Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1686 ซวนอี้ถอนตัว

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1686 ซวนอี้ถอนตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1686 ซวนอี้ถอนตัว
ดวงตาของหนิงจื่อหยวนแทบหลุดออกมาจากเบ้า!

นี่คือเจิ่งชีที่เจ็บใกล้ตายจริงๆ น่ะรึ?

เจิ่งชีนั้นติดอยู่ที่อาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวมานานแสนนาน นานจนไม่รุ้ว่าเขาติดอยู่ตรงนั้นมากี่หมื่นปี

เพราะความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวและอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวนั้นมันแตกต่างกันอย่างมหาศาล

อาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวนั้นคือผู้คนที่จะสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ได้อย่างแท้จริงในทุกเมื่อ ทุกเวลา

แม้ว่าโอกาสจะมิได้มากมาย แต่หากสักวันพวกเขาเกิดได้ไปเจออะไรดีๆ เข้าล่ะ?

เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ของเมืองจักรพรรดิต่างๆ เองก็ล้วนแล้วแต่เดินผ่านขั้นนี้กันมาแล้วทั้งสิ้น จนสุดท้ายก็บรรลุได้จริง

คนที่มากพรสวรรค์จนสามารถบรรลุได้ในคราเดียวนั้นมันหาได้ยากมาก

ไม่ใช่ว่ามันไม่มีนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าที่บรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ได้ในคราเดียว มันมีแต่เพียงแค่มันมีน้อยมากๆ

น้อยจนผู้คนไม่นึกถึงมัน!

เหล่านักยุทธทั้งหลายส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เดินผ่านขั้นตอนนี้ในการขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ทั้งสิ้น

แต่แค่โอสถของเย่หยวนไม่กี่เม็ดกลับสามารถช่วยให้เขาบรรลุผ่านคอขวดที่เขาติดอยู่มานับหมื่นๆ ปีได้?

เรื่องราวแบบนั้นมันจะเหลือเชื่อเกินไปแล้วหรือไม่?

เมื่อได้เห็นเจิ่งชีที่สดใสและแข็งแรงเช่นนั้น เย่หยวนก็ตอบรับกลับไปอย่างดีใจ “ฮ่าๆ พี่เจิ่งผู้สดใสเปี่ยมพลังเหมือนในอดีตกลับมาหาเราอีกครั้งแล้ว!”

เจิ่งชีหัวเราะร่า “เรื่องราวทั้งหลายย่อมต้องขอบคุณเจ้าแล้ว! ข้าไม่คิดเลยว่าโอสถของเจ้ามันจะมีผลวิเศษเช่นนี้! ไอ้พวกสารเลวไม่รู้จักคุณคนพวกนั้นมันคงเสียดายจนหน้าเขียวแน่ๆ ใช่ไหม? หากให้ข้าแนะนำ วันข้างหน้าก็อย่าได้ไปสนใจพวกมันอีก! ไม่ว่าใครจะมาขอโอสถ ก็ให้มันจ่ายผลึกปราณเทวะออกมา โอสถหนึ่งเม็ดสามหมื่นล้าน ไม่ต้องลดให้มันแม้แต่ผลึกเดียว! อ่าว หนิงจื่อหยวนเจ้าก็มาด้วยรึ?”

เจิ่งชีนั้นเดินเข้ามาด้วยสายตาที่มองแต่เย่หยวน จนตอนนี้ในที่สุดเขาก็เห็นว่าที่ด้านข้างมีหนิงจื่อหยวนที่ทำสีหน้าสุดละอายออกมา เขาจึงอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ

หนิงจื่อหยวนมีสีหน้าที่แสนละอาย แต่เขาก็ยังฝืนยิ้มออกมา “ยินดีกับพี่เจิ่งด้วยที่หายดี แถมยังพัฒนาตนไปได้อีกขั้น!”

เจิ่งชีกลอกตาหนีทันที่และยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “หนิงจื่อหยวน เจ้ามีจมูกดีนี่! เย่หยวนเพิ่งจะกลับมาถึงและเจ้าก็มาหาเขาจนเจอแล้ว! เรื่องที่ตระกูลหนิงทำไว้ในตอนนี้นั้นมันยังฝังอยู่ในใจผู้คน!”

หนิงจื่อหยวนเตรียมพร้อมเต็มที่ที่จะไม่ไว้ท่าใดๆ อีก เขาถอนหายใจยาวและบอก “ใช่แล้ว หนิงผู้นี้มีตาหามีแววไม่ ตอนนั้นข้าโยนหินลงบ่อไปกับเขาด้วยในงานประชุมผู้อาวุโส! หนิงคนนี้จึงมาเพื่อขอโทษต่อผู้อาวุโสเย่อย่างสุดใจ!”

เจิ่งชีนั้นหัวเราะ “มีใครไม่รู้บ้างว่างานปักย่อมต้องเพิ่มลายดอก? โลกใบนี้มันมีอะไรดีไม่ดี? เจ้าคิดว่าถึงตอนนี้เย่หยวนยังต้องการคำขอโทษจากเจ้าอีกรึ?”

หนิงจื่อหยวนนั้นมีท่าทางเหมือนคนที่เจอเรื่องราวสุดเลวร้ายที่ไม่ว่าทำยังไงมันก็ไม่มีทางเลวร้ายไปได้กว่าเก่าแล้ว แต่เขาก็ยังแสดงท่าทางสุภาพออกมาอย่างถึงที่สุด “หนิงผู้นี้รู้ดีว่ามันสายไปแล้ว มันเป็นหนิงผู้นี้ที่ตามืดบอด ข้าไม่มีทางไปโทษใครได้ โชคยังดีที่เทียนปิงนั้นเป็นผู้จงรักภักดีเปี่ยมกตัญญู หลบซ่อนตัวจากตระกูลหนิงเราอย่างสุดความสามารถเพื่อออกเดินทางไปรับใช้ผู้อาวุโสเย่ มันคงช่วยลบล้างความผิดของตระกูลหนิงไปได้บ้าง”

ได้ยินคำพูดนั้นของหนิงจื่อหยวน เย่หยวนก็ได้แต่ด่าเฒ่าจิ้งจอกนี้ในใจ

แต่เฒ่าคนนี้ก็เลือกที่จะกลืนความอับอายขายขี้หน้าใดๆ ลงไป ดูท่าแล้วเรื่องนี้เองมันก็คงหนักหนาสำหรับเขาไม่เบา

เพราะเห็นแก่หนิงเทียนปิง เขาเองก็ไม่คิดทำอะไรตระกูลหนิงเช่นกัน

เพราะฉะนั้นเขาจึงเปิดปากพูดออกมาอย่างไม่แยแส “เอาล่ะ เรื่องราวเก่าก่อนแล้วกันไปไม่ต้องขุดขึ้นมาอีก ผู้อาวุโสหนิง ขอเชิญท่านกลับไปได้!”

เมื่อหนิงจื่อหยวนได้ยินเขาก็ยกมือขึ้นมาคารวะอย่างดีอกดีใจ “ผู้อาวุโสเย่ช่างมีน้ำใจงาม! เช่นนั้นหนิงผุ้นี้ต้องขอตัวกลับก่อน วันข้างหน้าหากท่านอยากใช้งานเรื่องใดตระกูลหนิงเราขอให้ผู้อาวุโสเย่บอกมาได้เลย อ่า จริงด้วย ตระกูลหนิงเราได้เก็บรวบรวมสมุนไพรระดับสี่มาไว้มากมายในหลายปีมานี้ ไม่รู้ว่าพวกมันจะมีสิ่งใดเข้าตาผู้อาวุโสเย่บ้างหรือไม่ แต่ขอผู้อาวุโสเย่โปรดรับมันไว้เถอะ!”

เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวขึ้น “วางไว้ตรงนั้นแหละ”

เวลาผ่านไปกว่าครึ่งเดือน ข่าวการกลับมาของเย่หยวนจึงแพร่ออกไปราวกับไฟลามทุ่ง

แต่เมื่อรับรู้ข่าวนี้ผู้คนส่วนมากกลับมีท่าทางดูถูกเหยียดหยามไม่เปลี่ยนไป

หรงซูกำลังนำกลุ่มผู้อาวุโสมาคุยกัน ใบหน้าของทุกคนเมื่อได้รู้ข่าวนี้มันเปี่ยมไปด้วยความดูแคลน

“เด็กคนนี้มันกล้ามีหน้ากลับมาจริงๆ คงรู้ตัวว่ามันไม่สามารถรับเรื่องราวภายนอกได้อีกแล้วสินะ?”

“เฮอะๆ แค่ขยะที่ไม่มีปัญญาจะบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้า! กลับมาแล้วจะทำอะไรได้? ตายให้มันพ้นๆ ไปเสียแต่แรกดีกว่า!”

“ข้าว่ามันคงไม่มีหน้ามาพบเจอผู้คนถึงได้พยายามปิดข่าวเช่นนี้ ใช่ไหม? มันไม่รู้รึไงว่าโบราณเขาว่าไว้ ‘หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง’ น่ะ?”

“ฮ่าๆๆ”

ทุกคนนั้นมีมุมมองที่คล้ายคลึงกัน เย่หยวนกลับมาและปิดตัวเงียบไม่พบผู้คน มันต้องหมายความว่าเขายังไม่บรรลุและจึงไม่มีหน้าออกมาพบใครแน่ๆ

เพราะเย่หยวนนั้นกินโอสถสุริยันจักรวาลไปตั้งมากมายในตอนนั้น แต่มันกลับไม่ช่วยใดๆ เขาได้เลย

แค่นั้นมันก็มากพอจะทำให้ผู้คนมองเขาว่าเป็นได้แค่ขยะแล้ว

หรงซูยิ้มตอบ “พวกเจ้าเองก็ไปว่าเช่นนั้นไม่ได้! เย่หยวนนั้นมีความสามารถในโอสถระดับสามที่หาใครเปรียบมิได้ ในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้เขาเองก็ยังมีที่ของเขาอยู่ นั่นคือ… การใช้งานขยะให้คุ้มค่ายังไงล่ะ!”

ทุกคนต่างหัวเราะลั่นออกมาอีกครั้ง “ฮ่าๆๆ”

เมื่อหรงซูได้ยินข่าวนี้ เขานั้นก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาในหัวใจ

หลายปีมานี้แม้เขาจะตกลงมาอยู่ในตำแหน่งผู้อาวุโสที่สอง แต่พลังอำนาจของเขาในหมู่สมาคมผู้อาวุโสก็ไม่ได้น้อยลงเลยแม้แต่นิด

จะบอกว่าซวนอี้เป็นได้แค่ผู้อาวุโสใหญ่ที่ทำหน้าที่เป็นแค่หัวโขนก็ได้

ซวนอี้นั้นไม่ชอบต่อสู้และยังไม่ชอบเรื่องราววุ่นวายแบบนี้ด้วย

เพราะฉะนั้นหรงซูจึงยิ่งปีกกล้าขาแข็งกว่าเก่า

แต่ส่วนฝั่งหอยุทธนั้น เล่งหยูปกครองได้อย่างรัดกุมแน่นหนา ทำให้แม้แต่หรงซูก็ไม่มีปัญญาพอที่จะเข้าไปยุ่งย่ามได้

แต่พลังที่เขาครอบครองในฝั่งหอโอสถ มันก็มากพอแล้ว

เพราะยังไงเสียหอยุทธก็ต้องพึ่งหอโอสถ จะมีผู้อาวุโสฝั่งนั้นคนใดที่กล้าทำเรื่องไม่ไว้หน้าผู้อาวุโสหอโอสถ?

ตอนนั้นเองที่จู่ๆ ก็มีลูกน้องคนเหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน บอกว่ายอดผู้อาวุโสเหอชงเรียกประชุมผู้อาวุโสด่วน บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุย

ทุกคนต้องหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยิน เพราะเวลามันช่างเหมาะเจาะจนเกินไปใช่ไหม?

ผู้อาวุโสคนหนึ่งถาม “ผู้อาวุโสที่สอง หรือว่าการประชุมผู้อาวุโสนี้… จะเกี่ยวกับเย่หยวน? ไม่เช่นนั้นเวลามันจะไม่เหมาะเจาะเกินไปหน่อยรึ?”

“นี่! อย่าไปกลัวสิ! ตอนนั้นเย่หยวนน่ะถูกขับไล่ออกจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไปดีๆ นี่เอง หากมันบรรลุกลับมาได้จริงมีหรือที่จะทำตัวแบบนั้น? มันคงมาตบหน้าพวกเรารายคนไปแล้ว! ในสายตาของข้า มันนั้นไม่กล้าที่จะเจอหน้าผู้คนต่างหาก! ที่ยอดผู้อาวุโสเรียกประชุมนั้นมันก็คงเป็นเรื่องอื่นมากกว่า บางทีพวกเมืองจักรพรรดิยอดสันติอาจจะมาก่อเรื่องอะไรอีกแล้วก็ได้” ผู้อาวุโสอีกคนบอก

และนั่นทำให้ทุกผู้คนพยักหน้าตามทันที

หนึ่งในผู้อาวุโสบอกขึ้นอย่างไม่พอใจ “จะว่าไปเรื่องนี้ ข้าเองก็โกรธแค้นไม่เบา! หากไม่ใช่เพราะเย่หยวนและเจิ่งชี เราเองก็คงไม่ต้องโดนกดขี่แบบนี้! เจ้าเย่หยวนนี่มันจริงๆ เลยเอาเขาหน่วงเทพบรรพกาลไปและหนีหายไปทั้งอย่างนั้น!”

หรงซูบอก “เอาล่ะ อย่าเดามั่วกันอีกเลย ไปถึงเดี๋ยวเราก็ได้รู้เอง”

ในโถงเดิมนั้นเหอชงยังคงนั่งอยู่บนจุดสูงสุดด้วยท่าทางสุดสง่า

เมื่อการประชุมผู้อาวุโสนี้เริ่มขึ้น เหอชงก็เปิดบอกพูด “ที่เรียกทุกท่านมาในวันนี้ มันย่อมมีเรื่องสำคัญที่จะประกาศกล่าวกัน ซวนอี้ เจ้าบอกเองเถอะ”

ทุกคนไม่เข้าใจในความหมายนั้น ก่อนจะหันไปมองซวนอี้อย่างตื่นตกใจ ไม่รู้ว่าชายคนนี้จะคิดทำอะไรกันแน่

ซวนอี้พยักหน้ารับและกล่าวขึ้น “ทุกท่าน นิสัยของชายแก่คนนี้ทุกท่านเองก็คงเข้าใจดี การมารับตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่เช่นนี้มันเกินกว่าที่จะรับไหวจริงๆ เพราะฉะนั้นวันนี้ข้าจึงได้ไปขอท่านเจ้าเมืองและยอดผู้อาวุโสว่าข้าขอออกจากตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่”

เมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้นมันก็เกิดความแตกตื่นขึ้นทันที สายตาทุกคู่ในตอนนี้ต่างหันมามองที่หนงซูเป็นตาเดียว!

ซวนอี้… ยอมแพ้แล้ว?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด