Alchemy Emperor of the Divine Dao 2077 ม้ามืด

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 2077 ม้ามืด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2077 ม้ามืด

 

เหตุการณ์ที่สุดยอดจักรพรรดิอย่างพวกเทียนชิงเย่ถูกสังหารนั้นยังคงเป็นที่พูดถึงไม่พัก แต่เนื่องจากดินแดนแห่งเซียนนั้นกว้างใหญ่เกินไป ขุมอํานาจที่อยู่เบื้องหลังทั้งสี่คนจึงไม่ยังลงมือทําอะไรในตอนนี้ บางทีกว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวก็คงเป็นหลังจากการประลองศาสตร์ปรุงยาสิ้นสุดลง

 

การประลองศาสตร์ปรุงยาจะเริ่มขึ้นทันทีหลังจากเขตแดนลี้ลับร้อยมังกร เพราะงั้นวันทดสอบจึงถูกกําหนดเอาไว้เป็นอีกสิบวันหลังจากนี้

 

หลิงฮันทําการเก็บตัวฝึกฝนเล็กๆน้อยๆ

 

ภายใต้ต้นสังสารวัฏ การรู้แจ้งเพียงสิบวันก็สามารถกลายเป็นระยะเวลาที่ยาวนานได้

ในด้านของศาสตร์ปรุงยาตอนนี้หลิงฮันพบเจอกับคอขวดแล้ว ประตูสู่การเป็นนักปรุงยาสีดาวของเขายังไม่เปิดออก แถมทักษะห้วงจิตปรับแต่งก็ยังติดอยู่ที่ระดับสี่ที่ห่างจากระดับห้าอยู่เล็กน้อย

 

ถึงแม้ระยะเวลาสิบวันจะไม่สามารถทําให้อะไรเปลี่ยนแปลงได้ แต่การลับคมหอกเอาไว้ก่อนออกศึกก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย

 

พริบตาเดียวสิบวันก็ผ่านพ้นไป และวันเปิดม่านการประลองศาสตร์ปรุงยาก็มาถึง

 

นักปรุงยาที่มาเข้าร่วมการแข่งขันนั้นมีจํานวนหลายล้านคน ด้วยจํานวนที่มากมายขนาดนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะทําการทดสอบหลอมเม็ดยาพร้อมกัน

 

ดังนั้นในส่วนแรกของการประลอง จึงต้องมีทดสอบความเข้าใจในศาสตร์ปรุงยาเสียก่อน

 

ในส่วนนี้นักปรุงยากว่าเก่าในสิบส่วนจะถูกตัดสิทธิ์ และจะเหลือเพียงนักปรุงยาที่มากความสามารถเท่านั้น

 

แล้วจะทําการทดสอบอย่างไรล่ะ?

 

นั่นก็ไม่มีอะไรซับซ้อน… ในเมืองร้อยมังกรจะมีหินวิถีโอสถที่ถูกสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์นักปรุงยาที่ยิ่งใหญ่ตั้งอยู่ หลังจากที่นักปรุงยาชี้นําสัมผัสสวรรค์ของตนเองเข้าไปภายในหิน จิตวิญญาณจะถูกส่งเข้าไปยังโลกจําลองเพื่อทําการทดสอบ

 

การทดสอบจะถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับ ยิ่งผ่านระดับสูงที่สูงขึ้นแต้มที่ได้รับก็จะดีตามไปด้วย

 

หินวิถีโอสถนั้นมีขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก ความสูงของมันมากถึงร้อยฟุตและมีรัศมีความกว้างเกินกว่าห้าสิบฟุต เมื่อใครบางคนทําสอบเสร็จสิ้นผลลัพธ์ก็จะปรากฏขึ้นบนแท่งหิน ซึ่งนักปรุงยาคนใดที่ทําแต้มได้สูงสุดติดสิบอันดับแรกของประวัติศาสตร์ อันดับก็จะปรากฏอยู่บนแท่งหินไปตลอดกาล

 

“อู๋จื่อซวีกับเซี่ยเล่อจางเริ่มทดสอบกันไปรึยัง?” ใครบางคนเอ่ยถาม

 

“ยัง” ใครบางคนส่ายหัว

 

“ดูนั้น มีใครบางคนผ่านระดับที่เจ็ดแล้ว!” ใครอีกคนอุทานออกมาและชี้นิ้วไปยังหินวิถีโอสถ

 

หลิงฮันเบนสายตามองตาม และพบว่าคลื่นแสงเจ็ดสายบนหินวิถีโอสถได้ส่องสว่างขึ้นมา แต่ก็สลายไปอย่างรวดเร็ว

 

“นี่น่าจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในตอนนี้สินะ?”

 

“น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นอัจฉริยะคนไหนกันแน่?”

 

ทุกคนกวาดสายตามอง แต่ว่านักปรุงยาที่กําลังเอื้อมมือไปสัมผัสกับหินวิดีโอสถนั้นมีจํานวนอยู่อย่างน้อยหนึ่งร้อยคน ซึ่งพวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าใครที่เป็นคนผ่านการทดสอบระดับเจ็ด?

 

แต่หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง คนผู้หนึ่งก็ลุกขึ้นยืนและหัวเราะด้วยท่าทางภาคภูมิใจ

 

“พี่ชายกัง ท่านผ่านระดับที่เท่าไหร่?” ใครบางคนด้านข้างเอ่ยถาม

 

“ฮ่าๆๆ เป็นระดับที่สูงมาก!” ชายคนเดิมหัวเราะ

 

“หรือว่าจะเป็นพี่ชายทั้งที่ผ่านการทดสอบระดับเจ็ด?” คนในตอนแรกถามต่อ

 

“ว่าไงนะ!” รอยยิ้มของชายที่ถูกเรียกว่าพี่ชายกังแข็งข้างทันที ความยากของการทดสอบที่เขาผ่านได้คือระดับสี่เท่านั้น ความยากระดับนี้คือผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขาแล้ว เพราะงั้นเขาจึงหัวเราะออกมาอย่างภาคภูมิใจ

 

แต่กลับมีใครบางคนผ่านระดับเจ็ดได้งั้นรึ?

 

“พรวด! ฮ่าๆๆๆ!” ผู้คนรอบข้างระดับเสียงหัวเราะออกมา กลายเป็นว่าคนผู้นี้ปล่อยไก่ทําให้ตัวเองอับอายเองเสียได้

 

คนที่ถูกเรียกว่าพี่ชายกังรู้สึกขายหน้าจนแทบจะมุดดินหนี

 

ใครบางคนก้าวเดินเข้ามาใกล้ ด้วยการที่คนผู้นี้คือคนของหอโอสถบรรพกาล ทําให้ถึงแม้เขาจะเป็นเพียงผู้ช่วยนักปรุงยา ก็ไม่มีใครกล้าเสียมารยาทต่อเขาและขยับตัวเปิดทางให้

 

คนผู้นั้นเดินมาหา พี่ชายกัง และกล่าว “เจ้าผ่านความยากระดับ และมีชื่อว่ากังผิงถูกต้องสินะ?”

 

“ใช่แล้ว” พี่ชายกังกล่าวด้วยน้ําเสียงไร้เรี่ยวแรง

 

“อืม” ผู้ช่วยนักปรุงยาจดบันทึกลงบนกระดาษและหันหลังเดินจากไป

 

หลังจากนั้นเมื่อมีใครบางคนทําการทดสอบเสร็จ ผู้ช่วยนักปรุงยาก็จะเดินกลับมาและจดบันทึกผลลัพธ์ของผู้เข้าทดสอบแต่ละคน

 

ผลการทดสอบไม่สามารถหลอกลวงได้ เพราะหอวิดีโอสถมีการประทับของสัมผัสสวรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนเอาไว้ เมื่อนํามาเทียบก็จะรู้ได้ว่าใครพูดโกหกหรือไม่ และใครก็ตามที่โกหกก็จะถูกลงโทษสถานหนักโดยหอโอสถบรรพกาล

 

ทันใดนั้นเองๆเสียงเอะอะดังขึ้น เพราะมีใครบางคนเพิ่งแจ้งผลทดสอบออกไปว่าตนเองคือคนที่ผ่านการทดสอบระดับเจ็ดได้

 

“หลินหย่งชาง”

 

“คนผู้นั้นคือหลินหย่งชาง”

 

“ผลการทดสอบของเขาสมควรเป็นอันดับหนึ่งในตอนนี้ หรือต่อให้นําไปเทียบกับการประลองในครั้งก่อนๆ เขาก็ยังคือว่าอยู่ในสิบอันดับแรก”

 

“เขาคือใครกัน ทําไมข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อนเลย?”

 

“น่าจะเป็นม้ามืดในการประลองครั้งนี้เป็นแน่”

 

ทุกคนพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น แต่ละคนต่างตกตะลึงกับอัจฉริยะนักปรุงยาหน้าใหม่ผู้นี้

หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งก็ก้าวเดินออกมาจากหินวิถีโอสถ ซึ่งทุกคนที่อยู่รอบข้างเขาต่างเผยสีหน้าย่าเกรง ราวกับคนผู้นี้เป็นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่

 

“คนผู้นี้น่ะรีหลินหย่งชาง” ใครบางคนกระซิบกระซาบ

 

หลินหย่งชางมีสีหน้าเย็นชา เขาเดินผ่านผู้คนไปด้วยใบหน้าแน่นิ่งไร้รอยยิ้ม ราวกับไม่เห็นหัวใครอื่นแม้แต่น้อย

 

“มีใครรู้พื้นเพของเขาบ้าง?”

 

ทุกคนส่ายหัวด้วยสีหน้าว่างเปล่า

 

“ดูนั่น เซี่ยเล่อจางมาแล้ว!” ใครบางคนตะโกนขึ้นมา และชี้นิ้วไปยังทางเข้า

 

หลิงฮันมองตามสายตาของทุกคนไป ก่อนจะพบเห็นชายร่างสมส่วน ที่มีใบหน้าหล่อเหลาผมสีดํา ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนที่มีร่างสูงโปร่ง แต่กลิ่นอายของเขากลับดูสูงส่งเป็นอย่างมาก

 

ชายคนนี้คือเซี่ยเล่อจาง นักปรุงยาสามดาวที่บรรลุทักษะห้วงจิตระดับสี่แล้ว เขาอยู่ห่างจากนักปรุงยาสีดาวอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น

 

เซี่ยเล่อจางไม่หยิ่งทะนง เขาพยักหน้าตอบรับผู้คนตลอดทาง และเดินผ่านหลินหย่งช่างไป

 

หนึ่งคนมีนิสัยหยิ่งยโส ในขณะที่อีกคนมีนิสัยนอบน้อม ทั้งสองคนเป็นคู่ขนานที่ขัดแย้งกันมาก

 

หลินหย่งชางหยุดฝีเท้าชั่วครู่และใช้หางตามองเซียเล่อจาง แม้เขาจะไม่พูดอะไรออกมา แต่ดวงตาของเขาก็แสดงออกแล้วว่ากําลังดูถูกอีกฝ่ายอยู่

 

เซี่ยเล่อจางไม่มีทางที่สนใจใดๆราวกับไม่เห็นหลินหย่งชางอยู่ในสายตา เขาเดินมายืนข้างหินวิถีโอสถด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหาตําแหน่งที่ไม่มีใครและเอื้อมมือออกไปสัมผัส

 

“เซี่ยเล่อจางจะผ่านการทดสอบระดับหกสําเร็จหรือไม่?”

 

“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว เขาคือนักปรุงยาที่มีโอกาสบรรลุเป็นนักปรุงยาสี่ดาวมากที่สุด เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะพ่ายแพ้ให้กับหลินหย่งชาง?”

 

“นั่นก็ไม่เสมอไป หลินหย่งชางคือม้ามืดที่โดดเด่นมาก”

 

ระหว่างที่ผู้คนกําลังถกเถียงกัน คลื่นแสงบนหินวิถีโอสถก็ส่องประกายขึ้นมาหนึ่งแถว แต่หลังจากนั้นอีกไม่นาน คลื่นแสงแถวที่สองก็ส่องสว่างตามมาติดๆ

 

“นั่นน่าจะเป็นผลลัพธ์ของเซี่ยเล่อจางสินะ?”

 

“สมกับเป็นนักปรุงยาอัจฉริยะ เพียงแค่หนึ่งชั่วโมงก็ผ่านการทดสอบไปแล้วถึงสองระดับ”

 

หลังจากระยะเวลาสองชั่วโมงผ่านไป คลื่นแสงแห่งที่สามก็ส่องสว่างขึ้นมา

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Alchemy Emperor of the Divine Dao 2077 ม้ามืด

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 2077 ม้ามืด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2077 ม้ามืด

 

เหตุการณ์ที่สุดยอดจักรพรรดิอย่างพวกเทียนชิงเย่ถูกสังหารนั้นยังคงเป็นที่พูดถึงไม่พัก แต่เนื่องจากดินแดนแห่งเซียนนั้นกว้างใหญ่เกินไป ขุมอํานาจที่อยู่เบื้องหลังทั้งสี่คนจึงไม่ยังลงมือทําอะไรในตอนนี้ บางทีกว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวก็คงเป็นหลังจากการประลองศาสตร์ปรุงยาสิ้นสุดลง

 

การประลองศาสตร์ปรุงยาจะเริ่มขึ้นทันทีหลังจากเขตแดนลี้ลับร้อยมังกร เพราะงั้นวันทดสอบจึงถูกกําหนดเอาไว้เป็นอีกสิบวันหลังจากนี้

 

หลิงฮันทําการเก็บตัวฝึกฝนเล็กๆน้อยๆ

 

ภายใต้ต้นสังสารวัฏ การรู้แจ้งเพียงสิบวันก็สามารถกลายเป็นระยะเวลาที่ยาวนานได้

ในด้านของศาสตร์ปรุงยาตอนนี้หลิงฮันพบเจอกับคอขวดแล้ว ประตูสู่การเป็นนักปรุงยาสีดาวของเขายังไม่เปิดออก แถมทักษะห้วงจิตปรับแต่งก็ยังติดอยู่ที่ระดับสี่ที่ห่างจากระดับห้าอยู่เล็กน้อย

 

ถึงแม้ระยะเวลาสิบวันจะไม่สามารถทําให้อะไรเปลี่ยนแปลงได้ แต่การลับคมหอกเอาไว้ก่อนออกศึกก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย

 

พริบตาเดียวสิบวันก็ผ่านพ้นไป และวันเปิดม่านการประลองศาสตร์ปรุงยาก็มาถึง

 

นักปรุงยาที่มาเข้าร่วมการแข่งขันนั้นมีจํานวนหลายล้านคน ด้วยจํานวนที่มากมายขนาดนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะทําการทดสอบหลอมเม็ดยาพร้อมกัน

 

ดังนั้นในส่วนแรกของการประลอง จึงต้องมีทดสอบความเข้าใจในศาสตร์ปรุงยาเสียก่อน

 

ในส่วนนี้นักปรุงยากว่าเก่าในสิบส่วนจะถูกตัดสิทธิ์ และจะเหลือเพียงนักปรุงยาที่มากความสามารถเท่านั้น

 

แล้วจะทําการทดสอบอย่างไรล่ะ?

 

นั่นก็ไม่มีอะไรซับซ้อน… ในเมืองร้อยมังกรจะมีหินวิถีโอสถที่ถูกสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์นักปรุงยาที่ยิ่งใหญ่ตั้งอยู่ หลังจากที่นักปรุงยาชี้นําสัมผัสสวรรค์ของตนเองเข้าไปภายในหิน จิตวิญญาณจะถูกส่งเข้าไปยังโลกจําลองเพื่อทําการทดสอบ

 

การทดสอบจะถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับ ยิ่งผ่านระดับสูงที่สูงขึ้นแต้มที่ได้รับก็จะดีตามไปด้วย

 

หินวิถีโอสถนั้นมีขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก ความสูงของมันมากถึงร้อยฟุตและมีรัศมีความกว้างเกินกว่าห้าสิบฟุต เมื่อใครบางคนทําสอบเสร็จสิ้นผลลัพธ์ก็จะปรากฏขึ้นบนแท่งหิน ซึ่งนักปรุงยาคนใดที่ทําแต้มได้สูงสุดติดสิบอันดับแรกของประวัติศาสตร์ อันดับก็จะปรากฏอยู่บนแท่งหินไปตลอดกาล

 

“อู๋จื่อซวีกับเซี่ยเล่อจางเริ่มทดสอบกันไปรึยัง?” ใครบางคนเอ่ยถาม

 

“ยัง” ใครบางคนส่ายหัว

 

“ดูนั้น มีใครบางคนผ่านระดับที่เจ็ดแล้ว!” ใครอีกคนอุทานออกมาและชี้นิ้วไปยังหินวิถีโอสถ

 

หลิงฮันเบนสายตามองตาม และพบว่าคลื่นแสงเจ็ดสายบนหินวิถีโอสถได้ส่องสว่างขึ้นมา แต่ก็สลายไปอย่างรวดเร็ว

 

“นี่น่าจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในตอนนี้สินะ?”

 

“น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นอัจฉริยะคนไหนกันแน่?”

 

ทุกคนกวาดสายตามอง แต่ว่านักปรุงยาที่กําลังเอื้อมมือไปสัมผัสกับหินวิดีโอสถนั้นมีจํานวนอยู่อย่างน้อยหนึ่งร้อยคน ซึ่งพวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าใครที่เป็นคนผ่านการทดสอบระดับเจ็ด?

 

แต่หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง คนผู้หนึ่งก็ลุกขึ้นยืนและหัวเราะด้วยท่าทางภาคภูมิใจ

 

“พี่ชายกัง ท่านผ่านระดับที่เท่าไหร่?” ใครบางคนด้านข้างเอ่ยถาม

 

“ฮ่าๆๆ เป็นระดับที่สูงมาก!” ชายคนเดิมหัวเราะ

 

“หรือว่าจะเป็นพี่ชายทั้งที่ผ่านการทดสอบระดับเจ็ด?” คนในตอนแรกถามต่อ

 

“ว่าไงนะ!” รอยยิ้มของชายที่ถูกเรียกว่าพี่ชายกังแข็งข้างทันที ความยากของการทดสอบที่เขาผ่านได้คือระดับสี่เท่านั้น ความยากระดับนี้คือผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขาแล้ว เพราะงั้นเขาจึงหัวเราะออกมาอย่างภาคภูมิใจ

 

แต่กลับมีใครบางคนผ่านระดับเจ็ดได้งั้นรึ?

 

“พรวด! ฮ่าๆๆๆ!” ผู้คนรอบข้างระดับเสียงหัวเราะออกมา กลายเป็นว่าคนผู้นี้ปล่อยไก่ทําให้ตัวเองอับอายเองเสียได้

 

คนที่ถูกเรียกว่าพี่ชายกังรู้สึกขายหน้าจนแทบจะมุดดินหนี

 

ใครบางคนก้าวเดินเข้ามาใกล้ ด้วยการที่คนผู้นี้คือคนของหอโอสถบรรพกาล ทําให้ถึงแม้เขาจะเป็นเพียงผู้ช่วยนักปรุงยา ก็ไม่มีใครกล้าเสียมารยาทต่อเขาและขยับตัวเปิดทางให้

 

คนผู้นั้นเดินมาหา พี่ชายกัง และกล่าว “เจ้าผ่านความยากระดับ และมีชื่อว่ากังผิงถูกต้องสินะ?”

 

“ใช่แล้ว” พี่ชายกังกล่าวด้วยน้ําเสียงไร้เรี่ยวแรง

 

“อืม” ผู้ช่วยนักปรุงยาจดบันทึกลงบนกระดาษและหันหลังเดินจากไป

 

หลังจากนั้นเมื่อมีใครบางคนทําการทดสอบเสร็จ ผู้ช่วยนักปรุงยาก็จะเดินกลับมาและจดบันทึกผลลัพธ์ของผู้เข้าทดสอบแต่ละคน

 

ผลการทดสอบไม่สามารถหลอกลวงได้ เพราะหอวิดีโอสถมีการประทับของสัมผัสสวรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนเอาไว้ เมื่อนํามาเทียบก็จะรู้ได้ว่าใครพูดโกหกหรือไม่ และใครก็ตามที่โกหกก็จะถูกลงโทษสถานหนักโดยหอโอสถบรรพกาล

 

ทันใดนั้นเองๆเสียงเอะอะดังขึ้น เพราะมีใครบางคนเพิ่งแจ้งผลทดสอบออกไปว่าตนเองคือคนที่ผ่านการทดสอบระดับเจ็ดได้

 

“หลินหย่งชาง”

 

“คนผู้นั้นคือหลินหย่งชาง”

 

“ผลการทดสอบของเขาสมควรเป็นอันดับหนึ่งในตอนนี้ หรือต่อให้นําไปเทียบกับการประลองในครั้งก่อนๆ เขาก็ยังคือว่าอยู่ในสิบอันดับแรก”

 

“เขาคือใครกัน ทําไมข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อนเลย?”

 

“น่าจะเป็นม้ามืดในการประลองครั้งนี้เป็นแน่”

 

ทุกคนพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น แต่ละคนต่างตกตะลึงกับอัจฉริยะนักปรุงยาหน้าใหม่ผู้นี้

หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งก็ก้าวเดินออกมาจากหินวิถีโอสถ ซึ่งทุกคนที่อยู่รอบข้างเขาต่างเผยสีหน้าย่าเกรง ราวกับคนผู้นี้เป็นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่

 

“คนผู้นี้น่ะรีหลินหย่งชาง” ใครบางคนกระซิบกระซาบ

 

หลินหย่งชางมีสีหน้าเย็นชา เขาเดินผ่านผู้คนไปด้วยใบหน้าแน่นิ่งไร้รอยยิ้ม ราวกับไม่เห็นหัวใครอื่นแม้แต่น้อย

 

“มีใครรู้พื้นเพของเขาบ้าง?”

 

ทุกคนส่ายหัวด้วยสีหน้าว่างเปล่า

 

“ดูนั่น เซี่ยเล่อจางมาแล้ว!” ใครบางคนตะโกนขึ้นมา และชี้นิ้วไปยังทางเข้า

 

หลิงฮันมองตามสายตาของทุกคนไป ก่อนจะพบเห็นชายร่างสมส่วน ที่มีใบหน้าหล่อเหลาผมสีดํา ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนที่มีร่างสูงโปร่ง แต่กลิ่นอายของเขากลับดูสูงส่งเป็นอย่างมาก

 

ชายคนนี้คือเซี่ยเล่อจาง นักปรุงยาสามดาวที่บรรลุทักษะห้วงจิตระดับสี่แล้ว เขาอยู่ห่างจากนักปรุงยาสีดาวอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น

 

เซี่ยเล่อจางไม่หยิ่งทะนง เขาพยักหน้าตอบรับผู้คนตลอดทาง และเดินผ่านหลินหย่งช่างไป

 

หนึ่งคนมีนิสัยหยิ่งยโส ในขณะที่อีกคนมีนิสัยนอบน้อม ทั้งสองคนเป็นคู่ขนานที่ขัดแย้งกันมาก

 

หลินหย่งชางหยุดฝีเท้าชั่วครู่และใช้หางตามองเซียเล่อจาง แม้เขาจะไม่พูดอะไรออกมา แต่ดวงตาของเขาก็แสดงออกแล้วว่ากําลังดูถูกอีกฝ่ายอยู่

 

เซี่ยเล่อจางไม่มีทางที่สนใจใดๆราวกับไม่เห็นหลินหย่งชางอยู่ในสายตา เขาเดินมายืนข้างหินวิถีโอสถด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหาตําแหน่งที่ไม่มีใครและเอื้อมมือออกไปสัมผัส

 

“เซี่ยเล่อจางจะผ่านการทดสอบระดับหกสําเร็จหรือไม่?”

 

“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว เขาคือนักปรุงยาที่มีโอกาสบรรลุเป็นนักปรุงยาสี่ดาวมากที่สุด เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะพ่ายแพ้ให้กับหลินหย่งชาง?”

 

“นั่นก็ไม่เสมอไป หลินหย่งชางคือม้ามืดที่โดดเด่นมาก”

 

ระหว่างที่ผู้คนกําลังถกเถียงกัน คลื่นแสงบนหินวิถีโอสถก็ส่องประกายขึ้นมาหนึ่งแถว แต่หลังจากนั้นอีกไม่นาน คลื่นแสงแถวที่สองก็ส่องสว่างตามมาติดๆ

 

“นั่นน่าจะเป็นผลลัพธ์ของเซี่ยเล่อจางสินะ?”

 

“สมกับเป็นนักปรุงยาอัจฉริยะ เพียงแค่หนึ่งชั่วโมงก็ผ่านการทดสอบไปแล้วถึงสองระดับ”

 

หลังจากระยะเวลาสองชั่วโมงผ่านไป คลื่นแสงแห่งที่สามก็ส่องสว่างขึ้นมา

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+