ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 1068 ปราณเหมันต์หลานเกิง

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 1068 ปราณเหมันต์หลานเกิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กลุ่มเมฆสีฟ้าเพิ่งเหาะออกไปได้ไม่กี่สิบจั้ง แสงสีเลือดก็สว่างขึ้นเบื้องหน้า เงาภูตสีเลือดสามตนปรากฏตัวขึ้นดุจภูตพราย ความเร็วทำให้หลิ่วหมิงที่หลบอยู่ในที่ซ่อนถึงขั้นกัดลิ้น

เวลานี้เงาภูตสีเลือดเหล่านี้กลายเป็นผีร้ายหน้าตาโหดเหี้ยมตัวแล้วตัวเล่าเรียบร้อยแล้ว มือกับเท้ามีกรงเล็บคมสีเลือดยาวหลายฉื่องอกออกมา เงากรงเล็บร่อนเข้าตะปบกลุ่มเมฆสีฟ้าอย่างฉับพลัน

แถบแสงสีเลือดหลายสายโจมตีลงบนกลุ่มเมฆสีฟ้าดังเปรี้ยง กลุ่มเมฆสีฟ้าสะเทือนอย่างรุนแรง แม้ไม่ถูกโจมตีทลายแต่ก็ถูกขวางเอาไว้ได้

ฟึบ ฟึบ ฟึบ!

ภูตยมโลกโลหิตอีกหกตนพาเงาติดตาเป็นสายมาปรากฏตัวรอบด้านกลุ่มเมฆสีฟ้า

แสงสีเลือดสว่างขึ้นบนสองแขนของภูตยมโลกโลหิตเก้าตน แสงกรงเล็บยืดยาวออกจากมือไม่หยุดก่อนจะระเบิดแสงสีเลือดที่ทำให้คนแสบตาสายแล้วสายเล่าออกมา

“ฟึบๆ” เสียงแหวกอากาศดังสนั่น!

แสงกรงเล็บสีเลือดนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นเบื้องหน้าแล้วล้อมตัวเป็นวงราวกับตาข่ายเส้นไหมขนาดมหึมา จากนั้นหุบฉับเข้าหากลุ่มเมฆสีฟ้าที่อยู่ตรงกลางอย่างรวดเร็ว

ผิวของกลุ่มเมฆปั่นป่วนรุนแรงทันที มันถูกแสงสีเลือดทั่วทุกสารทิศโจมตีจนเปลี่ยนรูปไม่หยุด เมฆสีฟ้ากระเจิงไปรอบด้าน หลังจากทนอยู่ได้ไม่กี่ลมหายใจ ในที่สุดก็ถูกฉีกทึ้ง

ใจกลางหมอกควันสีฟ้าที่กระจายไปรอบด้าน บุรุษร่างยักษ์กระอักเลือดออกมาจากปากหลายคำ อาวุธเวทมุกกลมสีฟ้าเหนือศีรษะหม่นแสงลงไม่น้อย ทั้งร่างถูกพลังมหาศาลโจมตีจนปลิวกระแทกพื้นดินเบื้องล่างอย่างหนักหน่วง

“ปึง” เสียงดังสนั่น!

พื้นดินฉับพลันถูกกระแทกเป็นหลุมยักษ์ขนาดหลายจั้งหลุมหนึ่ง เศษหินปลิวว่อน

“วิชาร้ายกาจนัก!”

หลิ่วหมิงที่อยู่หลังก้อนหินยักษ์ไกลๆ มองภาพที่ชวนให้ตาพร่าแล้วสูดหายใจดังเฮือก

ภูตยมโลกโลหิตเก้าตนนี้ที่เหลิ่งเหมิงเรียกออกมา แต่ละตนมีพลังใกล้เคียงระดับแก่นแท้ ความเร็วรวดเร็วดุจภูตพราย ล้อมโจมตีเช่นนี้ เกรงว่ายอดฝีมือระดับแก่นแท้ตนใดล้วนทนได้ไม่เกินสิบกระบวนท่า

หลานซวี่ผู้นี้ใช้กำลังของตนเพียงคนเดียวยื้อมาได้จนถึงตอนนี้ก็ไม่ง่ายแล้ว

ลองเปลี่ยนเป็นเขาที่สู้กับเหลิ่งเหมิงเช่นนี้ หากชิงสังหารอีกฝ่ายอย่างสายฟ้าแลบก่อนหน้าเขาเรียกภูตยมโลกโลหิตเหล่านี้ออกมาไม่ได้ ทันทีที่อีกฝ่ายใช้กระบวนท่านี้ โอกาสชนะคงไม่สูงสักเท่าไร

อันดับหนึ่งใต้ระดับดาราพยากรณ์แห่งเมืองเหลิ่งเยวี่ย ไม่ใช่แค่พูดจริงๆ!

จะว่าไปแดนมืดทั้งเก้าของยมโลก แต่ละแห่งก็กว้างใหญ่ไพศาล กลุ่มอำนาจน้อยใหญ่ในนั้นมีไม่รู้เท่าไร แค่แม่ทัพมืดตัวเล็กๆ คนหนึ่งในกลุ่มอำนาจระดับกลางของแดนวารีมืดยังมีพลังเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นเก้าราชายมโลกผู้ลึกลับนั่นพลังคงยิ่งไม่อาจจินตนาการ ก็ไม่รู้ว่าเทียบกับผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ของสี่ยอดนิกายใหญ่แห่งเผ่ามนุษย์จะเป็นอย่างไร?

ระหว่างที่หลิ่วหมิงครุ่นคิด สถานการณ์ระหว่างเหลิ่งเหมิงกับหลานซวี่ด้านนั้นก็แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วอีกครั้ง!

แสงสีเงินแสบตาสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่มาบนท้องฟ้า!

มือของเหลิ่งเหมิงกำทวนวงเดือนสีเงินยาวสองจั้งเล่มหนึ่งไว้ตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ ใบหน้าเผยจิตสังหารก้มลงมองเบื้องล่าง

ทวนวงเดือนสีเงินสะบัดกลายเป็นเงาทวนวงเดือนมหึมามากมายกลางอากาศรอบตัวเขา แล้วแทงเข้าใส่บุรุษร่างยักษ์ชุดสีฟ้าด้านล่างดุจพายุฝนกระหน่ำ

ด้านในหลุมยักษ์เบื้องล่าง บุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าลุกขึ้นยืนได้ทันหวุดหวิด เวลานี้เขาสีหน้าซีดเผือด ทั้งร่างบนจรดล่างถูกกรีดเป็นบาดแผลแห่งแล้วแห่งเล่า เลือดไหลโทรมกาย

แต่เขายังไม่หมดใจจะสู้ เมื่อเห็นเหลิ่งเหมิงก้มลงมอง สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันใด เกราะแสงป้องกันสีฟ้าอ่อนลอยขึ้นรอบร่างอย่างเร็วไว พร้อมกับพลิกกาย กระโดดออกจากหลุมยักษ์ทันที

เสียงแหวกอากาศดังฟึบๆ ขึ้นหลังร่างเขา เงาทวนวงเดือนสีเงินมากมายพุ่งเฉียดหัวไหล่ของเขาไป

“ปึง” เสียงแผ่วเบาดังขึ้น!

เกราะแสงคุ้มกันร่างของบุรุษร่างยักษ์ไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อยจึงพังทลายลงทันที หากปฏิกิริยาไม่ไวพอเกรงว่าเขาคงถูกเงาทวนวงเดือนแทงทะลุจนพรุนแล้ว

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พักหายใจ เสียงฟึบๆ เช่นเดิมก็ดังขึ้นระรัวข้างตัวเขาอีก

เงาทวนวงเดือนสีเงินเต็มฟ้าพุ่งเร็วรี่ตามมาดุจเงาตามตัว ชั่วขณะที่แสงสีเลือดกะพริบวูบวาบ ภูตยมโลกโลหิตเก้าตัวก็พาเงาติดตาร่างแล้วร่างเล่าโถมเข้าใส่บุรุษร่างยักษ์ชุดสีฟ้า

เหลิ่งเหมิงสีหน้าเหี้ยมเกรียม เห็นชัดว่าต้องการสังหารบุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าให้ตายสนิทเสียที่นี่!

บุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งออกมาอย่างแทบจะไม่ต้องคิด มันกลายเป็นลูกศรสีเลือดดอกหนึ่งพุ่งจมเข้าไปในมุกกลมสีฟ้าเหนือศีรษะ

มุกกลมเปล่งแสงสีฟ้าเจิดจ้า ทันใดนั้นมันก็หมุนติ้วอยู่ที่เดิมแล้วขยายใหญ่จนกลายเป็นลูกแก้วกลมสีฟ้าขนาดเท่าโอ่งน้ำขวางอยู่เบื้องหน้า

ชิ้งๆ เสียงดังสนั่น!

เสียงโลหะปะทะกันดังขึ้นครั้งหนึ่ง เงาทวนวงเดือนสีเงินกับแสงกรงเล็บสีเลือดแทงเข้าใส่มุกกลมสีฟ้าขนาดมหึมาดุจเม็ดฝน

ลูกแก้วกลมสีฟ้าขนาดมหึมาทอแสงวูบวาบ บนผิวของเงาทวนวงเดือนและแสงกรงเล็บด้านล่างเกิดหยดน้ำสีฟ้าใสหยดแล้วหยดเล่า ต่อจากนั้นหยดน้ำก็ค่อยๆ รวมตัวกันกลายเป็นของเหลวสีฟ้าราวกับน้ำซัดออกมาจากลูกแก้วกลมในทันใด

หยดน้ำสีฟ้าไหลแผ่มายังทวนวงเดือนสีเงินด้านล่าง เหลิ่งเหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

ของเหลวสีฟ้าไม่ทราบชื่อนี้มีแรงดูดพิเศษบางอย่าง เงาทวนวงเดือนสีเงินในมือเขาถูกของเหลวเหล่านี้ตรึงไว้แน่น ไม่ว่าเขาจะบังคับเคล็ดวิชาอย่างไรก็สลัดไม่หลุดสักนิด

ไม่เพียงเท่านี้ ลมปราณหนาวเย็นน่าหวาดหวั่นสายหนึ่งยังทะลุผ่านทวนวงเดือนลามมายังร่างต้นของเขาอย่างรวดเร็ว

เหลิ่งเหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาปล่อยสองมือจากทวงวงเดือนสีเงินในทันใด ร่างกายเลือนหายวูบหนึ่งแล้วรีบถอยหลัง

แต่เวลานี้สิบนิ้วที่สองมือหลานซวี่แปรเปลี่ยนดุจกงล้อ เสียงท่องมนตร์แผ่วเบาทุ้มต่ำดังออกจากปาก ยันต์ลี้ลับตัวแล้วตัวเล่าพุ่งหายเข้าไปในลูกแก้วกลมสีฟ้าเบื้องหน้าที่อยู่ในมือเขาพร้อมเสียงท่องมนตร์

ลมปราณหนาวยะเยือกที่แผ่ออกมาจากด้านในลูกแก้วกลมสีฟ้าเพิ่มมากขึ้นอย่างฉับพลัน!

อึดใจต่อมาดวงตาของหลานซวี่พลันฉายแววเหี้ยมเกรียม ปากตวาดดังลั่นคำหนึ่ง

“ระเบิด!”

บนผิวของลูกแก้วกลมสีฟ้าที่หมุนเร็วจี๋ปรากฏจุดแสงสีฟ้าสว่างขึ้นในทันใด จากนั้นรอยปริร้าวเล็กละเอียดนับไม่ถ้วนก็แผ่ทั่วลูกแก้วกลมที่ขนาดเท่าโอ่งน้ำ

สถานการณ์เช่นนี้คงอยู่เพียงสองสามลมหายใจ มันก็ระเบิดดังกึกก้อง!

ชั่วขณะหนึ่งลมปราณสีฟ้านับไม่ถ้วนแผ่กระจายออกมาสี่ด้านแปดทิศ อีกทั้งในไอเมฆสีฟ้านี้ยังแทรกด้วยหยดของเหลวสีฟ้าใสมากมาย พวกมันหมุนกลางท้องฟ้าอยู่รอบหนึ่งก็พุ่งฉิวดุจลูกธนูไปรอบด้าน

เหลิ่งเหมิงสีหน้าเขียวคล้ำ สองมือทำท่าเคล็ดวิชาเร็วไวดุจสายฟ้าแลบ ธงผืนใหญ่สีเลือดเหนือศีรษะคลี่ออก ทันใดนั้นแสงสีเลือดหนาทึบผืนหนึ่งก็โผล่มาล้อมร่างเขาไว้ด้านในทันที

เขาเพิ่งทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ไอสีฟ้าพลันถาโถมมาดุจเกลียวคลื่นคลั่ง พริบตาเดียวปกคลุมบริเวณเกือบร้อยจั้งรอบด้านเอาไว้ แน่นอนมันย่อมกลบภูตยมโลกโลหิตทั้งเก้าตนนั้นรวมถึงธงโลหิตเหนือศีรษะเขาไว้ด้านใน

แม้เหลิ่งเหมิงจะอยู่ใต้การป้องกันของแสงสีเลือด เขาก็ยังสัมผัสได้ว่าลมปราณหนาวยะเยือกน่าหวาดหวั่นกำลังซึมทะลุเมฆหมอกสีฟ้ารอบด้านเข้ามาทำให้ทั้งร่างกายชาและสูญสิ้นกำลังในพริบตา ไม่ว่าศีรษะหรือแขนขาทั้งหมดแข็งทื่อ อยากขยับเพียงเล็กน้อยก็กินแรงมหาศาล

เขากวาดสายตามองไปรอบด้านอย่างหวาดผวา ภูตยมโลกโลหิตเก้าตนรอบตัวที่ตกอยู่ท่ามกลางไอสีฟ้าสายนี้แววตาหม่นแสง ท่าทางขยับไม่ได้แม้แต่น้อยเช่นกัน

ในตอนนี้เองเสียงประหนึ่งสายฝนกระทบใบตองก็ดังขึ้น หยดน้ำสีฟ้าเหล่านั้นที่เกิดจากการระเบิดตัวเองของอาวุธเวทลูกแก้วกลมของบุรุษร่างยักษ์ชุดสีฟ้าพุ่งมาเกาะภูตยมโลกโลหิตทั้งเก้าตนรวมถึงบนแสงสีเลือดที่คุ้มกายเหลิ่งเหมิง

กึกๆ !

ภูตยมโลกโลหิตเก้าตนรวมถึงแสงสีเลือดรอบร่างเหลิ่งเหมิงถูกปกคลุมด้วยผลึกน้ำแข็งสีฟ้าในทันที

ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่ธงสีเลือดเหนือศีรษะ เวลานี้ก็ถูกปกคลุมด้วยผลึกน้ำแข็งสีฟ้าชั้นหนึ่งอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แสงสีเลือดลดทอนลงไปมาก

ทว่าลมปราณหนาวยะเยือกสีฟ้าห้อมล้อมอยู่รอบด้านเพียงสองลมหายใจก็หายไปอย่างประหลาด เผยสถานการณ์ด้านในออกมา

หลิ่วหมิงที่หลบอยู่ห่างๆ เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็สูดลมหายใจดังเฮือก

บริเวณเกือบร้อยจั้งที่มีเหลิ่งเหมิงกับบุรุษร่างยักษ์ชุดสีฟ้าอยู่ตรงกลาง กลายเป็นดินแดนน้ำแข็งสีฟ้าแวววาวไปแล้ว

เหลิ่งเหมิงกับภูตยมโลกโลหิตอีกเก้าตนถูกผลึกน้ำแข็งสีฟ้าชั้นหนึ่งเยือกแข็งไว้ กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งสีฟ้าที่ดูราวกับมีชีวิตสิบตัว

มีเพียงบุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เป็นไร เวลานี้ทั้งร่างจากหัวจรดเท้าของเขาถูกม่านแสงสีฟ้าอ่อนชั้นหนึ่งหุ้มอยู่

“นี่มันปราณเหมันต์หลานเกิง!”

สายตาของหลิ่วหมิงจับอยู่บนผลึกน้ำแข็งสีฟ้าบนร่างเหลิ่งเหมิง นึกย้อนถึงไอหมอกสีฟ้าที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่ ในใจมีชื่อในตำนานชื่อหนึ่งผุดขึ้นมา

ปราณเหมันต์หลานเกิงนี่เป็นสมบัติล้ำค่าที่ผู้ฝึกฝนวิชาธาตุน้ำแข็งใฝ่ฝันปรารถนา เพียงเสี้ยวเดียวก็เพียงพอเยือกแข็งทุกสรรพสิ่งบนโลก!

สิ่งที่มหัศจรรย์ก็คือของที่ถูกเยือกแข็งจะหลุดพ้นจากกาลเวลาชั่วคราว อีกทั้งยังแข็งแกร่งประหนึ่งหินผา แม้แต่คมของอาวุธเวทก็ไม่อาจทำร้ายได้สักนิด เพียงจุดนี้ก็ใช้ประโยชน์ได้ไม่หมดสิ้นแล้ว

และหากเสริมปราณเหมันต์หลานเกิงเพียงน้อยนิดให้แก่อาวุธจิตวิญญาณหรืออาวุธเวทธาตุน้ำแข็ง พลังของพวกมันย่อมมากขึ้นร้อยเท่า

แต่ปราณเหมันต์หลานเกิงนี้หาพบยากยิ่ง แม้ที่แผ่นดินจงเทียนก็มีเพียงในถ้ำลึกใต้ธารน้ำแข็งหมื่นปีเหนือสุดของดินแดนเท่านั้นจึงจะมีโอกาสหาพบสักเสี้ยวได้ แทบจะหายสาบสูญไปแล้ว

แรกเริ่มเดิมทีหลิ่วหมิงไม่รู้เกี่ยวกับปราณเหมันต์นี้ แต่เขาเคยอ่านคัมภีร์เกี่ยวกับธาตุน้ำมากมายตอนที่ทดลองกลั่นหยดพลังวารีด้วยตัวเองเมื่อตอนนั้น จึงบังเอิญอ่านพบเกี่ยวกับปราณเหมันต์หลานเกิงชนิดนี้

วันนี้ได้เห็น พลังน่าทึ่งอย่างแท้จริง!

เขาเดาว่าภายในอาวุธยมโลกหน้าตาเหมือนลูกแก้วกลมที่อยู่เหนือศีรษะของหลานซวี่ผู้นี้น่าจะมีปราณเหมันต์หลานเกิงอันบริสุทธิ์อย่างยิ่งสายหนึ่งอยู่ เมื่อระเบิดตัวเองจึงมีพลังมหาศาลสะเทือนฟ้าสะเทือนดินเช่นนี้

ในตอนนี้เอง ม่านแสงสีฟ้าอ่อนบนร่างของบุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าก็สั่นไหววูบหนึ่งแล้วพังทลาย

สีหน้าของเขาเห็นชัดว่าดูแก่ชราขึ้นกว่าเมื่อครู่หลายส่วน สายตากวาดมองบนร่างเหลิ่งเหมิงกับภูตยมโลกโลหิตเก้าตนนั้น ใบหน้าเผยรอยยิ้มหยันน้อยๆ แต่ไม่ทันไรร่างกายก็ส่ายโอนเอน ดูโงนเงนใกล้จะล้ม

เห็นชัดว่าหลังจากผ่านศึกใหญ่เมื่อครู่ แล้วยังระเบิดอาวุธล้ำค่าของตนเองไปชิ้นหนึ่ง ไม่ว่าในด้านพลังเวทหรือพลังกายบุรุษร่างยักษ์ล้วนเป็นศรสิ้นแรง

เขารีบพลิกมือเรียกขวดหยกใบหนึ่งออกมาเทเข้าปาก สีหน้าจึงดีขึ้นบ้าง ต่อจากนั้นจึงบ่ายหน้าหมายจะเหาะหนีไปไกล

หลิ่วหมิงที่หลบอยู่ไกลๆ เห็นเช่นนี้ สายตาพลันทอประกายวูบหนึ่ง ขณะที่กำลังจะเคลื่อนไหว ทันใดนั้นหูก็ได้ยินเสียงเปรี๊ยะแผ่วเบาดังขึ้น

เขาตกตะลึงหลบกลับไปที่เดิมไม่ขยับแม้แต่นิด

ร่างกายของบุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าที่กำลังจะเหาะหนีชะงักในทันใด เขาหันกลับมามองด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 1068 ปราณเหมันต์หลานเกิง

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 1068 ปราณเหมันต์หลานเกิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กลุ่มเมฆสีฟ้าเพิ่งเหาะออกไปได้ไม่กี่สิบจั้ง แสงสีเลือดก็สว่างขึ้นเบื้องหน้า เงาภูตสีเลือดสามตนปรากฏตัวขึ้นดุจภูตพราย ความเร็วทำให้หลิ่วหมิงที่หลบอยู่ในที่ซ่อนถึงขั้นกัดลิ้น

เวลานี้เงาภูตสีเลือดเหล่านี้กลายเป็นผีร้ายหน้าตาโหดเหี้ยมตัวแล้วตัวเล่าเรียบร้อยแล้ว มือกับเท้ามีกรงเล็บคมสีเลือดยาวหลายฉื่องอกออกมา เงากรงเล็บร่อนเข้าตะปบกลุ่มเมฆสีฟ้าอย่างฉับพลัน

แถบแสงสีเลือดหลายสายโจมตีลงบนกลุ่มเมฆสีฟ้าดังเปรี้ยง กลุ่มเมฆสีฟ้าสะเทือนอย่างรุนแรง แม้ไม่ถูกโจมตีทลายแต่ก็ถูกขวางเอาไว้ได้

ฟึบ ฟึบ ฟึบ!

ภูตยมโลกโลหิตอีกหกตนพาเงาติดตาเป็นสายมาปรากฏตัวรอบด้านกลุ่มเมฆสีฟ้า

แสงสีเลือดสว่างขึ้นบนสองแขนของภูตยมโลกโลหิตเก้าตน แสงกรงเล็บยืดยาวออกจากมือไม่หยุดก่อนจะระเบิดแสงสีเลือดที่ทำให้คนแสบตาสายแล้วสายเล่าออกมา

“ฟึบๆ” เสียงแหวกอากาศดังสนั่น!

แสงกรงเล็บสีเลือดนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นเบื้องหน้าแล้วล้อมตัวเป็นวงราวกับตาข่ายเส้นไหมขนาดมหึมา จากนั้นหุบฉับเข้าหากลุ่มเมฆสีฟ้าที่อยู่ตรงกลางอย่างรวดเร็ว

ผิวของกลุ่มเมฆปั่นป่วนรุนแรงทันที มันถูกแสงสีเลือดทั่วทุกสารทิศโจมตีจนเปลี่ยนรูปไม่หยุด เมฆสีฟ้ากระเจิงไปรอบด้าน หลังจากทนอยู่ได้ไม่กี่ลมหายใจ ในที่สุดก็ถูกฉีกทึ้ง

ใจกลางหมอกควันสีฟ้าที่กระจายไปรอบด้าน บุรุษร่างยักษ์กระอักเลือดออกมาจากปากหลายคำ อาวุธเวทมุกกลมสีฟ้าเหนือศีรษะหม่นแสงลงไม่น้อย ทั้งร่างถูกพลังมหาศาลโจมตีจนปลิวกระแทกพื้นดินเบื้องล่างอย่างหนักหน่วง

“ปึง” เสียงดังสนั่น!

พื้นดินฉับพลันถูกกระแทกเป็นหลุมยักษ์ขนาดหลายจั้งหลุมหนึ่ง เศษหินปลิวว่อน

“วิชาร้ายกาจนัก!”

หลิ่วหมิงที่อยู่หลังก้อนหินยักษ์ไกลๆ มองภาพที่ชวนให้ตาพร่าแล้วสูดหายใจดังเฮือก

ภูตยมโลกโลหิตเก้าตนนี้ที่เหลิ่งเหมิงเรียกออกมา แต่ละตนมีพลังใกล้เคียงระดับแก่นแท้ ความเร็วรวดเร็วดุจภูตพราย ล้อมโจมตีเช่นนี้ เกรงว่ายอดฝีมือระดับแก่นแท้ตนใดล้วนทนได้ไม่เกินสิบกระบวนท่า

หลานซวี่ผู้นี้ใช้กำลังของตนเพียงคนเดียวยื้อมาได้จนถึงตอนนี้ก็ไม่ง่ายแล้ว

ลองเปลี่ยนเป็นเขาที่สู้กับเหลิ่งเหมิงเช่นนี้ หากชิงสังหารอีกฝ่ายอย่างสายฟ้าแลบก่อนหน้าเขาเรียกภูตยมโลกโลหิตเหล่านี้ออกมาไม่ได้ ทันทีที่อีกฝ่ายใช้กระบวนท่านี้ โอกาสชนะคงไม่สูงสักเท่าไร

อันดับหนึ่งใต้ระดับดาราพยากรณ์แห่งเมืองเหลิ่งเยวี่ย ไม่ใช่แค่พูดจริงๆ!

จะว่าไปแดนมืดทั้งเก้าของยมโลก แต่ละแห่งก็กว้างใหญ่ไพศาล กลุ่มอำนาจน้อยใหญ่ในนั้นมีไม่รู้เท่าไร แค่แม่ทัพมืดตัวเล็กๆ คนหนึ่งในกลุ่มอำนาจระดับกลางของแดนวารีมืดยังมีพลังเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นเก้าราชายมโลกผู้ลึกลับนั่นพลังคงยิ่งไม่อาจจินตนาการ ก็ไม่รู้ว่าเทียบกับผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ของสี่ยอดนิกายใหญ่แห่งเผ่ามนุษย์จะเป็นอย่างไร?

ระหว่างที่หลิ่วหมิงครุ่นคิด สถานการณ์ระหว่างเหลิ่งเหมิงกับหลานซวี่ด้านนั้นก็แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วอีกครั้ง!

แสงสีเงินแสบตาสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่มาบนท้องฟ้า!

มือของเหลิ่งเหมิงกำทวนวงเดือนสีเงินยาวสองจั้งเล่มหนึ่งไว้ตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ ใบหน้าเผยจิตสังหารก้มลงมองเบื้องล่าง

ทวนวงเดือนสีเงินสะบัดกลายเป็นเงาทวนวงเดือนมหึมามากมายกลางอากาศรอบตัวเขา แล้วแทงเข้าใส่บุรุษร่างยักษ์ชุดสีฟ้าด้านล่างดุจพายุฝนกระหน่ำ

ด้านในหลุมยักษ์เบื้องล่าง บุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าลุกขึ้นยืนได้ทันหวุดหวิด เวลานี้เขาสีหน้าซีดเผือด ทั้งร่างบนจรดล่างถูกกรีดเป็นบาดแผลแห่งแล้วแห่งเล่า เลือดไหลโทรมกาย

แต่เขายังไม่หมดใจจะสู้ เมื่อเห็นเหลิ่งเหมิงก้มลงมอง สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันใด เกราะแสงป้องกันสีฟ้าอ่อนลอยขึ้นรอบร่างอย่างเร็วไว พร้อมกับพลิกกาย กระโดดออกจากหลุมยักษ์ทันที

เสียงแหวกอากาศดังฟึบๆ ขึ้นหลังร่างเขา เงาทวนวงเดือนสีเงินมากมายพุ่งเฉียดหัวไหล่ของเขาไป

“ปึง” เสียงแผ่วเบาดังขึ้น!

เกราะแสงคุ้มกันร่างของบุรุษร่างยักษ์ไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อยจึงพังทลายลงทันที หากปฏิกิริยาไม่ไวพอเกรงว่าเขาคงถูกเงาทวนวงเดือนแทงทะลุจนพรุนแล้ว

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พักหายใจ เสียงฟึบๆ เช่นเดิมก็ดังขึ้นระรัวข้างตัวเขาอีก

เงาทวนวงเดือนสีเงินเต็มฟ้าพุ่งเร็วรี่ตามมาดุจเงาตามตัว ชั่วขณะที่แสงสีเลือดกะพริบวูบวาบ ภูตยมโลกโลหิตเก้าตัวก็พาเงาติดตาร่างแล้วร่างเล่าโถมเข้าใส่บุรุษร่างยักษ์ชุดสีฟ้า

เหลิ่งเหมิงสีหน้าเหี้ยมเกรียม เห็นชัดว่าต้องการสังหารบุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าให้ตายสนิทเสียที่นี่!

บุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งออกมาอย่างแทบจะไม่ต้องคิด มันกลายเป็นลูกศรสีเลือดดอกหนึ่งพุ่งจมเข้าไปในมุกกลมสีฟ้าเหนือศีรษะ

มุกกลมเปล่งแสงสีฟ้าเจิดจ้า ทันใดนั้นมันก็หมุนติ้วอยู่ที่เดิมแล้วขยายใหญ่จนกลายเป็นลูกแก้วกลมสีฟ้าขนาดเท่าโอ่งน้ำขวางอยู่เบื้องหน้า

ชิ้งๆ เสียงดังสนั่น!

เสียงโลหะปะทะกันดังขึ้นครั้งหนึ่ง เงาทวนวงเดือนสีเงินกับแสงกรงเล็บสีเลือดแทงเข้าใส่มุกกลมสีฟ้าขนาดมหึมาดุจเม็ดฝน

ลูกแก้วกลมสีฟ้าขนาดมหึมาทอแสงวูบวาบ บนผิวของเงาทวนวงเดือนและแสงกรงเล็บด้านล่างเกิดหยดน้ำสีฟ้าใสหยดแล้วหยดเล่า ต่อจากนั้นหยดน้ำก็ค่อยๆ รวมตัวกันกลายเป็นของเหลวสีฟ้าราวกับน้ำซัดออกมาจากลูกแก้วกลมในทันใด

หยดน้ำสีฟ้าไหลแผ่มายังทวนวงเดือนสีเงินด้านล่าง เหลิ่งเหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

ของเหลวสีฟ้าไม่ทราบชื่อนี้มีแรงดูดพิเศษบางอย่าง เงาทวนวงเดือนสีเงินในมือเขาถูกของเหลวเหล่านี้ตรึงไว้แน่น ไม่ว่าเขาจะบังคับเคล็ดวิชาอย่างไรก็สลัดไม่หลุดสักนิด

ไม่เพียงเท่านี้ ลมปราณหนาวเย็นน่าหวาดหวั่นสายหนึ่งยังทะลุผ่านทวนวงเดือนลามมายังร่างต้นของเขาอย่างรวดเร็ว

เหลิ่งเหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาปล่อยสองมือจากทวงวงเดือนสีเงินในทันใด ร่างกายเลือนหายวูบหนึ่งแล้วรีบถอยหลัง

แต่เวลานี้สิบนิ้วที่สองมือหลานซวี่แปรเปลี่ยนดุจกงล้อ เสียงท่องมนตร์แผ่วเบาทุ้มต่ำดังออกจากปาก ยันต์ลี้ลับตัวแล้วตัวเล่าพุ่งหายเข้าไปในลูกแก้วกลมสีฟ้าเบื้องหน้าที่อยู่ในมือเขาพร้อมเสียงท่องมนตร์

ลมปราณหนาวยะเยือกที่แผ่ออกมาจากด้านในลูกแก้วกลมสีฟ้าเพิ่มมากขึ้นอย่างฉับพลัน!

อึดใจต่อมาดวงตาของหลานซวี่พลันฉายแววเหี้ยมเกรียม ปากตวาดดังลั่นคำหนึ่ง

“ระเบิด!”

บนผิวของลูกแก้วกลมสีฟ้าที่หมุนเร็วจี๋ปรากฏจุดแสงสีฟ้าสว่างขึ้นในทันใด จากนั้นรอยปริร้าวเล็กละเอียดนับไม่ถ้วนก็แผ่ทั่วลูกแก้วกลมที่ขนาดเท่าโอ่งน้ำ

สถานการณ์เช่นนี้คงอยู่เพียงสองสามลมหายใจ มันก็ระเบิดดังกึกก้อง!

ชั่วขณะหนึ่งลมปราณสีฟ้านับไม่ถ้วนแผ่กระจายออกมาสี่ด้านแปดทิศ อีกทั้งในไอเมฆสีฟ้านี้ยังแทรกด้วยหยดของเหลวสีฟ้าใสมากมาย พวกมันหมุนกลางท้องฟ้าอยู่รอบหนึ่งก็พุ่งฉิวดุจลูกธนูไปรอบด้าน

เหลิ่งเหมิงสีหน้าเขียวคล้ำ สองมือทำท่าเคล็ดวิชาเร็วไวดุจสายฟ้าแลบ ธงผืนใหญ่สีเลือดเหนือศีรษะคลี่ออก ทันใดนั้นแสงสีเลือดหนาทึบผืนหนึ่งก็โผล่มาล้อมร่างเขาไว้ด้านในทันที

เขาเพิ่งทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ไอสีฟ้าพลันถาโถมมาดุจเกลียวคลื่นคลั่ง พริบตาเดียวปกคลุมบริเวณเกือบร้อยจั้งรอบด้านเอาไว้ แน่นอนมันย่อมกลบภูตยมโลกโลหิตทั้งเก้าตนนั้นรวมถึงธงโลหิตเหนือศีรษะเขาไว้ด้านใน

แม้เหลิ่งเหมิงจะอยู่ใต้การป้องกันของแสงสีเลือด เขาก็ยังสัมผัสได้ว่าลมปราณหนาวยะเยือกน่าหวาดหวั่นกำลังซึมทะลุเมฆหมอกสีฟ้ารอบด้านเข้ามาทำให้ทั้งร่างกายชาและสูญสิ้นกำลังในพริบตา ไม่ว่าศีรษะหรือแขนขาทั้งหมดแข็งทื่อ อยากขยับเพียงเล็กน้อยก็กินแรงมหาศาล

เขากวาดสายตามองไปรอบด้านอย่างหวาดผวา ภูตยมโลกโลหิตเก้าตนรอบตัวที่ตกอยู่ท่ามกลางไอสีฟ้าสายนี้แววตาหม่นแสง ท่าทางขยับไม่ได้แม้แต่น้อยเช่นกัน

ในตอนนี้เองเสียงประหนึ่งสายฝนกระทบใบตองก็ดังขึ้น หยดน้ำสีฟ้าเหล่านั้นที่เกิดจากการระเบิดตัวเองของอาวุธเวทลูกแก้วกลมของบุรุษร่างยักษ์ชุดสีฟ้าพุ่งมาเกาะภูตยมโลกโลหิตทั้งเก้าตนรวมถึงบนแสงสีเลือดที่คุ้มกายเหลิ่งเหมิง

กึกๆ !

ภูตยมโลกโลหิตเก้าตนรวมถึงแสงสีเลือดรอบร่างเหลิ่งเหมิงถูกปกคลุมด้วยผลึกน้ำแข็งสีฟ้าในทันที

ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่ธงสีเลือดเหนือศีรษะ เวลานี้ก็ถูกปกคลุมด้วยผลึกน้ำแข็งสีฟ้าชั้นหนึ่งอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แสงสีเลือดลดทอนลงไปมาก

ทว่าลมปราณหนาวยะเยือกสีฟ้าห้อมล้อมอยู่รอบด้านเพียงสองลมหายใจก็หายไปอย่างประหลาด เผยสถานการณ์ด้านในออกมา

หลิ่วหมิงที่หลบอยู่ห่างๆ เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็สูดลมหายใจดังเฮือก

บริเวณเกือบร้อยจั้งที่มีเหลิ่งเหมิงกับบุรุษร่างยักษ์ชุดสีฟ้าอยู่ตรงกลาง กลายเป็นดินแดนน้ำแข็งสีฟ้าแวววาวไปแล้ว

เหลิ่งเหมิงกับภูตยมโลกโลหิตอีกเก้าตนถูกผลึกน้ำแข็งสีฟ้าชั้นหนึ่งเยือกแข็งไว้ กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งสีฟ้าที่ดูราวกับมีชีวิตสิบตัว

มีเพียงบุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เป็นไร เวลานี้ทั้งร่างจากหัวจรดเท้าของเขาถูกม่านแสงสีฟ้าอ่อนชั้นหนึ่งหุ้มอยู่

“นี่มันปราณเหมันต์หลานเกิง!”

สายตาของหลิ่วหมิงจับอยู่บนผลึกน้ำแข็งสีฟ้าบนร่างเหลิ่งเหมิง นึกย้อนถึงไอหมอกสีฟ้าที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่ ในใจมีชื่อในตำนานชื่อหนึ่งผุดขึ้นมา

ปราณเหมันต์หลานเกิงนี่เป็นสมบัติล้ำค่าที่ผู้ฝึกฝนวิชาธาตุน้ำแข็งใฝ่ฝันปรารถนา เพียงเสี้ยวเดียวก็เพียงพอเยือกแข็งทุกสรรพสิ่งบนโลก!

สิ่งที่มหัศจรรย์ก็คือของที่ถูกเยือกแข็งจะหลุดพ้นจากกาลเวลาชั่วคราว อีกทั้งยังแข็งแกร่งประหนึ่งหินผา แม้แต่คมของอาวุธเวทก็ไม่อาจทำร้ายได้สักนิด เพียงจุดนี้ก็ใช้ประโยชน์ได้ไม่หมดสิ้นแล้ว

และหากเสริมปราณเหมันต์หลานเกิงเพียงน้อยนิดให้แก่อาวุธจิตวิญญาณหรืออาวุธเวทธาตุน้ำแข็ง พลังของพวกมันย่อมมากขึ้นร้อยเท่า

แต่ปราณเหมันต์หลานเกิงนี้หาพบยากยิ่ง แม้ที่แผ่นดินจงเทียนก็มีเพียงในถ้ำลึกใต้ธารน้ำแข็งหมื่นปีเหนือสุดของดินแดนเท่านั้นจึงจะมีโอกาสหาพบสักเสี้ยวได้ แทบจะหายสาบสูญไปแล้ว

แรกเริ่มเดิมทีหลิ่วหมิงไม่รู้เกี่ยวกับปราณเหมันต์นี้ แต่เขาเคยอ่านคัมภีร์เกี่ยวกับธาตุน้ำมากมายตอนที่ทดลองกลั่นหยดพลังวารีด้วยตัวเองเมื่อตอนนั้น จึงบังเอิญอ่านพบเกี่ยวกับปราณเหมันต์หลานเกิงชนิดนี้

วันนี้ได้เห็น พลังน่าทึ่งอย่างแท้จริง!

เขาเดาว่าภายในอาวุธยมโลกหน้าตาเหมือนลูกแก้วกลมที่อยู่เหนือศีรษะของหลานซวี่ผู้นี้น่าจะมีปราณเหมันต์หลานเกิงอันบริสุทธิ์อย่างยิ่งสายหนึ่งอยู่ เมื่อระเบิดตัวเองจึงมีพลังมหาศาลสะเทือนฟ้าสะเทือนดินเช่นนี้

ในตอนนี้เอง ม่านแสงสีฟ้าอ่อนบนร่างของบุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าก็สั่นไหววูบหนึ่งแล้วพังทลาย

สีหน้าของเขาเห็นชัดว่าดูแก่ชราขึ้นกว่าเมื่อครู่หลายส่วน สายตากวาดมองบนร่างเหลิ่งเหมิงกับภูตยมโลกโลหิตเก้าตนนั้น ใบหน้าเผยรอยยิ้มหยันน้อยๆ แต่ไม่ทันไรร่างกายก็ส่ายโอนเอน ดูโงนเงนใกล้จะล้ม

เห็นชัดว่าหลังจากผ่านศึกใหญ่เมื่อครู่ แล้วยังระเบิดอาวุธล้ำค่าของตนเองไปชิ้นหนึ่ง ไม่ว่าในด้านพลังเวทหรือพลังกายบุรุษร่างยักษ์ล้วนเป็นศรสิ้นแรง

เขารีบพลิกมือเรียกขวดหยกใบหนึ่งออกมาเทเข้าปาก สีหน้าจึงดีขึ้นบ้าง ต่อจากนั้นจึงบ่ายหน้าหมายจะเหาะหนีไปไกล

หลิ่วหมิงที่หลบอยู่ไกลๆ เห็นเช่นนี้ สายตาพลันทอประกายวูบหนึ่ง ขณะที่กำลังจะเคลื่อนไหว ทันใดนั้นหูก็ได้ยินเสียงเปรี๊ยะแผ่วเบาดังขึ้น

เขาตกตะลึงหลบกลับไปที่เดิมไม่ขยับแม้แต่นิด

ร่างกายของบุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าที่กำลังจะเหาะหนีชะงักในทันใด เขาหันกลับมามองด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+