกับเขางั้นรึ?

“หลิงฮัน อย่าได้ล้ำเส้นเกินไป!” นักปรุงยาฝึกหัดเค้นเสียงจากลำคอ “หากล่วงเกินข้า อย่าได้คิดว่าชีวิตในเมืองวิถีโอสถได้อย่างสงบสุข!”

เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ทุกคนรอบข้างต่างส่ายหัว

ผู้ช่วยนักปรุงยาผู้นี้มีแซ่โม่ ซึ่งผู้คนมักให้เกียรติเรียกเขาว่านักปรุงยาโม่ ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นนักปรุงยา ด้วยการที่เขามีปรมาจารย์จื่อเฉิงอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ผู้นี้จะเบ่งอำนาจแค่ไหน ก็ไม่มีใครกล้าล่วงเกินเขา

ต่อให้เป็นผู้สืบทอดอย่างพวกหลู่เซียนหมิง ต่อหน้าผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ พวกเขาทั้งสี่คนก็ยังต้องแสดงท่าทีที่สุภาพ

หลิงฮันเค้นเสียง “สุนัขรับใช้เช่นเจ้า มีสิทธิ์อะไรมาเห่าสั่งข้าว่าห้ามล้ำเส้น? อย่าลืมว่าสถานะของเจ้า เป็นเพียงสิ่งที่ได้มาจากอื่นเท่านั้น ข้าไม่คิดจะลดตัวลงไปเสวนากับพวกขยะ หลบไปให้พ้นซะ”

เมื่อเห็นว่าหลิงฮันกำลังจะเดินจากไป ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ก็รีบกระโดดไปขวางกั้นทางเดินและกล่าว “ข้าไม่อนุญาติให้เจ้าไป!”

“ทำไม เจ้าคิดจะหาเรื่องข้ารึไง?” หลิงฮันยิ้ม

“เกรงว่าความสามารถของเจ้าจะไม่พอ!” ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่กล่าวอย่างอวดดี แน่นอนว่าเขาย่อมเป็นหนึ่งในคนที่ไม่รู้เรื่องราวของหลิงฮัน ในความคิดของเขา ถึงแม้เขาจะเป็นเพียงนิรันดร์สามนิพพาน แต่ด้วยพรสวรรค์ในศาสตร์ปรุงยาที่ไม่โดดเด่น เขาจึงทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปกับการขัดเกลาศาสตร์วรยุทธแทน

เพราะงั้นถึงแม้เขาจะเป็นนิรันดร์สามนิพพาน แต่เขาก็มั่นใจว่าตนเองไม่มีทางแพ้หลิงฮันที่เป็นนักปรุงยาในระดับสี่นิพพาน

‘พรวด’ ใครหลายคนหัวเราะออกมา หลังจากเห็นความอวดดีของผู้ช่วยนักปรุงยาโม่

น่าขันนัก ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ผู้นี้คิดว่าหลิงฮันเป็นอัจฉริยะในศาสตร์ปรุงยา เลยคิดว่าจะใช้กำลังได้ง่ายๆงั้นสินะ?

แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจ หากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง ใครจะทำใจเชื่อลงว่าในโลกนี้จะมีอัจฉริยะรอบด้านเช่นนี้อยู่?

“นักปรุงยาโม่อย่าทำเช่นนั้น!” ใครบางคนที่ต้องการประจบประแจง รีบวิ่งมาบอกเรื่องราวของหลิงฮัน

แม่เจ้า!

ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ปากกระตุกไปมา นี่เจ้ายังเป็นคนอยู่รึเปล่า! นอกจากจะเป็นสัตว์ประหลาดในศาสตร์วรยุทธแล้ว เจ้ายังเป็นอัจฉริยะในศาสตร์ปรุงยาด้วย?

ท่าทีของเขาเริ่มแผ่วลง แต่ด้วยนิสัยอันหยิ่งยโส เขาจึงยืดอกขึ้นมาอีกครั้งและกล่าว “ข้าไม่เคยคิดจะใช้กำลังแบบคนเถื่อนเช่นเจ้า! เจ้ารู้รึไม่ว่าการสร้างความอัปยศให้ข้า ก็เหมือนกับการสร้างความอัปยศต่อปรมาจารย์จื่อเฉิง และเมืองวิถีโอสถ!”

หลิงฮันหัวเราะ “เจ้านี่ช่างเป็นคนหน้าด้านยิ่งนัก คนที่อย่างมากก็เป็นเพียงผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นสูง และเป็นแค่นิรันดร์สามนิพพานเช่นเจ้าน่ะรึ จะมีค่าเทียบเท่าเมืองวิถีโอสถทั้งเมือง? เจ้าคิดว่าจะมีใครเชื่อเรื่องแบบนั้นรึไง”

“เหอะ เดี๋ยวเจ้าก็รู้!” ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่กล่าวด้วยท่าทีโอหังเล็กน้อย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาใช้อำนาจของผู้หนุนหลังในการกดขี่ผู้อื่น ที่ผ่านๆมาที่ราชาแห่งยุคไม่รู้กี่คนแล้วที่ต้องก้มหัวให้เขา

หลิงฮันพยักหน้า “ในเมื่อเจ้ามีความสามารถขนาดนั้น ไหนลองสบถด่านข้าหน่อยเป็นไง?”

“สบถด่างั้นรึ? เหอะ เจ้าตัวบัดซบ! ก็แค่สบถด่า ต่อให้ต้องทำสักร้อยครั้ง…”

หมับ!

ยังไม่ทันทีผู้ช่วยนักปรุงยาโม่จะพูดจบ หลิงฮันก็จับคือยกร่างอีกฝ่ายขึ้นจากพื้น แน่นอนว่าด้วยสภาพนี้ ผู้ช่วยโม่ย่อมไม่อาจอ้าปากพูดอะไรได้ แขนและขาของเขาสะบัดดิ้นรนไปมา พร้อมกับใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว

“ทุกคนได้ยินแล้วสินะ ว่าเมื่อครู่หมอนี่เป็นฝ่ายสบถด่าข้าก่อน?” หลิงฮันยักไหล่ และทำเป็นผู้บริสุทธิ์ “ที่นี่คือวิหารนักปรุงยา การที่ผู้ช่วยนักปรุงยาตัวจ้อยเช่นเจ้า บังอาจสบถด่าข้า ก็สมควรจะถูกทุบตีเป็นการลงโทษเสียหน่อยเจ้าว่าไหม?”

“แน่นอนว่าสมควร!” เขาไม่รอให้ใครตอบ ‘เพี๊ยะ’ และทำการตบเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่ายทันที

ฝ่ามมือของเขาทรงพลัง จนผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ต้องสำลักโลหิตออกมาพร้อมกับฟันหลายซี่ที่แตกหัก ใบหน้าครึ่งหนึ่งปูดบวมด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า

‘เอ่…’ ทุกคนอ้าปากค้าง

มีคำกล่าวอยู่จริงว่า หากจะทุบตีสุนัขก็ต้องดูเจ้าของให้ดีเสียก่อน ซึ่งเจ้าของที่อยู่เบื้องหลังสุนัขอย่างผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ก็คือปรมาจารย์จื่อเฉิง ซึ่งเป็นนักปรุงยาระดับสูงสุดของเมืองแห่งนี้ เพียงแต่คำพูดของหลิงฮันก็ดูมีเหตุผลเช่นกัน

เจ้าเป็นเพียงผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นสูงตัวจ้อยแท้ๆ แต่กลับไปดูหมิ่นนักปรุงยาหนึ่งดาวงั้นรึ? ถ้าหากทำเช่นนั้นได้ ลำดับขั้นสถานะจะมีไปเพื่ออะไร?

‘เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ’ หลิงฮันทุบตีผู้ช่วยนักปรุงยาโม่จนพอใจ ก่อนจะโยนร่างของอีกฝ่ายทิ้ง

การที่เขากล้าทำเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมคาดการณ์ผลลัพธ์เอาไว้แล้ว

อย่างแรกเลยคือ ปรมาจารย์จื่อเฉิงจะต้องต้องการตัวเขาเป็นแน่ อีกฝ่ายถึงได้ส่งให้คนมาพาตัวเขาไป ซึ่งหากปรมาจารย์นักปรุงยาผู้นี้เป็นคนสัตย์จริง หลังจากนี้อีกฝ่ายจะต้องไม่ฟังความข้างเดียวจากผู้ช่วยนักปรุงยาโม่แน่

อย่างที่สอง ถ้าหากปรมาจารย์จื่อเฉิงถูกคำพูดของผู้ช่วยนักปรุงยาโม่กรอกหูได้ มีรึที่คนเช่นนั้นจะสามารถพัฒนาจนเองจนกลายเป็นนักปรุงยาสี่ดาวได้?

คนหนึ่งเป็นนักปรุงยารุ่นเยาว์อัจฉริยะที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ กับอีกคนที่เป็นเพียงสุนัขลิ่วล่อ คิดว่าระหว่างพวกเขาสองคน ปรมาจารย์นักปรุงยาจะเลือกใคร?

 

ถ้าหากปรมาจารย์จื่อเฉิงยังคิดเข้าข้างผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ผู้นี้อยู่ ในตอนนี้หลิงฮันก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป

หลิงฮันสะบัดแขนเสื้อและเดินจากไป และดูจากสีหน้าของหลู่เซียนหมิงในตอนนี้ เกรงว่าเขาคงจะไม่สามารถอาศัยอยู่ในที่พักของอีกฝ่ายได้อีกต่อไปแล้ว

ทุกคนมองตามแผ่นหลังหลิงฮัน ก่อนจะหันกลับมามองร่างของผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ที่นอนหมดสภาพอยู่กับพื้น และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเลื่อมใส

เด็กหนุ่มผู้นี้ช่างหาญกล้านัก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด