Alchemy Emperor of the Divine Dao 2079 ผ่านการทดสอบระดับแปด!

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 2079 ผ่านการทดสอบระดับแปด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2079 ผ่านการทดสอบระดับแปด!

 

“อะไรกัน ทําไมถึงมีแค่คนเดียวที่ผ่านการทดสอบทระดับหกล่ะ?”

 

“นั่นสิ อู่จื่อซวีไม่ได้อ่อนหัดไปกว่านักปรุงยายื่อหยางแท้ๆ เหตุใดๆ ระยะเวลาที่ทั้งสองใช้ถึงได้ช้าแตกต่างกันขนาดนี้?”

 

“เหอะ อู่จื่อซวีนั้นมีความสามารถยอดเยี่ยมกว่านักปรุงยายื่อหยาง เพราะงั้นคนที่ผ่านการทดสอบระดับหกไปก่อนจะต้องเป็นคู่จื่อซวีแน่นอน”

 

“เหอะๆ เจ้าไม่รู้ว่ายิ่งแก่ย่อมเผ็ดกว่าขิงอ่อน?”

 

ใครหลายคนเริ่มโต้เถียงกันอย่างดุเดือด บางคนคิดว่าคนที่ผ่านการทดสอบระดับหกไปได้ก่อนคืออู่จื่อซวี ในขณะที่ใครบางคนคิดว่าเป็นนักปรุงยายื่อหยาง

 

ไม่มีใครเลยที่คิดว่าคนที่ผ่านการทดสอบระดับหกคนแรก จะไม่ใช่ทั้งคู่จื่อชวีหรือนักปรุงยายื่อหยาง แต่เป็นคนอื่นที่พวกเขาไม่รู้จัก

 

“เดี๋ยวก่อน พวกเจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าคนที่ผ่านการทดสอบระดับหกผู้นี้… ใช้เวลาเร็วกว่าคนอื่นๆที่ผ่านมา!” จู่ๆ ใครบางคนก็เผยท่าที่ตกตะลึงและเกือบโห่ร้องออกมา

 

คนอื่นๆ ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดอย่างรอบคอบ

 

ใช่แล้ว… เป็นแบบนั้นจริงๆ!

 

ยิ่งระดับพลังบ่มเพาะสูงขึ้นก็จะมีสัมผัสที่ไวต่อการไหลของกระแสเวลามากขึ้น เพราะงั้นต่อให้พวกเขาจะไม่รู้สึกตัวในตอนแรก แต่เมื่อนึกย้อนกลับไปก็จะจดจํารายละเอียดได้อย่างครบถ้วน

 

ในกรณีของม้ามืดอย่างหลินหย่งชางก่อนหน้านี้นั้น ไม่มีใครรู้จักเขามาก่อนจึงไม่ได้คํานวณระยะเวลาที่ใช้ผ่านการทดสอบระดับหก แต่ส่าหรับเซี่ยเล่อจางนั้นไม่ใช่ ทุกคนรู้จักและให้ความสนใจเขาเป็นอย่างดี จึงจดจําได้ว่าเขาใช้เวลาในการผ่านการทดสอบระดับหกอยู่ที่หนึ่งวันสามชั่วโมง

 

แต่ทว่าคนผู้นี้กลับใช้เวลาไปเพียงสิบชั่วโมงเท่านั้น

 

อะไรจะแตกต่างกันขนาดนั้น!

 

“ต้องเป็นอู่จื่อซวีแน่ๆ เขาคือสุดยอดอัจฉริยะในศาสตร์ปรุงยา เพราะงั้นจึงผ่านการทดสอบได้รวดเร็วกว่าใคร”

 

“ผิดแล้ว นักปรุงยายื่อหยางนั้นใช้เวลากับศาสตร์ปรุงยามานานนับไม่ถ้วน หากพูดถึงในแง่ของความรู้พื้นฐานล่ะก็ ไม่ควรมีใครเหนือไม่กว่าเขา!”

 

คนของทั้งสองฝ่ายถกเถียงกันอีกครั้งอย่างไม่มีใครยอมใคร

 

ภายในโลกจําลอง หลิงฮันพักหายใจเล็กน้อยก่อนจะทําทายการทดสอบระดับเจ็ด

 

คราวนี้ก็ยังมีกองเศษซากสมุนไพรมากมายปรากฏขึ้นมาเช่นเดิม ในการจ้องมองแวบแรกจะเห็นว่าพวกมันเป็นสมุนไพรชนิดเดียวกัน แต่หลังจากแยกแยะความแตกต่างให้ดี ถึงจะพบว่าแท้จริงแล้วพวกมันเป็นสมุนไพรต่างชนิด

 

หลิงฮันเรียงสมุนไพรตามชนิดก่อน ถึงจะประกอบพวกมันเข้าด้วยกันเหมือนที่ทําในการทดสอบระดับหก และเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานสมุนไพรสามชนิดที่ประกอบเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า

 

“พรึบ สมุนไพรทั้งสามหม่นแสงลง และถูกแทนที่ด้วยกองเศษซากสมุนไพรกองใหม่

 

…เป็นเศษสมุนไพรของสมุนไพรสี่ชนิด

 

ระดับความยากค่อยๆเพิ่มขึ้น และระยะเวลาที่หลิงฮันใช้ประกอบให้สมบูรณ์ก็ยิ่งนานขึ้นเช่นกัน

 

เพียงแต่ถึงแม้เขาจะใช้เวลานานขึ้น แต่ระยะเวลาที่การทดสอบก่าหนดไว้ก็ยาวนานขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะงั้นเขาจึงยังใช้เวลาไปเพียงสองถึงสามส่วน หรือสามในสี่ส่วนเหมือนเคย

 

หลังจากผ่านไปหนึ่งวันเต็ม ในที่สุดหลิงฮันก็ผ่านการทดสอบระดับเจ็ดได้สําเร็จ ซึ่งนั่นทําให้ที่โลกภายนอกเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่

 

“คนผู้นั้นผ่านการทดสอบระดับเจ็ดแล้ว!”

 

“พระเจ้า ตั้งแต่ที่เขาผ่านการทดสอบระดับหกเวลาเพิ่งผ่านไปหนึ่งวันเท่านั้นเอง!”

 

“ไม่ว่าเป็นนักปรุงยาอัจฉริยะคนใดก่อนหน้านี้ ก็ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวันครึ่งกว่าจะผ่านการทดสอบระดับนี้ได้”

 

“คนผู้นี้นําหน้าผู้อื่นไปครึ่งวัน!”

 

“สัตว์ประหลาด!”

 

“ต้องเป็นอู่จื่อซวีแน่ๆ เขาเป็นอัจฉริยะนักปรุงยาที่มีอยู่น้อยนิดในยุคสมัยนี้”

 

“ผิดแล้ว ต้องเป็นนักปรุงยายื่อหยางต่างหาก เป็นเพราะเขาสั่งสมความรู้มายาวนาน ถึงได้ผ่านการทดสอบได้รวดเร็วเพียงนี้!”

 

ทุกคนยังคงมุ่งความเห็นไปยังอู่จื่อซวีกับนักปรุงยายื่อหยาง ที่น่าจะเป็นผู้ทดสอบที่มีความน่าจะเป็นสูงที่สุด

 

“แต่พวกเจ้าจําได้หรือเปล่าว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนมีนักปรุงยาสองคนที่ผ่านการทดสอบระดับหกไปได้ นั่นหมายความว่าในการทดสอบครั้งนี้จะต้องมีม้ามืดที่สามารถทัดเทียมกับอู่จื่อซวีและนักปรุงยายื่อหยางอยู่อีกคนอย่างแน่นอน!” ใครบางคนกล่าวออกมาในอีกมุมมองหนึ่ง

 

“เป็นไปได้หรือไม่ว่า… คนที่ทําลายสถิติความเร็วผู้นี้จะเป็นม้ามืดคนนั้น?”

 

ทันใดนั้นเองบรรยากาศโดยรอบก็กลายเป็นเงียบสงบ แต่ความเงียบสงบก็อยู่ได้ไม่นานเพราะทันใดนั้นเสียงหัวเราะของทุกคนก็ระเบิดออกมา พร้อมกับกุมหน้าท้อง

 

เรื่องแบบนั้นจะเป็นไปได้งั้นรึ?

 

“ที่ข้าอยากรู้ก็คือคนที่อาจจะเป็นอู่จื่อซวีหรือไม่ก็นักปรุงยายื่อหยางผู้นั้น จะสามารถผ่านการทดสอบระดับแปดได้หรือไม่”

 

“ระดับแปดงั้นรึ?”

 

“เรื่องนั้นน่าจะเป็นไปไม่ได้”

 

“ดูอันดับที่บันทึกไว้บนหินวิถีโอสถสิ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านมากี่ยุคสมัยแล้ว แต่ก็ยังมีเพียงเจ็ดในสิบคนที่เชี่ยวชาญในเรื่องสมุนไพรที่สุดเท่านั้น ที่สามารถผ่านการทดสอบระดับแปด!”

 

“นั่นสิ การจะผ่านการทดสอบระดับแปดนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ไม่อย่างนั้นแล้วคนผู้นี้ก็จะต้องเป็นนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคสมัยนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

 

“ผิดแล้วๆ ความเข้าใจในสมุนไพรที่ยอดเยี่ยม ไม่ได้หมายความว่าจะมีความสามารถในการปรุงยาที่ยอดเยี่ยมเสมอไป”

 

“อม”

 

เมื่อประโยคสุดท้ายถูกกล่าวออกมาทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย ความเข้าใจในสมุนไพรและความเข้าใจในศาสตร์ปรุงยานั้นเป็นคนละเรื่องกันจริงๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สําหรับปรมาจารย์นักปรุงยาแล้ว ความเข้าใจในสมุนไพรที่ยอดเยี่ยมก็ถือว่าเป็นความสามารถที่พึงมีอยู่ดี

 

ท่ามกลางความคาดหวังและความสงสัยของทุกคน หลิงฮันได้ทําการเริ่มทดสอบระดับที่แปด

 

สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเขาในครั้งนี้คือสมุนไพรกลายพันธุ์

 

การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของสภาพแวดล้อม ส่งผลให้รากเหง้าของสมุนไพรเกิดการแปรผัน แม้แต่รูปร่าง สี หรือแม้แต่คุณสมบัติของมันก็เปลี่ยนไปราวกับพลิกสวรรค์

 

หินวิถีโอสถทําการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม เพื่อให้หลิงฮันวิเคราะห์ว่าสมุนไพรกลายพันธุ์จะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบใด และจะใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างไร

 

การวิเคราะห์ไม่ใช่สิ่งที่จะทําได้เพียงเพราะจดจําข้อมูลของสมุนไพรได้อย่างละเอียด แต่นักปรุงยาจําเป็นต้องใช้ความรู้พื้นฐานที่ฝึกฝนอย่างเชี่ยวชาญด้วย การวิเคราะห์นั้นไม่ใช่แค่ต้องใช้เวลาที่ยาวนาน แต่หากวิเคราะห์ผิดไปเพียงเล็กน้อยก็จะนําไปสู่ค่าตอบที่ผิดอย่างสิ้นเชิง

 

เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป จนพริบตาเดียวก็ผ่านไปเกือบสามวัน

 

“คน! ครีน!”

 

ทันใดนั้นเองคลื่นแสงเจ็ดคลื่นก็ส่องสว่างออกมาจากหินวิถีโอสถพร้อมกัน และหลังจากคลื่นแสงหม่นแสงลงไปไม่นาน คลื่นแสงอีกเจ็ดคลื่นก็ส่องสว่างตามมาติดๆ

 

“พระเจ้า ครั้งนี้มีคนผ่านการทดสอบระดับเจ็ดถึงสามคนเชียวรี!”

 

“น่าอัศจรรย์!”

 

“ม้ามืดในครั้งนี้เป็นใครกัน ถึงแม้เขาจะไม่สามารถเทียบกับอู่จื่อซวีหรือนักปรุงยายื่อหยาง แต่ที่เขาผ่านการทดสอบมาถึงระดับนี้ได้ก็ถือว่ามีความสามารถมากแล้ว”

 

ฝูงชนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก การทดสอบใกล้จะมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว อีกไม่นานพวกเขาก็จะได้ค่าตอบว่า สรุปแล้วนักปรุงยาที่พวกเขาถกเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายคือใครกันแน่

 

แต่ทันใดนั้นเอง ครืนน หินวิถีโอสถก็ส่องสว่างขึ้นมา

 

คลื่นแสงแปดคลื่น!

 

บ้าไปแล้ว!

 

ทุกคนตกตะลึงจนดวงตาแข็งค้าง ขาของพวกเขาแทบจะอ่อนแรงจนทรุดตัวลงกับพื้นในทันที

 

พระเจ้า… ระดับแปด มีคนผ่านการทดสอบระดับแปด!

 

วันเวลาผ่านมาเกือบจะหนึ่งยุคสมัยหรืออาจจะนานกว่านั้นแล้ว มันนานมากจนทุกคนเกือบจะคิดไปแล้วว่า หินวิถีโอสถมีเพียงแค่เจ็ดระดับ จนกระทั่งวันนี้เองที่มีอัจฉริยะผู้หนึ่งได้ประกาศบอกพวกเขาว่าหินวิถีโอสถมีระดับที่แปดอยู่จริงๆ

 

“ต่อให้เขาเป็นพวกบ้าคลั่งในศาสตร์ปรุงยา ที่อาจจะมีเพียงความเข้าใจในสมุนไพรถึงระดับแปด แต่รับประกันได้เลยว่าหอโอสถบรรพกาลจะต้องเปิดประตูต้อนรับเขาเป็นกรณีพิเศษแน่นอน!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Alchemy Emperor of the Divine Dao 2079 ผ่านการทดสอบระดับแปด!

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 2079 ผ่านการทดสอบระดับแปด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2079 ผ่านการทดสอบระดับแปด!

 

“อะไรกัน ทําไมถึงมีแค่คนเดียวที่ผ่านการทดสอบทระดับหกล่ะ?”

 

“นั่นสิ อู่จื่อซวีไม่ได้อ่อนหัดไปกว่านักปรุงยายื่อหยางแท้ๆ เหตุใดๆ ระยะเวลาที่ทั้งสองใช้ถึงได้ช้าแตกต่างกันขนาดนี้?”

 

“เหอะ อู่จื่อซวีนั้นมีความสามารถยอดเยี่ยมกว่านักปรุงยายื่อหยาง เพราะงั้นคนที่ผ่านการทดสอบระดับหกไปก่อนจะต้องเป็นคู่จื่อซวีแน่นอน”

 

“เหอะๆ เจ้าไม่รู้ว่ายิ่งแก่ย่อมเผ็ดกว่าขิงอ่อน?”

 

ใครหลายคนเริ่มโต้เถียงกันอย่างดุเดือด บางคนคิดว่าคนที่ผ่านการทดสอบระดับหกไปได้ก่อนคืออู่จื่อซวี ในขณะที่ใครบางคนคิดว่าเป็นนักปรุงยายื่อหยาง

 

ไม่มีใครเลยที่คิดว่าคนที่ผ่านการทดสอบระดับหกคนแรก จะไม่ใช่ทั้งคู่จื่อชวีหรือนักปรุงยายื่อหยาง แต่เป็นคนอื่นที่พวกเขาไม่รู้จัก

 

“เดี๋ยวก่อน พวกเจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าคนที่ผ่านการทดสอบระดับหกผู้นี้… ใช้เวลาเร็วกว่าคนอื่นๆที่ผ่านมา!” จู่ๆ ใครบางคนก็เผยท่าที่ตกตะลึงและเกือบโห่ร้องออกมา

 

คนอื่นๆ ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดอย่างรอบคอบ

 

ใช่แล้ว… เป็นแบบนั้นจริงๆ!

 

ยิ่งระดับพลังบ่มเพาะสูงขึ้นก็จะมีสัมผัสที่ไวต่อการไหลของกระแสเวลามากขึ้น เพราะงั้นต่อให้พวกเขาจะไม่รู้สึกตัวในตอนแรก แต่เมื่อนึกย้อนกลับไปก็จะจดจํารายละเอียดได้อย่างครบถ้วน

 

ในกรณีของม้ามืดอย่างหลินหย่งชางก่อนหน้านี้นั้น ไม่มีใครรู้จักเขามาก่อนจึงไม่ได้คํานวณระยะเวลาที่ใช้ผ่านการทดสอบระดับหก แต่ส่าหรับเซี่ยเล่อจางนั้นไม่ใช่ ทุกคนรู้จักและให้ความสนใจเขาเป็นอย่างดี จึงจดจําได้ว่าเขาใช้เวลาในการผ่านการทดสอบระดับหกอยู่ที่หนึ่งวันสามชั่วโมง

 

แต่ทว่าคนผู้นี้กลับใช้เวลาไปเพียงสิบชั่วโมงเท่านั้น

 

อะไรจะแตกต่างกันขนาดนั้น!

 

“ต้องเป็นอู่จื่อซวีแน่ๆ เขาคือสุดยอดอัจฉริยะในศาสตร์ปรุงยา เพราะงั้นจึงผ่านการทดสอบได้รวดเร็วกว่าใคร”

 

“ผิดแล้ว นักปรุงยายื่อหยางนั้นใช้เวลากับศาสตร์ปรุงยามานานนับไม่ถ้วน หากพูดถึงในแง่ของความรู้พื้นฐานล่ะก็ ไม่ควรมีใครเหนือไม่กว่าเขา!”

 

คนของทั้งสองฝ่ายถกเถียงกันอีกครั้งอย่างไม่มีใครยอมใคร

 

ภายในโลกจําลอง หลิงฮันพักหายใจเล็กน้อยก่อนจะทําทายการทดสอบระดับเจ็ด

 

คราวนี้ก็ยังมีกองเศษซากสมุนไพรมากมายปรากฏขึ้นมาเช่นเดิม ในการจ้องมองแวบแรกจะเห็นว่าพวกมันเป็นสมุนไพรชนิดเดียวกัน แต่หลังจากแยกแยะความแตกต่างให้ดี ถึงจะพบว่าแท้จริงแล้วพวกมันเป็นสมุนไพรต่างชนิด

 

หลิงฮันเรียงสมุนไพรตามชนิดก่อน ถึงจะประกอบพวกมันเข้าด้วยกันเหมือนที่ทําในการทดสอบระดับหก และเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานสมุนไพรสามชนิดที่ประกอบเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า

 

“พรึบ สมุนไพรทั้งสามหม่นแสงลง และถูกแทนที่ด้วยกองเศษซากสมุนไพรกองใหม่

 

…เป็นเศษสมุนไพรของสมุนไพรสี่ชนิด

 

ระดับความยากค่อยๆเพิ่มขึ้น และระยะเวลาที่หลิงฮันใช้ประกอบให้สมบูรณ์ก็ยิ่งนานขึ้นเช่นกัน

 

เพียงแต่ถึงแม้เขาจะใช้เวลานานขึ้น แต่ระยะเวลาที่การทดสอบก่าหนดไว้ก็ยาวนานขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะงั้นเขาจึงยังใช้เวลาไปเพียงสองถึงสามส่วน หรือสามในสี่ส่วนเหมือนเคย

 

หลังจากผ่านไปหนึ่งวันเต็ม ในที่สุดหลิงฮันก็ผ่านการทดสอบระดับเจ็ดได้สําเร็จ ซึ่งนั่นทําให้ที่โลกภายนอกเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่

 

“คนผู้นั้นผ่านการทดสอบระดับเจ็ดแล้ว!”

 

“พระเจ้า ตั้งแต่ที่เขาผ่านการทดสอบระดับหกเวลาเพิ่งผ่านไปหนึ่งวันเท่านั้นเอง!”

 

“ไม่ว่าเป็นนักปรุงยาอัจฉริยะคนใดก่อนหน้านี้ ก็ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวันครึ่งกว่าจะผ่านการทดสอบระดับนี้ได้”

 

“คนผู้นี้นําหน้าผู้อื่นไปครึ่งวัน!”

 

“สัตว์ประหลาด!”

 

“ต้องเป็นอู่จื่อซวีแน่ๆ เขาเป็นอัจฉริยะนักปรุงยาที่มีอยู่น้อยนิดในยุคสมัยนี้”

 

“ผิดแล้ว ต้องเป็นนักปรุงยายื่อหยางต่างหาก เป็นเพราะเขาสั่งสมความรู้มายาวนาน ถึงได้ผ่านการทดสอบได้รวดเร็วเพียงนี้!”

 

ทุกคนยังคงมุ่งความเห็นไปยังอู่จื่อซวีกับนักปรุงยายื่อหยาง ที่น่าจะเป็นผู้ทดสอบที่มีความน่าจะเป็นสูงที่สุด

 

“แต่พวกเจ้าจําได้หรือเปล่าว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนมีนักปรุงยาสองคนที่ผ่านการทดสอบระดับหกไปได้ นั่นหมายความว่าในการทดสอบครั้งนี้จะต้องมีม้ามืดที่สามารถทัดเทียมกับอู่จื่อซวีและนักปรุงยายื่อหยางอยู่อีกคนอย่างแน่นอน!” ใครบางคนกล่าวออกมาในอีกมุมมองหนึ่ง

 

“เป็นไปได้หรือไม่ว่า… คนที่ทําลายสถิติความเร็วผู้นี้จะเป็นม้ามืดคนนั้น?”

 

ทันใดนั้นเองบรรยากาศโดยรอบก็กลายเป็นเงียบสงบ แต่ความเงียบสงบก็อยู่ได้ไม่นานเพราะทันใดนั้นเสียงหัวเราะของทุกคนก็ระเบิดออกมา พร้อมกับกุมหน้าท้อง

 

เรื่องแบบนั้นจะเป็นไปได้งั้นรึ?

 

“ที่ข้าอยากรู้ก็คือคนที่อาจจะเป็นอู่จื่อซวีหรือไม่ก็นักปรุงยายื่อหยางผู้นั้น จะสามารถผ่านการทดสอบระดับแปดได้หรือไม่”

 

“ระดับแปดงั้นรึ?”

 

“เรื่องนั้นน่าจะเป็นไปไม่ได้”

 

“ดูอันดับที่บันทึกไว้บนหินวิถีโอสถสิ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านมากี่ยุคสมัยแล้ว แต่ก็ยังมีเพียงเจ็ดในสิบคนที่เชี่ยวชาญในเรื่องสมุนไพรที่สุดเท่านั้น ที่สามารถผ่านการทดสอบระดับแปด!”

 

“นั่นสิ การจะผ่านการทดสอบระดับแปดนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ไม่อย่างนั้นแล้วคนผู้นี้ก็จะต้องเป็นนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคสมัยนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

 

“ผิดแล้วๆ ความเข้าใจในสมุนไพรที่ยอดเยี่ยม ไม่ได้หมายความว่าจะมีความสามารถในการปรุงยาที่ยอดเยี่ยมเสมอไป”

 

“อม”

 

เมื่อประโยคสุดท้ายถูกกล่าวออกมาทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย ความเข้าใจในสมุนไพรและความเข้าใจในศาสตร์ปรุงยานั้นเป็นคนละเรื่องกันจริงๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สําหรับปรมาจารย์นักปรุงยาแล้ว ความเข้าใจในสมุนไพรที่ยอดเยี่ยมก็ถือว่าเป็นความสามารถที่พึงมีอยู่ดี

 

ท่ามกลางความคาดหวังและความสงสัยของทุกคน หลิงฮันได้ทําการเริ่มทดสอบระดับที่แปด

 

สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเขาในครั้งนี้คือสมุนไพรกลายพันธุ์

 

การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของสภาพแวดล้อม ส่งผลให้รากเหง้าของสมุนไพรเกิดการแปรผัน แม้แต่รูปร่าง สี หรือแม้แต่คุณสมบัติของมันก็เปลี่ยนไปราวกับพลิกสวรรค์

 

หินวิถีโอสถทําการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม เพื่อให้หลิงฮันวิเคราะห์ว่าสมุนไพรกลายพันธุ์จะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบใด และจะใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างไร

 

การวิเคราะห์ไม่ใช่สิ่งที่จะทําได้เพียงเพราะจดจําข้อมูลของสมุนไพรได้อย่างละเอียด แต่นักปรุงยาจําเป็นต้องใช้ความรู้พื้นฐานที่ฝึกฝนอย่างเชี่ยวชาญด้วย การวิเคราะห์นั้นไม่ใช่แค่ต้องใช้เวลาที่ยาวนาน แต่หากวิเคราะห์ผิดไปเพียงเล็กน้อยก็จะนําไปสู่ค่าตอบที่ผิดอย่างสิ้นเชิง

 

เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป จนพริบตาเดียวก็ผ่านไปเกือบสามวัน

 

“คน! ครีน!”

 

ทันใดนั้นเองคลื่นแสงเจ็ดคลื่นก็ส่องสว่างออกมาจากหินวิถีโอสถพร้อมกัน และหลังจากคลื่นแสงหม่นแสงลงไปไม่นาน คลื่นแสงอีกเจ็ดคลื่นก็ส่องสว่างตามมาติดๆ

 

“พระเจ้า ครั้งนี้มีคนผ่านการทดสอบระดับเจ็ดถึงสามคนเชียวรี!”

 

“น่าอัศจรรย์!”

 

“ม้ามืดในครั้งนี้เป็นใครกัน ถึงแม้เขาจะไม่สามารถเทียบกับอู่จื่อซวีหรือนักปรุงยายื่อหยาง แต่ที่เขาผ่านการทดสอบมาถึงระดับนี้ได้ก็ถือว่ามีความสามารถมากแล้ว”

 

ฝูงชนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก การทดสอบใกล้จะมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว อีกไม่นานพวกเขาก็จะได้ค่าตอบว่า สรุปแล้วนักปรุงยาที่พวกเขาถกเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายคือใครกันแน่

 

แต่ทันใดนั้นเอง ครืนน หินวิถีโอสถก็ส่องสว่างขึ้นมา

 

คลื่นแสงแปดคลื่น!

 

บ้าไปแล้ว!

 

ทุกคนตกตะลึงจนดวงตาแข็งค้าง ขาของพวกเขาแทบจะอ่อนแรงจนทรุดตัวลงกับพื้นในทันที

 

พระเจ้า… ระดับแปด มีคนผ่านการทดสอบระดับแปด!

 

วันเวลาผ่านมาเกือบจะหนึ่งยุคสมัยหรืออาจจะนานกว่านั้นแล้ว มันนานมากจนทุกคนเกือบจะคิดไปแล้วว่า หินวิถีโอสถมีเพียงแค่เจ็ดระดับ จนกระทั่งวันนี้เองที่มีอัจฉริยะผู้หนึ่งได้ประกาศบอกพวกเขาว่าหินวิถีโอสถมีระดับที่แปดอยู่จริงๆ

 

“ต่อให้เขาเป็นพวกบ้าคลั่งในศาสตร์ปรุงยา ที่อาจจะมีเพียงความเข้าใจในสมุนไพรถึงระดับแปด แต่รับประกันได้เลยว่าหอโอสถบรรพกาลจะต้องเปิดประตูต้อนรับเขาเป็นกรณีพิเศษแน่นอน!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+