Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2335 เมืองเมฆหนุน

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2335 เมืองเมฆหนุน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!

คลื่นพลังรุนแรงหลายสายพุ่งมาถึงที่เกิดเหตุในพริบตา

ตระกูลเจียนนั้นมียอดฝีมือมากล้น เมื่อเกิดเรื่องยิ่งใหญ่เช่นนั้นขึ้นกลางเมืองคนทั้งหลายย่อมจะต้องตื่นตระหนกเป็นธรรมดา

“ใครกันที่มันกล้ามาก่อเรื่องในเขตตระกูลเจียน!”

“กล้าลงมือต่อท่านบรรพกาล เบื่อที่จะมีชีวิตแล้วหรือ?”

เสียงร้องลั่นอย่างขุ่นเคืองและโกรธแค้นดังลั่นขึ้นมาตามๆ กันแต่เมื่อคนทั้งหลายมาถึงยังที่เกิดเหตุพวกเขากลับต้องยืนนิ่งอย่างมึนงง

เพราะคนที่อยู่กับบรรพกาลของพวกเขานั้นมันมีแค่ชายหนุ่มคนหนึ่ง

และเจ้าหนุ่มคนนี้ยังเป็นแค่จักรพรรดิเทพสวรรค์คนหนึ่ง แต่ฝ่ายบรรพกาลของพวกเขาที่นั่งอีกฝ่ายกลับกำลังกระอักเลือดออกมา!

หรือว่าจะเป็นเจ้าหนุ่มคนนี้ที่ทำร้ายบรรพกาลของพวกเขา?

มันจะเป็นไปได้หรือ?

พวกเขานั้นคิดอยากจะจับตัวเจ้าหนุ่มคนนี้ถามเรื่องราวแต่ก็รู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผล

มีหรือที่บรรพกาลของพวกเขาจะถูกจักรพรรดิเทพสวรรค์คนหนึ่งทำร้ายจนบาดเจ็บได้?

ระหว่างที่คนทั้งหลายกำลังมองดูเรื่องราวอย่างมึนงงตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ก็ยกมือขึ้นมาโบกปัด “ไม่มีอะไรหรอก พวกเจ้าไปเถอะ!”

ทุกผู้คนต่างหันมามองหน้ากันอย่างไม่รู้ต้องทำอย่างไร

ตัวเจียนหยุนซินที่ได้ยินก็ตั้งสติกลับมาได้ “มันไม่มีอะไร พวกเจ้ากลับไปได้!”

เป็นตอนนั้นเองที่ทุกคนต้องเดินกลับไปอย่างมึนงงสุดใจ

เย่หยวนเองที่ได้แต่ทำหน้าหนักใจกล่าวขึ้นมา “เมืองหลวงสวรรค์มายาล้ำนั้นน่าจะมีสมุนไพรวิญญาณอยู่ไม่น้อยใช่หรือไม่? ให้เย่ผู้นี้ได้หลอมโอสถให้ผู้อาวุโสใช้รักษาตัวเถอะ”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้พยักหน้ารับออกมาอย่างเห็นด้วย

เขานั้นย่อมจะได้ยินเรื่องที่เย่หยวนได้รับการยกย่องเป็นปญมาจารย์แห่งการโอสถและหากบนโลกนี้มันจะมีใครหลอมโอสถให้เขาได้มันก็คงเป็นเย่หยวนแล้ว

เจียนหยุนซินนั้นรีบเชิญตัวเย่หยวนไปยังห้องหลอมโอสถทันทีก่อนจะกลับมาหาจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้อีกครั้ง

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นจะอย่างไรก็เป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์อันดับหนึ่ง ถึงเวลาที่เจียนหยุนซินกลับมานั้นเขาก็กลับมานั่งปกติได้แล้ว

เมื่อได้เห็นสีหน้าของเจียนหยุนซินที่เหมือนจะอยากพูดอะไรแต่ก็ต้องกลืนมันลงคอตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้จึงกล่าว “เขานั้นแตกต่างจากคนทั้งหลาย! เด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายนั้นมันล้วนมีต่ำสูงกันสิ้น แต่ไม่ว่าจะสูงส่งปานใดมันก็ไม่มีทางทำให้เต๋าสวรรค์ต้องลงมาเตือนเองเช่นนี้! เฒ่าผู้นี้ทำนายดวงชะตาผู้คนมานับล้านๆ ปีแต่ก็ยังไม่พบเจอทางออกให้แก่เผ่ามนุษย์ บางทีความไม่แน่นอนในครานี้… มันอาจจะต้องพึ่งพาเขาแล้ว!”

เจียนหยุนซินสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะกล่าวขึ้น “เด็กคนนี้มันคงเก็บซ่อนความลับยิ่งใหญ่ไว้กับตัว! ทำไม… ท่านพอไม่เอามันมาเองเล่า?”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้หันไปมองหน้าและส่ายหัวอย่างแรง “เวลาก็ผ่านมาตั้งหลายต่อหลายปีแล้วเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ? คนทุกผู้นั้นต่างล้วนมีชะตาของตนเอง! ความลับของเขานั้นเมื่ออยู่กับเขามันจะเป็นตัวแปรที่ไม่อาจหาค่าได้ แต่เมื่อมันมาอยู่กับข้า คุณค่าของมันก็จะจบอยู่กับแค่ชะตาของข้า! หากเป็นอย่างนี้ต่อไปศึกครั้งนี้มนุษย์คงแพ้พ่ายแน่! หากมันกลายเป็นค่าที่แน่นอนขึ้นมาแล้วมันก็จะเท่ากับว่ามนุษย์ได้พ่ายแพ้ลงด้วยน้ำมือของเฒ่าผู้นี้! ตอนนี้ยังไม่ต้องนึกถึงเรื่องผลดีผลเสียใดๆ แต่เจ้าคิดหรือว่าหากเผ่าเทวามันเอาชนะได้แล้วมันจะปล่อยพวกเราให้รอดชีวิต?”

เจียนหยุนซินนั้นต้องสูดหายใจเข้าตั้งสติอย่างอับอาย “มันเป็นลูกเองที่รีบร้อนไม่คิดหน้าหลัง! แต่จะอย่างไรเวลานี้เขาก็ยังอ่อนแอจนเกินไป! เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวแปรสำคัญของศึกนี้ทันหรือ?”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ที่ได้ยินก็ต้องหัวเราะขึ้น “ข้าจะไปรู้หรือ? หากข้าทำนายดวงชะตาของเขาได้เขาก็มิใช่เด็กชะตาไร้คาดเดาแล้ว! แต่มันก็เพราะว่าความเดาไม่ได้นี้แหละที่จะเป็นโอกาสให้มนุษย์เรา! คนที่สงสัยนั้นมันไม่ได้มีแค่เจ้า แต่เฒ่าคนนี้เองก็สงสัยไม่แพ้กัน!”

หลายวันต่อมาเย่หยวนก็ได้หลอมโอสถกึ่งเต๋าขึ้นมา

หลังจากที่จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้กลืนกินมันลงไปอาการบาดเจ็บของเขาก็ทุเลาลงอย่างทันตา

แต่จะอย่างไรพลังบ่มเพาะของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้มันก็เหนือล้ำจนเกินกว่าที่พลังของเย่หยวนจะเอื้อมถึง เพราะฉะนั้นโอสถนี้มันจึงยังไม่อาจจะทำให้อาการของเขาหายสิ้นได้

แต่ด้วยความสามารถของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้แล้ว อาการที่หลงเหลืออยู่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหามากมาย

เรื่องฝีมือการโอสถของเย่หยวนนี้ตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้กล่าวชมไม่ขาดปากไปอีกหลายวัน

หลังจากจบเรื่องราวเจียนหยุนซินก็ได้พาเย่หยวนเข้ามายังมิติสงครามดึกดำบรรพ์

ทางเข้าของมิติสงครามดึกดำบรรพ์นั้นมันอยู่ในเมืองหลวงสวรรค์มายาล้ำนี้เอง

“เอาล่ะ ข้าคงมาส่งได้เท่านี้ หลังจากเจ้าเข้าไปแล้วเจ้าจะได้รู้เองว่าต้องทำอย่างไรบ้าง” เจียนหยุนซินกล่าว

เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะเข้าไปยังโลกใบน้อยนั้น

ความรู้สึกไร้น้ำหนักปรากฏขึ้นต่อหน้าเย่หยวนก่อนจะรู้สึกเหมือนภาพตรงหน้าจางหายไปและเข้ามาสู่ลูกบอลแสงหนึ่ง

พร้อมๆ กันนั้นมันก็ปรากฏข้อมูลมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัว

ที่แท้แล้วเจ้ามิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้มันก็จะคล้ายๆ กับมิติบ่มเพาะมรณา

เจ้าลูกบอลแสงนี้มันจะลอกเลียนแบบความสามารถของเขาออกมา

แต่แน่นอนว่าด้วยความที่มิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้มันถูกสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ มันย่อมจะพัฒนาไปได้ไกลล้ำกว่าของที่จอมเทพนิรันดร์สร้างขึ้น!

เย่หยวนนั้นควบคุมเจ้าร่างแยกนั้นโดยตรงและสิ่งใดที่เจ้าร่างแยกนั้นได้รับในมิติสงครามดึกดำบรรพ์มันก็จะเท่ากับว่าตัวเขาได้รับด้วย

มันก็เท่ากับว่าการส่งร่างแยกลงไปบ่มเพาะภายในมิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้มันจะดึงดูดพลังงานฟ้าดินกลับมาให้ร่างจริงได้

มันเหมือนกับว่าเขานั้นลงไปบ่มเพาะเอง

เจ้าร่างแยกนี้มันไม่ได้ต่างไปจากร่างกายของเย่หยวนเองเลย!

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือเจ้าร่างแยกนี้มันจะฟื้นคืนกลับมาจากความตายได้อย่างไร้จำกัด!

วิธีการเช่นนี้มันเป็นอะไรที่เหนือล้ำจะจินตนาการอย่างมาก

เจ้าร่างแยกนี้จะลงไปยังมิติสงครามดึกดำบรรพ์เพื่อต่อสู้เท่านั้น!

ในมิติสงครามดึกดำบรรพ์มันมีเมืองทั้งหมดร้อยเมือง แต่ละเมืองนั้นย่อมจะมีเด็กชะตาไร้คาดเดานับหมื่นๆ

เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดานั้นจะต่อสู้กันเองบ้างหรือออกไปล่าสัตว์ร้ายมากมายที่ด้านนอกเมืองบ้าง

การต่อสู้ในเมืองนั้นถูกห้ามไว้ แต่ภายนอกเมืองนั้นทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นได้สิ้น

และในการล่าสัตว์ร้ายแต่ละครั้งนั้นพวกเขาจะได้รับแต้มเทพสงคราม

ในหมู่เด็กชะตาไร้คาดเดานั้นมันมีระบบจัดลำดับโดยแต้มเทพสงคราม

เพราะฉะนั้นมิติสงครามดึกดำบรรพ์มันจึงเป็นมิติต่อสู้จำลอง!

“ซี๊ด… เด็กชะตาไร้คาดเดานับล้าน! ที่สำคัญคือพวกเขาทั้งหลายยังเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์สิ้น!” เมื่อเย่หยวนได้รับรู้ถึงเรื่องราวนั้นเขาก็ต้องสูดหายใจเข้าลึกอย่างตื่นตะลึง

เขานั้นไม่นึกว่าในหมู่มนุษย์ อสูร ปีศาจทั้งหลายมันจะยังมีเด็กชะตาไร้คาดเดามากมายปานนี้

นี่ยังนับเพียงแค่เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาเท่านั้น เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ที่เป็นแค่อัจฉริยะทั่วๆ ไปนั้นมันยังมีอีกนับสิบล้าน!

เย่หยวนได้รับรู้แล้วว่าตัวเขานั้นยังเข้าใจถึงเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่มากพอ

เขานั้นเคยคิดไปเสียว่าเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์คือตัวตนที่สูงส่งล้ำฟ้า ตัวตนของคนระดับนั้นมันย่อมจะมีเพียงหยิบมือ

แต่เมื่อก้าวขึ้นมาถึงระดับของเขานั้นความเข้าใจต่อโลกของเขามันก็ย่อมจะเปลี่ยนไปสิ้นเชิง เป็นเวลานี้เองที่เขาได้รู้ถึงกำลังที่แท้จริงที่มนุษย์เก็บซ่อนไว้!

ความสามารถในการขยายเผ่าพันธุ์นี้มันน่ากลัวเสียจริงๆ!

ก่อนนั้นเองเหล่ายอดฝีมือเผ่ามนุษย์ทั้งหลายต่างก็เอาชนะเผ่าเทวาด้วยการโจมตีเป็นระลอกๆ

หากหนึ่งบรรพกาลเอาชนะเจ้าไม่ได้ เช่นนั้นสามบรรพกาลเล่า

หากสามยังเอาชนะไม่ได้ เช่นนั้นห้าเล่า! สิบเล่า!

เผ่าเทวาที่ไร้ต้านต้องพ่ายแพ้ลงต่อยุทธการเช่นนั้น

แต่พอลองคิดดูแล้วเย่หยวนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา

เพราะมหาพิภพถงเทียนนั้นมันยิ่งใหญ่ไม่มีใครเคยไปถึงสุดขอบฟ้า ประชากรที่มีของหลายๆ เผ่าพันธุ์รวมกันมันคงมากกว่าพันล้านล้านล้าน

ต่อให้จักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นจะเกิดขึ้นมาได้แค่หนึ่งในพันล้านแต่เมื่อเอาจำนวนนั้นมานับรวมๆ แล้วมันก็ยังมากล้น

แต่แม้จักรพรรดิเทพสวรรค์จะมีมากมายเท่าใด ยอดฝีมือที่ขึ้นถึงได้ยากจริงๆ นั้นมันก็คงเป็นเหล่าเจ้าฟ้าดินแล้ว!

เพราะเหล่าเจ้าฟ้าดินทั้งหลายนั้นคือตัวตนที่หาได้ยากอย่างแท้จริง

คนที่จะผ่านทุกข์ทลายไปได้นั้นมันมีเพียงแค่หนึ่งในล้าน

จักรพรรดิเทพสวรรค์นักต่อนักต้องตายลงไปเพราะว่าทุกข์ทลายนั้น

เพราะฉะนั้นนับแต่สงครามสิ้นโลกครั้งก่อนมาเหล่ายอดคนของเผ่ามนุษย์จึงได้ตายลงไปมากล้น ทำให้เผ่ามนุษย์สูญเสียกำลังไปมหาศาล

หลังจากเข้าใจถึงข้อมูลของมิติสงครามดึกดำบรรพ์แล้วตัวเย่หยวนก็ส่งจิตลงไปควบคุมร่างแยกในลูกบอลแสงก่อนจะพบว่าตัวเองได้มายืนอยู่กลางเมืองใหญ่โตสวยงาม

เย่หยวน จักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาว

ตำแหน่ง: เมืองเมฆหนุน!

แต้มเทพสงคราม: ศูนย์!

อันดับเทพสงคราม: หนึ่งหมื่นสองพันห้าร้อยสามสิบสอง!

เวลานี้มันเกิดข้อมูลหนึ่งปรากฏขึ้นบนหัวของเย่หยวน

ดูท่าแล้วจำนวนหนึ่งหมื่นสองพันห้าร้อยสามสิบสองมันคงเป็นจำนวนของเด็กชะตาไร้คาดเดาที่อยู่ในเมืองเมฆหนุน

เพราะเย่หยวนที่เข้ามาถึงเป็นคนสุดท้ายย่อมจะมีตำแหน่งรั้งท้าย!

“เอ๋ มีเด็กใหม่มาอีกแล้ว”

“หึๆ อ่อนแอแท้ๆ แค่จักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาว”

“กำลังแค่นี้ก็กล้าเข้ามายังมิติสงครามดึกดำบรรพ์ ข้าว่าอีกไม่นานมันคงได้แต่นั่งหัวหดอยู่ในเมืองไม่กล้าออกไปไหนแล้ว”

เมื่อเย่หยวนปรากฏกายขึ้นมาเหล่าคนทั้งหลายก็หันมาให้ความสนใจ

แต่แน่นอนว่าส่วนมากล้วนเป็นคำเหยียดหยัน

จักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาวนั้นมันเป็นพลังฝีมือที่ไร้ค่าให้สนใจ

เย่หยวนนั้นรู้ดีว่ามิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้มันได้เปิดขึ้นมากว่าปีแล้ว

มันเท่ากับว่าเขานั้นช้ากว่าคนอื่นๆ ไปถึงหนึ่งปี!

……………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2335 เมืองเมฆหนุน

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2335 เมืองเมฆหนุน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!

คลื่นพลังรุนแรงหลายสายพุ่งมาถึงที่เกิดเหตุในพริบตา

ตระกูลเจียนนั้นมียอดฝีมือมากล้น เมื่อเกิดเรื่องยิ่งใหญ่เช่นนั้นขึ้นกลางเมืองคนทั้งหลายย่อมจะต้องตื่นตระหนกเป็นธรรมดา

“ใครกันที่มันกล้ามาก่อเรื่องในเขตตระกูลเจียน!”

“กล้าลงมือต่อท่านบรรพกาล เบื่อที่จะมีชีวิตแล้วหรือ?”

เสียงร้องลั่นอย่างขุ่นเคืองและโกรธแค้นดังลั่นขึ้นมาตามๆ กันแต่เมื่อคนทั้งหลายมาถึงยังที่เกิดเหตุพวกเขากลับต้องยืนนิ่งอย่างมึนงง

เพราะคนที่อยู่กับบรรพกาลของพวกเขานั้นมันมีแค่ชายหนุ่มคนหนึ่ง

และเจ้าหนุ่มคนนี้ยังเป็นแค่จักรพรรดิเทพสวรรค์คนหนึ่ง แต่ฝ่ายบรรพกาลของพวกเขาที่นั่งอีกฝ่ายกลับกำลังกระอักเลือดออกมา!

หรือว่าจะเป็นเจ้าหนุ่มคนนี้ที่ทำร้ายบรรพกาลของพวกเขา?

มันจะเป็นไปได้หรือ?

พวกเขานั้นคิดอยากจะจับตัวเจ้าหนุ่มคนนี้ถามเรื่องราวแต่ก็รู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผล

มีหรือที่บรรพกาลของพวกเขาจะถูกจักรพรรดิเทพสวรรค์คนหนึ่งทำร้ายจนบาดเจ็บได้?

ระหว่างที่คนทั้งหลายกำลังมองดูเรื่องราวอย่างมึนงงตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ก็ยกมือขึ้นมาโบกปัด “ไม่มีอะไรหรอก พวกเจ้าไปเถอะ!”

ทุกผู้คนต่างหันมามองหน้ากันอย่างไม่รู้ต้องทำอย่างไร

ตัวเจียนหยุนซินที่ได้ยินก็ตั้งสติกลับมาได้ “มันไม่มีอะไร พวกเจ้ากลับไปได้!”

เป็นตอนนั้นเองที่ทุกคนต้องเดินกลับไปอย่างมึนงงสุดใจ

เย่หยวนเองที่ได้แต่ทำหน้าหนักใจกล่าวขึ้นมา “เมืองหลวงสวรรค์มายาล้ำนั้นน่าจะมีสมุนไพรวิญญาณอยู่ไม่น้อยใช่หรือไม่? ให้เย่ผู้นี้ได้หลอมโอสถให้ผู้อาวุโสใช้รักษาตัวเถอะ”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้พยักหน้ารับออกมาอย่างเห็นด้วย

เขานั้นย่อมจะได้ยินเรื่องที่เย่หยวนได้รับการยกย่องเป็นปญมาจารย์แห่งการโอสถและหากบนโลกนี้มันจะมีใครหลอมโอสถให้เขาได้มันก็คงเป็นเย่หยวนแล้ว

เจียนหยุนซินนั้นรีบเชิญตัวเย่หยวนไปยังห้องหลอมโอสถทันทีก่อนจะกลับมาหาจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้อีกครั้ง

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นจะอย่างไรก็เป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์อันดับหนึ่ง ถึงเวลาที่เจียนหยุนซินกลับมานั้นเขาก็กลับมานั่งปกติได้แล้ว

เมื่อได้เห็นสีหน้าของเจียนหยุนซินที่เหมือนจะอยากพูดอะไรแต่ก็ต้องกลืนมันลงคอตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้จึงกล่าว “เขานั้นแตกต่างจากคนทั้งหลาย! เด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายนั้นมันล้วนมีต่ำสูงกันสิ้น แต่ไม่ว่าจะสูงส่งปานใดมันก็ไม่มีทางทำให้เต๋าสวรรค์ต้องลงมาเตือนเองเช่นนี้! เฒ่าผู้นี้ทำนายดวงชะตาผู้คนมานับล้านๆ ปีแต่ก็ยังไม่พบเจอทางออกให้แก่เผ่ามนุษย์ บางทีความไม่แน่นอนในครานี้… มันอาจจะต้องพึ่งพาเขาแล้ว!”

เจียนหยุนซินสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะกล่าวขึ้น “เด็กคนนี้มันคงเก็บซ่อนความลับยิ่งใหญ่ไว้กับตัว! ทำไม… ท่านพอไม่เอามันมาเองเล่า?”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้หันไปมองหน้าและส่ายหัวอย่างแรง “เวลาก็ผ่านมาตั้งหลายต่อหลายปีแล้วเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ? คนทุกผู้นั้นต่างล้วนมีชะตาของตนเอง! ความลับของเขานั้นเมื่ออยู่กับเขามันจะเป็นตัวแปรที่ไม่อาจหาค่าได้ แต่เมื่อมันมาอยู่กับข้า คุณค่าของมันก็จะจบอยู่กับแค่ชะตาของข้า! หากเป็นอย่างนี้ต่อไปศึกครั้งนี้มนุษย์คงแพ้พ่ายแน่! หากมันกลายเป็นค่าที่แน่นอนขึ้นมาแล้วมันก็จะเท่ากับว่ามนุษย์ได้พ่ายแพ้ลงด้วยน้ำมือของเฒ่าผู้นี้! ตอนนี้ยังไม่ต้องนึกถึงเรื่องผลดีผลเสียใดๆ แต่เจ้าคิดหรือว่าหากเผ่าเทวามันเอาชนะได้แล้วมันจะปล่อยพวกเราให้รอดชีวิต?”

เจียนหยุนซินนั้นต้องสูดหายใจเข้าตั้งสติอย่างอับอาย “มันเป็นลูกเองที่รีบร้อนไม่คิดหน้าหลัง! แต่จะอย่างไรเวลานี้เขาก็ยังอ่อนแอจนเกินไป! เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวแปรสำคัญของศึกนี้ทันหรือ?”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ที่ได้ยินก็ต้องหัวเราะขึ้น “ข้าจะไปรู้หรือ? หากข้าทำนายดวงชะตาของเขาได้เขาก็มิใช่เด็กชะตาไร้คาดเดาแล้ว! แต่มันก็เพราะว่าความเดาไม่ได้นี้แหละที่จะเป็นโอกาสให้มนุษย์เรา! คนที่สงสัยนั้นมันไม่ได้มีแค่เจ้า แต่เฒ่าคนนี้เองก็สงสัยไม่แพ้กัน!”

หลายวันต่อมาเย่หยวนก็ได้หลอมโอสถกึ่งเต๋าขึ้นมา

หลังจากที่จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้กลืนกินมันลงไปอาการบาดเจ็บของเขาก็ทุเลาลงอย่างทันตา

แต่จะอย่างไรพลังบ่มเพาะของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้มันก็เหนือล้ำจนเกินกว่าที่พลังของเย่หยวนจะเอื้อมถึง เพราะฉะนั้นโอสถนี้มันจึงยังไม่อาจจะทำให้อาการของเขาหายสิ้นได้

แต่ด้วยความสามารถของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้แล้ว อาการที่หลงเหลืออยู่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหามากมาย

เรื่องฝีมือการโอสถของเย่หยวนนี้ตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้กล่าวชมไม่ขาดปากไปอีกหลายวัน

หลังจากจบเรื่องราวเจียนหยุนซินก็ได้พาเย่หยวนเข้ามายังมิติสงครามดึกดำบรรพ์

ทางเข้าของมิติสงครามดึกดำบรรพ์นั้นมันอยู่ในเมืองหลวงสวรรค์มายาล้ำนี้เอง

“เอาล่ะ ข้าคงมาส่งได้เท่านี้ หลังจากเจ้าเข้าไปแล้วเจ้าจะได้รู้เองว่าต้องทำอย่างไรบ้าง” เจียนหยุนซินกล่าว

เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะเข้าไปยังโลกใบน้อยนั้น

ความรู้สึกไร้น้ำหนักปรากฏขึ้นต่อหน้าเย่หยวนก่อนจะรู้สึกเหมือนภาพตรงหน้าจางหายไปและเข้ามาสู่ลูกบอลแสงหนึ่ง

พร้อมๆ กันนั้นมันก็ปรากฏข้อมูลมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัว

ที่แท้แล้วเจ้ามิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้มันก็จะคล้ายๆ กับมิติบ่มเพาะมรณา

เจ้าลูกบอลแสงนี้มันจะลอกเลียนแบบความสามารถของเขาออกมา

แต่แน่นอนว่าด้วยความที่มิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้มันถูกสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ มันย่อมจะพัฒนาไปได้ไกลล้ำกว่าของที่จอมเทพนิรันดร์สร้างขึ้น!

เย่หยวนนั้นควบคุมเจ้าร่างแยกนั้นโดยตรงและสิ่งใดที่เจ้าร่างแยกนั้นได้รับในมิติสงครามดึกดำบรรพ์มันก็จะเท่ากับว่าตัวเขาได้รับด้วย

มันก็เท่ากับว่าการส่งร่างแยกลงไปบ่มเพาะภายในมิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้มันจะดึงดูดพลังงานฟ้าดินกลับมาให้ร่างจริงได้

มันเหมือนกับว่าเขานั้นลงไปบ่มเพาะเอง

เจ้าร่างแยกนี้มันไม่ได้ต่างไปจากร่างกายของเย่หยวนเองเลย!

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือเจ้าร่างแยกนี้มันจะฟื้นคืนกลับมาจากความตายได้อย่างไร้จำกัด!

วิธีการเช่นนี้มันเป็นอะไรที่เหนือล้ำจะจินตนาการอย่างมาก

เจ้าร่างแยกนี้จะลงไปยังมิติสงครามดึกดำบรรพ์เพื่อต่อสู้เท่านั้น!

ในมิติสงครามดึกดำบรรพ์มันมีเมืองทั้งหมดร้อยเมือง แต่ละเมืองนั้นย่อมจะมีเด็กชะตาไร้คาดเดานับหมื่นๆ

เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดานั้นจะต่อสู้กันเองบ้างหรือออกไปล่าสัตว์ร้ายมากมายที่ด้านนอกเมืองบ้าง

การต่อสู้ในเมืองนั้นถูกห้ามไว้ แต่ภายนอกเมืองนั้นทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นได้สิ้น

และในการล่าสัตว์ร้ายแต่ละครั้งนั้นพวกเขาจะได้รับแต้มเทพสงคราม

ในหมู่เด็กชะตาไร้คาดเดานั้นมันมีระบบจัดลำดับโดยแต้มเทพสงคราม

เพราะฉะนั้นมิติสงครามดึกดำบรรพ์มันจึงเป็นมิติต่อสู้จำลอง!

“ซี๊ด… เด็กชะตาไร้คาดเดานับล้าน! ที่สำคัญคือพวกเขาทั้งหลายยังเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์สิ้น!” เมื่อเย่หยวนได้รับรู้ถึงเรื่องราวนั้นเขาก็ต้องสูดหายใจเข้าลึกอย่างตื่นตะลึง

เขานั้นไม่นึกว่าในหมู่มนุษย์ อสูร ปีศาจทั้งหลายมันจะยังมีเด็กชะตาไร้คาดเดามากมายปานนี้

นี่ยังนับเพียงแค่เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาเท่านั้น เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ที่เป็นแค่อัจฉริยะทั่วๆ ไปนั้นมันยังมีอีกนับสิบล้าน!

เย่หยวนได้รับรู้แล้วว่าตัวเขานั้นยังเข้าใจถึงเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่มากพอ

เขานั้นเคยคิดไปเสียว่าเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์คือตัวตนที่สูงส่งล้ำฟ้า ตัวตนของคนระดับนั้นมันย่อมจะมีเพียงหยิบมือ

แต่เมื่อก้าวขึ้นมาถึงระดับของเขานั้นความเข้าใจต่อโลกของเขามันก็ย่อมจะเปลี่ยนไปสิ้นเชิง เป็นเวลานี้เองที่เขาได้รู้ถึงกำลังที่แท้จริงที่มนุษย์เก็บซ่อนไว้!

ความสามารถในการขยายเผ่าพันธุ์นี้มันน่ากลัวเสียจริงๆ!

ก่อนนั้นเองเหล่ายอดฝีมือเผ่ามนุษย์ทั้งหลายต่างก็เอาชนะเผ่าเทวาด้วยการโจมตีเป็นระลอกๆ

หากหนึ่งบรรพกาลเอาชนะเจ้าไม่ได้ เช่นนั้นสามบรรพกาลเล่า

หากสามยังเอาชนะไม่ได้ เช่นนั้นห้าเล่า! สิบเล่า!

เผ่าเทวาที่ไร้ต้านต้องพ่ายแพ้ลงต่อยุทธการเช่นนั้น

แต่พอลองคิดดูแล้วเย่หยวนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา

เพราะมหาพิภพถงเทียนนั้นมันยิ่งใหญ่ไม่มีใครเคยไปถึงสุดขอบฟ้า ประชากรที่มีของหลายๆ เผ่าพันธุ์รวมกันมันคงมากกว่าพันล้านล้านล้าน

ต่อให้จักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นจะเกิดขึ้นมาได้แค่หนึ่งในพันล้านแต่เมื่อเอาจำนวนนั้นมานับรวมๆ แล้วมันก็ยังมากล้น

แต่แม้จักรพรรดิเทพสวรรค์จะมีมากมายเท่าใด ยอดฝีมือที่ขึ้นถึงได้ยากจริงๆ นั้นมันก็คงเป็นเหล่าเจ้าฟ้าดินแล้ว!

เพราะเหล่าเจ้าฟ้าดินทั้งหลายนั้นคือตัวตนที่หาได้ยากอย่างแท้จริง

คนที่จะผ่านทุกข์ทลายไปได้นั้นมันมีเพียงแค่หนึ่งในล้าน

จักรพรรดิเทพสวรรค์นักต่อนักต้องตายลงไปเพราะว่าทุกข์ทลายนั้น

เพราะฉะนั้นนับแต่สงครามสิ้นโลกครั้งก่อนมาเหล่ายอดคนของเผ่ามนุษย์จึงได้ตายลงไปมากล้น ทำให้เผ่ามนุษย์สูญเสียกำลังไปมหาศาล

หลังจากเข้าใจถึงข้อมูลของมิติสงครามดึกดำบรรพ์แล้วตัวเย่หยวนก็ส่งจิตลงไปควบคุมร่างแยกในลูกบอลแสงก่อนจะพบว่าตัวเองได้มายืนอยู่กลางเมืองใหญ่โตสวยงาม

เย่หยวน จักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาว

ตำแหน่ง: เมืองเมฆหนุน!

แต้มเทพสงคราม: ศูนย์!

อันดับเทพสงคราม: หนึ่งหมื่นสองพันห้าร้อยสามสิบสอง!

เวลานี้มันเกิดข้อมูลหนึ่งปรากฏขึ้นบนหัวของเย่หยวน

ดูท่าแล้วจำนวนหนึ่งหมื่นสองพันห้าร้อยสามสิบสองมันคงเป็นจำนวนของเด็กชะตาไร้คาดเดาที่อยู่ในเมืองเมฆหนุน

เพราะเย่หยวนที่เข้ามาถึงเป็นคนสุดท้ายย่อมจะมีตำแหน่งรั้งท้าย!

“เอ๋ มีเด็กใหม่มาอีกแล้ว”

“หึๆ อ่อนแอแท้ๆ แค่จักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาว”

“กำลังแค่นี้ก็กล้าเข้ามายังมิติสงครามดึกดำบรรพ์ ข้าว่าอีกไม่นานมันคงได้แต่นั่งหัวหดอยู่ในเมืองไม่กล้าออกไปไหนแล้ว”

เมื่อเย่หยวนปรากฏกายขึ้นมาเหล่าคนทั้งหลายก็หันมาให้ความสนใจ

แต่แน่นอนว่าส่วนมากล้วนเป็นคำเหยียดหยัน

จักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาวนั้นมันเป็นพลังฝีมือที่ไร้ค่าให้สนใจ

เย่หยวนนั้นรู้ดีว่ามิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้มันได้เปิดขึ้นมากว่าปีแล้ว

มันเท่ากับว่าเขานั้นช้ากว่าคนอื่นๆ ไปถึงหนึ่งปี!

……………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+