ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 978 มุกบรรพตธารา

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 978 มุกบรรพตธารา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นายท่าน ในนี้บันทึกสิ่งใดไว้บ้างหรือ?” เซียเอ๋อร์เห็นหลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปมา บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ เอ่ยถามอย่างอดไม่อยู่

“วิธีหลอมอาวุธเวทที่แท้จริงชิ้นหนึ่ง” หลิ่วหมิงตอบออกมาประโยคหนึ่ง จากนั้นร่างกายขยับวูบเดียวมาอยู่เหนือภูเขาดินปราณลูกน้อยที่ใกล้ที่สุดแล้วปล่อยจิตสัมผัสสำรวจอย่างรวดเร็ว

เซียเอ๋อร์เห็นสีหน้ารีบร้อนแทบทนรอไม่ได้ของหลิ่วหมิงจึงอยู่เงียบๆ ไม่ถามมาก เพียงไพล่สองแขนไว้ด้านหลัง เขย่งปลายเท้าชะเง้อมองไปรอบด้านเท่านั้น

เมื่อหลิ่วหมิงตรวจสอบภูเขาน้อยจนหมด เวลาก็ผ่านไปชั่วหนึ่งมื้ออาหารแล้ว หลังจากนั้นเขาจึงเหาะมาหน้าโครงกระดูกโดยมีปราณดำวนเวียนอยู่รอบร่าง บนหน้าเผยสีหน้าครุ่นคิดบางอย่าง

ในคัมภีร์หยกบันทึกวิธีหลอมอาวุธเวทที่ชื่อ ‘มุกบรรพตธารา’ ไว้

จากสิ่งที่บอกเล่าในนั้น สมบัติเวทชิ้นนี้หนึ่งชุดประกอบมาจากมุกบรรพตธารายี่สิบลูก ส่วนพลังเป็นอย่างไรในคัมภีร์ไม่ได้กล่าวไว้อย่างละเอียด บอกไว้เพียงว่าสมบัติชิ้นนี้มีลูกเดียวก็ใช้ได้ แต่ทุกครั้งที่เพิ่มขึ้นมาลูกหนึ่งจะประกอบกันและแปรเปลี่ยนได้มากมายหลากหลายรูปแบบ ลี้ลับไม่มีที่สิ้นสุด

วัตถุดิบสำคัญที่ใช้หลอมมุกบรรพตธาราก็คือภูเขาน้อยที่ก่อขึ้นจากดินปราณทองคำบริสุทธิ์สิบสองลูกนี้ข้างตัวเขากับวัตถุดิบล้ำค่าเหล่านั้นด้านบน

ต้องรู้ว่าดินปราณทองคำบริสุทธิ์ไม่ว่าจะที่แผ่นดินอวิ๋นชวนตอนนั้นหรือที่แผ่นดินจงเทียนวันนี้ล้วนเป็นของที่ขาดแคลน ไม่ต้องพูดถึงปริมาณเท่าภูเขาลูกหนึ่ง ต่อให้แค่เท่ากำปั้นก็ราคาแพงจนแทบไม่มีใครซื้อได้

ตอนนี้มีดินปราณทองคำบริสุทธิ์เท่าภูเขาขนาดย่อมสิบสองลูกเต็มๆ นี่จะไม่ให้หลิ่วหมิงตกตะลึงและยินดีเจียนคลั่งได้อย่างไร

จากสภาพที่เขาเห็นตอนนี้ ผู้ฝึกฝนยุคโบราณตรงหน้าคนนี้คงลำบากเตรียมวัตถุดิบหลอมส่วนใหญ่ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใดสุดท้ายจึงไม่ทันสมหวังแล้วยังตายอยู่ที่นี่อย่างประหลาด ตอนนี้จึงยกประโยชน์ให้เขา

“นายท่าน” เซียเอ๋อร์มองหลิ่วหมิงที่ทำหน้าครุ่นคิดอยู่แล้วเอ่ยเรียกเบาๆ คำหนึ่ง ดวงตาทั้งสองข้างทอประกายวิบวับมองมายังคัมภีร์หยกในมือหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงได้สติกลับมาแล้วยิ้มน้อยๆ โยนคัมภีร์หยกในมือไปให้

หญิงสาวรับไว้แล้วหลับดวงเนตรงามทั้งคู่ลง แทรกจิตสัมผัสเข้าไป

“นายท่าน ดูท่าพวกเราจะโชคหล่นทับแล้ว นี่มันร่างตั้งต้นของอาวุธเวทชุดหนึ่ง! ห่างจากการเป็นอาวุธเวทขั้นสมบูรณ์ขั้นสุดท้ายเพียงก้าวเดียวเท่านั้น!” ครู่หนึ่งหลังจากนั้นเซียเอ๋อร์จึงลืมตาขึ้น เอ่ยด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความยินดี

“ใช่แล้ว ร่างตั้งต้นของอาวุธเวทเหล่านี้หายากอย่างแท้จริง แต่ตอนนี้ขาดหยดพลังวารีจำนวนมาก” หลิ่วหมิงพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้นเรียบๆ

เซียเอ๋อร์ได้ยิน ดวงหน้างามก็เผยสีหน้าเสียดายออกมาเล็กน้อย

มุกบรรพตธารา ดูจากความหมายของชื่อก็รู้ว่าเป็นอาวุธเวทที่ครอบครองธาตุน้ำและธาตุดินสองธาตุ ต้องใช้ขุนเขาเป็นแกน ใช้สายน้ำเป็นเส้นลมปราณ ผสานพลังดั้งเดิมแห่งฟ้าดิน หากมีเพียงวัตถุดิบเหล่านี้ตรงหน้า อย่างมากสุดก็หลอมออกมาได้แค่ของครึ่งๆ กลางๆ หากอยากหลอมสำเร็จอย่างแท้จริงต้องการหยดพลังวารีอีกจำนวนมากมาใช้ระหว่างหลอมถึงจะสำเร็จ

ทว่าหยดพลังวารีก็เป็นวัตถุดิบล้ำค่าอย่างที่สุดเช่นกัน หลังจากหลิ่วหมิงมาถึงแผ่นดินจงเทียนก็เคยพยายามค้นหาอยู่บ้างเพื่อเพิ่มพลังของมุกพลังวารีสองลูกในมือ แต่น่าเสียดายตลอดมาไม่เคยสมหวัง

อย่างไรวัตถุดิบชนิดนี้ก็ต้องให้ผู้ฝึกฝนที่เชี่ยวชาญวิชาธาตุวารีใช้เวลาเนิ่นนานหลอมน้ำจำนวนมากมายจากแหล่งน้ำทีละนิดๆ จึงจะถือกำเนิดขึ้นมาได้

แต่ผู้ฝึกฝนทั่วไปใครจะยอมเสียเวลาฝึกฝนตนเองเพื่อวัตถุดิบหลอมอาวุธเล็กน้อยเท่านี้

“ไม่มีอะไรน่าเสียดาย คิดหาวิธีเก็บวัตถุดิบเหล่านี้ก่อนเถอะ” หลิ่วหมิงยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ยบอก

ตอนนี้ขาดหยดพลังวารีจึงไม่อาจหลอมมุกบรรพตธาราได้ แต่ในคัมภีร์หยกบันทึกเคล็ดวิชาชนิดหนึ่งไว้ สามารถบีบอัดวัตถุดิบเหล่านี้รวมไปถึงภูเขาดินปราณสูงร้อยจั้งทั้งหมดให้กลายเป็นลูกแก้วกลมลูกหนึ่งได้

เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็ไม่ต้องลำบากขนภูเขาขนาดย่อมสิบสองลูกแล้ว

หลิ่วหมิงคิดเช่นนี้แล้วเดินไปเบื้องหน้าภูเขาดินปราณน้อยลูกหนึ่ง หลังจากเพ่งสมาธิ สองแขนพลันขยับ บนร่างเปล่งแสงสีดำออกมาในทันใด ปราณดำพลุ่งพล่านทะลักออกมา จากนั้นสองมือก็ประสานเคล็ดวิชาอันแปลกประหลาดท่าแล้วท่าเล่า ปราณดำรอบร่างแผ่ออกมาด้านหน้าช้าๆ ตามท่ามือของเขา ล้อมภูเขาดินปราณลูกหนึ่งเอาไว้

เมื่อปราณสีดำทะลักล้อมเขาลูกน้อยไว้จนหมด หลิ่วหมิงก็เริ่มท่องมนตร์ประหลาดแผ่วเบา ปราณดำที่ล้อมภูเขาดินปราณลูกน้อยไว้ค่อยๆ กลายเป็นเปลวเพลิงสีดำดวงหนึ่ง

สองมือสะบัด เคล็ดวิชาสีขาวเส้นหนึ่งบินเข้าไปในปราณสีดำก่อนจะร่วงลงบนภูเขาดินปราณลูกน้อย

ภูเขาดินปราณลูกน้อยทั้งลูกเริ่มแผ่แสงสีเหลืองอ่อนออกมา หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ มนตร์ที่ท่องอยู่ก็ยิ่งเร่งเร็วขึ้น สองมือขยับไม่หยุด ยิงเคล็ดวิชาสีขาวสายแล้วสายเล่าออกมา

ภายใต้ลมปราณสีดำ ภูเขาดินปราณทั้งลูกส่องแสงสว่างขึ้นทุกที และหดเล็กลงเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงท่องมนตร์ของหลิ่วหมิง

ผ่านไปเช่นนี้เป็นเวลาราวหนึ่งชั่วยาม ภูเขาดินปราณสูงร้อยจั้งก็กลายเป็นลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนขนาดไม่กี่ชุ่นลูกหนึ่งลอยนิ่งสงบอยู่เบื้องหน้าหลิ่วหมิง

บนผิวของลูกแก้วกลมแผ่แสงสีน้ำตาลอ่อนวงแล้ววงเล่าออกมา อีกทั้งด้านบนยังปรากฏภาพสัญลักษณ์ขุนเขาน้อยที่ประดุจมีชีวิตลูกหนึ่งอย่างชัดเจน สัมผัสได้ถึงพลังจิตวิญญาณ

“ดี นับว่าทำเสร็จไปหนึ่ง” หลิ่วหมิงยื่นมือไปเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาจากใบหน้า แล้วเก็บลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนไปอย่างระมัดระวัง

จะว่าไปแล้ว มุกบรรพตธาราหลังจากหลอมเสร็จสามารถเปลี่ยนขนาดเล็กใหญ่ได้ตามแต่ใจต้องการ ทว่าวันนี้เมื่อเป็นเพียงของที่สำเร็จครึ่งๆ กลางๆ จึงทำได้แค่หดขนาดด้วยเคล็ดวิชาที่บันทึกไว้ในคัมภีร์หยกเท่านั้น เคล็ดวิชานี้ค่อนข้างพิสดารอีกทั้งเปลืองพลังเวทอย่างมาก ด้วยระดับพลังตอนนี้ของเขาเก็บหนึ่งลูกก็รู้สึกว่ากินแรงอยู่บ้างแล้ว

เขาส่ายศีรษะอย่างจนปัญญาเล็กน้อย แล้วพลิกมือเรียกโอสถจินหยวนเม็ดหนึ่งมากลืนลงไป หลังจากพักครู่หนึ่งเขาก็เริ่มยกเท้าก้าวเดินไปหน้าภูเขาน้อยอีกลูกหนึ่งแล้วเริ่มหลอมเปลี่ยนรูป

ใช้เวลาเช่นนี้หนึ่งวันเต็มๆ เขาจึงย่อขนาดภูเขาดินปราณสิบสองลูกในห้องศิลาจนกลายเป็นลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนขนาดชุ่นกว่าได้ทั้งหมด

“ในที่สุดก็สำเร็จ!” หลิ่วหมิงลอบถอนหายใจแล้วนั่งขัดสมาธิ

ระหว่างที่หลิ่วหมิงหลอมภูเขาน้อยอยู่ เซียเอ๋อร์ก็ยืนอยู่ด้านข้างตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ เวลานี้นางกำลังพลิกดูเสื้อตัวยาวสีเหลืองชุดนั้นในมือ

“ทำไม เจ้าชอบอาภรณ์ชุดนี้หรือ?” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้จึงเอ่ยปากถาม

เซียเอ๋อร์ได้ยินพลันสะดุ้งตกใจ จากนั้นใบหน้าก็แดงระเรื่อ

“นี่เป็นอาภรณ์ธาตุดินชุดหนี่ง คล้ายจะมีความสามารถเก็บซ่อนกลิ่นอายได้อยู่บ้าง เหมาะกับเจ้าทีเดียว ชอบก็เอาไปเถิด” หลิ่วหมิงเอ่ยเรียบๆ

“ขอบคุณนายท่านยิ่งนัก!” เซียเอ๋อร์ฟังแล้วก็ทำหน้าดีอกดีใจ คำนับอย่างอ้อนช้อยครั้งหนึ่งทันที

“ใช่แล้ว เมื่อครู่ตอนเข้ามารีบร้อนมาดูห้องทั้งสองของตำหนักใหญ่ เจ้าไปสำรวจดูพระราชวังหลังนี้ให้ละเอียดอีกครั้ง อย่าให้ตกหล่นสิ่งใดไป” ทันใดนั้นหลิ่วหมิงก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยปากสั่ง

เซียเอ๋อร์ได้ยินก็พยักหน้าแล้วห่มอาภรณ์ยาวสีเหลืองลงบนร่าง แสงสีเหลืองสว่างขึ้นวูบหนึ่งนางก็ออกจากห้องศิลาไป ก่อนไปยังไม่ลืมปิดประตูห้องศิลาให้ด้วย

ช่วงเวลาต่อจากนั้นหลิ่วหมิงหยิบโอสถขึ้นมากินหลายเม็ด มือทั้งสองข้างต่างกำหินจิตวิญญาณระดับสูงก้อนหนึ่งไว้ แล้วเริ่มโคจรปราณเงียบๆ ฟื้นพลังเวทที่ใกล้จะแห้งเหือด

หลังจากทำเช่นนี้สักพัก เขาก็พลิกมือเรียกลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนลูกหนึ่งออกมาอีกครั้งแล้วสำรวจอย่างละเอียด

ลูกแก้วผลึกทอแสงสีเหลืองระยิบระยับ แรงกดดันจิตวิญญาณหนักหน่วงเข้มข้นแผ่ออกมาจากบนลูกแก้ว

ดวงตาเขาฉายแววยินดีเล็กน้อย ร่างตั้งต้นตรงหน้ายังไม่ทันเริ่มกระบวนการหลอม นับเป็นผลงานที่สำเร็จครึ่งหนึ่งก็ยังไม่ได้ แต่กลับมีพลังขนาดนี้ ถ้าเช่นนั้นอาวุธเวทมุกบรรพตธาราที่เสร็จสมบูรณ์ครึ่งหนึ่งกับที่เสร็จสมบูรณ์อย่างแท้จริงจะพลังร้ายกาจปานใด นั่นยิ่งไม่อาจจินตนาการได้

พูดถึงหยดพลังวารีที่ต้องใช้เพื่อหลอมอาวุธเวทที่แท้จริงให้สำเร็จ มุกพลังวารีสองลูกในมือเขาก็ใช้วัตถุดิบนี้หลอมขึ้นมาเช่นกัน

แม้หยดพลังวารีเท่านี้ไม่อาจหลอมร่างตั้งต้นของอาวุธเวทชุดนี้ได้ แต่หากผสานเข้าไปสักลูกก็อาจพอหลอมมุกบรรพตธาราที่เสร็จสมบูรณ์ครึ่งหนึ่งออกมาได้สักลูก

หลังจากเขาครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน แสงสีดำก็สว่างขึ้นบนมืออีกข้างหนึ่ง ลูกแก้วกลมสีดำสองลูกปรากฏขึ้นมา บนใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้ากระตือรือร้นอยากลอง

หากมุกบรรพตธารามีพลังน่าหวาดกลัวดังเช่นที่บอกเล่าไว้ในคัมภีร์จริง แม้ตอนนี้ได้มาเพียงของที่สำเร็จเพียงครึ่งเดียวลูกหนึ่ง พลังของเขาย่อมเพิ่มขึ้นมากในทันที หลังจากนี้ค้นหาสมบัติในเศษซากโลกบนย่อมมีความมั่นใจมากขึ้น

สีหน้าของหลิ่วหมิงแปรเปลี่ยนไปมาหลายครั้งก่อนจะโยนลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนในมือออกไปกลางอากาศ แล้วอ้าปากพ่นพลังเวทบริสุทธิ์คำหนึ่งออกมา “ฟู่” มันกลายเป็นปราณดำสายหนึ่งหุ้มลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนเอาไว้

จากนั้นมือของเขาก็ส่งเคล็ดวิชาออกไปอีกหลายสาย ปราณดำปั่นป่วนเล็กน้อยก่อนจะกลายเป็นเปลวเพลิงสีดำดวงแล้วดวงเล่า

เมื่อลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนถูกเปลวเพลิงสีดำแผดเผาก็แผ่แสงสีเหลืองออกมาแล้วค่อยๆ ส่องสว่างขึ้น

หลังจากนั้นหลิ่วหมิงก็โยนลูกแก้วกลมสีดำสองลูกออกไป เขาตั้งท่าเคล็ดวิชาด้วยมือข้างเดียวก่อนจะยกขึ้นชี้

ครืน!

เสียงประหนึ่งกระแสคลื่นดังออกมาจากในมุกพลังวารีทั้งสองแล้วพวกมันก็เริ่มเกิดประกายน้ำสีดำ

จากที่บันทึกไว้ในคัมภีร์หยก การหลอมมุกบรรพตธาราที่แท้จริงต้องใช้หยดพลังวารีจำนวนมากยิ่งนัก แต่หากเป็นเพียงของที่หลอมสำเร็จเพียงครึ่งเดียว ปริมาณที่ต้องการน้อยนิดอย่างยิ่ง ขอเพียงมีหยดเดียวก็ทำสำเร็จได้

หลิ่วหมิงสีหน้าเคร่งขรึม อ้าปากพ่นพลังเวทอีกสายหนึ่งออกมาวนเวียนอยู่บนมุกพลังวารี มุกพลังวารีที่ถูกเปลวเพลิงสีดำแผดเผาค่อยๆ กลายเป็นเมฆสีดำเคลื่อนวนเชื่องช้าอยู่กลางอากาศ

แสงสีเหลืองที่ลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนแผ่ออกมายิ่งเข้มขึ้นเรื่อยๆ ทว่าแสงสีเหลืองไม่ได้กระจายสม่ำเสมอ ทำให้ลูกแก้วทั้งลูกมีบางจุดสว่าง บางจุดหม่นแสง

หลิ่วหมิงสีหน้าเคร่งเครียด เขารู้ว่านี่เป็นเพราะวัตถุดิบแต่ละอย่างด้านในลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนไม่ได้ผสานเข้าหากันอย่างสม่ำเสมอ ยังดีที่สถานการณ์เช่นนี้มีบันทึกวิธีแก้ไขไว้ในคัมภีร์หยก

เขาสงบจิตใจแล้วยิงเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าตามที่บันทึกไว้ในคัมภีร์หยกไม่ขาดสักสาย

เมื่อเคล็ดวิชาจมเข้าไป ลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนก็เริ่มหมุนอย่างเชื่องช้า ผ่านไปราวหนึ่งเค่อแสงสว่างบนลูกแก้วผลึกในที่สุดก็ค่อยๆ เสถียร

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ในใจก็โล่งอกเล็กน้อย มือข้างหนึ่งกวักเบาๆ เมฆดำที่เกิดมาจากมุกพลังวารีลอยเข้ามา หลังจากที่วาดนิ้วเบาๆ ก็มีไอน้ำสายหนึ่งแยกจากเมฆสีดำผสานเข้าไปในลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อน

แสงสว่างของลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนฉับพลันหม่นแสงลงในทันใด ทว่าไม่นานมันก็ค่อยๆ ส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง แล้วยังรู้สึกอ่อนละมุนกว่าก่อนหน้านี้อยู่หลายส่วนอีกด้วย

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ในใจหลิ่วหมิงก็ดีใจขึ้นมาเล็กน้อย ดูท่าการตัดสินใจผสานมุกพลังวารีเข้าไปจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง จากแนวโน้มตอนนี้ ขอเพียงใช้เปลวเพลิงเผาไม่กี่วันก็คงหลอมมุกบรรพตธาราที่เสร็จสมบูรณ์ครึ่งหนึ่งได้

“ฟู่” ในเวลานี้เองแสงของลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนฉับพลันก็สว่างขึ้นหลายเท่า แสงสีเหลืองแสบตาสาดไปยังเมฆดำผืนนั้นที่เกิดจากมุกพลังวารีแล้วกลืนกินมันเข้าไปหมดในพริบตา

“เกิดอะไรขึ้น?”

หลิ่วหมิงเห็นสถานการณ์ก็ตกตะลึงอย่างห้ามไม่ได้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 978 มุกบรรพตธารา

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 978 มุกบรรพตธารา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นายท่าน ในนี้บันทึกสิ่งใดไว้บ้างหรือ?” เซียเอ๋อร์เห็นหลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปมา บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ เอ่ยถามอย่างอดไม่อยู่

“วิธีหลอมอาวุธเวทที่แท้จริงชิ้นหนึ่ง” หลิ่วหมิงตอบออกมาประโยคหนึ่ง จากนั้นร่างกายขยับวูบเดียวมาอยู่เหนือภูเขาดินปราณลูกน้อยที่ใกล้ที่สุดแล้วปล่อยจิตสัมผัสสำรวจอย่างรวดเร็ว

เซียเอ๋อร์เห็นสีหน้ารีบร้อนแทบทนรอไม่ได้ของหลิ่วหมิงจึงอยู่เงียบๆ ไม่ถามมาก เพียงไพล่สองแขนไว้ด้านหลัง เขย่งปลายเท้าชะเง้อมองไปรอบด้านเท่านั้น

เมื่อหลิ่วหมิงตรวจสอบภูเขาน้อยจนหมด เวลาก็ผ่านไปชั่วหนึ่งมื้ออาหารแล้ว หลังจากนั้นเขาจึงเหาะมาหน้าโครงกระดูกโดยมีปราณดำวนเวียนอยู่รอบร่าง บนหน้าเผยสีหน้าครุ่นคิดบางอย่าง

ในคัมภีร์หยกบันทึกวิธีหลอมอาวุธเวทที่ชื่อ ‘มุกบรรพตธารา’ ไว้

จากสิ่งที่บอกเล่าในนั้น สมบัติเวทชิ้นนี้หนึ่งชุดประกอบมาจากมุกบรรพตธารายี่สิบลูก ส่วนพลังเป็นอย่างไรในคัมภีร์ไม่ได้กล่าวไว้อย่างละเอียด บอกไว้เพียงว่าสมบัติชิ้นนี้มีลูกเดียวก็ใช้ได้ แต่ทุกครั้งที่เพิ่มขึ้นมาลูกหนึ่งจะประกอบกันและแปรเปลี่ยนได้มากมายหลากหลายรูปแบบ ลี้ลับไม่มีที่สิ้นสุด

วัตถุดิบสำคัญที่ใช้หลอมมุกบรรพตธาราก็คือภูเขาน้อยที่ก่อขึ้นจากดินปราณทองคำบริสุทธิ์สิบสองลูกนี้ข้างตัวเขากับวัตถุดิบล้ำค่าเหล่านั้นด้านบน

ต้องรู้ว่าดินปราณทองคำบริสุทธิ์ไม่ว่าจะที่แผ่นดินอวิ๋นชวนตอนนั้นหรือที่แผ่นดินจงเทียนวันนี้ล้วนเป็นของที่ขาดแคลน ไม่ต้องพูดถึงปริมาณเท่าภูเขาลูกหนึ่ง ต่อให้แค่เท่ากำปั้นก็ราคาแพงจนแทบไม่มีใครซื้อได้

ตอนนี้มีดินปราณทองคำบริสุทธิ์เท่าภูเขาขนาดย่อมสิบสองลูกเต็มๆ นี่จะไม่ให้หลิ่วหมิงตกตะลึงและยินดีเจียนคลั่งได้อย่างไร

จากสภาพที่เขาเห็นตอนนี้ ผู้ฝึกฝนยุคโบราณตรงหน้าคนนี้คงลำบากเตรียมวัตถุดิบหลอมส่วนใหญ่ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใดสุดท้ายจึงไม่ทันสมหวังแล้วยังตายอยู่ที่นี่อย่างประหลาด ตอนนี้จึงยกประโยชน์ให้เขา

“นายท่าน” เซียเอ๋อร์มองหลิ่วหมิงที่ทำหน้าครุ่นคิดอยู่แล้วเอ่ยเรียกเบาๆ คำหนึ่ง ดวงตาทั้งสองข้างทอประกายวิบวับมองมายังคัมภีร์หยกในมือหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงได้สติกลับมาแล้วยิ้มน้อยๆ โยนคัมภีร์หยกในมือไปให้

หญิงสาวรับไว้แล้วหลับดวงเนตรงามทั้งคู่ลง แทรกจิตสัมผัสเข้าไป

“นายท่าน ดูท่าพวกเราจะโชคหล่นทับแล้ว นี่มันร่างตั้งต้นของอาวุธเวทชุดหนึ่ง! ห่างจากการเป็นอาวุธเวทขั้นสมบูรณ์ขั้นสุดท้ายเพียงก้าวเดียวเท่านั้น!” ครู่หนึ่งหลังจากนั้นเซียเอ๋อร์จึงลืมตาขึ้น เอ่ยด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความยินดี

“ใช่แล้ว ร่างตั้งต้นของอาวุธเวทเหล่านี้หายากอย่างแท้จริง แต่ตอนนี้ขาดหยดพลังวารีจำนวนมาก” หลิ่วหมิงพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้นเรียบๆ

เซียเอ๋อร์ได้ยิน ดวงหน้างามก็เผยสีหน้าเสียดายออกมาเล็กน้อย

มุกบรรพตธารา ดูจากความหมายของชื่อก็รู้ว่าเป็นอาวุธเวทที่ครอบครองธาตุน้ำและธาตุดินสองธาตุ ต้องใช้ขุนเขาเป็นแกน ใช้สายน้ำเป็นเส้นลมปราณ ผสานพลังดั้งเดิมแห่งฟ้าดิน หากมีเพียงวัตถุดิบเหล่านี้ตรงหน้า อย่างมากสุดก็หลอมออกมาได้แค่ของครึ่งๆ กลางๆ หากอยากหลอมสำเร็จอย่างแท้จริงต้องการหยดพลังวารีอีกจำนวนมากมาใช้ระหว่างหลอมถึงจะสำเร็จ

ทว่าหยดพลังวารีก็เป็นวัตถุดิบล้ำค่าอย่างที่สุดเช่นกัน หลังจากหลิ่วหมิงมาถึงแผ่นดินจงเทียนก็เคยพยายามค้นหาอยู่บ้างเพื่อเพิ่มพลังของมุกพลังวารีสองลูกในมือ แต่น่าเสียดายตลอดมาไม่เคยสมหวัง

อย่างไรวัตถุดิบชนิดนี้ก็ต้องให้ผู้ฝึกฝนที่เชี่ยวชาญวิชาธาตุวารีใช้เวลาเนิ่นนานหลอมน้ำจำนวนมากมายจากแหล่งน้ำทีละนิดๆ จึงจะถือกำเนิดขึ้นมาได้

แต่ผู้ฝึกฝนทั่วไปใครจะยอมเสียเวลาฝึกฝนตนเองเพื่อวัตถุดิบหลอมอาวุธเล็กน้อยเท่านี้

“ไม่มีอะไรน่าเสียดาย คิดหาวิธีเก็บวัตถุดิบเหล่านี้ก่อนเถอะ” หลิ่วหมิงยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ยบอก

ตอนนี้ขาดหยดพลังวารีจึงไม่อาจหลอมมุกบรรพตธาราได้ แต่ในคัมภีร์หยกบันทึกเคล็ดวิชาชนิดหนึ่งไว้ สามารถบีบอัดวัตถุดิบเหล่านี้รวมไปถึงภูเขาดินปราณสูงร้อยจั้งทั้งหมดให้กลายเป็นลูกแก้วกลมลูกหนึ่งได้

เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็ไม่ต้องลำบากขนภูเขาขนาดย่อมสิบสองลูกแล้ว

หลิ่วหมิงคิดเช่นนี้แล้วเดินไปเบื้องหน้าภูเขาดินปราณน้อยลูกหนึ่ง หลังจากเพ่งสมาธิ สองแขนพลันขยับ บนร่างเปล่งแสงสีดำออกมาในทันใด ปราณดำพลุ่งพล่านทะลักออกมา จากนั้นสองมือก็ประสานเคล็ดวิชาอันแปลกประหลาดท่าแล้วท่าเล่า ปราณดำรอบร่างแผ่ออกมาด้านหน้าช้าๆ ตามท่ามือของเขา ล้อมภูเขาดินปราณลูกหนึ่งเอาไว้

เมื่อปราณสีดำทะลักล้อมเขาลูกน้อยไว้จนหมด หลิ่วหมิงก็เริ่มท่องมนตร์ประหลาดแผ่วเบา ปราณดำที่ล้อมภูเขาดินปราณลูกน้อยไว้ค่อยๆ กลายเป็นเปลวเพลิงสีดำดวงหนึ่ง

สองมือสะบัด เคล็ดวิชาสีขาวเส้นหนึ่งบินเข้าไปในปราณสีดำก่อนจะร่วงลงบนภูเขาดินปราณลูกน้อย

ภูเขาดินปราณลูกน้อยทั้งลูกเริ่มแผ่แสงสีเหลืองอ่อนออกมา หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ มนตร์ที่ท่องอยู่ก็ยิ่งเร่งเร็วขึ้น สองมือขยับไม่หยุด ยิงเคล็ดวิชาสีขาวสายแล้วสายเล่าออกมา

ภายใต้ลมปราณสีดำ ภูเขาดินปราณทั้งลูกส่องแสงสว่างขึ้นทุกที และหดเล็กลงเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงท่องมนตร์ของหลิ่วหมิง

ผ่านไปเช่นนี้เป็นเวลาราวหนึ่งชั่วยาม ภูเขาดินปราณสูงร้อยจั้งก็กลายเป็นลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนขนาดไม่กี่ชุ่นลูกหนึ่งลอยนิ่งสงบอยู่เบื้องหน้าหลิ่วหมิง

บนผิวของลูกแก้วกลมแผ่แสงสีน้ำตาลอ่อนวงแล้ววงเล่าออกมา อีกทั้งด้านบนยังปรากฏภาพสัญลักษณ์ขุนเขาน้อยที่ประดุจมีชีวิตลูกหนึ่งอย่างชัดเจน สัมผัสได้ถึงพลังจิตวิญญาณ

“ดี นับว่าทำเสร็จไปหนึ่ง” หลิ่วหมิงยื่นมือไปเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาจากใบหน้า แล้วเก็บลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนไปอย่างระมัดระวัง

จะว่าไปแล้ว มุกบรรพตธาราหลังจากหลอมเสร็จสามารถเปลี่ยนขนาดเล็กใหญ่ได้ตามแต่ใจต้องการ ทว่าวันนี้เมื่อเป็นเพียงของที่สำเร็จครึ่งๆ กลางๆ จึงทำได้แค่หดขนาดด้วยเคล็ดวิชาที่บันทึกไว้ในคัมภีร์หยกเท่านั้น เคล็ดวิชานี้ค่อนข้างพิสดารอีกทั้งเปลืองพลังเวทอย่างมาก ด้วยระดับพลังตอนนี้ของเขาเก็บหนึ่งลูกก็รู้สึกว่ากินแรงอยู่บ้างแล้ว

เขาส่ายศีรษะอย่างจนปัญญาเล็กน้อย แล้วพลิกมือเรียกโอสถจินหยวนเม็ดหนึ่งมากลืนลงไป หลังจากพักครู่หนึ่งเขาก็เริ่มยกเท้าก้าวเดินไปหน้าภูเขาน้อยอีกลูกหนึ่งแล้วเริ่มหลอมเปลี่ยนรูป

ใช้เวลาเช่นนี้หนึ่งวันเต็มๆ เขาจึงย่อขนาดภูเขาดินปราณสิบสองลูกในห้องศิลาจนกลายเป็นลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนขนาดชุ่นกว่าได้ทั้งหมด

“ในที่สุดก็สำเร็จ!” หลิ่วหมิงลอบถอนหายใจแล้วนั่งขัดสมาธิ

ระหว่างที่หลิ่วหมิงหลอมภูเขาน้อยอยู่ เซียเอ๋อร์ก็ยืนอยู่ด้านข้างตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ เวลานี้นางกำลังพลิกดูเสื้อตัวยาวสีเหลืองชุดนั้นในมือ

“ทำไม เจ้าชอบอาภรณ์ชุดนี้หรือ?” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้จึงเอ่ยปากถาม

เซียเอ๋อร์ได้ยินพลันสะดุ้งตกใจ จากนั้นใบหน้าก็แดงระเรื่อ

“นี่เป็นอาภรณ์ธาตุดินชุดหนี่ง คล้ายจะมีความสามารถเก็บซ่อนกลิ่นอายได้อยู่บ้าง เหมาะกับเจ้าทีเดียว ชอบก็เอาไปเถิด” หลิ่วหมิงเอ่ยเรียบๆ

“ขอบคุณนายท่านยิ่งนัก!” เซียเอ๋อร์ฟังแล้วก็ทำหน้าดีอกดีใจ คำนับอย่างอ้อนช้อยครั้งหนึ่งทันที

“ใช่แล้ว เมื่อครู่ตอนเข้ามารีบร้อนมาดูห้องทั้งสองของตำหนักใหญ่ เจ้าไปสำรวจดูพระราชวังหลังนี้ให้ละเอียดอีกครั้ง อย่าให้ตกหล่นสิ่งใดไป” ทันใดนั้นหลิ่วหมิงก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยปากสั่ง

เซียเอ๋อร์ได้ยินก็พยักหน้าแล้วห่มอาภรณ์ยาวสีเหลืองลงบนร่าง แสงสีเหลืองสว่างขึ้นวูบหนึ่งนางก็ออกจากห้องศิลาไป ก่อนไปยังไม่ลืมปิดประตูห้องศิลาให้ด้วย

ช่วงเวลาต่อจากนั้นหลิ่วหมิงหยิบโอสถขึ้นมากินหลายเม็ด มือทั้งสองข้างต่างกำหินจิตวิญญาณระดับสูงก้อนหนึ่งไว้ แล้วเริ่มโคจรปราณเงียบๆ ฟื้นพลังเวทที่ใกล้จะแห้งเหือด

หลังจากทำเช่นนี้สักพัก เขาก็พลิกมือเรียกลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนลูกหนึ่งออกมาอีกครั้งแล้วสำรวจอย่างละเอียด

ลูกแก้วผลึกทอแสงสีเหลืองระยิบระยับ แรงกดดันจิตวิญญาณหนักหน่วงเข้มข้นแผ่ออกมาจากบนลูกแก้ว

ดวงตาเขาฉายแววยินดีเล็กน้อย ร่างตั้งต้นตรงหน้ายังไม่ทันเริ่มกระบวนการหลอม นับเป็นผลงานที่สำเร็จครึ่งหนึ่งก็ยังไม่ได้ แต่กลับมีพลังขนาดนี้ ถ้าเช่นนั้นอาวุธเวทมุกบรรพตธาราที่เสร็จสมบูรณ์ครึ่งหนึ่งกับที่เสร็จสมบูรณ์อย่างแท้จริงจะพลังร้ายกาจปานใด นั่นยิ่งไม่อาจจินตนาการได้

พูดถึงหยดพลังวารีที่ต้องใช้เพื่อหลอมอาวุธเวทที่แท้จริงให้สำเร็จ มุกพลังวารีสองลูกในมือเขาก็ใช้วัตถุดิบนี้หลอมขึ้นมาเช่นกัน

แม้หยดพลังวารีเท่านี้ไม่อาจหลอมร่างตั้งต้นของอาวุธเวทชุดนี้ได้ แต่หากผสานเข้าไปสักลูกก็อาจพอหลอมมุกบรรพตธาราที่เสร็จสมบูรณ์ครึ่งหนึ่งออกมาได้สักลูก

หลังจากเขาครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน แสงสีดำก็สว่างขึ้นบนมืออีกข้างหนึ่ง ลูกแก้วกลมสีดำสองลูกปรากฏขึ้นมา บนใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้ากระตือรือร้นอยากลอง

หากมุกบรรพตธารามีพลังน่าหวาดกลัวดังเช่นที่บอกเล่าไว้ในคัมภีร์จริง แม้ตอนนี้ได้มาเพียงของที่สำเร็จเพียงครึ่งเดียวลูกหนึ่ง พลังของเขาย่อมเพิ่มขึ้นมากในทันที หลังจากนี้ค้นหาสมบัติในเศษซากโลกบนย่อมมีความมั่นใจมากขึ้น

สีหน้าของหลิ่วหมิงแปรเปลี่ยนไปมาหลายครั้งก่อนจะโยนลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนในมือออกไปกลางอากาศ แล้วอ้าปากพ่นพลังเวทบริสุทธิ์คำหนึ่งออกมา “ฟู่” มันกลายเป็นปราณดำสายหนึ่งหุ้มลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนเอาไว้

จากนั้นมือของเขาก็ส่งเคล็ดวิชาออกไปอีกหลายสาย ปราณดำปั่นป่วนเล็กน้อยก่อนจะกลายเป็นเปลวเพลิงสีดำดวงแล้วดวงเล่า

เมื่อลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนถูกเปลวเพลิงสีดำแผดเผาก็แผ่แสงสีเหลืองออกมาแล้วค่อยๆ ส่องสว่างขึ้น

หลังจากนั้นหลิ่วหมิงก็โยนลูกแก้วกลมสีดำสองลูกออกไป เขาตั้งท่าเคล็ดวิชาด้วยมือข้างเดียวก่อนจะยกขึ้นชี้

ครืน!

เสียงประหนึ่งกระแสคลื่นดังออกมาจากในมุกพลังวารีทั้งสองแล้วพวกมันก็เริ่มเกิดประกายน้ำสีดำ

จากที่บันทึกไว้ในคัมภีร์หยก การหลอมมุกบรรพตธาราที่แท้จริงต้องใช้หยดพลังวารีจำนวนมากยิ่งนัก แต่หากเป็นเพียงของที่หลอมสำเร็จเพียงครึ่งเดียว ปริมาณที่ต้องการน้อยนิดอย่างยิ่ง ขอเพียงมีหยดเดียวก็ทำสำเร็จได้

หลิ่วหมิงสีหน้าเคร่งขรึม อ้าปากพ่นพลังเวทอีกสายหนึ่งออกมาวนเวียนอยู่บนมุกพลังวารี มุกพลังวารีที่ถูกเปลวเพลิงสีดำแผดเผาค่อยๆ กลายเป็นเมฆสีดำเคลื่อนวนเชื่องช้าอยู่กลางอากาศ

แสงสีเหลืองที่ลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนแผ่ออกมายิ่งเข้มขึ้นเรื่อยๆ ทว่าแสงสีเหลืองไม่ได้กระจายสม่ำเสมอ ทำให้ลูกแก้วทั้งลูกมีบางจุดสว่าง บางจุดหม่นแสง

หลิ่วหมิงสีหน้าเคร่งเครียด เขารู้ว่านี่เป็นเพราะวัตถุดิบแต่ละอย่างด้านในลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนไม่ได้ผสานเข้าหากันอย่างสม่ำเสมอ ยังดีที่สถานการณ์เช่นนี้มีบันทึกวิธีแก้ไขไว้ในคัมภีร์หยก

เขาสงบจิตใจแล้วยิงเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าตามที่บันทึกไว้ในคัมภีร์หยกไม่ขาดสักสาย

เมื่อเคล็ดวิชาจมเข้าไป ลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนก็เริ่มหมุนอย่างเชื่องช้า ผ่านไปราวหนึ่งเค่อแสงสว่างบนลูกแก้วผลึกในที่สุดก็ค่อยๆ เสถียร

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ในใจก็โล่งอกเล็กน้อย มือข้างหนึ่งกวักเบาๆ เมฆดำที่เกิดมาจากมุกพลังวารีลอยเข้ามา หลังจากที่วาดนิ้วเบาๆ ก็มีไอน้ำสายหนึ่งแยกจากเมฆสีดำผสานเข้าไปในลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อน

แสงสว่างของลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนฉับพลันหม่นแสงลงในทันใด ทว่าไม่นานมันก็ค่อยๆ ส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง แล้วยังรู้สึกอ่อนละมุนกว่าก่อนหน้านี้อยู่หลายส่วนอีกด้วย

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ในใจหลิ่วหมิงก็ดีใจขึ้นมาเล็กน้อย ดูท่าการตัดสินใจผสานมุกพลังวารีเข้าไปจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง จากแนวโน้มตอนนี้ ขอเพียงใช้เปลวเพลิงเผาไม่กี่วันก็คงหลอมมุกบรรพตธาราที่เสร็จสมบูรณ์ครึ่งหนึ่งได้

“ฟู่” ในเวลานี้เองแสงของลูกแก้วผลึกสีน้ำตาลอ่อนฉับพลันก็สว่างขึ้นหลายเท่า แสงสีเหลืองแสบตาสาดไปยังเมฆดำผืนนั้นที่เกิดจากมุกพลังวารีแล้วกลืนกินมันเข้าไปหมดในพริบตา

“เกิดอะไรขึ้น?”

หลิ่วหมิงเห็นสถานการณ์ก็ตกตะลึงอย่างห้ามไม่ได้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+