Alchemy Emperor of the Divine Dao 2067 สีสุดยอดจักรพรรดิเคลื่อนไหว

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 2067 สีสุดยอดจักรพรรดิเคลื่อนไหว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2067 สีสุดยอดจักรพรรดิเคลื่อนไหว   เมื่อกลับมาถึงเมืองชิงหลง หลิงฮันไปถามคนในเมืองอีกครั้ง และตระหนักได้ว่าตนเองถูกปั่นหัวเล็กน้อย   จริงอยู่ที่ผงกระดูกมังกรสวรรค์นั้นสามารถพบได้ที่หุบเขา แถมยังเป็นสถานที่ที่ค้นหาผงกระดูกมังกรสวรรค์ได้ง่ายที่สุดอีกด้วย แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับเวลา   ในช่วงท้ายปีจะมีเวลาสามวันที่สายลมของหุบเขาจะหยุดนิ่ง ทําให้ง่ายต่อการเก็บก้อนหินเพื่อหาผงกระดูกมังกรสวรรค์   หลิงฮันถอนหายใจ ระยะเวลาสามวันที่สายลมจะหยุดนิ่งนั้นไม่ใช่ช่วงเวลาในตอนนี้ แถมการประลองเพื่อเผ่าทั้งเจ็ดก็ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว เพราะงั้นวาสนานี้จึงไม่ใช่ของพวกเขา   เรื่องที่หลิงฮันและจ่อหมิงปะทะกับจักรพรรดิทั้งสี่แพร่กระจายไปทั่วในหมู่จอมยุทธจากภายนอก ในตอนแรกไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เชื่อ แต่เมื่อข่าวที่หลังชั้นกับจีอู่หมิงสามารถเหยียบย่าไปยังเส้นทางแห่งเต๋าสวรรค์สูงสุดได้ถูกกล่าวออกมา ใครหลายคนก็เชื่อในทันที   เส้นทางแห่งเต๋สวรรค์สูงสุดคือสะพานมังกรที่ไม่มีใครเลยก้าวไปถึงมาก่อน ในอดีตอัจฉริยะที่สามารถบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับแปดได้ ล้วนแต่เคยเป็นคนที่ก้าวไปยังเส้นทางมังกรสีทองได้สําเร็จ เพราะงั้นแล้วการที่สามารถก้าวไปยังเส้นทางแห่งเต๋สวรรค์สูงสุดได้จะหมายความว่าอย่างไร? มันหมายความว่าคนผู้นั้นมีโชคชะตาที่จะกลายเป็นราชานิรันดร์ระดับเก่า   เพียงแต่ว่าพลังของสุดยอดจักรพรรดิทั้งส์นั้นฝังลึกลงไปอยู่ในจิตใจของทุกคนแล้ว จึงยังมีคนมากมายที่ปฏิเสธความจริง และเชื่อว่าเรื่องนี้มีเจตนาซ่อนเร้นที่ต้องการจะสั่นคลอนความเป็นผู้นําพันธมิตรของจักรพรรดิทั้งสี่    หลิงฮันคิดจะทําหน้าที่เป็นผู้นําพันธมิตรที่ก่อตั้งขึ้นอยู่แล้ว เพราะงั้นเขาจึงไม่แยแสที่จะทําการโต้แย้งใดๆ และปล่อยให้คนอื่นๆโต้เถียงกันไปเอง   สามวันต่อมาจักรพรรดิทั้งสี่ตัดสินใจเลือกเผ่าที่จะร่วมมือด้วยได้ในที่สุด โดยที่อีกหนึ่งวันให้หลัง หลิงฮันได้พบว่าชื่อของเขากับพวกจักรพรรดินี้ไม่ได้ถูกตกลงเข้าร่วมกับเผ่าไหนๆ เลย   หากไม่มีข้อตกลง พวกเขาก็ไม่สามารถสู้เพื่อเป็นตัวแทนของเผ่าใดเผ่าหนึ่งได้   นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?   เขาไปถามดูและพบว่าตัวเขา พวกจักรพรรดินี้และจีอู่หมิงถูกขับไล่ออกจากพันธมิตร   เหอะๆ   หลิงฮันหัวเราะทันทีที่รู้เรื่อง พวกเทียนชิงเต่ทั้งสี่คนคิดจะใช้การประลองเพื่อเผ่าต่างๆ ในการโต้ตอบเขากับจ่อหมิงงั้นรี?   หลิงอันส่ายหัว ไม่ว่ารู้แผนการนี้เป็นความคิดของใครแต่คิดว่ามันจะได้ผลงั้นรึ? ถ้าหากสุดท้ายเขากับจีอู่หมิงยังคงเลือกที่จะทําข้อตกลงกับเผ่าเดียวกับพวกเทียนชิงเย่ แผนการของทั้งสี่ก็จะกลายเป็นไร้ความหมายไม่ใช่รึไงกัน?   เพียงแต่หลังจากหลิงฮันครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจขอไม่เลือกทําข้อตกลงกับเผ่าเดียวกันกับทั้งสี่คน   ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนี้… แค่เกียรติของเขาไม่ยอมให้ท่าแบบนั้น!   ยิ่งกว่านั้นเขาก็ลองคิดถึงค่าพูดของคนเก่าแก่ที่ตู้เสาจขึ้นเคยกล่าวถึงดู การเข้าร่วมกับฝ่ายที่แข็งแกร่งไม่ใช่ว่าจะชนะเสมอไป”   “หลิงฮัน พวกเราไปทะลวงรูทวารของพวกนั้นกัน!” ฮูหนวกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดและแกว่งกําปั้นเล็กๆ เพราะหลิงฮันมักจะเอาแต่ห้ามนางเอาไว้ตลอด นางจึงโหยหาอย่างจะลองทะลวงรูทวารของใครสักคนเป็นอย่างมาก   หลิงฮันเหงื่อตก เขารู้สึกเสียใจที่ดันไปเคยระเบิดรูทวารของศัตรูให้ฮูหนิวเห็น ทําให้จิตใจของเด็กสาวเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ไม่หยุดหย่อน   “ก็ได้ แต่ถ้าหากจะทะลวงก็อย่างลืมใช้ของที่เป็นแท่งด้วย” หลิ้งฮันกล่าวอย่างเคร่งขรึม   “ตกลง!” ฮูหนิวดีใจและตื่นเต้นขึ้นมาทันที   เรื่องนี้ทําให้ทั้งจักรพรรดินีและธิดาโร่วเหงื่อไหลออกมา นั่นคือสิ่งที่สมควรพูดตักเตือนงั้นรึ?   พวกเขามุ่งหน้าไปหาเหล่าผู้อาวุโสของเผ่าในเมืองชิงหลง ไม่ว่าเผ่าแต่ละเผ่าจะมีตัวแทนหรือไม่ก็ตาม แต่หากต้องทําข้อตกลงกัน ผู้อาวุโสของเผ่าก็ต้องเป็นคนมาพูดคุยด้วยตนเอง   เมื่อทั้งสี่มาถึงวิหาร พวกเขาก็พบเห็นเทียนชิงเย่และสุดยอดจักรพรรดิอีกสามคนที่หน้าประตู แต่ละคนต่างมองมาที่กลุ่มพวกเขาด้วยสีหน้าเยาะเย้ย   “หลิงฮัน พวกเราเลือกทําข้อตกลงกับเผ่าหยวนเกี่ย” จู่ๆเทียนชิงเต่ก็เอ่ยขึ้นมา   หมายความว่าอย่างไรกัน?   หลิงฮันเข้าใจได้ไม่ยาก ที่จู่ๆก็จงใจมาบอกถึงเผ่าที่ตนเองเข้าร่วมด้วยเช่นนี้ คือวิธีการยั่วยรูปแบบหนึ่งนั่นเอง   เจ้ายังจะหน้าด้านเลือกเผ่าเดียวกับพวกข้ารีเปล่า?   เพราะอย่างไรก็มีจอมยุทธจากภายนอกอยู่ถึงหลายร้อยคน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดข้อมูลเรื่องนี้อยู่แล้ว พวกเขาจึงเลือกที่จะพูดออกมาด้วยตัวเอง   “เจ้าตัวอัปลักษณ์ คอยก่อนเถอะ เดี๋ยวฮูหนิวจะทุบตีพวกเจ้าให้เละเลย!” ฮูหนิวต้องเขม็งแล้วกล่าว   พวกเทียนชิงเต่ทั้งสี่เผยสีหน้าเหยียดหยาม พวกเขารู้แล้วว่าฮูหนิวจักรพรรดินีเองก็กระตุ้นสะพานมังกรสีทองได้เช่นกัน นั่นหมายความว่าพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธของพวกนางเทียบเท่ากับพวกเขา แต่ด้วยพลังบ่ม เพาะที่ต่างกันถึงสามระดับย่อย ไม่ว่าพวกเขาคนใดก็สามารถกําราบฮูหนิวกับจักรพรรดินี้ได้อย่างราบคาบ เพราะ งั้นพวกเขาจึงไม่แยแสสตรีทั้งสองนี้   เพียงแต่ทันใดนั้นสีหน้าเหยียดหยามของพวกเขาก็หายไปทันที ไม่ใช่เพราะเห็นฮูหนิวที่กําลังแยกเขี้ยวยิงฟัน แต่เป็นเพราะเห็นรุ่นเยาว์ชุดขาวผู้หนึ่งเดินเข้ามา   จ่อหมิง!   คนผู้นี้เป็นอัจฉริยะไร้เทียมทานที่ไม่อาจเมินเฉยได้ เพียงแค่ในด้านการโจมตีเพียงอย่างเดียว ในยุทธภพนี้หาใครจะเทียบกับเขาได้แล้ว   “หลิงฮัน เจ้าสนใจจะร่วมมือกับข้าเพื่อสังหารสวะเหล่านี้หรือไม่?” จ่อหมิงแสยะยิ้มเผยฟันสีขาวที่ดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก   “แน่นอน!” หลิงฮันยิ้มตอบ เขาเองอยากทุบตีสุดยอดจักรพรรดิทั้งสี่ตรงหน้านี้เช่นกัน   จ่อหมิงพยักหน้าและมองไปยังสุดยอดจักรพรรดิทั้งสี่ ดวงตาของเขาราวกับเป็นพยัคฆ์ที่จ้องมองแกะตัวน้อย ซึ่งเผยความเหยียดหยามออกมาอย่างถึงที่สุด   อย่างที่รู้กันว่าจ่อหมิงในตอนนี้ยังไม่ได้อยู่ในสภาพที่แข็งแกร่งที่สุด เพราะร่างวิญญาณของเขาไม่ได้เข้า มาในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ด้วย ทําให้พลังต่อสู้ที่สําแดงออกมาได้คือครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดเท่านั้น   “เมื่อถึงเวลาการประลอง พวกข้าจะลบพวกเจ้าทั้งสองให้หายไปซะ!” เสี่ยโหวถงกล่าวด้วยสีหน้าที่ดูมั่นใจ   “พวกเจ้านั่นแหละล้างกันรอเอาไว้เลย ฮูหนิวจะทะลวงระเบิดก้นพวกเจ้าให้เละ!” ฮูหนิวกล่าวอย่างโหดเหี้ยม   เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา พวกเทียนชิงเย่ทั้งสี่คนก็แทบจะขาอ่อนล้มลงไปกับพื้น   ในฐานะที่เป็นจักรพรรดิที่สูงส่ง สตรีผู้นี้พูดจาหยาบคายเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร? นอกจากนั้นอีกฝ่ายก็ยังเป็นสตรีที่งดงามหาใครเปรียบอีกด้วย ยากที่จะจินตนาการออกว่านางจะพูดจาแบบนี้ออกมาได้จริงๆ   “เดี๋ยวก็รู้กัน!” สุดยอดจักรพรรดิทั้งสี่ไม่เสวนาโต้เถียงอีกต่อไป   หลิงฮันยิ้มและเข้าวิหารเทพมังกรไปพร้อมกับสตรีทั้งสามคน   เนื่องจากคนส่วนใหญ่ได้ทําข้อตกลงกันไปแล้ว เผ่าทั้งเจ็ดจึงไม่ได้ให้ความสําคัญกับพวกหลิงฮันทั้งห้าคนเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าพวกเขาจะเข้าร่วมกับใด สถานการณ์ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง   “ถ้างั้นเลือกเผ่าชิงถงแล้วกัน” หลิงฮันกล่าว  

ตอนที่ 2067 สีสุดยอดจักรพรรดิเคลื่อนไหว

 

เมื่อกลับมาถึงเมืองชิงหลง หลิงฮันไปถามคนในเมืองอีกครั้ง และตระหนักได้ว่าตนเองถูกปั่นหัวเล็กน้อย

 

จริงอยู่ที่ผงกระดูกมังกรสวรรค์นั้นสามารถพบได้ที่หุบเขา แถมยังเป็นสถานที่ที่ค้นหาผงกระดูกมังกรสวรรค์ได้ง่ายที่สุดอีกด้วย แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับเวลา

 

ในช่วงท้ายปีจะมีเวลาสามวันที่สายลมของหุบเขาจะหยุดนิ่ง ทําให้ง่ายต่อการเก็บก้อนหินเพื่อหาผงกระดูกมังกรสวรรค์

 

หลิงฮันถอนหายใจ ระยะเวลาสามวันที่สายลมจะหยุดนิ่งนั้นไม่ใช่ช่วงเวลาในตอนนี้ แถมการประลองเพื่อเผ่าทั้งเจ็ดก็ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว เพราะงั้นวาสนานี้จึงไม่ใช่ของพวกเขา

 

เรื่องที่หลิงฮันและจ่อหมิงปะทะกับจักรพรรดิทั้งสี่แพร่กระจายไปทั่วในหมู่จอมยุทธจากภายนอก ในตอนแรกไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เชื่อ แต่เมื่อข่าวที่หลังชั้นกับจีอู่หมิงสามารถเหยียบย่าไปยังเส้นทางแห่งเต๋าสวรรค์สูงสุดได้ถูกกล่าวออกมา ใครหลายคนก็เชื่อในทันที

 

เส้นทางแห่งเต๋สวรรค์สูงสุดคือสะพานมังกรที่ไม่มีใครเลยก้าวไปถึงมาก่อน ในอดีตอัจฉริยะที่สามารถบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับแปดได้ ล้วนแต่เคยเป็นคนที่ก้าวไปยังเส้นทางมังกรสีทองได้สําเร็จ เพราะงั้นแล้วการที่สามารถก้าวไปยังเส้นทางแห่งเต๋สวรรค์สูงสุดได้จะหมายความว่าอย่างไร? มันหมายความว่าคนผู้นั้นมีโชคชะตาที่จะกลายเป็นราชานิรันดร์ระดับเก่า

 

เพียงแต่ว่าพลังของสุดยอดจักรพรรดิทั้งส์นั้นฝังลึกลงไปอยู่ในจิตใจของทุกคนแล้ว จึงยังมีคนมากมายที่ปฏิเสธความจริง และเชื่อว่าเรื่องนี้มีเจตนาซ่อนเร้นที่ต้องการจะสั่นคลอนความเป็นผู้นําพันธมิตรของจักรพรรดิทั้งสี่ 

 

หลิงฮันคิดจะทําหน้าที่เป็นผู้นําพันธมิตรที่ก่อตั้งขึ้นอยู่แล้ว เพราะงั้นเขาจึงไม่แยแสที่จะทําการโต้แย้งใดๆ และปล่อยให้คนอื่นๆโต้เถียงกันไปเอง

 

สามวันต่อมาจักรพรรดิทั้งสี่ตัดสินใจเลือกเผ่าที่จะร่วมมือด้วยได้ในที่สุด โดยที่อีกหนึ่งวันให้หลัง หลิงฮันได้พบว่าชื่อของเขากับพวกจักรพรรดินี้ไม่ได้ถูกตกลงเข้าร่วมกับเผ่าไหนๆ เลย

 

หากไม่มีข้อตกลง พวกเขาก็ไม่สามารถสู้เพื่อเป็นตัวแทนของเผ่าใดเผ่าหนึ่งได้

 

นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?

 

เขาไปถามดูและพบว่าตัวเขา พวกจักรพรรดินี้และจีอู่หมิงถูกขับไล่ออกจากพันธมิตร

 

เหอะๆ

 

หลิงฮันหัวเราะทันทีที่รู้เรื่อง พวกเทียนชิงเต่ทั้งสี่คนคิดจะใช้การประลองเพื่อเผ่าต่างๆ ในการโต้ตอบเขากับจ่อหมิงงั้นรี?

 

หลิงอันส่ายหัว ไม่ว่ารู้แผนการนี้เป็นความคิดของใครแต่คิดว่ามันจะได้ผลงั้นรึ? ถ้าหากสุดท้ายเขากับจีอู่หมิงยังคงเลือกที่จะทําข้อตกลงกับเผ่าเดียวกับพวกเทียนชิงเย่ แผนการของทั้งสี่ก็จะกลายเป็นไร้ความหมายไม่ใช่รึไงกัน?

 

เพียงแต่หลังจากหลิงฮันครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจขอไม่เลือกทําข้อตกลงกับเผ่าเดียวกันกับทั้งสี่คน

 

ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนี้… แค่เกียรติของเขาไม่ยอมให้ท่าแบบนั้น!

 

ยิ่งกว่านั้นเขาก็ลองคิดถึงค่าพูดของคนเก่าแก่ที่ตู้เสาจขึ้นเคยกล่าวถึงดู การเข้าร่วมกับฝ่ายที่แข็งแกร่งไม่ใช่ว่าจะชนะเสมอไป”

 

“หลิงฮัน พวกเราไปทะลวงรูทวารของพวกนั้นกัน!” ฮูหนวกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดและแกว่งกําปั้นเล็กๆ เพราะหลิงฮันมักจะเอาแต่ห้ามนางเอาไว้ตลอด นางจึงโหยหาอย่างจะลองทะลวงรูทวารของใครสักคนเป็นอย่างมาก

 

หลิงฮันเหงื่อตก เขารู้สึกเสียใจที่ดันไปเคยระเบิดรูทวารของศัตรูให้ฮูหนิวเห็น ทําให้จิตใจของเด็กสาวเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ไม่หยุดหย่อน

 

“ก็ได้ แต่ถ้าหากจะทะลวงก็อย่างลืมใช้ของที่เป็นแท่งด้วย” หลิ้งฮันกล่าวอย่างเคร่งขรึม

 

“ตกลง!” ฮูหนิวดีใจและตื่นเต้นขึ้นมาทันที

 

เรื่องนี้ทําให้ทั้งจักรพรรดินีและธิดาโร่วเหงื่อไหลออกมา นั่นคือสิ่งที่สมควรพูดตักเตือนงั้นรึ?

 

พวกเขามุ่งหน้าไปหาเหล่าผู้อาวุโสของเผ่าในเมืองชิงหลง ไม่ว่าเผ่าแต่ละเผ่าจะมีตัวแทนหรือไม่ก็ตาม แต่หากต้องทําข้อตกลงกัน ผู้อาวุโสของเผ่าก็ต้องเป็นคนมาพูดคุยด้วยตนเอง

 

เมื่อทั้งสี่มาถึงวิหาร พวกเขาก็พบเห็นเทียนชิงเย่และสุดยอดจักรพรรดิอีกสามคนที่หน้าประตู แต่ละคนต่างมองมาที่กลุ่มพวกเขาด้วยสีหน้าเยาะเย้ย

 

“หลิงฮัน พวกเราเลือกทําข้อตกลงกับเผ่าหยวนเกี่ย” จู่ๆเทียนชิงเต่ก็เอ่ยขึ้นมา

 

หมายความว่าอย่างไรกัน?

 

หลิงฮันเข้าใจได้ไม่ยาก ที่จู่ๆก็จงใจมาบอกถึงเผ่าที่ตนเองเข้าร่วมด้วยเช่นนี้ คือวิธีการยั่วยรูปแบบหนึ่งนั่นเอง

 

เจ้ายังจะหน้าด้านเลือกเผ่าเดียวกับพวกข้ารีเปล่า?

 

เพราะอย่างไรก็มีจอมยุทธจากภายนอกอยู่ถึงหลายร้อยคน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดข้อมูลเรื่องนี้อยู่แล้ว พวกเขาจึงเลือกที่จะพูดออกมาด้วยตัวเอง

 

“เจ้าตัวอัปลักษณ์ คอยก่อนเถอะ เดี๋ยวฮูหนิวจะทุบตีพวกเจ้าให้เละเลย!” ฮูหนิวต้องเขม็งแล้วกล่าว

 

พวกเทียนชิงเต่ทั้งสี่เผยสีหน้าเหยียดหยาม พวกเขารู้แล้วว่าฮูหนิวจักรพรรดินีเองก็กระตุ้นสะพานมังกรสีทองได้เช่นกัน นั่นหมายความว่าพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธของพวกนางเทียบเท่ากับพวกเขา แต่ด้วยพลังบ่ม เพาะที่ต่างกันถึงสามระดับย่อย ไม่ว่าพวกเขาคนใดก็สามารถกําราบฮูหนิวกับจักรพรรดินี้ได้อย่างราบคาบ เพราะ งั้นพวกเขาจึงไม่แยแสสตรีทั้งสองนี้

 

เพียงแต่ทันใดนั้นสีหน้าเหยียดหยามของพวกเขาก็หายไปทันที ไม่ใช่เพราะเห็นฮูหนิวที่กําลังแยกเขี้ยวยิงฟัน แต่เป็นเพราะเห็นรุ่นเยาว์ชุดขาวผู้หนึ่งเดินเข้ามา

 

จ่อหมิง!

 

คนผู้นี้เป็นอัจฉริยะไร้เทียมทานที่ไม่อาจเมินเฉยได้ เพียงแค่ในด้านการโจมตีเพียงอย่างเดียว ในยุทธภพนี้หาใครจะเทียบกับเขาได้แล้ว

 

“หลิงฮัน เจ้าสนใจจะร่วมมือกับข้าเพื่อสังหารสวะเหล่านี้หรือไม่?” จ่อหมิงแสยะยิ้มเผยฟันสีขาวที่ดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก

 

“แน่นอน!” หลิงฮันยิ้มตอบ เขาเองอยากทุบตีสุดยอดจักรพรรดิทั้งสี่ตรงหน้านี้เช่นกัน

 

จ่อหมิงพยักหน้าและมองไปยังสุดยอดจักรพรรดิทั้งสี่ ดวงตาของเขาราวกับเป็นพยัคฆ์ที่จ้องมองแกะตัวน้อย ซึ่งเผยความเหยียดหยามออกมาอย่างถึงที่สุด

 

อย่างที่รู้กันว่าจ่อหมิงในตอนนี้ยังไม่ได้อยู่ในสภาพที่แข็งแกร่งที่สุด เพราะร่างวิญญาณของเขาไม่ได้เข้า มาในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ด้วย ทําให้พลังต่อสู้ที่สําแดงออกมาได้คือครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดเท่านั้น

 

“เมื่อถึงเวลาการประลอง พวกข้าจะลบพวกเจ้าทั้งสองให้หายไปซะ!” เสี่ยโหวถงกล่าวด้วยสีหน้าที่ดูมั่นใจ

 

“พวกเจ้านั่นแหละล้างกันรอเอาไว้เลย ฮูหนิวจะทะลวงระเบิดก้นพวกเจ้าให้เละ!” ฮูหนิวกล่าวอย่างโหดเหี้ยม

 

เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา พวกเทียนชิงเย่ทั้งสี่คนก็แทบจะขาอ่อนล้มลงไปกับพื้น

 

ในฐานะที่เป็นจักรพรรดิที่สูงส่ง สตรีผู้นี้พูดจาหยาบคายเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร? นอกจากนั้นอีกฝ่ายก็ยังเป็นสตรีที่งดงามหาใครเปรียบอีกด้วย ยากที่จะจินตนาการออกว่านางจะพูดจาแบบนี้ออกมาได้จริงๆ

 

“เดี๋ยวก็รู้กัน!” สุดยอดจักรพรรดิทั้งสี่ไม่เสวนาโต้เถียงอีกต่อไป

 

หลิงฮันยิ้มและเข้าวิหารเทพมังกรไปพร้อมกับสตรีทั้งสามคน

 

เนื่องจากคนส่วนใหญ่ได้ทําข้อตกลงกันไปแล้ว เผ่าทั้งเจ็ดจึงไม่ได้ให้ความสําคัญกับพวกหลิงฮันทั้งห้าคนเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าพวกเขาจะเข้าร่วมกับใด สถานการณ์ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง

 

“ถ้างั้นเลือกเผ่าชิงถงแล้วกัน” หลิงฮันกล่าว

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Alchemy Emperor of the Divine Dao 2067 สีสุดยอดจักรพรรดิเคลื่อนไหว

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 2067 สีสุดยอดจักรพรรดิเคลื่อนไหว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2067 สีสุดยอดจักรพรรดิเคลื่อนไหว   เมื่อกลับมาถึงเมืองชิงหลง หลิงฮันไปถามคนในเมืองอีกครั้ง และตระหนักได้ว่าตนเองถูกปั่นหัวเล็กน้อย   จริงอยู่ที่ผงกระดูกมังกรสวรรค์นั้นสามารถพบได้ที่หุบเขา แถมยังเป็นสถานที่ที่ค้นหาผงกระดูกมังกรสวรรค์ได้ง่ายที่สุดอีกด้วย แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับเวลา   ในช่วงท้ายปีจะมีเวลาสามวันที่สายลมของหุบเขาจะหยุดนิ่ง ทําให้ง่ายต่อการเก็บก้อนหินเพื่อหาผงกระดูกมังกรสวรรค์   หลิงฮันถอนหายใจ ระยะเวลาสามวันที่สายลมจะหยุดนิ่งนั้นไม่ใช่ช่วงเวลาในตอนนี้ แถมการประลองเพื่อเผ่าทั้งเจ็ดก็ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว เพราะงั้นวาสนานี้จึงไม่ใช่ของพวกเขา   เรื่องที่หลิงฮันและจ่อหมิงปะทะกับจักรพรรดิทั้งสี่แพร่กระจายไปทั่วในหมู่จอมยุทธจากภายนอก ในตอนแรกไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เชื่อ แต่เมื่อข่าวที่หลังชั้นกับจีอู่หมิงสามารถเหยียบย่าไปยังเส้นทางแห่งเต๋าสวรรค์สูงสุดได้ถูกกล่าวออกมา ใครหลายคนก็เชื่อในทันที   เส้นทางแห่งเต๋สวรรค์สูงสุดคือสะพานมังกรที่ไม่มีใครเลยก้าวไปถึงมาก่อน ในอดีตอัจฉริยะที่สามารถบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับแปดได้ ล้วนแต่เคยเป็นคนที่ก้าวไปยังเส้นทางมังกรสีทองได้สําเร็จ เพราะงั้นแล้วการที่สามารถก้าวไปยังเส้นทางแห่งเต๋สวรรค์สูงสุดได้จะหมายความว่าอย่างไร? มันหมายความว่าคนผู้นั้นมีโชคชะตาที่จะกลายเป็นราชานิรันดร์ระดับเก่า   เพียงแต่ว่าพลังของสุดยอดจักรพรรดิทั้งส์นั้นฝังลึกลงไปอยู่ในจิตใจของทุกคนแล้ว จึงยังมีคนมากมายที่ปฏิเสธความจริง และเชื่อว่าเรื่องนี้มีเจตนาซ่อนเร้นที่ต้องการจะสั่นคลอนความเป็นผู้นําพันธมิตรของจักรพรรดิทั้งสี่    หลิงฮันคิดจะทําหน้าที่เป็นผู้นําพันธมิตรที่ก่อตั้งขึ้นอยู่แล้ว เพราะงั้นเขาจึงไม่แยแสที่จะทําการโต้แย้งใดๆ และปล่อยให้คนอื่นๆโต้เถียงกันไปเอง   สามวันต่อมาจักรพรรดิทั้งสี่ตัดสินใจเลือกเผ่าที่จะร่วมมือด้วยได้ในที่สุด โดยที่อีกหนึ่งวันให้หลัง หลิงฮันได้พบว่าชื่อของเขากับพวกจักรพรรดินี้ไม่ได้ถูกตกลงเข้าร่วมกับเผ่าไหนๆ เลย   หากไม่มีข้อตกลง พวกเขาก็ไม่สามารถสู้เพื่อเป็นตัวแทนของเผ่าใดเผ่าหนึ่งได้   นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?   เขาไปถามดูและพบว่าตัวเขา พวกจักรพรรดินี้และจีอู่หมิงถูกขับไล่ออกจากพันธมิตร   เหอะๆ   หลิงฮันหัวเราะทันทีที่รู้เรื่อง พวกเทียนชิงเต่ทั้งสี่คนคิดจะใช้การประลองเพื่อเผ่าต่างๆ ในการโต้ตอบเขากับจ่อหมิงงั้นรี?   หลิงอันส่ายหัว ไม่ว่ารู้แผนการนี้เป็นความคิดของใครแต่คิดว่ามันจะได้ผลงั้นรึ? ถ้าหากสุดท้ายเขากับจีอู่หมิงยังคงเลือกที่จะทําข้อตกลงกับเผ่าเดียวกับพวกเทียนชิงเย่ แผนการของทั้งสี่ก็จะกลายเป็นไร้ความหมายไม่ใช่รึไงกัน?   เพียงแต่หลังจากหลิงฮันครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจขอไม่เลือกทําข้อตกลงกับเผ่าเดียวกันกับทั้งสี่คน   ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนี้… แค่เกียรติของเขาไม่ยอมให้ท่าแบบนั้น!   ยิ่งกว่านั้นเขาก็ลองคิดถึงค่าพูดของคนเก่าแก่ที่ตู้เสาจขึ้นเคยกล่าวถึงดู การเข้าร่วมกับฝ่ายที่แข็งแกร่งไม่ใช่ว่าจะชนะเสมอไป”   “หลิงฮัน พวกเราไปทะลวงรูทวารของพวกนั้นกัน!” ฮูหนวกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดและแกว่งกําปั้นเล็กๆ เพราะหลิงฮันมักจะเอาแต่ห้ามนางเอาไว้ตลอด นางจึงโหยหาอย่างจะลองทะลวงรูทวารของใครสักคนเป็นอย่างมาก   หลิงฮันเหงื่อตก เขารู้สึกเสียใจที่ดันไปเคยระเบิดรูทวารของศัตรูให้ฮูหนิวเห็น ทําให้จิตใจของเด็กสาวเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ไม่หยุดหย่อน   “ก็ได้ แต่ถ้าหากจะทะลวงก็อย่างลืมใช้ของที่เป็นแท่งด้วย” หลิ้งฮันกล่าวอย่างเคร่งขรึม   “ตกลง!” ฮูหนิวดีใจและตื่นเต้นขึ้นมาทันที   เรื่องนี้ทําให้ทั้งจักรพรรดินีและธิดาโร่วเหงื่อไหลออกมา นั่นคือสิ่งที่สมควรพูดตักเตือนงั้นรึ?   พวกเขามุ่งหน้าไปหาเหล่าผู้อาวุโสของเผ่าในเมืองชิงหลง ไม่ว่าเผ่าแต่ละเผ่าจะมีตัวแทนหรือไม่ก็ตาม แต่หากต้องทําข้อตกลงกัน ผู้อาวุโสของเผ่าก็ต้องเป็นคนมาพูดคุยด้วยตนเอง   เมื่อทั้งสี่มาถึงวิหาร พวกเขาก็พบเห็นเทียนชิงเย่และสุดยอดจักรพรรดิอีกสามคนที่หน้าประตู แต่ละคนต่างมองมาที่กลุ่มพวกเขาด้วยสีหน้าเยาะเย้ย   “หลิงฮัน พวกเราเลือกทําข้อตกลงกับเผ่าหยวนเกี่ย” จู่ๆเทียนชิงเต่ก็เอ่ยขึ้นมา   หมายความว่าอย่างไรกัน?   หลิงฮันเข้าใจได้ไม่ยาก ที่จู่ๆก็จงใจมาบอกถึงเผ่าที่ตนเองเข้าร่วมด้วยเช่นนี้ คือวิธีการยั่วยรูปแบบหนึ่งนั่นเอง   เจ้ายังจะหน้าด้านเลือกเผ่าเดียวกับพวกข้ารีเปล่า?   เพราะอย่างไรก็มีจอมยุทธจากภายนอกอยู่ถึงหลายร้อยคน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดข้อมูลเรื่องนี้อยู่แล้ว พวกเขาจึงเลือกที่จะพูดออกมาด้วยตัวเอง   “เจ้าตัวอัปลักษณ์ คอยก่อนเถอะ เดี๋ยวฮูหนิวจะทุบตีพวกเจ้าให้เละเลย!” ฮูหนิวต้องเขม็งแล้วกล่าว   พวกเทียนชิงเต่ทั้งสี่เผยสีหน้าเหยียดหยาม พวกเขารู้แล้วว่าฮูหนิวจักรพรรดินีเองก็กระตุ้นสะพานมังกรสีทองได้เช่นกัน นั่นหมายความว่าพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธของพวกนางเทียบเท่ากับพวกเขา แต่ด้วยพลังบ่ม เพาะที่ต่างกันถึงสามระดับย่อย ไม่ว่าพวกเขาคนใดก็สามารถกําราบฮูหนิวกับจักรพรรดินี้ได้อย่างราบคาบ เพราะ งั้นพวกเขาจึงไม่แยแสสตรีทั้งสองนี้   เพียงแต่ทันใดนั้นสีหน้าเหยียดหยามของพวกเขาก็หายไปทันที ไม่ใช่เพราะเห็นฮูหนิวที่กําลังแยกเขี้ยวยิงฟัน แต่เป็นเพราะเห็นรุ่นเยาว์ชุดขาวผู้หนึ่งเดินเข้ามา   จ่อหมิง!   คนผู้นี้เป็นอัจฉริยะไร้เทียมทานที่ไม่อาจเมินเฉยได้ เพียงแค่ในด้านการโจมตีเพียงอย่างเดียว ในยุทธภพนี้หาใครจะเทียบกับเขาได้แล้ว   “หลิงฮัน เจ้าสนใจจะร่วมมือกับข้าเพื่อสังหารสวะเหล่านี้หรือไม่?” จ่อหมิงแสยะยิ้มเผยฟันสีขาวที่ดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก   “แน่นอน!” หลิงฮันยิ้มตอบ เขาเองอยากทุบตีสุดยอดจักรพรรดิทั้งสี่ตรงหน้านี้เช่นกัน   จ่อหมิงพยักหน้าและมองไปยังสุดยอดจักรพรรดิทั้งสี่ ดวงตาของเขาราวกับเป็นพยัคฆ์ที่จ้องมองแกะตัวน้อย ซึ่งเผยความเหยียดหยามออกมาอย่างถึงที่สุด   อย่างที่รู้กันว่าจ่อหมิงในตอนนี้ยังไม่ได้อยู่ในสภาพที่แข็งแกร่งที่สุด เพราะร่างวิญญาณของเขาไม่ได้เข้า มาในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ด้วย ทําให้พลังต่อสู้ที่สําแดงออกมาได้คือครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดเท่านั้น   “เมื่อถึงเวลาการประลอง พวกข้าจะลบพวกเจ้าทั้งสองให้หายไปซะ!” เสี่ยโหวถงกล่าวด้วยสีหน้าที่ดูมั่นใจ   “พวกเจ้านั่นแหละล้างกันรอเอาไว้เลย ฮูหนิวจะทะลวงระเบิดก้นพวกเจ้าให้เละ!” ฮูหนิวกล่าวอย่างโหดเหี้ยม   เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา พวกเทียนชิงเย่ทั้งสี่คนก็แทบจะขาอ่อนล้มลงไปกับพื้น   ในฐานะที่เป็นจักรพรรดิที่สูงส่ง สตรีผู้นี้พูดจาหยาบคายเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร? นอกจากนั้นอีกฝ่ายก็ยังเป็นสตรีที่งดงามหาใครเปรียบอีกด้วย ยากที่จะจินตนาการออกว่านางจะพูดจาแบบนี้ออกมาได้จริงๆ   “เดี๋ยวก็รู้กัน!” สุดยอดจักรพรรดิทั้งสี่ไม่เสวนาโต้เถียงอีกต่อไป   หลิงฮันยิ้มและเข้าวิหารเทพมังกรไปพร้อมกับสตรีทั้งสามคน   เนื่องจากคนส่วนใหญ่ได้ทําข้อตกลงกันไปแล้ว เผ่าทั้งเจ็ดจึงไม่ได้ให้ความสําคัญกับพวกหลิงฮันทั้งห้าคนเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าพวกเขาจะเข้าร่วมกับใด สถานการณ์ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง   “ถ้างั้นเลือกเผ่าชิงถงแล้วกัน” หลิงฮันกล่าว  

ตอนที่ 2067 สีสุดยอดจักรพรรดิเคลื่อนไหว

 

เมื่อกลับมาถึงเมืองชิงหลง หลิงฮันไปถามคนในเมืองอีกครั้ง และตระหนักได้ว่าตนเองถูกปั่นหัวเล็กน้อย

 

จริงอยู่ที่ผงกระดูกมังกรสวรรค์นั้นสามารถพบได้ที่หุบเขา แถมยังเป็นสถานที่ที่ค้นหาผงกระดูกมังกรสวรรค์ได้ง่ายที่สุดอีกด้วย แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับเวลา

 

ในช่วงท้ายปีจะมีเวลาสามวันที่สายลมของหุบเขาจะหยุดนิ่ง ทําให้ง่ายต่อการเก็บก้อนหินเพื่อหาผงกระดูกมังกรสวรรค์

 

หลิงฮันถอนหายใจ ระยะเวลาสามวันที่สายลมจะหยุดนิ่งนั้นไม่ใช่ช่วงเวลาในตอนนี้ แถมการประลองเพื่อเผ่าทั้งเจ็ดก็ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว เพราะงั้นวาสนานี้จึงไม่ใช่ของพวกเขา

 

เรื่องที่หลิงฮันและจ่อหมิงปะทะกับจักรพรรดิทั้งสี่แพร่กระจายไปทั่วในหมู่จอมยุทธจากภายนอก ในตอนแรกไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เชื่อ แต่เมื่อข่าวที่หลังชั้นกับจีอู่หมิงสามารถเหยียบย่าไปยังเส้นทางแห่งเต๋าสวรรค์สูงสุดได้ถูกกล่าวออกมา ใครหลายคนก็เชื่อในทันที

 

เส้นทางแห่งเต๋สวรรค์สูงสุดคือสะพานมังกรที่ไม่มีใครเลยก้าวไปถึงมาก่อน ในอดีตอัจฉริยะที่สามารถบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับแปดได้ ล้วนแต่เคยเป็นคนที่ก้าวไปยังเส้นทางมังกรสีทองได้สําเร็จ เพราะงั้นแล้วการที่สามารถก้าวไปยังเส้นทางแห่งเต๋สวรรค์สูงสุดได้จะหมายความว่าอย่างไร? มันหมายความว่าคนผู้นั้นมีโชคชะตาที่จะกลายเป็นราชานิรันดร์ระดับเก่า

 

เพียงแต่ว่าพลังของสุดยอดจักรพรรดิทั้งส์นั้นฝังลึกลงไปอยู่ในจิตใจของทุกคนแล้ว จึงยังมีคนมากมายที่ปฏิเสธความจริง และเชื่อว่าเรื่องนี้มีเจตนาซ่อนเร้นที่ต้องการจะสั่นคลอนความเป็นผู้นําพันธมิตรของจักรพรรดิทั้งสี่ 

 

หลิงฮันคิดจะทําหน้าที่เป็นผู้นําพันธมิตรที่ก่อตั้งขึ้นอยู่แล้ว เพราะงั้นเขาจึงไม่แยแสที่จะทําการโต้แย้งใดๆ และปล่อยให้คนอื่นๆโต้เถียงกันไปเอง

 

สามวันต่อมาจักรพรรดิทั้งสี่ตัดสินใจเลือกเผ่าที่จะร่วมมือด้วยได้ในที่สุด โดยที่อีกหนึ่งวันให้หลัง หลิงฮันได้พบว่าชื่อของเขากับพวกจักรพรรดินี้ไม่ได้ถูกตกลงเข้าร่วมกับเผ่าไหนๆ เลย

 

หากไม่มีข้อตกลง พวกเขาก็ไม่สามารถสู้เพื่อเป็นตัวแทนของเผ่าใดเผ่าหนึ่งได้

 

นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?

 

เขาไปถามดูและพบว่าตัวเขา พวกจักรพรรดินี้และจีอู่หมิงถูกขับไล่ออกจากพันธมิตร

 

เหอะๆ

 

หลิงฮันหัวเราะทันทีที่รู้เรื่อง พวกเทียนชิงเต่ทั้งสี่คนคิดจะใช้การประลองเพื่อเผ่าต่างๆ ในการโต้ตอบเขากับจ่อหมิงงั้นรี?

 

หลิงอันส่ายหัว ไม่ว่ารู้แผนการนี้เป็นความคิดของใครแต่คิดว่ามันจะได้ผลงั้นรึ? ถ้าหากสุดท้ายเขากับจีอู่หมิงยังคงเลือกที่จะทําข้อตกลงกับเผ่าเดียวกับพวกเทียนชิงเย่ แผนการของทั้งสี่ก็จะกลายเป็นไร้ความหมายไม่ใช่รึไงกัน?

 

เพียงแต่หลังจากหลิงฮันครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจขอไม่เลือกทําข้อตกลงกับเผ่าเดียวกันกับทั้งสี่คน

 

ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนี้… แค่เกียรติของเขาไม่ยอมให้ท่าแบบนั้น!

 

ยิ่งกว่านั้นเขาก็ลองคิดถึงค่าพูดของคนเก่าแก่ที่ตู้เสาจขึ้นเคยกล่าวถึงดู การเข้าร่วมกับฝ่ายที่แข็งแกร่งไม่ใช่ว่าจะชนะเสมอไป”

 

“หลิงฮัน พวกเราไปทะลวงรูทวารของพวกนั้นกัน!” ฮูหนวกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดและแกว่งกําปั้นเล็กๆ เพราะหลิงฮันมักจะเอาแต่ห้ามนางเอาไว้ตลอด นางจึงโหยหาอย่างจะลองทะลวงรูทวารของใครสักคนเป็นอย่างมาก

 

หลิงฮันเหงื่อตก เขารู้สึกเสียใจที่ดันไปเคยระเบิดรูทวารของศัตรูให้ฮูหนิวเห็น ทําให้จิตใจของเด็กสาวเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ไม่หยุดหย่อน

 

“ก็ได้ แต่ถ้าหากจะทะลวงก็อย่างลืมใช้ของที่เป็นแท่งด้วย” หลิ้งฮันกล่าวอย่างเคร่งขรึม

 

“ตกลง!” ฮูหนิวดีใจและตื่นเต้นขึ้นมาทันที

 

เรื่องนี้ทําให้ทั้งจักรพรรดินีและธิดาโร่วเหงื่อไหลออกมา นั่นคือสิ่งที่สมควรพูดตักเตือนงั้นรึ?

 

พวกเขามุ่งหน้าไปหาเหล่าผู้อาวุโสของเผ่าในเมืองชิงหลง ไม่ว่าเผ่าแต่ละเผ่าจะมีตัวแทนหรือไม่ก็ตาม แต่หากต้องทําข้อตกลงกัน ผู้อาวุโสของเผ่าก็ต้องเป็นคนมาพูดคุยด้วยตนเอง

 

เมื่อทั้งสี่มาถึงวิหาร พวกเขาก็พบเห็นเทียนชิงเย่และสุดยอดจักรพรรดิอีกสามคนที่หน้าประตู แต่ละคนต่างมองมาที่กลุ่มพวกเขาด้วยสีหน้าเยาะเย้ย

 

“หลิงฮัน พวกเราเลือกทําข้อตกลงกับเผ่าหยวนเกี่ย” จู่ๆเทียนชิงเต่ก็เอ่ยขึ้นมา

 

หมายความว่าอย่างไรกัน?

 

หลิงฮันเข้าใจได้ไม่ยาก ที่จู่ๆก็จงใจมาบอกถึงเผ่าที่ตนเองเข้าร่วมด้วยเช่นนี้ คือวิธีการยั่วยรูปแบบหนึ่งนั่นเอง

 

เจ้ายังจะหน้าด้านเลือกเผ่าเดียวกับพวกข้ารีเปล่า?

 

เพราะอย่างไรก็มีจอมยุทธจากภายนอกอยู่ถึงหลายร้อยคน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดข้อมูลเรื่องนี้อยู่แล้ว พวกเขาจึงเลือกที่จะพูดออกมาด้วยตัวเอง

 

“เจ้าตัวอัปลักษณ์ คอยก่อนเถอะ เดี๋ยวฮูหนิวจะทุบตีพวกเจ้าให้เละเลย!” ฮูหนิวต้องเขม็งแล้วกล่าว

 

พวกเทียนชิงเต่ทั้งสี่เผยสีหน้าเหยียดหยาม พวกเขารู้แล้วว่าฮูหนิวจักรพรรดินีเองก็กระตุ้นสะพานมังกรสีทองได้เช่นกัน นั่นหมายความว่าพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธของพวกนางเทียบเท่ากับพวกเขา แต่ด้วยพลังบ่ม เพาะที่ต่างกันถึงสามระดับย่อย ไม่ว่าพวกเขาคนใดก็สามารถกําราบฮูหนิวกับจักรพรรดินี้ได้อย่างราบคาบ เพราะ งั้นพวกเขาจึงไม่แยแสสตรีทั้งสองนี้

 

เพียงแต่ทันใดนั้นสีหน้าเหยียดหยามของพวกเขาก็หายไปทันที ไม่ใช่เพราะเห็นฮูหนิวที่กําลังแยกเขี้ยวยิงฟัน แต่เป็นเพราะเห็นรุ่นเยาว์ชุดขาวผู้หนึ่งเดินเข้ามา

 

จ่อหมิง!

 

คนผู้นี้เป็นอัจฉริยะไร้เทียมทานที่ไม่อาจเมินเฉยได้ เพียงแค่ในด้านการโจมตีเพียงอย่างเดียว ในยุทธภพนี้หาใครจะเทียบกับเขาได้แล้ว

 

“หลิงฮัน เจ้าสนใจจะร่วมมือกับข้าเพื่อสังหารสวะเหล่านี้หรือไม่?” จ่อหมิงแสยะยิ้มเผยฟันสีขาวที่ดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก

 

“แน่นอน!” หลิงฮันยิ้มตอบ เขาเองอยากทุบตีสุดยอดจักรพรรดิทั้งสี่ตรงหน้านี้เช่นกัน

 

จ่อหมิงพยักหน้าและมองไปยังสุดยอดจักรพรรดิทั้งสี่ ดวงตาของเขาราวกับเป็นพยัคฆ์ที่จ้องมองแกะตัวน้อย ซึ่งเผยความเหยียดหยามออกมาอย่างถึงที่สุด

 

อย่างที่รู้กันว่าจ่อหมิงในตอนนี้ยังไม่ได้อยู่ในสภาพที่แข็งแกร่งที่สุด เพราะร่างวิญญาณของเขาไม่ได้เข้า มาในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ด้วย ทําให้พลังต่อสู้ที่สําแดงออกมาได้คือครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดเท่านั้น

 

“เมื่อถึงเวลาการประลอง พวกข้าจะลบพวกเจ้าทั้งสองให้หายไปซะ!” เสี่ยโหวถงกล่าวด้วยสีหน้าที่ดูมั่นใจ

 

“พวกเจ้านั่นแหละล้างกันรอเอาไว้เลย ฮูหนิวจะทะลวงระเบิดก้นพวกเจ้าให้เละ!” ฮูหนิวกล่าวอย่างโหดเหี้ยม

 

เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา พวกเทียนชิงเย่ทั้งสี่คนก็แทบจะขาอ่อนล้มลงไปกับพื้น

 

ในฐานะที่เป็นจักรพรรดิที่สูงส่ง สตรีผู้นี้พูดจาหยาบคายเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร? นอกจากนั้นอีกฝ่ายก็ยังเป็นสตรีที่งดงามหาใครเปรียบอีกด้วย ยากที่จะจินตนาการออกว่านางจะพูดจาแบบนี้ออกมาได้จริงๆ

 

“เดี๋ยวก็รู้กัน!” สุดยอดจักรพรรดิทั้งสี่ไม่เสวนาโต้เถียงอีกต่อไป

 

หลิงฮันยิ้มและเข้าวิหารเทพมังกรไปพร้อมกับสตรีทั้งสามคน

 

เนื่องจากคนส่วนใหญ่ได้ทําข้อตกลงกันไปแล้ว เผ่าทั้งเจ็ดจึงไม่ได้ให้ความสําคัญกับพวกหลิงฮันทั้งห้าคนเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าพวกเขาจะเข้าร่วมกับใด สถานการณ์ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง

 

“ถ้างั้นเลือกเผ่าชิงถงแล้วกัน” หลิงฮันกล่าว

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+