Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1997 ทวงถามความผิด

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1997 ทวงถามความผิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฮ่าๆ! ยินดีกับพี่หงเซียวด้วยที่ก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพสวรรค์แล้ว ช่างน่ายินดีเสียจริงๆ!”

เมื่อเย่หยวนหงเซียวกลับสามารถขึ้นมากลายเป็นเทพสวรรค์ได้แล้ว

“หึๆ อย่าได้มาหยอกล้อคนเฒ่าคนแก่เลยน้องข้า การขึ้นมาเป็นเทพสวรรค์นี้มันล้วนแล้วแต่เพราะเจ้าทั้งสิ้น!” เจียนหงเซียวหัวเราะตอบกลับมา

สภาพของเจียนหงเซียวในตอนนี้มันเปี่ยมไปด้วยพลัง ดูแตกต่างจากตอนที่เย่หยวนพบเจอเขาเป็นครั้งแรกอย่างมาก

เพราะผลการสะท้อนจากเต๋าใดๆ นั้นมันถูกเยียวยารักษาจนหายสิ้นแล้วทั้งยังสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์มาได้มันย่อมทำให้อายุขัยของเขานั้นยืดยาวออกไปอีกมาก

ตัวเจียนหงเซียวในตอนนี้มันมิใช่เพียงแค่เจ้าศาลามายาล้ำแห่งเมืองจักรพรรดิเลิศประกายน้อยๆ นั้นอีกแล้ว

เมื่อได้เห็นเจียนหงเซียวเช่นนั้นเย่หยวนเองก็ย่อมจะรู้สึกตื่นเต้นดีใจอยู่เต็มอก

“พี่หงเซียวนั้นไม่ได้แค่กลับมาหายดีแต่ยังพัฒนาตัวเองก้าวขึ้นไปอีกขั้นได้ เย่ผู้นี้ได้เห็นก็สบายใจ ที่ข้ามาหาพี่วันนี้อย่างแรกก็เพื่อจะมาเยี่ยมเยียน ส่วนเป้าหมายอีกอย่างนั้นก็คือการจะมาบอกลาพี่หงเซียว” เย่หยวนยิ้มตอบ

เจียนหงเซียวที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตอบกลับมาด้วยใบหน้าตื่นตกใจ “หืม? เจ้าจะไปแล้วหรือ?”

เย่หยวนตอบกลับไป “ทางด้านเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นก็ยังไม่สงบสุขเรียบร้อยดี ข้ายังวางใจใดๆ ไม่ได้มากมาย ตอนนี้จึงคิดจะกลับไปดูให้มันเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้”

เจียนหงเซียวเองที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตื้นตันขึ้นมาในหัวใจ เพราะแม้ว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จะยังไม่สงบเรียบร้อยดีแต่เย่หยวนก็ยังสละเวลารีบมุ่งหน้ามาเพื่อช่วยตอบแทนบุญคุณ

เพื่อตัวเขาแล้วเย่หยวนนั้นไม่คิดที่จะลังเลเลยอมเข้าสนามรบเทพโบราณไปจนต้องพบเจอเรื่องราวเฉียดเป็นเฉียดตาย

เจียนหงเซียวนั้นเข้าใจอยู่เต็มอก แม้ว่าเย่หยวนจะสามารถบรรลุสองดาวขึ้นมาได้ในการเดินทางไปสนามรบเทพโบราณนี้แต่มันก็ไม่ได้มีแต่ด้านดีๆ เพราะหากพลาดพลั้งไปเพียงนิดชีวิตของเขาคงต้องหาไม่

ตัวเขาที่เคยยืนอยู่ในตำแหน่งผู้อาวุโสแห่งวังดาราย่อมจะรู้ดีว่าสนามรบเทพโบราณนั้นมันเป็นสถานที่สุดแสนอันตรายเพียงใด ต่อให้ทั้งกลุ่มจะถูกล้างบางสังหารสิ้นก็มิใช่เรื่องแปลกในประวัติศาสตร์ของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศนี้

เจียนหงเซียวนั้นได้แต่ถอนหายใจยาว “ข้าจะไม่รั้งเจ้าไว้หรอก แต่เมื่อใดที่ข้าว่างข้าย่อมจะแวะเวียนไปเยี่ยมเจ้าที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แล้ว”

เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะด้วยรอยยิ้ม “พี่หงเซียวพูดแล้วอย่าได้ลืมเชียว”

ภายในจวนเจ้าเมืองของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นกำลังมีสองชายหนุ่มและหนึ่งหญิงสาว สามคนหนุ่มสาวนั่งสง่าอยู่สูง

ที่ด้านล่างนั้นคือเจ้าเมืองโซชูเจีย เล่งหยูและพวกที่นั่งก้มหน้าลงกราบแทบพื้น

ชายหนุ่มคนทางซ้ายพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “โซชูเจีย สิบเมืองสันเขาใต้ของพวกเจ้านั้นกลับกล้ากล่าวประกาศอิสระคิดแยกตัวจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์เรา เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน?”

ชายหนุ่มคนนี้มีนามว่าเติ้งเหว่ยเป็นยอดอัจฉริยะคนหนึ่งของตระกูลเติ้งแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์

หากนับกันแค่ในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์แล้วตัวเขานี้คงนับได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่ง

ส่วนชายหนุ่มที่ด้านขวานั้นมีนามว่าไต้หยาง เป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลไต้แห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์

ส่วนแม่นางรูปงามคนตรงกลางนั้นเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของจวนเจ้าเมืองแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์นามหลู่ซือยี

และอัจฉริยะของสามค่ายกำลังแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์นั้นกลับกำลังมารวมตัวกันอยู่ที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์

เมื่อได้พบเจอคนทั้งสามนี้ต่อหน้าโซชูเจียย่อมไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง

คนทั้งสามนี้คือตัวแทนของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ที่มาเพื่อประกาศโทษแก่พวกเขา

ตอนนี้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันเรียกได้ว่ากำลังแยกตัวออกจากการปกครองของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์และประกาศอิสรภาพอ้างสิทธิ์ปกครองตนเอง

แล้วมีหรือที่ทางยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์นั้นจะยอมทนให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นได้

เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นใช่สถานที่อย่างเมืองจักรพรรดิเลิศประกายที่จะไม่มีใครกล้ามาตอแยด้วย

โซชูเจียนั้นคิดไปว่าสิบเมืองสันเขาใต้นี้มันห่างไกลจากศูนย์อำนาจ พวกเขาทั้งหลายจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์นั้นไม่น่าจะเสียเวลามายุ่งเกี่ยวใดๆ ให้เสียเวลา

แต่ใครจะไปคาดคิดว่าหลายสิบปีผ่านไปสุดท้ายข่าวก็ยังไปถึงหูของพวกเขาทั้งหลาย

“นี่มัน… ท่านทั้งสามเข้าใจผิดแล้ว เรา… มีหรือที่สิบเมืองสันเขาใต้เราจะกล้าท้าทายอำนาจของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์? ท่านเย่หยวนนั้นเองก็เป็นเพียงแค่ผู้ตรวจการของเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น เราจึงนับได้ว่าอยู่ใต้การปกครองของเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น!” โซชูเจียบอก

เติ้งเหว่ยที่ได้ยินก็ยิ้มตอบกลับมา “เจ้าคิดว่าเราทั้งสามนั้นไร้สมองหรือ? สภาพเช่นนี้มีหรือที่หยูเหวินเฟิงมันจะยังกล้าปกครองพวกเจ้า?”

โซชูเจียที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตอบกลับไปด้วยความลนลาน “ย่อมปกครองได้”

เติ้งเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นแทบต้องสำลักออกมาในความหน้าด้านนี้ “หึ ดูท่า… เจ้ามันจะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา! เจ้าคิดว่าด้วยตัวตนของข้าผู้นี้ข้ายังต้องอ้างหาเหตุผลใดในการฆ่าสังหารเจ้าเมืองจักรพรรดิต่ำต้อยอย่างเจ้าหรือ?”

พูดจบคลื่นพลังจากร่างของเติ้งเหว่ยก็ปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่งเป็นคลื่นพลังอันรุนแรงของเทพถ่องแท้อย่างไม่ต้องสงสัย

มีหรือที่โซชูเจีย นภาสวรรค์สี่ดาวคนนี้จะสามารถต้านทานรับมันไว้ได้? ตอนนี้กระดูกทั้งร่างของเขานั้นแทบจะหักพังลงสิ้น

‘อ่อก!’

โซชูเจียกระอักเลือดออกมาคำโตดูท่าคงได้รับบาดเจ็บไปอย่างหนักหนาแล้ว

ส่วนบนที่นั่งสูงสุดทางหลู่ซือยีก็บอกพูดขึ้นมา “เอาล่ะ พวกมันทั้งหลายนั้นแค่ทำงานใต้คำสั่งผู้คน คนร้ายยังไม่ปรากฏตัวฆ่าสังหารพวกมันไปก็หาได้ประโยชน์ใดไม่”

เติ้งเหว่ยที่ได้ยินจึงหัวเราะขึ้นตอบ “เจ้าพวกชั้นต่ำทั้งหลายนี้! หากไม่ทำการสั่งสอนมันเสียบ้างวันหน้ามันก็จะกลับมาแว้งกัดเราอีก! พวกเจ้าทั้งหลาย! มาจับคนเหล่านี้ไปขังในคุกให้ข้าเสีย เมื่อใดที่เจ้าเย่หยวนคนนั้นมันกลับมาด้วยแล้วก็นำพามันเอาไปขังรวมด้วยกันไว้!”

ภายใต้คำสั่งนี้ก็ได้มีทหารในชุดเกราะหนาเดินเข้ามาจับตัวคนทั้งหลายไป และพวกเขาเหล่านี้เองก็เป็นถึงเทพถ่องแท้เช่นกัน

แต่ว่าเหล่าทหารทั้งหลายนั้นย่อมจะไม่ต้องเปลืองแรงใดๆ เพราะในตอนนี้พวกโซชูเจียนั้นต่างบาดเจ็บกันอย่างสาหัสในสภาพไม่ตายก็นับว่าเป็นบุญแล้ว

หลังจัดการกับพวกเขาทั้งหลายไต้หยางก็กล่าวขึ้น “เหล่าคนทั้งหลายนี้มันช่างดื้อรั้น กลัวว่ามันจะเป็นอิทธิพลของเจ้าเย่หยวนผู้นั้นเสียแล้ว! ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเจ้าเด็กนามเย่หยวนคนนั้นมันจะมีสามหัวหกแขนหรือไม่!”

เติ้งเหว่ยนั้นเดินขึ้นมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลู่ซือยีและถามขึ้นดว้ยรอยยิ้ม “แม่นางซือยี เราจะทำอย่างไรกันต่อไปดี?”

หลู่ซือยีตอบกลับไป “ทุกผู้คนที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเย่หยวนผู้นั้นให้จับมันไปขังคุกให้สิ้น! เมื่อใดที่เจ้าเย่หยวนนั้นกลับมาก็ให้จับมันกลับไปยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์เราพร้อมๆ กับคนทั้งหลาย”

เติ้งเหว่ยและไต้หยางหันมามองหน้ากันด้วยความตื่นตะลึงไม่น้อย

แม้ว่าตัวหลู่ซือยีนั้นจะเป็นหญิงแต่วิธีการของนางนั้นโหดร้ายเสียยิ่งกว่าโจรป่า!

เท่านี้พวกเขาทั้งหลายก็ได้จัดการกบฏสิบเมืองสันเขาใต้จนอยู่หมัดในคราเดียว

“แต่ในเมืองนี้มันยังมีเทพถ่องแท้อยู่ถึงสองคน เจ้าเทพถ่องแท้หนึ่งดาวนั้นมันมิใช่ปัญหามากมายแต่เจ้าเทพถ่องแท้สี่ดาวผู้นั้นดูท่าจะจัดการลงไม่ได้ง่ายๆ!” เติ้งเหว่ยหันไปถามหลู่ซือยี

หลู่ซือยีค่อยๆ ลุกขึ้นยืน “เจ้าเทพถ่องแท้สี่ดาวนั้นข้าจะไปจัดการเอง ส่วนคนที่เหลือนั้นเจ้าทั้งสองไปจัดการเถอะ หากมีใครขัดขืนไม่ให้ความร่วมมือก็สังหารเสีย!”

ในเวลานั้นทางไป๋เฉิน อิ้งหมัวหู่ หนิงเทียนปิงและพวกต่างกำลังรวมตัวกันพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้น

“คนทั้งหลายนี้ไม่ได้มาดีแน่!” ไป๋เฉินขมวดคิ้วแน่น

พวกหลู่ซือยีทั้งหลายนั้นเป็นถึงเทพถ่องแท้ขั้นกลาง ตัวเขาไม่อาจจะต้านทานใดๆ คนทั้งหลายนั้นได้เลย

ทางด้านอิ้งหมัวหู่จึงตอบกลับไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ใครสนเล่า! หากทำอะไรไม่ได้จริงก็คงมีแต่ต้องสู้แล้ว!”

เล้งชิวหลิงส่ายหัวออกมา “เรื่องราวครั้งนี้ผลีผลามไปไม่ดี ด้วยกำลังของเราในตอนนี้มันย่อมไม่อาจทำอะไรได้ เรื่องนี้คงมีแต่ต้องรอให้เย่หยวนกลับมาแก้ไขแล้ว”

ด้วยโอสถที่เย่หยวนทิ้งไว้ให้พวกเขาทั้งหลายในตอนนี้จึงได้ก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์เก้าดาวขั้นสุดกันสิ้นแล้ว ห่างจากอาณาจักรเทพถ่องแท้ไปเพียงแค่เอื้อมเท่านั้น

แต่ทว่าพลังในระดับนี้มันย่อมจะไม่อาจเทียบเคียงกับพวกหลู่ซือยีทั้งสามได้เลย

“แต่เหล่าคนทั้งหลายนี้มันก็ดุร้ายเสียจริง วินาทีที่ก้าวเข้ามาถึงเมืองพวกมันก็ใช้ค่ายกลตัดขาดขึ้น ตอนนี้เราจะออกก็ออกไปไหนไม่ได้ หากพี่เย่กลับมาจริงตัวเขาก็คงมีหวังเดินเข้ามากลางดงกับดักแน่มิใช่หรือ?” อิ้งหมัวหู่บอก

แต่ไป๋เฉินนั้นกลับส่ายหัวออกมา “ข้านั้นเห็นด้วยกับแม่นางเล้ง ด้วยพรสวรรค์ของอาจารย์ตอนนี้เขาคงบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ไปได้แล้ว ต่อให้เขาจะไม่อาจต่อสู้กับคนทั้งหลายนั้นได้แต่พวกมันทั้งหลายก็ย่อมไม่อาจจะจับขังเขาได้แน่ ตราบเท่าที่อาจารย์ยังปลอดภัยเรื่องราวต่างๆ มันย่อมจะยังมีทางออก”

…………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1997 ทวงถามความผิด

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1997 ทวงถามความผิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฮ่าๆ! ยินดีกับพี่หงเซียวด้วยที่ก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพสวรรค์แล้ว ช่างน่ายินดีเสียจริงๆ!”

เมื่อเย่หยวนหงเซียวกลับสามารถขึ้นมากลายเป็นเทพสวรรค์ได้แล้ว

“หึๆ อย่าได้มาหยอกล้อคนเฒ่าคนแก่เลยน้องข้า การขึ้นมาเป็นเทพสวรรค์นี้มันล้วนแล้วแต่เพราะเจ้าทั้งสิ้น!” เจียนหงเซียวหัวเราะตอบกลับมา

สภาพของเจียนหงเซียวในตอนนี้มันเปี่ยมไปด้วยพลัง ดูแตกต่างจากตอนที่เย่หยวนพบเจอเขาเป็นครั้งแรกอย่างมาก

เพราะผลการสะท้อนจากเต๋าใดๆ นั้นมันถูกเยียวยารักษาจนหายสิ้นแล้วทั้งยังสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์มาได้มันย่อมทำให้อายุขัยของเขานั้นยืดยาวออกไปอีกมาก

ตัวเจียนหงเซียวในตอนนี้มันมิใช่เพียงแค่เจ้าศาลามายาล้ำแห่งเมืองจักรพรรดิเลิศประกายน้อยๆ นั้นอีกแล้ว

เมื่อได้เห็นเจียนหงเซียวเช่นนั้นเย่หยวนเองก็ย่อมจะรู้สึกตื่นเต้นดีใจอยู่เต็มอก

“พี่หงเซียวนั้นไม่ได้แค่กลับมาหายดีแต่ยังพัฒนาตัวเองก้าวขึ้นไปอีกขั้นได้ เย่ผู้นี้ได้เห็นก็สบายใจ ที่ข้ามาหาพี่วันนี้อย่างแรกก็เพื่อจะมาเยี่ยมเยียน ส่วนเป้าหมายอีกอย่างนั้นก็คือการจะมาบอกลาพี่หงเซียว” เย่หยวนยิ้มตอบ

เจียนหงเซียวที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตอบกลับมาด้วยใบหน้าตื่นตกใจ “หืม? เจ้าจะไปแล้วหรือ?”

เย่หยวนตอบกลับไป “ทางด้านเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นก็ยังไม่สงบสุขเรียบร้อยดี ข้ายังวางใจใดๆ ไม่ได้มากมาย ตอนนี้จึงคิดจะกลับไปดูให้มันเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้”

เจียนหงเซียวเองที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตื้นตันขึ้นมาในหัวใจ เพราะแม้ว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จะยังไม่สงบเรียบร้อยดีแต่เย่หยวนก็ยังสละเวลารีบมุ่งหน้ามาเพื่อช่วยตอบแทนบุญคุณ

เพื่อตัวเขาแล้วเย่หยวนนั้นไม่คิดที่จะลังเลเลยอมเข้าสนามรบเทพโบราณไปจนต้องพบเจอเรื่องราวเฉียดเป็นเฉียดตาย

เจียนหงเซียวนั้นเข้าใจอยู่เต็มอก แม้ว่าเย่หยวนจะสามารถบรรลุสองดาวขึ้นมาได้ในการเดินทางไปสนามรบเทพโบราณนี้แต่มันก็ไม่ได้มีแต่ด้านดีๆ เพราะหากพลาดพลั้งไปเพียงนิดชีวิตของเขาคงต้องหาไม่

ตัวเขาที่เคยยืนอยู่ในตำแหน่งผู้อาวุโสแห่งวังดาราย่อมจะรู้ดีว่าสนามรบเทพโบราณนั้นมันเป็นสถานที่สุดแสนอันตรายเพียงใด ต่อให้ทั้งกลุ่มจะถูกล้างบางสังหารสิ้นก็มิใช่เรื่องแปลกในประวัติศาสตร์ของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศนี้

เจียนหงเซียวนั้นได้แต่ถอนหายใจยาว “ข้าจะไม่รั้งเจ้าไว้หรอก แต่เมื่อใดที่ข้าว่างข้าย่อมจะแวะเวียนไปเยี่ยมเจ้าที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แล้ว”

เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะด้วยรอยยิ้ม “พี่หงเซียวพูดแล้วอย่าได้ลืมเชียว”

ภายในจวนเจ้าเมืองของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นกำลังมีสองชายหนุ่มและหนึ่งหญิงสาว สามคนหนุ่มสาวนั่งสง่าอยู่สูง

ที่ด้านล่างนั้นคือเจ้าเมืองโซชูเจีย เล่งหยูและพวกที่นั่งก้มหน้าลงกราบแทบพื้น

ชายหนุ่มคนทางซ้ายพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “โซชูเจีย สิบเมืองสันเขาใต้ของพวกเจ้านั้นกลับกล้ากล่าวประกาศอิสระคิดแยกตัวจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์เรา เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน?”

ชายหนุ่มคนนี้มีนามว่าเติ้งเหว่ยเป็นยอดอัจฉริยะคนหนึ่งของตระกูลเติ้งแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์

หากนับกันแค่ในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์แล้วตัวเขานี้คงนับได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่ง

ส่วนชายหนุ่มที่ด้านขวานั้นมีนามว่าไต้หยาง เป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลไต้แห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์

ส่วนแม่นางรูปงามคนตรงกลางนั้นเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของจวนเจ้าเมืองแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์นามหลู่ซือยี

และอัจฉริยะของสามค่ายกำลังแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์นั้นกลับกำลังมารวมตัวกันอยู่ที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์

เมื่อได้พบเจอคนทั้งสามนี้ต่อหน้าโซชูเจียย่อมไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง

คนทั้งสามนี้คือตัวแทนของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ที่มาเพื่อประกาศโทษแก่พวกเขา

ตอนนี้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันเรียกได้ว่ากำลังแยกตัวออกจากการปกครองของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์และประกาศอิสรภาพอ้างสิทธิ์ปกครองตนเอง

แล้วมีหรือที่ทางยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์นั้นจะยอมทนให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นได้

เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นใช่สถานที่อย่างเมืองจักรพรรดิเลิศประกายที่จะไม่มีใครกล้ามาตอแยด้วย

โซชูเจียนั้นคิดไปว่าสิบเมืองสันเขาใต้นี้มันห่างไกลจากศูนย์อำนาจ พวกเขาทั้งหลายจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์นั้นไม่น่าจะเสียเวลามายุ่งเกี่ยวใดๆ ให้เสียเวลา

แต่ใครจะไปคาดคิดว่าหลายสิบปีผ่านไปสุดท้ายข่าวก็ยังไปถึงหูของพวกเขาทั้งหลาย

“นี่มัน… ท่านทั้งสามเข้าใจผิดแล้ว เรา… มีหรือที่สิบเมืองสันเขาใต้เราจะกล้าท้าทายอำนาจของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์? ท่านเย่หยวนนั้นเองก็เป็นเพียงแค่ผู้ตรวจการของเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น เราจึงนับได้ว่าอยู่ใต้การปกครองของเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น!” โซชูเจียบอก

เติ้งเหว่ยที่ได้ยินก็ยิ้มตอบกลับมา “เจ้าคิดว่าเราทั้งสามนั้นไร้สมองหรือ? สภาพเช่นนี้มีหรือที่หยูเหวินเฟิงมันจะยังกล้าปกครองพวกเจ้า?”

โซชูเจียที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตอบกลับไปด้วยความลนลาน “ย่อมปกครองได้”

เติ้งเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นแทบต้องสำลักออกมาในความหน้าด้านนี้ “หึ ดูท่า… เจ้ามันจะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา! เจ้าคิดว่าด้วยตัวตนของข้าผู้นี้ข้ายังต้องอ้างหาเหตุผลใดในการฆ่าสังหารเจ้าเมืองจักรพรรดิต่ำต้อยอย่างเจ้าหรือ?”

พูดจบคลื่นพลังจากร่างของเติ้งเหว่ยก็ปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่งเป็นคลื่นพลังอันรุนแรงของเทพถ่องแท้อย่างไม่ต้องสงสัย

มีหรือที่โซชูเจีย นภาสวรรค์สี่ดาวคนนี้จะสามารถต้านทานรับมันไว้ได้? ตอนนี้กระดูกทั้งร่างของเขานั้นแทบจะหักพังลงสิ้น

‘อ่อก!’

โซชูเจียกระอักเลือดออกมาคำโตดูท่าคงได้รับบาดเจ็บไปอย่างหนักหนาแล้ว

ส่วนบนที่นั่งสูงสุดทางหลู่ซือยีก็บอกพูดขึ้นมา “เอาล่ะ พวกมันทั้งหลายนั้นแค่ทำงานใต้คำสั่งผู้คน คนร้ายยังไม่ปรากฏตัวฆ่าสังหารพวกมันไปก็หาได้ประโยชน์ใดไม่”

เติ้งเหว่ยที่ได้ยินจึงหัวเราะขึ้นตอบ “เจ้าพวกชั้นต่ำทั้งหลายนี้! หากไม่ทำการสั่งสอนมันเสียบ้างวันหน้ามันก็จะกลับมาแว้งกัดเราอีก! พวกเจ้าทั้งหลาย! มาจับคนเหล่านี้ไปขังในคุกให้ข้าเสีย เมื่อใดที่เจ้าเย่หยวนคนนั้นมันกลับมาด้วยแล้วก็นำพามันเอาไปขังรวมด้วยกันไว้!”

ภายใต้คำสั่งนี้ก็ได้มีทหารในชุดเกราะหนาเดินเข้ามาจับตัวคนทั้งหลายไป และพวกเขาเหล่านี้เองก็เป็นถึงเทพถ่องแท้เช่นกัน

แต่ว่าเหล่าทหารทั้งหลายนั้นย่อมจะไม่ต้องเปลืองแรงใดๆ เพราะในตอนนี้พวกโซชูเจียนั้นต่างบาดเจ็บกันอย่างสาหัสในสภาพไม่ตายก็นับว่าเป็นบุญแล้ว

หลังจัดการกับพวกเขาทั้งหลายไต้หยางก็กล่าวขึ้น “เหล่าคนทั้งหลายนี้มันช่างดื้อรั้น กลัวว่ามันจะเป็นอิทธิพลของเจ้าเย่หยวนผู้นั้นเสียแล้ว! ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเจ้าเด็กนามเย่หยวนคนนั้นมันจะมีสามหัวหกแขนหรือไม่!”

เติ้งเหว่ยนั้นเดินขึ้นมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลู่ซือยีและถามขึ้นดว้ยรอยยิ้ม “แม่นางซือยี เราจะทำอย่างไรกันต่อไปดี?”

หลู่ซือยีตอบกลับไป “ทุกผู้คนที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเย่หยวนผู้นั้นให้จับมันไปขังคุกให้สิ้น! เมื่อใดที่เจ้าเย่หยวนนั้นกลับมาก็ให้จับมันกลับไปยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์เราพร้อมๆ กับคนทั้งหลาย”

เติ้งเหว่ยและไต้หยางหันมามองหน้ากันด้วยความตื่นตะลึงไม่น้อย

แม้ว่าตัวหลู่ซือยีนั้นจะเป็นหญิงแต่วิธีการของนางนั้นโหดร้ายเสียยิ่งกว่าโจรป่า!

เท่านี้พวกเขาทั้งหลายก็ได้จัดการกบฏสิบเมืองสันเขาใต้จนอยู่หมัดในคราเดียว

“แต่ในเมืองนี้มันยังมีเทพถ่องแท้อยู่ถึงสองคน เจ้าเทพถ่องแท้หนึ่งดาวนั้นมันมิใช่ปัญหามากมายแต่เจ้าเทพถ่องแท้สี่ดาวผู้นั้นดูท่าจะจัดการลงไม่ได้ง่ายๆ!” เติ้งเหว่ยหันไปถามหลู่ซือยี

หลู่ซือยีค่อยๆ ลุกขึ้นยืน “เจ้าเทพถ่องแท้สี่ดาวนั้นข้าจะไปจัดการเอง ส่วนคนที่เหลือนั้นเจ้าทั้งสองไปจัดการเถอะ หากมีใครขัดขืนไม่ให้ความร่วมมือก็สังหารเสีย!”

ในเวลานั้นทางไป๋เฉิน อิ้งหมัวหู่ หนิงเทียนปิงและพวกต่างกำลังรวมตัวกันพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้น

“คนทั้งหลายนี้ไม่ได้มาดีแน่!” ไป๋เฉินขมวดคิ้วแน่น

พวกหลู่ซือยีทั้งหลายนั้นเป็นถึงเทพถ่องแท้ขั้นกลาง ตัวเขาไม่อาจจะต้านทานใดๆ คนทั้งหลายนั้นได้เลย

ทางด้านอิ้งหมัวหู่จึงตอบกลับไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ใครสนเล่า! หากทำอะไรไม่ได้จริงก็คงมีแต่ต้องสู้แล้ว!”

เล้งชิวหลิงส่ายหัวออกมา “เรื่องราวครั้งนี้ผลีผลามไปไม่ดี ด้วยกำลังของเราในตอนนี้มันย่อมไม่อาจทำอะไรได้ เรื่องนี้คงมีแต่ต้องรอให้เย่หยวนกลับมาแก้ไขแล้ว”

ด้วยโอสถที่เย่หยวนทิ้งไว้ให้พวกเขาทั้งหลายในตอนนี้จึงได้ก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์เก้าดาวขั้นสุดกันสิ้นแล้ว ห่างจากอาณาจักรเทพถ่องแท้ไปเพียงแค่เอื้อมเท่านั้น

แต่ทว่าพลังในระดับนี้มันย่อมจะไม่อาจเทียบเคียงกับพวกหลู่ซือยีทั้งสามได้เลย

“แต่เหล่าคนทั้งหลายนี้มันก็ดุร้ายเสียจริง วินาทีที่ก้าวเข้ามาถึงเมืองพวกมันก็ใช้ค่ายกลตัดขาดขึ้น ตอนนี้เราจะออกก็ออกไปไหนไม่ได้ หากพี่เย่กลับมาจริงตัวเขาก็คงมีหวังเดินเข้ามากลางดงกับดักแน่มิใช่หรือ?” อิ้งหมัวหู่บอก

แต่ไป๋เฉินนั้นกลับส่ายหัวออกมา “ข้านั้นเห็นด้วยกับแม่นางเล้ง ด้วยพรสวรรค์ของอาจารย์ตอนนี้เขาคงบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ไปได้แล้ว ต่อให้เขาจะไม่อาจต่อสู้กับคนทั้งหลายนั้นได้แต่พวกมันทั้งหลายก็ย่อมไม่อาจจะจับขังเขาได้แน่ ตราบเท่าที่อาจารย์ยังปลอดภัยเรื่องราวต่างๆ มันย่อมจะยังมีทางออก”

…………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+