ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 568 จินเลี่ยหยาง

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 568 จินเลี่ยหยาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

และหลังจากชายหนุ่มชุดคลุมสีทองก้าวออกไปไม่กี่ก้าว ก็เข้าใกล้ทั้งสองยี่สิบกว่าจั้งแล้ว

“พี่หลิ่ว ข้ามีแผนที่อาจจะสลัดตัวให้หลุดพ้นคนผู้นี้ไปได้ แต่ต้องให้ท่านช่วยถ่วงเวลาไว้ครู่หนึ่ง……” หญิงสาวขยับปากส่งเสียงให้หลิ่วหมิงในทันที

หลิ่วหมิงฟังจบก็ลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ

พอเห็นหลิ่วหมิงตอบตกลง นางก็ลดความเร็วลง ขณะเดียวกัน พอตบถุงหนังบนเอว  แสงเจ็ดสีก็ม้วนตัวออกไป พริบตานั้นมันก็กลายเป็นผีเสื้อเจ็ดสีค่อยๆ บินไปเกาะอยู่บนปลายนิ้วของนาง

ผีเสื้อตัวนี้มีขนาดใหญ่ชุ่นกว่าๆ มีแสงแวววาวบนปีกทั้งสอง ลวดลายเจ็ดสีก็ชัดเจนเป็นอย่างมาก

นางยกแขนข้างหนึ่งเบาๆ ผีเสื้อกระพือปีกอยู่ครู่หนึ่ง ก็บินไปหาหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็ว และเกาะอยู่บนไหล่ของเขา

หลิ่วหมิงหมุนตัวอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที ขณะเดียวกันก็ตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณบนเอว ไอหมอกดำสองสายม้วนตัวออกมา จากนั้นแมงป่องกระดูกกับหัวบินก็ปรากฏตัว

เขาแค่สั่งการเล็กน้อย ทั้งสองก็กลายเป็นไอหมอกดำสองสายพุ่งยิงไปหาชายหนุ่มชุดสีทอง ส่วนตนเองก็พาผีเสื้อเจ็ดสีพุ่งไปด้านหน้าอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ปล่อยพลังจิตอันแข็งแกร่งคอยระแวดระวังการเคลื่อนไหวตรงด้านหลัง

ตามแผนการของหญิงสาวชุดม่วง นางให้หลิ่วหมิงปล่อยปีศาจเลี้ยงออกไปช่วยนาง ซึ่งอาจจะเยื้อเวลาของชายหนุ่มได้ขณะหนึ่ง ให้หลิ่วหมิงพาผีเสื้อเจ็ดสีหนีไปให้ไกลเท่าที่จะทำได้

และพอไม่สามารถต้านทานได้ นางก็จะล่อชายหนุ่มชุดสีทองให้ไปทางอื่น จากนั้นค่อยอาศัยเคล็ดวิชามิติของผีเสื้อเจ็ดสี ก็สามารถหลบหนีได้เช่นกัน

ผ่านไปไม่กี่อึดใจ แมงป่องกระดูกสีเงินที่ขยายใหญ่สิบจั้ง ได้โบกสะบัดก้ามยักษ์และกระโจนออกไปแล้ว

ร่างของหัวบินก็พร่ามัวและแยกร่างเป็นเก้าร่างที่มีรูปร่างเหมือนกันไม่มีผิด

พอหญิงสาวชุดม่วงยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา มีบินในมือก็กลายเป็นมังกรสีขาวม้วนตัวออกไป

นี่ก็เป็นเพราะว่ามีดบินนี้เป็นต้นแบบอาวุธเวท หากเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดทั่วไปล่ะก็ เกรงว่าการโจมตีหลายครั้งในก่อนหน้านี้ คงทำให้มันสูญเสียพลังจิตวิญญาณจนไม่สามารถใช้งานได้แล้ว

พอแสงสีทองเปล่งประกาย แสงกระบี่สายหนึ่งก็ฟันออกมาจากฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง ไม่เพียงแต่จะโจมตีมังกรสีขาวจนแตกกระจายในพริบตาเดียว ทั้งยังกระพริบไปแทงหญิงสาวชุดม่วงโดยตรง

และขณะนั้นเอง ลวดลายจิตวิญญาณสีดำบนผิวแมงป่องกระดูกก็เปล่งประกาย ก้ามยักษ์ข้างหนึ่งขยายใหญ่สี่ห้าจั้ง และทุบใส่แสงกระบี่สีทองผ่านอากาศ

“เพล้ง!”

ภายใต้แสงสีทองที่เปล่งประกาย แมงป่องกระดูกถูกพลังมหาศาลบางอย่างพัดกระเด็นออกไป มีบาดแผลลึกจั้งกว่าๆ ปรากฏบนก้ามยักษ์ และมีแสงทรงกรดสีทองแผ่ออกมาลางๆ

แต่แสงกระบี่สายนี้ก็ถูกต้านทานเอาไว้ได้อย่างทุลักทุเล

ขณะนี้ หลังจากหัวบินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วสองสามที ก็มาปรากฏตัวอยู่รอบด้านชายหนุ่มชุดสีทองอย่างเงียบๆ มันส่งเสียงร้องแปลกประหลาด และพุ่งยิงเส้นผมสีเขียวอันหนาแน่นออกไป

ชายหนุ่มชุดสีทองแค่ขยับตัวเล็กน้อย ไหมกระบี่สีทองอันหนาแน่นก็ม้วนตัวไปทั่วทิศ

พริบตานั้น เส้นผมสีเขียวถูกตัดจนขาดเป็นชุ่นๆ ร่างหนึ่งของหัวบินที่ถูกแยกออกมาถูกแทงจนดับสลายไป

หัวบินตัวอื่นๆ ก็ร้องอย่างน่าเวทนา และค่อยๆ กลายเป็นไอดำ พริบตาเดียวก็รวมเป็นร่างเดียวแล้วพุ่งไปทางหลิ่วหมิง

ขณะนี้ ชายหนุ่มชุดสีทองยกมือขึ้นอีกครั้ง กระบี่ยาวสีทองพุ่งออกจากมือ พริบตาเดียวก็กลายเป็นเงาขนาดสิบกว่าจั้ง ลวดลายสีทองบนพื้นผิวเปล่งประกายอยู่ไม่หยุด และฟันไปทางแมงป่องกระดูก

ไอดำบนผิวแมงป่องกระดูกพวยพุ่งขึ้นมา มันยกก้ามยักษ์ทั้งคู่มาตั้งประสานกันราวกับว่าจะรับการโจมตีนี้โดยตรง

“รีบกลับมา!”

หลิ่วหมิงที่อยู่ห่างออกไปร้อยกว่าจั้งเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกตกใจมาก เขารู้อยู่แก่ใจว่าแมงป่องกระดูกไม่อาจรับการโจมตีนี้ได้ จึงรีบใช้พลังจิตสั่งมันให้กลับมา

ดีที่หญิงสาวชุดม่วงที่อยู่ด้านข้างกัดฟันสะบัดข้อมือฟันแสงกระบี่สีขาวออกไปสิบกว่าสาย

“ตู้ม!”

แสงสีทองพุ่งขึ้นฟ้าในบริเวณที่แมงป่องกระดูกอยู่ หญิงสาวชุดม่วงอาศัยอานุภาพของมังกรสีขาวที่กลายร่างมาจากมีดบิน พุ่งออกไปด้านหลังสิบกว่าจั้ง ในที่สุดนางก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

และหลังจากแมงป่องกระดูกส่งเสียงร้องครวญครางออกมาแล้ว กลิ่นไอของมันก็ลดลงไปกว่าครึ่งหนึ่ง และม้วนตัวเป็นพายุสีดำพุ่งออกไปไกลๆ

เมื่อแมงป่องกระดูกได้ยินคำสั่งของหลิ่วหมิง แม้มันจะหลบหลีกอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงถูกแรงสะเทือนของปราณกระบี่ที่กระบี่ยักษ์ปล่อยออกมา ทำให้ได้รับบาดแผลขนาดต่างๆ สิบกว่าเส้น และไม่สามารถทำการต่อสู้ได้อีก

แมงป่องกระดูกกับหัวบินเป็นปีศาจเลี้ยงที่มีการฝึกฝนไม่ต่ำกว่าระดับของเหลวขั้นปลาย คิดไม่ถึงว่าต่อสู้กับชายหนุ่มชุดสีทองไม่ถึงหนึ่งกระบวนท่า ก็พ่ายแพ้ในไม่กี่อึดใจด้วยกันทั้งคู่

ขณะที่ชายหนุ่มชุดสีทองกำลังจะลงมือในขั้นต่อไปนั้น มังกรสีขาวตัวหนึ่งที่ยาวสิบกว่าจั้งก็พุ่งเข้ามาถึง ที่แท้หญิงสาวชุดม่วงก็ลงมืออีกครั้ง

พอมังกรอ้าปาก เปลวไฟสีขาวที่ปกคลุมเต็มฟ้าก็ถูกพ่นออกมาด้วยอานุภาพอันน่ากลัว และพุ่งไปยังชายหนุ่มชุดสีทอง……

หลิ่งหมิงเพิ่งจะเก็บแมงป่องกระดูกกับหัวบินเสร็จ ก็มีเสียงสะเทือนเลือนลั่นดังเข้ามาถึงด้านหลัง หลังจากกวาดสายมองไปอย่างรวดเร็ว ก็เห็นว่าหญิงสาวชุดม่วงได้หลอกล่อชายหนุ่มชุดสีทองไปยังทิศทางตรงกันข้ามแล้ว

เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ และพุ่งยิงไปต่อด้วยความเร็วเท่าเดิม พริบตาเดียวก็อยู่ห่างจากชายหนุ่มชุดสีทองสองร้อยกว่าจั้งแล้ว

ครู่ต่อมา ชายหนุ่มชุดสีทองตามหญิงสาวชุดม่วงทันอีกครั้ง และในขณะที่ค่อยๆ ยกกระบี่ในมือขึ้นมา

หญิงสาวตรงหน้ารู้สึกถึงอันตรายในทันที หลังจากใบหน้างดงามเปลี่ยนสีแล้ว ก็กัดฟันสะบัดแขนเสื้อปล่อยอาวุธจิตวิญญาณออกมาสองอย่าง และพุ่งถอยไปด้านหลัง ขณะเดียวกันดวงตาทั้งคู่ก็มีแสงสีเขียวเปล่งประกายอยู่ไม่หยุด

ด้านข้างหลิ่วหมิงที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยจั้ง ผีเสื้อเจ็ดสีตัวนั้นแผ่แสงทรงกลดห้าสีออกมาเป็นวงๆ

“ตู้ม!” “ตู้ม!”

อาวุธจิตวิญญาณทั้งสองระเบิดออกมาต้านทานแสงกระบี่สีทองตรงหน้าไว้

แต่ขณะนั้นเอง มือทั้งสองของนางก็ทำท่ามืออย่างรวดเร็ว และตะโกนคำว่า “เปลี่ยน!” ออกมา

พริบตานั้น ร่างของหญิงสาวชุดม่วงก็พร่ามัว และหายตัวต่อหน้าแสงกระบี่ที่ถูกต้านทานไว้อย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน ผีเสื้อเจ็ดสีข้างตัวหลิ่วหมิงก็ระเบิดตัวเสียงดัง “เพล้ง!” และถูกแทนที่ด้วยหญิงสาวชุดม่วงที่มีสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ

ประจักษ์ชัดว่าแผนในก่อนหน้านั้นไม่สำเร็จ เวลาในขณะนี้อยู่ห่างจากตอนที่หลิ่วหมิงปล่อยปีศาจเลี้ยงออกไปไม่ถึงสิบอึดใจ และหลิ่วหมิงก็หนีออกมาได้แค่สามร้อยกว่าจั้งเท่านั้น

ระยะห่างเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะสลัดตัวให้หลุดพ้นจากชายหนุ่มชุดสีทอง

เป็นอย่างที่คาดไว้ ชายหนุ่มชุดสีทองหมุนตัวกลับมาอย่างไม่ลังเล และก้าวยาวๆ มาทางทั้งสองอีกครั้ง

ทั้งสองมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มกันขมขื่น ทันใดนั้นก็รีบกระตุ้นพลังเวทให้พุ่งไปด้านหน้าต่อ

เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ภายใต้พลังกดดันอันน่ากลัวของชายหนุ่มชุดสีทอง หลิ่วหมิงกับหญิงสาวชุดม่วงก็ได้แต่หลบหนีเอาชีวิตรอดเท่านั้น

ในระหว่างทาง ทั้งสองได้แต่ใช้หินจิตวิญญาณกับโอสถในการฟื้นฟูพลังเวท สำหรับอสูรมายาจำนวนหนึ่งที่พบเจอระหว่างทาง หากเป็นระดับต่ำก็สังหารอย่างไม่ใส่ใจ โดยไม่มีโอกาสเก็บมุกมายานภาหยกเลย

สำหรับอสูรมายาระดับผลึกจำนวนหนึ่งที่พบเจอ ก็โยนอาวุธจิตวิญญาณสองสามชิ้นให้มันระเบิดออกมา เพื่อที่ตนเองจะได้หลบหนีได้สะดวก

แม้ว่าอสูรมายาเหล่านี้จะมีการฝึกฝนไม่ด้อยเลย แต่เมื่อเทียบกับความเร็วของทั้งสองแล้ว กลับช้าลงไปไม่น้อย ไม่นานก็สามารถสลัดให้หลุดพ้นได้แล้ว

และที่ทำให้รู้สึกตกใจก็คือ ดูเหมือนว่าพื้นที่แห่งนี้จะไม่มีจุดสิ้นสุด ตั้งแต่ต้นจนจบยังมองไม่เห็นประตูหินอื่นๆ

ชายหนุ่มชุดสีทองตามติดพวกเขาทั้งสองอย่างไม่เร่งรีบ และรักษาระยะห่างสิบกว่าจั้งไว้ และมักจะฟันแสงกระบี่สีทองออกไปสองสามสาย ทำให้ทั้งสองทำอะไรไม่ถูก

ขณะนี้หลิ่วหมิงแอบร้องทุกข์อยู่ไม่หยุด เวลาแค่หนึ่งวัน อาวุธจิตวิญญาณสิบกว่าชิ้นในแหวนย่อส่วนที่นำมาปรับแต่ง ก็เหลืออยู่ไม่กี่ชิ้น ไม่รู้ว่าต้องหลบหนีไปถึงเมื่อไหร่

ภายใต้สถานการณ์ที่ทั้งสองถูกไล่ล่าเช่นนี้ พริบตาเดียวก็ครบหนึ่งวันแล้ว

หนึ่งวันต่อมา ทั้งสองกำลังพุ่งอยู่กลางป่าหินระเกะระกะแห่งหนึ่ง แสงกระบี่สีทองตรงด้านหลังแต่ละสายตามติดอยู่ด้านหลัง และมีเสียงระเบิดดัง “ตู้มๆ!” อยู่ตลอดเวลา

ทันใดนั้น หลิ่วหมิงรับรู้ถึงคลื่นปราณจิตวิญญาณที่สั่นสะเทือนอยู่ไม่ไกล เขารู้สึกใจเต้นขึ้นมา ทันใดนั้นก็พุ่งยิงออกไปอย่างไม่ลังเล

หญิงสาวชุดม่วงเห็นเช่นนี้ ก็ไม่รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด หลังจากลังเลเล็กน้อยแล้ว ก็ตามออกไปเช่นกัน

แต่ทว่าทั้งสองเหาะไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็มีเงามนุษย์แวบออกจากด้านหลังของเสาหินยักษ์แห่งหนึ่ง จากนั้นชายหนุ่มชุดขาว ใบหน้างดงาม อายุราวๆ ยี่สิบกว่าปีก็ปรากฏออกมา

หลังจากชายหนุ่มชุดขาวหันไปเห็นฉากที่ทั้งสองพุ่งยิงเข้ามานั้น ตอนแรกก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ก็เคลื่อนไหวมาปรากฏตัวตรงด้านหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าจั้ง สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

แต่ทั้งสองไม่คิดจะหยุดแต่อย่างใด แสงหลบหลีกกระพริบผ่านบริเวณนั้นไปอย่างรวดเร็ว

สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มชุดขาวรู้สึกอึ้งไปทันที ไม่นานก็มองเห็นเงาร่างชายหนุ่มชุดสีทองที่อยู่ด้านหลัง และพอกวาดสายตาผ่านใบหน้าเขาไป สีหน้าของชายหนุ่มชุดขาวก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

“จินเลี่ยหยาง!”

หลังจากที่ชายหนุ่มชุดขาวหลุดปากออกมา ก็รีบร่ายคาถาออกมาโดยไม่ต้องคิด

เสียงประทัดระเบิดดังขึ้นภายในร่างของเขา พริบตาเดียวก็ขยายใหญ่เท่ากว่าๆ ขนแข็งสีเงินปรากฏบนพื้นผิว ขณะเดียวนิ้วทั้งสิบก็แหลมคมขึ้นมา คมเขี้ยวโผล่ออกมาในปาก ระหว่างคิ้วมีอักระ “หวัง!” จางๆ ปรากฏออกมา และกลายร่างเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งพยัคฆ์

ที่แท้ชายหนุ่มก็เป็นเผ่าปีศาจ! และหลังจากกลายร่างสำเร็จแล้วก็คำรามเสียงออกมา จากนั้นก็กลายเป็นกลุ่มแสงสีเหลืองพุ่งตามทั้งสองไป

เขารู้ดีว่าต้องอยู่ด้วยกันกับคนทั้งสองตรงหน้าเท่านั้น จึงจะสามารถรักษาชีวิตน้อยๆ ของตนเองไว้ได้

ขณะนี้ เงาร่างชายหนุ่มชุดสีทองก็พุ่งเข้ามาถึง เขาเหลือบตามองแสงหลบหลีกที่ชายหนุ่มเผ่าปีศาจกลายร่างมา จากนั้นก็ฟันแสงกระบี่สีทองออกไป

ประจักษ์ชัดว่าในขณะนี้ ชายหนุ่มเผ่าปีศาจก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายของเขาแล้ว

แสงกระบี่แตกต่างจากก่อนหน้านั้น หลังจากกระพริบหายไปกลางอากาศ มันก็ปรากฏอยู่ห่างออกไปสิบกว่าจั้ง จากนั้นก็พร่ามัวไปปรากฏอยู่ไกลกว่าเดิม

หลังจากพุ่งออกไปสองสามที แสงกระบี่สีทองก็มาปรากฏตัวตรงด้านหลังของชายหนุ่มเผ่าปีศาจ และฟันลงมาอย่างโหดเหี้ยม

ชายหนุ่มเผ่าปีศาจคำรามออกมา และคว้าออกไปในทันที ทันใดนั้นกรงเล็บแสงสีขาวสลัวๆ ก็ปะทะลงบนแสงกระบี่

“ตู้ม!”

ชายหนุ่มเผ่าปีศาจถูกแรงระเบิดตรงด้านหลังสั่นสะเทือนจนกลิ้งไปด้านหน้าหลายจั้ง แต่หลังจากทรงตัวได้แล้ว แสงสีเหลืองก็เปล่งประกายบนพื้นผิว และพยายามหลบหนีอย่างสุดชีวิต

“ที่แท้เงาร่างมายาก็คือจินเลี่ยหยาง!” ท่ามกลางแสงหลบหลีกตรงด้านข้าง หลังจากหญิงสาวชุดม่วงหันกลับไปดูทีหนึ่งแล้ว ก็พูดพึมพำออกมา แต่เห็นได้ชัดว่าสีหน้าซีดขาวเล็กน้อยแล้ว

“จินเลี่ยหยางคือผู้ใดกัน?” หลิ่วหมิงที่อยู่บริเวณนั้นได้ยินเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วส่งเสียงออกไปถามทันที

………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด