ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 588 การประลองของสิบอันดับแรก (4)

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 588 การประลองของสิบอันดับแรก (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เพล้ง!”

กำแพงแสงชั้นในสุดที่ค่ายกลยันต์สร้างขึ้นมา เกิดรอยแตกร้าวเป็นรูปแมงมุมและแตกกระจายออกมาทันที

หลิ่วหมิงเก็บกำปั้นกลับมาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

สีหน้าโหวคุนเปลี่ยนไปมาก ค่ายกลยันต์เหล่านี้เชื่อมต่อกับจิตของเขา ดังนั้นเขาย่อมรู้ว่าด้านในเกิดอะไรขึ้น ท่ามือที่ทำอยู่จึงหยุดชะงักในทันที

ครู่ต่อมา เกิดเสียงดังตูมตามติดต่อกัน!

หลังจากไอดำม้วนตัวออกมา เงาร่างคนผู้หนึ่งก็พุ่งออกจากค่ายกลที่ล้อมรอบ บริเวณที่เคลื่อนตัวผ่านมีเสียงดังอู้อี้ และมีระลอกคลื่นจางๆ ปรากฏออกมา

เกิดเสียงดัง “เพล้ง!” “เพล้ง!” “เพล้ง!” “เพล้ง!” ติดต่อกันสี่ครั้ง จากนั้นค่ายกลสี่หลังก็แตกกระจายออกมา!

เงาดำเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอีกครั้ง หลิ่วหมิงได้พุ่งออกจากค่ายกลยันต์ และมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าโหวคุนแล้ว

ไอดำบนตัวพวยพุ่งรวมตัวเป็นมังกรไอดำตัวหนึ่ง และกลายเป็นกรงเล็บยักษ์สีดำที่มีขนาดเท่าแผ่นโม่ นิ้วทั้งห้าแหลมคมราวกับเหล็ก และดูน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก จากนั้นก็คว้าออกไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

“เปรี้ยะ!”

ค่ายกลป้องกันที่โหวคุนปล่อยออกมาในสถานการณ์ฉุกละหุก ถูกกรงเล็บยักษ์สีดำสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนแตกร้าวราวกับกระดาษ

ภายใต้สถานการณ์ที่พลังของกรงเล็บยักษ์ยังเหลืออยู่ พอมันกระพริบผ่านไป อสรพิษเพลิงสิบกว่าตัวที่เพิ่งปรากฏตัวตรงหน้าโหวคุน ก็ถูกพายุบ้าระห่ำพัดจนดับไป

วิชาอสรพิษเพลิงของโหวคุนถูกทำลาย และภายใต้สถานการณ์ที่พลังเวทสะท้อนกลับ ทำให้ใบหน้าเขาแดงก่ำและกระอักเลือดออกมา จากนั้นก็ทรุดร่างลงพื้นในฉับพลัน

กรงเล็บยักษ์สีดำหยุดอยู่ห่างจากศีรษะของโหวคุนไม่ถึงครึ่งฉื่อ

หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว พอโบกมือข้างหนึ่ง กรงเล็บยักษ์ก็กลายเป็นไอดำก่อนสลายไป

“หลิ่วหมิงจากสาขาห่านฟ้าชนะ!”

พอผู้อาวุโสผอมแห้งเห็นฉากตรงหน้าก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง และประกาศออกมา

การแลกมือเมื่อครู่ใช้เวลาแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น หากหลิ่วหมิงยั้งมือไม่ทัน เขาไม่อาจรับรองได้ว่าจะสามารถช่วยโหวคุนได้ทัน

ผู้คนที่อยู่ด้านล่างแท่นประลอง ต่างก็จ้องมองหลิ่วหมิงด้วยสายตาที่แตกต่างกันไป

หากหลิ่วหมิงสามารถเอาชนะได้หนึ่งถึงสองครั้ง ยังนับว่าโชคดีไม่น้อย แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยพ่ายแพ้เลย ประจักษ์ชัดว่าเขามีพลังที่เพียงพอ

และการต่อสู้ไม่กี่รอบนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะอาศัยกายเนื้ออันแข็งแกร่งกับวิชาร่างแปลกประหลาดในการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามโดยตรงเท่านั้น และชัยชนะก็ดูใสสะอาดมาก

ศิษย์สาขาอื่นๆ ที่ไม่เคยได้ยินเรื่องเล่าลือของหลิ่วหมิงมาก่อน ต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างอดไม่ได้ และยังไปสอบถามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลิ่วหมิงจากคนอื่นๆ ด้วย

เจียงจ้งที่อยู่บนแท่นหยกก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และเอามือฟั่นหนวดด้วยรอยยิ้ม

สำหรับผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ของยอดเขาเมฆาหยกทั้งสาม ชายแซ่หลูเพียงแค่มองดูด้วยสายตาราบเรียบเท่านั้น เฮ่าเยวี่ยกลับเผยสีหน้าครุ่นคิด และสายตาของหญิงงดงามสวมชุดสีเขียวที่จ้องมองหลิ่วหมิง ก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

หลังจากผ่านศึกในครั้งนี้แล้ว ผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ของยอดเขาอื่นๆ ย่อมรู้สึกสนใจเขาขึ้นมาอีกครั้ง

ขณะที่หลิ่วหมิงเดินลงจากแท่นประลอง และนั่งขัดสมาธิฟื้นฟูพลังเวทนั้น การประลองคู่อื่นๆ ก็ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว

คู่ต่อสู้ของชายหนุ่มร่างผอมที่สะพายกระบี่ทองแดงในรอบนี้ก็คืออู่หมิง เขาแสดงวิชาขี่กระบี่ต้านทานตราประทับของอู่หมิงไว้ก่อน จากนั้นก็ปล่อยกระบี่บินพลังจิตวิญญาณออกมาโจมตีอู่หมิงได้อย่างง่ายดาย

เจ้าอั้นอินกับจินเทียนชื่อต่างก็เอาชนะได้อีกคนละหนึ่งรอบ

ขณะที่เริ่มการประลองรอบที่ห้านั้น หลิ่วหมิงก็ได้พบกับชายหนุ่มกระบี่ทองแดงในที่สุด

ตั้งแต่ประลองจัดอันดับมา ชายหนุ่มกระบี่ทองแดงจากสาขาหงจวินผู้นี้ นอกจากจะแพ้ให้กับจินเทียนชื่อหนึ่งครั้งแล้ว เขาก็อาศัยวิชาขี่กระบี่ที่ไม่ธรรมดากับกระบี่บินพลังจิตวิญญาณ เอาชนะการประลองอีกสามรอบได้อย่างรวดเร็ว

“พี่เจียง วิชาขี่กระบี่ของคนผู้นี้ไม่ธรรมดา ทั้งยังมีกระบี่บินพลังจิตวิญญาณอยู่ในมือ เกรงว่าศิษย์แซ่หลิ่วของท่านผู้นั้น คงจะเจอกับอันตรายเล็กน้อยแล้ว” ชายอ้วนเตี้ยหัวเราะเฮ่อๆ แล้วหันมากล่าวกับเจียงจ้ง

เมื่อครู่ โหวคุนที่เป็นศิษย์สาขาของเขาพ่ายแพ้ในมือหลิ่วหมิง เขาย่อมรู้สึกไม่พอใจเป็นธรรมดา ตอนนี้เห็นหลิ่งหมิงเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจ ก็อดที่จะยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่นไม่ได้

“การต่อสู้บนแท่นประลองเปลี่ยนแปลงหมื่นครั้งในพริบตา กระบี่บินพลังจิตวิญญาณเพียงเล่มเดียว ไหนเลยจะตัดสินแพ้ชนะได้” เจียงจ้งตอบอย่างราบเรียบ สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย

“เฮ่อๆ! ถ้าย่างนั้นพวกเราก็เช็ดหน้าเช็ดตาคอยดูกันเถอะ!” ชายอ้วนเตี้ยหัวเราะ

ทางด้านแท่นประลอง ชายหนุ่มกระบี่ทองแดงยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ พอทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง กระบี่ทองแดงยักษ์บนหลังก็พุ่งขึ้นฟ้า และฟันไปยังอากาศด้านหน้า

เกิดเสียงดังขึ้นมา เงากระบี่สีเหลืองที่ยาวหลายจั้งปรากฏเหนือศีรษะหลิ่วหมิง และฟันลงมาอย่างดุดัน

ดูเหมือนหลิ่วหมิงจะเตรียมการไว้ตั้งแต่แรกแล้ว พอแสงสีทองเปล่งประกายในแขนเสื้อ ทรายทองคำร่วงก็ม้วนตัวออกมา และก่อตัวเป็นกำปั้นสีทองข้างหนึ่ง ครู่ต่อมามันก็โจมตีลงบนเงากระบี่ยักษ์

เกิดเสียงดังโครมคราม!

เงากระบี่ยักษ์แตกกระจายในทันที และกำปั้นสีทองที่กลายร่างมาจากทรายทองคำร่วงก็เกิดรอยร้าวเส้นหนึ่งที่ลึกหลายฉื่อ จากนั้นก็แตกกระจายเป็นทรายทองคำร่วงปกคลุมเต็มฟ้า

ชายหนุ่มกระบี่ทองแดงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา พอเขาปล่อยเคล็ดวิชากระบี่ออกไป กระบี่ทองแดงยักษ์ก็พร่ามัวอีกครั้ง พริบตาเดียวก็กลายเป็นเงากระบี่สีเหลืองกระพริบผ่านไป และพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิงจากทั่วทิศ

หลิ่วหมิงครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองเปลี่ยนท่ามือในฉับพลัน ทรายทองคำร่วงกลางอากาศกลายเป็นแสงสีทองแปดลำ และพุ่งออกไปรับมือไว้

เสียงเปรี้ยงปร้างราวกับเสียงฟ้าร้องดังขึ้นรอบตัวหลิ่วหมิงอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ว่าแสงกระบี่จะดุดันเพียงใด และเปลี่ยนทิศทางอย่างไร ก็ไม่อาจทะลวงการกีดขวางของแสงสีทองที่กลายร่างมาจากทรายทองคำร่วงได้

ในที่สุดชายหนุ่มกระบี่ทองแดงก็มีสีหน้าอึมครึมขึ้นมา คิดไม่ถึงว่านอกจากหลิ่วหมิงจะมีกายเนื้อที่แข็งแกร่งแล้ว ยังจะมีอาวุธจิตวิญญาณร้ายกาจระดับนี้ด้วย

หลังจากเขาทำเสียงฮึดฮัดออกมาแล้ว ก็โบกมือข้างหนึ่ง ทำให้แสงกระบี่ทั้งแปดลำรวมตัวเป็นกระบี่ยักษ์อีกครั้ง และพร่ามัวก่อนพุ่งกลับมา

หลิ่วหมิงชี้ออกไปด้วยสีหน้าเยือกเย็น

“ฟู่!”

ทรายทองคำร่วงกลายเป็นแสงสีทองม้วนตัวไปด้านหน้า

ชายหนุ่มกระบี่ทองแดงโบกมือข้างหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แสงกระบี่สีเหลืองลำหนึ่งพุ่งออกจากระหว่างคิ้วของเขา ทันใดนั้นกลิ่นไอกระบี่ก็แผ่ออกมา มันคือกระบี่บินพลังจิตวิญญาณเล่มนั้นนั่นเอง

พอกระบี่เล็กสีเหลืองปรากฏออกมา ลำแสงอันน่าตกใจก็ถูกเปล่งออกมาทันที จากนั้นก็พร่ามัวกลายเป็นเงากระบี่จำนวนมาก และฟันใส่แสงสีทองตรงหน้า

“เต้ง!” “เต้ง!”

ภายใต้การม้วนตัวของไอกระบี่ที่พุ่งขึ้นฟ้า ทำให้แสงสีทองแตกสลายในทันที และพุ่งยิงกลับไปเป็นจุดแสงสีทองอีกครั้ง

“แสงกระบี่แหลมคมยิ่งนัก นี่ก็คือกระบี่บินพลังจิตวิญญาณสินะ!”

หลิ่วหมิงโบกมือเก็บทรายทองคำร่วงด้วยตาที่เป็นประกาย

หลังจากชายหนุ่มกระตุ้นกระบี่บินพลังจิตวิญญาณตรงหน้าแล้ว มันก็หมุนวนกลางอากาศหนึ่งรอบ กลิ่นไอกระบี่ที่ติดตัวมาก็แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม จนมีอานุภาพล้นหลาม

หลิ่วหมิงรู้สึกใจเย็นสะท้าน กระบี่บินพลังจิตวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามได้เข้าสู่ต้นแบบอาวุธเวทแล้ว เขาจึงไม่กล้าชักช้าอีกต่อไป พอยกแขนเสื้อข้างหนึ่งขึ้น ลูกกลมๆ สีเหลืองสี่ลูกก็ร่วงลงพื้นตรงหน้า หลังจากมีเสียงดัง “คล่อกแคล่ก!” มันก็กลายเป็นหุ่นนักรบสีทองอร่ามสี่ตัว

ขณะเดียวกัน ไอดำก็พวยพุ่งออกจากตัว หลังจากมีแสงแวววาวเปล่งประกายระหว่างคิ้ว พลังจิตอันมหาศาลก็ม้วนตัวออกไป มันก่อตัวเป็นระลอกคลื่นไร้รูปเหนือศีรษะ หลังจากครุ่นคิดอย่างรวดเร็วแล้ว พลังจิตมหาศาลของหนอนพลังจิตบนตัว ก็ถูกหมุนเวียนมาใช้ และมันก็ทะลักขึ้นไปบนอากาศเช่นกัน

ระลอกคลื่นเหนือศีรษะหลิ่วหมิงขยายใหญ่อย่างบ้าคลั่ง พื้นที่ของมันเพิ่มขึ้นมาหนึ่งเท่า และเริ่มแผ่แสงสีขาวออกมา

“แยก!”

พอหลิ่วหมิงตะโกนออกมา ระลอกคลื่นพลังจิตก็แยกตัวเป็นสี่ และกลายเป็นแสงสีขาวจางๆ สี่ลำก่อนจมหายไปในหน้าผากของหุ่นนักรบทั้งสี่

ด้วยพลังจิตของเขาในตอนนี้ เหนือกว่าผู้ฝึกฝนระดับผลึกขั้นต้นโดยทั่วไปแล้ว บวกกับพลังจิตของหนอนพลังจิตที่ลอกเลียนแบบออกมา ต่อให้จะแยกจากหนึ่งเป็นสี่ ก็ยังแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นปลายทั่วไปเล็กน้อย

พอหุ่นนักรบทั้งสี่ได้รับจากควบคุมจากพลังจิตอันแข็งแกร่งเช่นนี้ แกนค่ายกลที่อยู่ด้านในก็เริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นลำแสงสีทองสี่ลำก็พุ่งออกจากร่าง มีเงาร่างของมังกรเขียว พยัคฆ์ขาว หงส์แดง เต่าดำ ที่เป็นสัตว์จตุรเทพทั้งสี่มาปรากฏอยู่รำไร หลังจากมันหมุนติ้วๆ แล้ว ก็กลายเป็นม่านแสงสีทองสลัวๆ

นี่ถึงเป็นความสามารถที่แท้จริงของหุ่นสี่ทิศ เกรงว่าผู้ที่ดำเนินการประมูลในตอนแรก ก็ไม่รู้ว่ามันมีความสามารถเช่นนี้

หากไม่ใช่ว่าก่อนหน้านั้นหลิ่วหมิงใส่พลังจิตที่เพียงพอให้กับแกนกลางของหุ่นนักรบทั้งสี่พร้อมกันโดยไม่ตั้งใจล่ะก็ เกรงว่าก็ไม่อาจค้นพบเช่นกัน

ชายหนุ่มกระบี่ทองแดงเห็นเช่นนี้ ก็เผยสีหน้าเฉียบขาดออกมา เขาชี้มือข้างหนึ่งไปทางหลิ่วหมิง และตะโกนออกมา “ฟัน!”

กระบี่เล็กสีเหลืองที่หมุนวนอยู่กลางอากาศพร่ามัวในทันที จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ครู่ต่อมา หลังจากเกิดคลื่นอันน่าตกใจอยู่ครู่หนึ่ง เงากระบี่สีเหลืองที่ยาวสามสิบจั้ง ก็มาปรากฏตัวเหนือม่านแสงสีทองทันที และฟันลงมาอย่างโหดเหี้ยม

“ตู้ม!” เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แท่นประลองสั่นสะเทือนอยู่ไม่หยุด

หลังจากม่านแสงสีทองถูกเงากระบี่ค้ำฟ้าฟันลงมา มันก็ยุบลงไปด้วยเสียงอันดัง ราวกับว่าเป็นสายยางที่ถูกดึงให้ตึง แต่กลับไม่พังทลายลงมา

สีหน้าของชายหนุ่มกระบี่ทองแดงเปลี่ยนไปในทันที เขารู้ดีว่ากระบี่บินพลังจิตวิญญาณเล่มนี้มีอานุภาพแข็งแกร่งเพียงใด แต่มันกลับไม่สามารถฟันทะลุม่านแสงชั้นนี้ได้

ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงที่อยู่ภายในม่านแสงก็มีไอดำพวยพุ่งออกจากตัว และรวมตัวเป็นเงามังกรกับพยัคฆ์หมอกอย่างละสองตัว

ครู่ต่อมา ท่ามกลางเสียงมังกรร้องพยัคฆ์คำราม กำปั้นสีดำที่มาพร้อมกับมังกรพยัคฆ์อย่างละสองตัวก็พุ่งขึ้นมา และโจมตีใส่เงากระบี่ค้ำฟ้าอย่างรุนแรง

ราวกับว่าเกิดฟ้าผ่าในขณะที่อากาศยังสดใส!

ขณะที่เงากระบี่ยักษ์ถูกหลิ่วหมิงโจมตีและถูกพลังม่านแสงสีทองสะท้อนกลับ มันก็กระเด็นขึ้นบนที่สูง

“เป็นไปได้อย่างไร!”

ชายหนุ่มเห็นเช่นนี้ก็หลุดปากออกมา

ตั้งแต่เขาฝึกฝนกระบี่บินพลังจิตวิญญาณสำเร็จ ไม่มีสิ่งใดที่มันฟันไม่ได้

แต่ทว่าการประลองใหญ่ในครั้งนี้ ก่อนหน้านั้นก็ถูกจินเทียนชื่อใช้วิธีการแปลกประหลาดกักขังกระบี่บินพลังจิตวิญญาณไว้ และตอนนี้ก็ถูกหลิ่วหมิงต้านทานการฟันด้วยพลังทั้งหมดของเขาไว้ได้

คนผู้นี้ก็เป็นผู้ที่มีใจหนักแน่นมาก หลังจากเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วแล้ว มือทั้งสองที่ทำท่ามืออยู่ก็เคลื่อนไหวทันที หลังจากเงากระบี่ยักษ์ค้ำฟ้าที่กระเด็นออกไปค่อยๆ สั่นสะท้าน มันก็ร่วงลงมาอีกครั้ง

แต่ขณะนั้นเอง เขาก็รู้สึกประหลาดใจกับหลิ่วหมิงตรงหน้ามาก

ชายหนุ่มกระบี่ทองแดงพลันรับรู้ได้ถึงความเย็นสะท้านจากด้านหลัง แสงสีทองเปล่งประกายออกมา ฝ่ามือสีทองอร่ามข้างหนึ่งโจมตีทะลุปราณแกร่งคุ้มร่าง และพุ่งเข้าใส่จุดสำคัญของเขา

………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด