Alchemy Emperor of the Divine Dao 2050 เก็บเกี่ยว

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 2050 เก็บเกี่ยว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2050 เก็บเกี่ยว

 

ต่อให้หอคอยน้อยไม่บอก หลิงฮันก็ไม่คิดจะปล่อยบุปผาแห่งเต๋ตรงหน้าไปอยู่แล้ว และฟังจากคําพูดของหอคอยน้อย ดูเหมือนที่นี่จะไม่ได้มีบุปผาแห่งเต๋าอยู่แค่ต้นเดียว

 

เขาก้าวเดินเข้าหาบุปผาแห่งเต๋า และพบว่าบุปผาแห่งเต๋ตรงหน้านั้นสั่นไหวไปราวเบาๆ ราวกับจะปลิวหายไปได้ตลอดเวลา

 

เมื่อหลิงฮันเข้าใกล้และเอื้อมออกไป สายลมที่พัดผ่านเข้ามาก็เปาบุปผาแห่งเต๋าแหลกออกเป็นเศษเล็กเศษน้อยกระจัดกระจายไปทั่วทิศทาง

 

หมายความว่าอย่างไรกัน?

 

“บุปผาแห่งเต๋คือสิ่งที่กักเก็บอํานาจแห่งเต๋ของราชานิรันดร์เอาไว้ เพราะงั้นสมดุลของมันจึงเปราะบางเป็นอย่างมาก และจะแหลกสลายทันทีที่ถูกปัจจัยกระตุ้น” หอคอยน้อยกล่าวอย่างเนิบนาบ

 

“ทั้งๆ ที่รู้แบบนั้นแล้วเจ้ากลับไม่เตือนข้างั้นรึ? เจตนาของเจ้าจงใจแกล้งข้าชัดๆ!” ห ลิงฮันกล่าวพร้อมกับชี้นิ้ว

 

หอคอยน้อยแสร้งทําเป็นเงียบและไม่กล่าวตอบโต้อะไรกลับ

 

“แล้วจะเก็บเกี่ยวมันได้อย่างไร?” หลิงฮันถาม

 

“ พยายามลบกลิ่นอายของเจ้าให้มากที่สุด อย่าได้แพร่งพรายมันออกมาแม้แต่น้อย” หอคอยน้อยเปิดปากกล่าวออกมาอีกครั้ง

 

หลิงฮันถอนหายใจและมุ่งหน้าเดินต่อ

 

หลังจากผ่านไปอีกพักหนึ่ง หลิงฮันก็ยังไม่พบเจอบุปผาแห่งเต๋อีกครั้ง สิ่งที่เขาเจอคือปราณมังกรที่หลั่งไหลมารวมกัน และแปรสภาพกลายเป็นชายร่างกํายําที่โจมตีใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง

 

“คนเหล่านี้คือราชานิรันดร์ของเผ่ามังกรงั้นรึ?” หลิงฮันระเบิดแก่นพลังมหาพินาศออกมา ภายในชั่วอึดใจร่างของศัตรูตรงหน้าก็แหลกสลายไปทันที แต่ตัวเขาเองก็กระอักโลหิตออกมาพร้อมๆ กัน

 

เพื่อที่จะกําจัดศัตรูที่มีระดับเหนือกว่าให้เสร็จสิ้นในหนึ่งกระบวนท่า ระยะเวลาที่เขาต้องหน่วงการขัดแย้งกันของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่จึงต้องนานขึ้น ทําให้ตัวเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บไปด้วย

 

โชคดีที่เขาโคจรคัมภีร์สวรรค์ในทันที บาดแผลของอวัยวะภายในจึงถูกฟื้นสภาพกลับมาได้ในพริบตา

 

หอคอยน้อยเอ่ยแทรกขึ้นมา “ถึงแม้ข้าไม่ยอมรับการกระทําอันไร้สาระของเจ้า แต่หากไม่มีทักษะนี้ เจ้าคงทําได้เพียงเผ่นหนีเมื่อพบเจอกับตราประทับวิญญาณที่ถูกทิ้งไว้ของราชานิรันดร์เหล่านั้น”

 

กล่าวคือศัตรูที่ปรากฏขึ้นมาระหว่างทางนี้ทุกคนเคยเป็นราชานิรันดร์มาก่อน แน่นอนว่าพลังของพวกเขาในตอนนี้หลงเหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งในพันล้านส่วนของพลังที่แท้จริงด้วยซ้ํา บางที่อาจจะเพราะถูกจํากัดระดับพลังบ่มเพาะเอาไว้อยู่ที่ระดับแบ่งแยกวิญญาณ หรือไม่ก็พลังต่อสู้ที่แสดงออกมาได้จะขึ้นอยู่กับคู่ต่อสู้ที่แตกต่างกันออกไป

 

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “นั่นหมายความว่าความพยายามของข้าไม่สูญเปล่าไงล่ะ”

 

“แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังไม่ยอมรับอยู่ดี” หอคอยน้อยกล่าวอย่างหนักแน่น “เจ้าไม่มีความจําเป็นต้องเสียงชีวิตขนาดนั้น ในอนาคตเมื่อบรรลุเป็นมหาปราชญ์สวรรค์แล้ว เจ้าจะรู้ว่าการหยิบยืมพลังนอกกายนั้นไม่มีความหมายอะไร”

 

“ข้ารู้” หลิงฮันพยักหน้า “แต่ตอนนี้หากข้าไม่มีพลังที่แข็งแกร่งพอ ข้าก็เอาชนะจี่อู๋หมิงไม่ได้”

 

“จี่อู๋หมิงผู้นั้นเป็นร่างกําเนิดใหม่ของราชานิรันดร์ระดับเก้า ตอนนี้เจ้าจะเอาชนะเขาไม่ได้ยอมไม่ใช่เรื่องแปลก” หอคอยยังคงกล่าวโน้มน้าว

 

หลิงฮันส่ายหัว ในระดับโลกียนิพพานเอาชนะไม่ได้ในระดับแบ่งแยกวิญญาณก็เอาชนะไม่ได้ และในระดับตําหนักอมตะเองก็เอาชนะไม่ได้เช่นกัน บางทีแม้แต่หลังจากทะลวงผ่านระดับราชานิรันดร์แล้วก็อาจจะยังเอาชนะไม่ได้… จนกว่าจะบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้า เขาคงไม่มีทางเอาชนะอีกฝ่ายได้

 

แต่ใครจะรอนานขนาดนั้นไหวกัน

 

ในระดับพลังเดียวกัน เขาไม่ต้องการพ่ายแพ้ให้แก่ใครทั้งสิ้น

 

หลิงฮันเดินหน้าต่อไป หลังจากจัดการปราณมังกรไปได้อีกพอสมควร บุปผาแห่งเต๋าต้นที่สองก็ปรากฏอยู่ที่เบื้องหน้าของเขา

 

เขาก้าวเท้าด้วยความรอบคอบและปิดกั้นกลิ่นอายของตนเองอย่างสมบูรณ์ เพียงแต่บุปผาแห่งเต๋านั้นไวต่อสัมผัสภายนอกอย่างมาก เมื่อร่างของเขาเข้าไปใกล้ในระยะสามฟุต บุปผาแห่งเต่ําก็เริ่มสั่นไหวราวกับจะปลิวหายไปได้ตลอดเวลา

 

หลิงฮันรีบหยุดฝีเท้าและขยับมือขวาโคจรอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติ ก็แยกตัวตนของตัวเองออกจากห้วงมิติของสวรรค์และปฐพีในที่แห่งนี้

 

ผ่านไปครู่หนึ่งบุปผาแห่งเต๋ก็หยุดสั่นไหว

 

หลิงฮันก้าวเดินต่อและควบคุมอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ให้ปกปิดตัวตนของเขาเอาไว้ตลอดเวลา

 

เมื่อบุปผาแห่งเต๋อยู่ห่างเพียงแค่เอื้อม หลิงฮันยื่นมือที่ปกคลุมไปด้วยอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติออกไป และเด็ดบุปผาแห่งเต๋เข้าไปเก็บไว้ในหอคอยทมิฬ

 

หลิงฮันไม่เสียเวลาตรวจสอบบุปผาแห่งเต๋ที่เก็บเกี่ยวเข้าไปและมุ่งหน้าต่อทันที บุปผาแห่งเต๋านั้นไม่จําเป็นต้องดูดซับทันทีและสามารถเก็บเอาไว้ในหอคอยทมิฬได้ เพราะงั้นเขาจึงตั้งใจจะนําไปแบ่งปันให้จักรพรรดินีและคนอื่นๆ ด้วย

 

เขาเดินหน้ากําจัดปราณมังกรมากมาย ซึ่งหลังจากที่ร่างกายดูดซับและถูกขัดเกลาด้วยปราณมังกรจํานวนมากแล้ว พลังกายของเขาก็เพิ่มขึ้นหลายส่วน

 

เผ่ามังกรนั้นแม้ฝึกฝนอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ แต่พวกมันก็ไม่มีปราณก่อเกิดและพึ่งพาพลังของร่างกายเพียงอย่างเดียว กรงเล็บของเผ่ามังกรนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก เพียงแค่ตวัดหนึ่งครั้งก็ราวกับจะบดขยี้สวรรค์และปฐพี่ให้แหลกได้

 

“หืม?”

 

หลิงฮันก็หยุดเดินและหันหลัง

 

จู่ๆ จิตใจของเขาก็รู้สึกสั่นไหวอย่างเลือนราง ราวกับศัตรูที่น่ายําเกรงกําลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา

 

หลังจากนั้นไม่นานนั่นเอง ร่างของจอมยุทธผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากระยะไกล แม้ย่างก้าวของคนผู้นี้จะดูเชื่องช้า แต่อีกฝ่ายก็สามารถขยับเข้ามาใกล้เขาได้เพียงไม่กี่ก้าว ชายเสื้อผ้าสีขาวที่ปลิวไปมาตามสายลมนั้น ทําให้คนผู้นี้ดูราวกับเป็นเทพเซียน

 

จี่อู๋หมิง

 

ไม่น่าแปลกใจที่ทําไมจิตใจของเขาถึงสั่นไหว ศัตรูผู้นี้เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ายําเกรงอย่างแท้จริง

 

“ไม่คาดคิดว่าเจ้าก็สามารถกระตุ้นสะพานมังกรสีดําได้” จี่อู๋หมิงเผยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย

 

ชีวิตที่แล้วของเขาคือราชานิรันดร์ระดับเก้าที่มีชีวิตอยู่มาหลายยุคสมัย และฝึกฝนอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งหมดอย่างเชี่ยวชาญ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทําไมเขาถึงสามารถกระตุ้นสะพานมังกรสีทองทั้งเก้าได้อย่างง่ายดาย และทําให้สะพานมังกรสีดําตอบรับได้

 

ส่วนหลิงฮันน่ะ?

 

อีกฝ่ายเป็นเพียงจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณตัวจ้อยเท่านั้น ซึ่งจะมาเทียบเคียงกับเขาในด้านอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ได้อย่างไร?

 

“สมบัติของมหาปราชญ์สวรรค์ช่างน้าอัศจรรย์จริงๆ” จี่อู๋หมิงกล่าวอย่างแผ่วเบา “ถึงแม้ข้าจะบรรลุระดับพลังที่ว่าได้ในอนาคต แต่สมบัตินั่นก็สามารถใช้อ้างอิงเพื่อชี้แนะให้แก่ข้าได้”

 

หลิงฮันเค้นเสียงกล่าว “เกรงว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะไม่มากพอที่จะแย่งชิงมันไป”

 

จี่อู๋หมิงไม่แสดงท่าทีเกรี้ยวกราดใดแต่กล่าวกลับไปด้วยน้ําเสียงเฉื่อยชา “รุ่นเยาว์ เจ้ารู้ไม่ว่ามีราชานิรันดร์กี่คนที่แล้วที่ตายไปด้วยสองมือของข้า?”

 

ในสายตาของทั่วทั้งยุทธภพ ราชานิรันดร์คือตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุดของศาสตร์วรยุทธ และราชานิรันดร์ระดับเก้าก็คือจักรพรรดิท่ามกลางราชานิรันดร์ทั้งมวลที่มีชีวิตอยู่มายาวมาทุกยุคทุกสมัย จี่อู๋หมิงที่กล่าวว่าสังหารราชานิรันดร์ระดับเก้ามาแล้วมากมายนั้น ในชีวิตที่แล้วของเขาจะต้องเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งขนาดไหนกัน?

 

หลิงฮันไม่แสดงท่าที่อ่อนแอ “วีรบุรุษจําเป็นต้องเอ่ยถึงความกล้าหาญของตนเองในอดีตด้วยรี? เมื่อใดที่ข้าก้าวเท้าเข้าสู่ระดับราชานิรันดร์ การสังหารราชานิรันดร์ระดับเก้าย่อมเป็นเพียงเรื่องจบจ้อย”

 

“ฮ่าๆๆๆ!” จี่อู๋หมิงหัวเราะก่อนจะส่ายหัวและกล่าว “เจ้าคิดว่าใครก็สามารถบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้าได้งั้นรึ? คนที่เหยียบย่างเข้าสู่ระดับพลังนี้ได้ ทุกคนต่างก็เป็นจักรพรรดิในหมู่จักรพรรดิ ที่ต่างไร้เทียมทานที่สุดในทุกยุคสมัย”

 

“เอาละ เลิกรําลึกถึงวีรกรรมในอดีตกันแค่นี้” เขาหยุดหัวเราะและใช้สายตาจดจ้องไปที่หลิงฮัน “มอบสมบัติในร่างของเจ้ามาให้ข้า”

 

“จี่อู๋หมิง ข้ารอโอกาสที่จะได้สู้กับเจ้าอีกครั้งอยู่พอดี” ท่าทางของหลิงฮันเต็มไปด้วยความมั่น

 

“เจ้าน่ะรึ? หากสู้กับข้าสิ่งที่รอเจ้าอยู่ก็มีเพียงความตาย!” จี่อู๋หมิงสะบัดแขนพร้อมกับดาบเล่มยาวสีครามได้ปรากฏขึ้นในมือของเขา บนตัวดาบมีตราประทับอันเก่าแก่สลักเอาไว้ และปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าเกรงขามออกมา

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Alchemy Emperor of the Divine Dao 2050 เก็บเกี่ยว

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 2050 เก็บเกี่ยว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2050 เก็บเกี่ยว

 

ต่อให้หอคอยน้อยไม่บอก หลิงฮันก็ไม่คิดจะปล่อยบุปผาแห่งเต๋ตรงหน้าไปอยู่แล้ว และฟังจากคําพูดของหอคอยน้อย ดูเหมือนที่นี่จะไม่ได้มีบุปผาแห่งเต๋าอยู่แค่ต้นเดียว

 

เขาก้าวเดินเข้าหาบุปผาแห่งเต๋า และพบว่าบุปผาแห่งเต๋ตรงหน้านั้นสั่นไหวไปราวเบาๆ ราวกับจะปลิวหายไปได้ตลอดเวลา

 

เมื่อหลิงฮันเข้าใกล้และเอื้อมออกไป สายลมที่พัดผ่านเข้ามาก็เปาบุปผาแห่งเต๋าแหลกออกเป็นเศษเล็กเศษน้อยกระจัดกระจายไปทั่วทิศทาง

 

หมายความว่าอย่างไรกัน?

 

“บุปผาแห่งเต๋คือสิ่งที่กักเก็บอํานาจแห่งเต๋ของราชานิรันดร์เอาไว้ เพราะงั้นสมดุลของมันจึงเปราะบางเป็นอย่างมาก และจะแหลกสลายทันทีที่ถูกปัจจัยกระตุ้น” หอคอยน้อยกล่าวอย่างเนิบนาบ

 

“ทั้งๆ ที่รู้แบบนั้นแล้วเจ้ากลับไม่เตือนข้างั้นรึ? เจตนาของเจ้าจงใจแกล้งข้าชัดๆ!” ห ลิงฮันกล่าวพร้อมกับชี้นิ้ว

 

หอคอยน้อยแสร้งทําเป็นเงียบและไม่กล่าวตอบโต้อะไรกลับ

 

“แล้วจะเก็บเกี่ยวมันได้อย่างไร?” หลิงฮันถาม

 

“ พยายามลบกลิ่นอายของเจ้าให้มากที่สุด อย่าได้แพร่งพรายมันออกมาแม้แต่น้อย” หอคอยน้อยเปิดปากกล่าวออกมาอีกครั้ง

 

หลิงฮันถอนหายใจและมุ่งหน้าเดินต่อ

 

หลังจากผ่านไปอีกพักหนึ่ง หลิงฮันก็ยังไม่พบเจอบุปผาแห่งเต๋อีกครั้ง สิ่งที่เขาเจอคือปราณมังกรที่หลั่งไหลมารวมกัน และแปรสภาพกลายเป็นชายร่างกํายําที่โจมตีใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง

 

“คนเหล่านี้คือราชานิรันดร์ของเผ่ามังกรงั้นรึ?” หลิงฮันระเบิดแก่นพลังมหาพินาศออกมา ภายในชั่วอึดใจร่างของศัตรูตรงหน้าก็แหลกสลายไปทันที แต่ตัวเขาเองก็กระอักโลหิตออกมาพร้อมๆ กัน

 

เพื่อที่จะกําจัดศัตรูที่มีระดับเหนือกว่าให้เสร็จสิ้นในหนึ่งกระบวนท่า ระยะเวลาที่เขาต้องหน่วงการขัดแย้งกันของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่จึงต้องนานขึ้น ทําให้ตัวเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บไปด้วย

 

โชคดีที่เขาโคจรคัมภีร์สวรรค์ในทันที บาดแผลของอวัยวะภายในจึงถูกฟื้นสภาพกลับมาได้ในพริบตา

 

หอคอยน้อยเอ่ยแทรกขึ้นมา “ถึงแม้ข้าไม่ยอมรับการกระทําอันไร้สาระของเจ้า แต่หากไม่มีทักษะนี้ เจ้าคงทําได้เพียงเผ่นหนีเมื่อพบเจอกับตราประทับวิญญาณที่ถูกทิ้งไว้ของราชานิรันดร์เหล่านั้น”

 

กล่าวคือศัตรูที่ปรากฏขึ้นมาระหว่างทางนี้ทุกคนเคยเป็นราชานิรันดร์มาก่อน แน่นอนว่าพลังของพวกเขาในตอนนี้หลงเหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งในพันล้านส่วนของพลังที่แท้จริงด้วยซ้ํา บางที่อาจจะเพราะถูกจํากัดระดับพลังบ่มเพาะเอาไว้อยู่ที่ระดับแบ่งแยกวิญญาณ หรือไม่ก็พลังต่อสู้ที่แสดงออกมาได้จะขึ้นอยู่กับคู่ต่อสู้ที่แตกต่างกันออกไป

 

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “นั่นหมายความว่าความพยายามของข้าไม่สูญเปล่าไงล่ะ”

 

“แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังไม่ยอมรับอยู่ดี” หอคอยน้อยกล่าวอย่างหนักแน่น “เจ้าไม่มีความจําเป็นต้องเสียงชีวิตขนาดนั้น ในอนาคตเมื่อบรรลุเป็นมหาปราชญ์สวรรค์แล้ว เจ้าจะรู้ว่าการหยิบยืมพลังนอกกายนั้นไม่มีความหมายอะไร”

 

“ข้ารู้” หลิงฮันพยักหน้า “แต่ตอนนี้หากข้าไม่มีพลังที่แข็งแกร่งพอ ข้าก็เอาชนะจี่อู๋หมิงไม่ได้”

 

“จี่อู๋หมิงผู้นั้นเป็นร่างกําเนิดใหม่ของราชานิรันดร์ระดับเก้า ตอนนี้เจ้าจะเอาชนะเขาไม่ได้ยอมไม่ใช่เรื่องแปลก” หอคอยยังคงกล่าวโน้มน้าว

 

หลิงฮันส่ายหัว ในระดับโลกียนิพพานเอาชนะไม่ได้ในระดับแบ่งแยกวิญญาณก็เอาชนะไม่ได้ และในระดับตําหนักอมตะเองก็เอาชนะไม่ได้เช่นกัน บางทีแม้แต่หลังจากทะลวงผ่านระดับราชานิรันดร์แล้วก็อาจจะยังเอาชนะไม่ได้… จนกว่าจะบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้า เขาคงไม่มีทางเอาชนะอีกฝ่ายได้

 

แต่ใครจะรอนานขนาดนั้นไหวกัน

 

ในระดับพลังเดียวกัน เขาไม่ต้องการพ่ายแพ้ให้แก่ใครทั้งสิ้น

 

หลิงฮันเดินหน้าต่อไป หลังจากจัดการปราณมังกรไปได้อีกพอสมควร บุปผาแห่งเต๋าต้นที่สองก็ปรากฏอยู่ที่เบื้องหน้าของเขา

 

เขาก้าวเท้าด้วยความรอบคอบและปิดกั้นกลิ่นอายของตนเองอย่างสมบูรณ์ เพียงแต่บุปผาแห่งเต๋านั้นไวต่อสัมผัสภายนอกอย่างมาก เมื่อร่างของเขาเข้าไปใกล้ในระยะสามฟุต บุปผาแห่งเต่ําก็เริ่มสั่นไหวราวกับจะปลิวหายไปได้ตลอดเวลา

 

หลิงฮันรีบหยุดฝีเท้าและขยับมือขวาโคจรอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติ ก็แยกตัวตนของตัวเองออกจากห้วงมิติของสวรรค์และปฐพีในที่แห่งนี้

 

ผ่านไปครู่หนึ่งบุปผาแห่งเต๋ก็หยุดสั่นไหว

 

หลิงฮันก้าวเดินต่อและควบคุมอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ให้ปกปิดตัวตนของเขาเอาไว้ตลอดเวลา

 

เมื่อบุปผาแห่งเต๋อยู่ห่างเพียงแค่เอื้อม หลิงฮันยื่นมือที่ปกคลุมไปด้วยอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติออกไป และเด็ดบุปผาแห่งเต๋เข้าไปเก็บไว้ในหอคอยทมิฬ

 

หลิงฮันไม่เสียเวลาตรวจสอบบุปผาแห่งเต๋ที่เก็บเกี่ยวเข้าไปและมุ่งหน้าต่อทันที บุปผาแห่งเต๋านั้นไม่จําเป็นต้องดูดซับทันทีและสามารถเก็บเอาไว้ในหอคอยทมิฬได้ เพราะงั้นเขาจึงตั้งใจจะนําไปแบ่งปันให้จักรพรรดินีและคนอื่นๆ ด้วย

 

เขาเดินหน้ากําจัดปราณมังกรมากมาย ซึ่งหลังจากที่ร่างกายดูดซับและถูกขัดเกลาด้วยปราณมังกรจํานวนมากแล้ว พลังกายของเขาก็เพิ่มขึ้นหลายส่วน

 

เผ่ามังกรนั้นแม้ฝึกฝนอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ แต่พวกมันก็ไม่มีปราณก่อเกิดและพึ่งพาพลังของร่างกายเพียงอย่างเดียว กรงเล็บของเผ่ามังกรนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก เพียงแค่ตวัดหนึ่งครั้งก็ราวกับจะบดขยี้สวรรค์และปฐพี่ให้แหลกได้

 

“หืม?”

 

หลิงฮันก็หยุดเดินและหันหลัง

 

จู่ๆ จิตใจของเขาก็รู้สึกสั่นไหวอย่างเลือนราง ราวกับศัตรูที่น่ายําเกรงกําลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา

 

หลังจากนั้นไม่นานนั่นเอง ร่างของจอมยุทธผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากระยะไกล แม้ย่างก้าวของคนผู้นี้จะดูเชื่องช้า แต่อีกฝ่ายก็สามารถขยับเข้ามาใกล้เขาได้เพียงไม่กี่ก้าว ชายเสื้อผ้าสีขาวที่ปลิวไปมาตามสายลมนั้น ทําให้คนผู้นี้ดูราวกับเป็นเทพเซียน

 

จี่อู๋หมิง

 

ไม่น่าแปลกใจที่ทําไมจิตใจของเขาถึงสั่นไหว ศัตรูผู้นี้เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ายําเกรงอย่างแท้จริง

 

“ไม่คาดคิดว่าเจ้าก็สามารถกระตุ้นสะพานมังกรสีดําได้” จี่อู๋หมิงเผยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย

 

ชีวิตที่แล้วของเขาคือราชานิรันดร์ระดับเก้าที่มีชีวิตอยู่มาหลายยุคสมัย และฝึกฝนอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งหมดอย่างเชี่ยวชาญ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทําไมเขาถึงสามารถกระตุ้นสะพานมังกรสีทองทั้งเก้าได้อย่างง่ายดาย และทําให้สะพานมังกรสีดําตอบรับได้

 

ส่วนหลิงฮันน่ะ?

 

อีกฝ่ายเป็นเพียงจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณตัวจ้อยเท่านั้น ซึ่งจะมาเทียบเคียงกับเขาในด้านอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ได้อย่างไร?

 

“สมบัติของมหาปราชญ์สวรรค์ช่างน้าอัศจรรย์จริงๆ” จี่อู๋หมิงกล่าวอย่างแผ่วเบา “ถึงแม้ข้าจะบรรลุระดับพลังที่ว่าได้ในอนาคต แต่สมบัตินั่นก็สามารถใช้อ้างอิงเพื่อชี้แนะให้แก่ข้าได้”

 

หลิงฮันเค้นเสียงกล่าว “เกรงว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะไม่มากพอที่จะแย่งชิงมันไป”

 

จี่อู๋หมิงไม่แสดงท่าทีเกรี้ยวกราดใดแต่กล่าวกลับไปด้วยน้ําเสียงเฉื่อยชา “รุ่นเยาว์ เจ้ารู้ไม่ว่ามีราชานิรันดร์กี่คนที่แล้วที่ตายไปด้วยสองมือของข้า?”

 

ในสายตาของทั่วทั้งยุทธภพ ราชานิรันดร์คือตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุดของศาสตร์วรยุทธ และราชานิรันดร์ระดับเก้าก็คือจักรพรรดิท่ามกลางราชานิรันดร์ทั้งมวลที่มีชีวิตอยู่มายาวมาทุกยุคทุกสมัย จี่อู๋หมิงที่กล่าวว่าสังหารราชานิรันดร์ระดับเก้ามาแล้วมากมายนั้น ในชีวิตที่แล้วของเขาจะต้องเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งขนาดไหนกัน?

 

หลิงฮันไม่แสดงท่าที่อ่อนแอ “วีรบุรุษจําเป็นต้องเอ่ยถึงความกล้าหาญของตนเองในอดีตด้วยรี? เมื่อใดที่ข้าก้าวเท้าเข้าสู่ระดับราชานิรันดร์ การสังหารราชานิรันดร์ระดับเก้าย่อมเป็นเพียงเรื่องจบจ้อย”

 

“ฮ่าๆๆๆ!” จี่อู๋หมิงหัวเราะก่อนจะส่ายหัวและกล่าว “เจ้าคิดว่าใครก็สามารถบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้าได้งั้นรึ? คนที่เหยียบย่างเข้าสู่ระดับพลังนี้ได้ ทุกคนต่างก็เป็นจักรพรรดิในหมู่จักรพรรดิ ที่ต่างไร้เทียมทานที่สุดในทุกยุคสมัย”

 

“เอาละ เลิกรําลึกถึงวีรกรรมในอดีตกันแค่นี้” เขาหยุดหัวเราะและใช้สายตาจดจ้องไปที่หลิงฮัน “มอบสมบัติในร่างของเจ้ามาให้ข้า”

 

“จี่อู๋หมิง ข้ารอโอกาสที่จะได้สู้กับเจ้าอีกครั้งอยู่พอดี” ท่าทางของหลิงฮันเต็มไปด้วยความมั่น

 

“เจ้าน่ะรึ? หากสู้กับข้าสิ่งที่รอเจ้าอยู่ก็มีเพียงความตาย!” จี่อู๋หมิงสะบัดแขนพร้อมกับดาบเล่มยาวสีครามได้ปรากฏขึ้นในมือของเขา บนตัวดาบมีตราประทับอันเก่าแก่สลักเอาไว้ และปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าเกรงขามออกมา

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+