Alchemy Emperor of the Divine Dao 1946 คารวะอาจารย์ลุง

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1946 คารวะอาจารย์ลุง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1946 คารวะอาจารย์ลุง

 

หลิวหานกล่าวอย่างโมโห “เจ้าแย่งชิงเม็ดยามาจากคนอื่น เพื่อบอกว่าเจ้าเป็นคนห ลอมมันขึ้นมาเองงั้นรึ?”

 

“สตรีโง่เง่า” หลิงฮันกล่าวดูหมิ่น

 

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” หลิวหานขมวดคิ้ว ความเกรี้ยวกราดของนาง สามารถมองออกได้ทั้ง จากสีหน้าและน้ําเสียง

 

“เจ้าได้ยินไม่ชัดงั้นรึ?” “สตรีโง่เง่า สตรีโง่เง่า สตรีโง่เง่า!” หลิงฮันกล่าวคําว่าสตรีโง่เง่าออกไปถึงสามครั้ง

 

โทสะของหลิวหานปะทุออกมา ตั้งแต่เด็กจนโต มีสักครั้งหรือไม่ที่นางถูกสบฤด่าว่าเป็นสตรีโง่? ตัวนางไม่ใช่แค่เป็นอัจฉริยะในศาสตร์วรยุทธ แต่ยังมีความงดงามอันไร้ที่เปรียบจนได้ฉายาว่า เป็นสตรีที่งดงามอันดับสองของอาณาเขตสวรรค์กว่างลงอีกด้วย บุรุษเพศทุกคนต้องจดจ้องนางด้วยสายตาแข็งข้างต่างหาก ถึงจะเป็นปฏิกิริยาที่ถูกต้อง

 

เจ้าต่างหากที่เป็นคนโง่ ที่มีตาหามีแววไม่

 

“นั่นมันของข้างของข้า!” หวั่นเฟยรีบตะโกนออกมา ไม่เช่นนั้นหากปล่อยไว้เช่นนี้ ความจริงจะต้องปรากฏออกมาแน่

 

“ของเจ้างั้นรึ?” หลิงฮันแสยะยิ้ม “เจ้าก็รู้ไม่ใช่รึไงว่านักปรุงยาทุกคนมีนิสัยประทับลายเซ็นของตนเองเอาไว้บนเม็ดยา?” เขาชี้นําเศษเสี้ยวปราณก่อเกิดเข้าไปในเม็ดยา พริบตาเดียวกันนั้นเอง เม็ดยาก็ส่องประกายและมองหลิงฮันอักษร “หลิง” บนเม็ดยาได้อย่างเลือนราง

 

ทุกคนชะงักแข็งแกร่งในทันใด

 

เท่านี้ก็กระจ่างแล้วว่าเม็ดยาเม็ดนี้เป็นต้องหลิงฮันอย่างแน่นอน หรือถ้าไม่งั้น หวั่นเฟยก็ต้องมีความรักในตัวหลิงฮันมากเป็นแน่ ถึงได้สลักตัวอักษร “หลิง” ลงไปบนเม็ดยา

 

หวั่นเฟยแน่นิ่งไร้คําพูดไปในทันที พร้อมกับใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอับอาย

 

หลิวหานเองก็กลายเป็นไร้คําพูดเช่นกัน ไม่คาดคิดว่าหลิงฮันจะเป็นฝ่ายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจริงๆ

 

“นี่คงเป็นเพราะว่าศิษย์พี่หรั่น เก็บเม็ดยาไปผิดโดยไม่รอบคอบเป็นแน่” จูงื่อจวินกล่าวปัดความรับผิดชอบไปยังหวั่นเฟย

 

เพียงแต่ผู้คนที่อยู่ที่นี่ใครบ้างที่เป็นคนโง่? เมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่ ทุกคนจึงอดคิดไม่ได้ว่าจูจื่อจวินช่างไร้ยางอายยิ่งนัก ทั้งๆ ที่พวกเจ้าทําผิดร่วมกันแท้ๆ แต่กลับผลักไสเพื่อให้ตนเองรอดอยู่ฝ่ายเดียว พวกข้าไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายขนาดเจ้ามาก่อนเลยจริงๆ

 

หลิงฮันเลือกที่จะเป็นเรื่องนี้ไปก่อนชั่วคราว “ในที่นี้ใครเป็นนักปรุงยาบ้าง รบกวนช่วยตรวจสอบเม็ดยาของข้าด้วย”

 

“ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง” หลิวเจี้ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถึงแม้ข้าจะไม่ใช่นักปรุงยา แต่ก็มีความรู้ในศาสตร์ปรุงยาอยู่บ้าง อย่างน้อยการตรวจสอบก็ย่อมไม่มีปัญหา”

 

หลิงฮันมองไปยังอีกฝ่ายและพยักหน้า “ถ้างั้นก็รบกวนพี่ชายหลิวด้วย”

 

หลิงฮันส่งมอบเม็ดยา เมื่อหลิวเจี้ยรับไป เขาก็จ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าว “นี่คือเม็ดยาเมฆาผ่องขจี ในหมู่เม็ดยานิรันดร์สองดาว นับเป็นเม็ดยาที่หลอมได้ยากมาก จากที่ตรวจสอบเม็ดยาเม็ดนี้มีคุณภาพระดับสูง แถมยังถูกปรับแต่งถึงสามครั้ง!”

 

ว่าไงนะ… สามครั้งนั้น

 

ในชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนได้สูดหายใจลึกพร้อมกัน ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าเม็ดยาเมฆาผ่องขจีหลอมได้ยากเย็นขนาดไหนแต่เพียงแค่การปรับแต่งสามขั้น ก็เพียงพอที่จะอธิบายทุกอย่างได้แล้ว

 

การปรับแต่งสี่ขั้นคือขีดจํากัดของนักปรุงยาแทบทั้งหมดในขณะที่การปรับแต่งขั้นห้าสามารถเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์!

 

รุ่นเยาว์ผู้นี้ช่างน่าอัศจรรย์นัก นอกจากจะบรรลุเป็นจักรพรรดิในศาสตร์วรยุทธแล้วในศาสตร์ปรุงยาก็ยังบรรลุได้ถึงการปรับแต่งห้วงจิตขั้นสาม

 

ประเด็นสําคัญอยู่ที่ว่าหลิงฮันนั้นยังเยาว์วัยเป็นอย่างมากด้วยอายุเพียงเท่านี้ยังสามารถบรรลุการปรับแต่งขั้นสามได้เพราะงั้นเรื่องที่ว่าในอนาคต จะบรรลุการปรับแต่งขั้นห้าได้ ก็ไม่ใช่ความหวังลมๆ แล้งๆ

 

เยี่ยนเว่ยกลายเป็นโง่งม ไม่เพียงแค่เม็ดยาที่อีกฝ่ายหลอมสําเร็จ จะมีคุณภาพเหนือกว่าเขาแต่จํานวนของการปรับแต่งก็ยังเหนือกว่าเขาด้วย เขาฝืนกล่าวออกไป ด้วยความหวังอันริบหรี่ “แล้วคุณภาพของการปรับแต่งล่ะ?”

 

“การปรับแต่งสองครั้งกล่าวได้ว่าสมบูรณ์แบบ ในขณะที่ครั้งที่สามมีข้อบกพร่องอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร” หลิวเจียวอธิบายโดยไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และกล่าวความเป็นจริง

 

เยี่ยนเว่ยพูดอะไรไม่ออก

 

ในความเป็นจริง ถ้าหากการปรับแต่งของหลิงฮันทั้งสามครั้งมีคุณภาพเพียงแค่ทั่วไปล่ะก็เขาก็ยังพอใช้คุณภาพของการปรับแต่งที่สูงกว่าของตนเองเป็นข้อได้เปรียบได้ แต่ทว่าตอนนี้ความหวังสุดท้ายได้พังทลายไปเสียแล้ว

 

“โม่ซวง เก็บของเดิมพัน” หลิวฮันดีดนิ้ว เหตุผลที่เขายอมรับการประลองก็เพราะการเดิมพันนี่เองหากไม่เช่นนั้นล่ะก็ เขาย่อมคร้านที่จะแสดงความสามารถต่อหน้าสาธารณชนอยู่แล้ว

 

โม่ชวงเก็บรางวัลเดิมพันด้วยความตื่นเต้น ผลกอบโกยครั้งนี้มากมายจริงๆ เพียงแต่ดันมีคนโชคดีบางส่วน ที่เดิมพันข้างหลิงฮัน ซึ่งก็ต้องแบ่งของเดิมพันให้ไปอย่างช่วยไม่ได้

 

“ต่อไปก็อีกปัญหาหนึ่ง” หลิงฮันมองไปยังจูงื่อจวิน “เจ้าที่ทําการแอบเปลี่ยนขโมยเม็ดยาของข้า ในฐานะผู้อาวุโสแล้ว หากข้าไม่สั่งสอนเจ้าให้ดี คนจะกล่าวหากันได้ว่าเหล่าศิษย์ภายใต้ปรมาจารย์จื่อเฉิงนั้นไม่มีกฏ!”

 

เมื่อกล่าวประโยคนี้ออกไป ใบหน้าของหลิงฮันก็เปลี่ยนเป็นขึงขัง

 

จื่อเฉิง!

 

ใครคือนักปรุงยาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกกัน?

 

แน่นอนว่านอกจากปรมาจารย์จื่อเฉิงก็ไม่มีใครอื่น!

 

หลิงฮันเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์จื่อเฉิงงั้นรึ? เดี๋ยวก่อน ถ้าแบบนั้นปรมาจารย์จูเฟิงก็ต้องเป็นศิษย์ของปรมาจารย์จื่อเฉิงด้วยสิ?

 

เนื่องจากปรมาจารย์จูเพิ่งถูกปรมาจารย์จื่อเฉิงตัดขาด นอกจากกลุ่มคนจํานวนน้อยนิดแล้วจึงไม่มีใครเลยที่รู้ต้นกําเนิดของปรมาจารย์จูเฟิง ตอนนี้เมื่อได้ยินคําพูดของหลิงฮันเรื่องราวทั้ง สองก็เชื่อมต่อกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ใบหน้าของจูจือจวินเปลี่ยนสีทันที อย่างหวั่นเฟยและสื่อหย่งที่อยู่ในยุคสมัยที่ห่างกันหลายยุคนั้น จึงไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างปรมาจารย์จูเฟิงกับปรมาจารย์จื่อเฉิง แต่สําหรับตัวเขาเองนั้นเขารับรู้เป็นอย่างดี

 

การที่หลิงฮันกล่าวถึงปรมาจารย์จื่อเฉิงออกมา นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายก็รู้ถึงต้นกําเนิดของปรมาจารย์จูเพิ่งเช่นกัน

 

“ไร้สาระ!” หวั่นเฟยและสือหย่งคํารามพร้อมกัน

 

“อย่างนั้นรึ?” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส “ถ้างั้นก็ลองกลับไปถามเผิงฮวาเหนียนดู ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเขาจะกล่าวว่าอย่างไร”

 

“เจ้ายังคิดจะใช้ประโยชน์จากอาจารย์ของข้าอีกงั้นรึ?” หวั่นเฟยเกรี้ยวกราด “เจ้าตัวบัดซ..”

 

“เพี้ยะ!”

 

ยังไม่ทันที่เขาจะกล่าวจบ ใบหน้าของเขาก็ถูกจูงื่อจวินตบ “หุบปาก!”

 

หวั่นเฟยมองไปยังจูงื่อจวินขุ่นเคือง เจ้าตบข้าทําไมกัน?

 

จูจื่อจวินต้องการจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงออร่าอันคุ้นเคยและหันไปมองด้านหลัง ในระยะที่ห่างออกไปไม่ไกล ชายวัยกลางคนสองคนได้ก้าวเดินเข้ามาด้วยความเร็วสูงคนหนึ่งมีร่างกายที่สูงโปร่ง ในขณะที่อีกหนึ่งอ้วนเตี้ยราวกับก้อนเนื้อเดินได้

 

“อาจารย์ลุงหม่า อาจารย์ลุงเฉิน” หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง จูจือจวินก็รีบทักทายทั้งสองคน

 

ชายวัยกลางคนทั้งสองมีชื่อว่า หม่ายงและเฉินต่ง พวกเขาคือลูกศิษย์ของปรมาจารย์จูเฟิงแถมยังเป็นศิษย์สายตรงอีกด้วย ถึงแม้ความสามารถค์ของทั้งสองก็ยังด้อยกว่าเผิงฮวาเหนียนเล็กน้อย แต่ก็บรรลุเป็นนักปรุงยาสามดาวแล้ว

 

หม่ายงและเฉินต่งพยักหน้าให้กับจูจือจวิน เมื่อพวกเขาพบเห็นหลิงฮันท่ามกลางฝูงชนก็รีบเข้าไปหาและโค้งตัวผสานมือคารวะ “ศิษย์หม่ายง และศิษย์เฉินต่งคารวะอาจารย์ลุงสี่”

 

อาจารย์ลุงสี!

 

ทุกคนรอบข้างชะงักในทันใด ไม่มีใครสงสัยอีกต่อไปแล้ว หลิงฮันคือศิษย์น้องของปรมาจารย์จื่อเฉิงจริงๆ ไม่เช่นนั้นแล้วคงเป็นไปไม่ได้ที่หม่ายงกับเฉิงต่งจะบ้าพร้อมกับแบบนี้

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Alchemy Emperor of the Divine Dao 1946 คารวะอาจารย์ลุง

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1946 คารวะอาจารย์ลุง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1946 คารวะอาจารย์ลุง

 

หลิวหานกล่าวอย่างโมโห “เจ้าแย่งชิงเม็ดยามาจากคนอื่น เพื่อบอกว่าเจ้าเป็นคนห ลอมมันขึ้นมาเองงั้นรึ?”

 

“สตรีโง่เง่า” หลิงฮันกล่าวดูหมิ่น

 

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” หลิวหานขมวดคิ้ว ความเกรี้ยวกราดของนาง สามารถมองออกได้ทั้ง จากสีหน้าและน้ําเสียง

 

“เจ้าได้ยินไม่ชัดงั้นรึ?” “สตรีโง่เง่า สตรีโง่เง่า สตรีโง่เง่า!” หลิงฮันกล่าวคําว่าสตรีโง่เง่าออกไปถึงสามครั้ง

 

โทสะของหลิวหานปะทุออกมา ตั้งแต่เด็กจนโต มีสักครั้งหรือไม่ที่นางถูกสบฤด่าว่าเป็นสตรีโง่? ตัวนางไม่ใช่แค่เป็นอัจฉริยะในศาสตร์วรยุทธ แต่ยังมีความงดงามอันไร้ที่เปรียบจนได้ฉายาว่า เป็นสตรีที่งดงามอันดับสองของอาณาเขตสวรรค์กว่างลงอีกด้วย บุรุษเพศทุกคนต้องจดจ้องนางด้วยสายตาแข็งข้างต่างหาก ถึงจะเป็นปฏิกิริยาที่ถูกต้อง

 

เจ้าต่างหากที่เป็นคนโง่ ที่มีตาหามีแววไม่

 

“นั่นมันของข้างของข้า!” หวั่นเฟยรีบตะโกนออกมา ไม่เช่นนั้นหากปล่อยไว้เช่นนี้ ความจริงจะต้องปรากฏออกมาแน่

 

“ของเจ้างั้นรึ?” หลิงฮันแสยะยิ้ม “เจ้าก็รู้ไม่ใช่รึไงว่านักปรุงยาทุกคนมีนิสัยประทับลายเซ็นของตนเองเอาไว้บนเม็ดยา?” เขาชี้นําเศษเสี้ยวปราณก่อเกิดเข้าไปในเม็ดยา พริบตาเดียวกันนั้นเอง เม็ดยาก็ส่องประกายและมองหลิงฮันอักษร “หลิง” บนเม็ดยาได้อย่างเลือนราง

 

ทุกคนชะงักแข็งแกร่งในทันใด

 

เท่านี้ก็กระจ่างแล้วว่าเม็ดยาเม็ดนี้เป็นต้องหลิงฮันอย่างแน่นอน หรือถ้าไม่งั้น หวั่นเฟยก็ต้องมีความรักในตัวหลิงฮันมากเป็นแน่ ถึงได้สลักตัวอักษร “หลิง” ลงไปบนเม็ดยา

 

หวั่นเฟยแน่นิ่งไร้คําพูดไปในทันที พร้อมกับใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอับอาย

 

หลิวหานเองก็กลายเป็นไร้คําพูดเช่นกัน ไม่คาดคิดว่าหลิงฮันจะเป็นฝ่ายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจริงๆ

 

“นี่คงเป็นเพราะว่าศิษย์พี่หรั่น เก็บเม็ดยาไปผิดโดยไม่รอบคอบเป็นแน่” จูงื่อจวินกล่าวปัดความรับผิดชอบไปยังหวั่นเฟย

 

เพียงแต่ผู้คนที่อยู่ที่นี่ใครบ้างที่เป็นคนโง่? เมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่ ทุกคนจึงอดคิดไม่ได้ว่าจูจื่อจวินช่างไร้ยางอายยิ่งนัก ทั้งๆ ที่พวกเจ้าทําผิดร่วมกันแท้ๆ แต่กลับผลักไสเพื่อให้ตนเองรอดอยู่ฝ่ายเดียว พวกข้าไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายขนาดเจ้ามาก่อนเลยจริงๆ

 

หลิงฮันเลือกที่จะเป็นเรื่องนี้ไปก่อนชั่วคราว “ในที่นี้ใครเป็นนักปรุงยาบ้าง รบกวนช่วยตรวจสอบเม็ดยาของข้าด้วย”

 

“ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง” หลิวเจี้ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถึงแม้ข้าจะไม่ใช่นักปรุงยา แต่ก็มีความรู้ในศาสตร์ปรุงยาอยู่บ้าง อย่างน้อยการตรวจสอบก็ย่อมไม่มีปัญหา”

 

หลิงฮันมองไปยังอีกฝ่ายและพยักหน้า “ถ้างั้นก็รบกวนพี่ชายหลิวด้วย”

 

หลิงฮันส่งมอบเม็ดยา เมื่อหลิวเจี้ยรับไป เขาก็จ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าว “นี่คือเม็ดยาเมฆาผ่องขจี ในหมู่เม็ดยานิรันดร์สองดาว นับเป็นเม็ดยาที่หลอมได้ยากมาก จากที่ตรวจสอบเม็ดยาเม็ดนี้มีคุณภาพระดับสูง แถมยังถูกปรับแต่งถึงสามครั้ง!”

 

ว่าไงนะ… สามครั้งนั้น

 

ในชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนได้สูดหายใจลึกพร้อมกัน ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าเม็ดยาเมฆาผ่องขจีหลอมได้ยากเย็นขนาดไหนแต่เพียงแค่การปรับแต่งสามขั้น ก็เพียงพอที่จะอธิบายทุกอย่างได้แล้ว

 

การปรับแต่งสี่ขั้นคือขีดจํากัดของนักปรุงยาแทบทั้งหมดในขณะที่การปรับแต่งขั้นห้าสามารถเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์!

 

รุ่นเยาว์ผู้นี้ช่างน่าอัศจรรย์นัก นอกจากจะบรรลุเป็นจักรพรรดิในศาสตร์วรยุทธแล้วในศาสตร์ปรุงยาก็ยังบรรลุได้ถึงการปรับแต่งห้วงจิตขั้นสาม

 

ประเด็นสําคัญอยู่ที่ว่าหลิงฮันนั้นยังเยาว์วัยเป็นอย่างมากด้วยอายุเพียงเท่านี้ยังสามารถบรรลุการปรับแต่งขั้นสามได้เพราะงั้นเรื่องที่ว่าในอนาคต จะบรรลุการปรับแต่งขั้นห้าได้ ก็ไม่ใช่ความหวังลมๆ แล้งๆ

 

เยี่ยนเว่ยกลายเป็นโง่งม ไม่เพียงแค่เม็ดยาที่อีกฝ่ายหลอมสําเร็จ จะมีคุณภาพเหนือกว่าเขาแต่จํานวนของการปรับแต่งก็ยังเหนือกว่าเขาด้วย เขาฝืนกล่าวออกไป ด้วยความหวังอันริบหรี่ “แล้วคุณภาพของการปรับแต่งล่ะ?”

 

“การปรับแต่งสองครั้งกล่าวได้ว่าสมบูรณ์แบบ ในขณะที่ครั้งที่สามมีข้อบกพร่องอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร” หลิวเจียวอธิบายโดยไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และกล่าวความเป็นจริง

 

เยี่ยนเว่ยพูดอะไรไม่ออก

 

ในความเป็นจริง ถ้าหากการปรับแต่งของหลิงฮันทั้งสามครั้งมีคุณภาพเพียงแค่ทั่วไปล่ะก็เขาก็ยังพอใช้คุณภาพของการปรับแต่งที่สูงกว่าของตนเองเป็นข้อได้เปรียบได้ แต่ทว่าตอนนี้ความหวังสุดท้ายได้พังทลายไปเสียแล้ว

 

“โม่ซวง เก็บของเดิมพัน” หลิวฮันดีดนิ้ว เหตุผลที่เขายอมรับการประลองก็เพราะการเดิมพันนี่เองหากไม่เช่นนั้นล่ะก็ เขาย่อมคร้านที่จะแสดงความสามารถต่อหน้าสาธารณชนอยู่แล้ว

 

โม่ชวงเก็บรางวัลเดิมพันด้วยความตื่นเต้น ผลกอบโกยครั้งนี้มากมายจริงๆ เพียงแต่ดันมีคนโชคดีบางส่วน ที่เดิมพันข้างหลิงฮัน ซึ่งก็ต้องแบ่งของเดิมพันให้ไปอย่างช่วยไม่ได้

 

“ต่อไปก็อีกปัญหาหนึ่ง” หลิงฮันมองไปยังจูงื่อจวิน “เจ้าที่ทําการแอบเปลี่ยนขโมยเม็ดยาของข้า ในฐานะผู้อาวุโสแล้ว หากข้าไม่สั่งสอนเจ้าให้ดี คนจะกล่าวหากันได้ว่าเหล่าศิษย์ภายใต้ปรมาจารย์จื่อเฉิงนั้นไม่มีกฏ!”

 

เมื่อกล่าวประโยคนี้ออกไป ใบหน้าของหลิงฮันก็เปลี่ยนเป็นขึงขัง

 

จื่อเฉิง!

 

ใครคือนักปรุงยาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกกัน?

 

แน่นอนว่านอกจากปรมาจารย์จื่อเฉิงก็ไม่มีใครอื่น!

 

หลิงฮันเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์จื่อเฉิงงั้นรึ? เดี๋ยวก่อน ถ้าแบบนั้นปรมาจารย์จูเฟิงก็ต้องเป็นศิษย์ของปรมาจารย์จื่อเฉิงด้วยสิ?

 

เนื่องจากปรมาจารย์จูเพิ่งถูกปรมาจารย์จื่อเฉิงตัดขาด นอกจากกลุ่มคนจํานวนน้อยนิดแล้วจึงไม่มีใครเลยที่รู้ต้นกําเนิดของปรมาจารย์จูเฟิง ตอนนี้เมื่อได้ยินคําพูดของหลิงฮันเรื่องราวทั้ง สองก็เชื่อมต่อกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ใบหน้าของจูจือจวินเปลี่ยนสีทันที อย่างหวั่นเฟยและสื่อหย่งที่อยู่ในยุคสมัยที่ห่างกันหลายยุคนั้น จึงไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างปรมาจารย์จูเฟิงกับปรมาจารย์จื่อเฉิง แต่สําหรับตัวเขาเองนั้นเขารับรู้เป็นอย่างดี

 

การที่หลิงฮันกล่าวถึงปรมาจารย์จื่อเฉิงออกมา นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายก็รู้ถึงต้นกําเนิดของปรมาจารย์จูเพิ่งเช่นกัน

 

“ไร้สาระ!” หวั่นเฟยและสือหย่งคํารามพร้อมกัน

 

“อย่างนั้นรึ?” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส “ถ้างั้นก็ลองกลับไปถามเผิงฮวาเหนียนดู ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเขาจะกล่าวว่าอย่างไร”

 

“เจ้ายังคิดจะใช้ประโยชน์จากอาจารย์ของข้าอีกงั้นรึ?” หวั่นเฟยเกรี้ยวกราด “เจ้าตัวบัดซ..”

 

“เพี้ยะ!”

 

ยังไม่ทันที่เขาจะกล่าวจบ ใบหน้าของเขาก็ถูกจูงื่อจวินตบ “หุบปาก!”

 

หวั่นเฟยมองไปยังจูงื่อจวินขุ่นเคือง เจ้าตบข้าทําไมกัน?

 

จูจื่อจวินต้องการจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงออร่าอันคุ้นเคยและหันไปมองด้านหลัง ในระยะที่ห่างออกไปไม่ไกล ชายวัยกลางคนสองคนได้ก้าวเดินเข้ามาด้วยความเร็วสูงคนหนึ่งมีร่างกายที่สูงโปร่ง ในขณะที่อีกหนึ่งอ้วนเตี้ยราวกับก้อนเนื้อเดินได้

 

“อาจารย์ลุงหม่า อาจารย์ลุงเฉิน” หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง จูจือจวินก็รีบทักทายทั้งสองคน

 

ชายวัยกลางคนทั้งสองมีชื่อว่า หม่ายงและเฉินต่ง พวกเขาคือลูกศิษย์ของปรมาจารย์จูเฟิงแถมยังเป็นศิษย์สายตรงอีกด้วย ถึงแม้ความสามารถค์ของทั้งสองก็ยังด้อยกว่าเผิงฮวาเหนียนเล็กน้อย แต่ก็บรรลุเป็นนักปรุงยาสามดาวแล้ว

 

หม่ายงและเฉินต่งพยักหน้าให้กับจูจือจวิน เมื่อพวกเขาพบเห็นหลิงฮันท่ามกลางฝูงชนก็รีบเข้าไปหาและโค้งตัวผสานมือคารวะ “ศิษย์หม่ายง และศิษย์เฉินต่งคารวะอาจารย์ลุงสี่”

 

อาจารย์ลุงสี!

 

ทุกคนรอบข้างชะงักในทันใด ไม่มีใครสงสัยอีกต่อไปแล้ว หลิงฮันคือศิษย์น้องของปรมาจารย์จื่อเฉิงจริงๆ ไม่เช่นนั้นแล้วคงเป็นไปไม่ได้ที่หม่ายงกับเฉิงต่งจะบ้าพร้อมกับแบบนี้

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+