Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1459 หว่านผลกรรม

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1459 หว่านผลกรรม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทันทีทันใดคลื่นพลังขุมใหญ่ระเบิดคลั่งออกมา แรงโหมขุมยักษ์อัดปะทะกับพลังปฐพีของฉินเซียว

บูมมม!

คลื่นพลังสุดน่าสะพรึงกระเพื่อมคลั่งรุนแรง ส่งร่างพวกฉินจ้าวหยุนทั้งสามกระเด็นออกไป

โชคยังดีที่พวกเขาทั้งสามอยู่ห่างออกไกลพอสมควร มิฉะนั้นเพียงคลื่นแรงปะทะที่ระเบิดคลั่งออกไป มันมากพอแล้วที่จะสังหารทั้งสามทิ้ง

ศึกสัประยุทธ์ระหว่างยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้านั้นทรงพลังอย่างยิ่งยวด

สายตาที่จับจ้องของฉินเซียวแปรเปลี่ยนดูตั้งใจขึ้นทันควัน ยามนี้สีหน้าการแสดงออกค่อนข้างประหลาดใจนัก

ฉินเซียวกล่าวขึ้นสีหน้าจริงจังว่า

“นั่นเจ้าจริงๆ!”

ผู้มาถึงอีกคนกล่าวน้ำเสียงเย็นชืดว่า

“มิใช่ข้าแล้วยังเป็นใครได้อีก?”

ฉินเซียวครี่ยิ้มบางพลางส่ายหัวและกล่าวขึ้นว่า

“ข้าไม่คิดไม่ฝัน แม้แต่ห่านเทียนยังไม่สามารถเลื่อนระดับชั้น แต่เจ้ากลับทะลวงขึ้นไปได้ก่อนจริงๆ! ไม่น่าแปลกใจ เจ้าเก็บตัวสันโดษมานานหลายสิบปี สุดท้ายเลื่อนระดับกลายเป็นอาณาจักรราชันพระเจ้า!”

พวกฉินจ้าวหยุนเห็นร่างนั้นหันเข้าเผชิญหน้ากับฉินเซียวระยะไกล ความประหลาดใจพลันสาดสะท้อนออกมาจากสายตาของพวกเขาในทันใด ไม่มีสิ่งใดน่าประหลาดใจไปยิ่งกว่านี้อีกแล้ว!

ไม่เคยนึกไม่เคยฝัน คนๆนี้จะสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้จริงๆ!

ในเมืองหลวงหวูเมิ่งแห่งนี้ มีเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นอยู่สี่คน ทุกคนต่างทราบตระหนักดี ทั้งสี่คนนี้เป็นบุคคลผู้มีโอกาสทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้ามากที่สุด

แต่ในบรรดาทั้งสี่ ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนสักนิดว่า คนที่เป็นไปได้น้อยที่สุดกลับสามารถเลื่อนระดับชั้นได้จริงๆ!

บุคคลนี้มิใช่ใครอื่นนอกเสียจาก หัวหน้านักหลอมโอสถแห่งหอมหาสมบัติผู้ปลีกวิเวกเก็บตัวอยู่ตลอดหลายสิบปี เซียวเฟิง!

นับทศวรรษแห่งความโดดเดี่ยว ทำให้หลายต่อหลายคนแทบลืมบุคคลนี้ไปโดยสิ้น

อย่างไรก็ตามแต่ ยามนี้ออกจากการเก็บตัวในท้ายที่สุด เขากลับบรรลุอยู่เหนือชั้นกว่าในบรรดาทั้งสี่เสียแล้ว

พวกฉินจ้าวหยุนทั้งสามต่างจ้องร่างเซียวเฟิงเขม็ง สีหน้าการแสดงออกของพวกเขาเปี่ยมล้นความอิจฉาและคำถามมากมาย

ไฉนถึงเป็นเซียวเฟิงคนนี้แต่มิใช่พวกเขา?

เซียวเฟิงกล่าวเสียงเย็นสะท้านขึ้นว่า

“สำหรับเราชายชราที่สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้ ทั้งหมดต้องยกความดีความชอบให้แก่สหายน้อยเย่หยวน หวังว่าท่านเจ้าเมืองจะมอบทางออกให้แก่สหายน้อยข้าในครั้งนี้?”

ทันทีที่วาจาคำกล่าวเหล่านี้ดังขึ้น สีหน้าของทุกคนรวมถึงฉินเซียวถึงกลับเปลี่ยนไปทันที

เซียวเฟิงทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้ ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเย่หยวนจริงหรือ?

ไม่น่าแปลกใจสักนิด ที่ไฉนหอมหาสมบัติถึงให้ความสำคัญขนาดนี้กับเย่หยวน ถึงขั้นประมุขหอออกโรงมาปกป้องเป็นการส่วนตัว ทั้งหมดเป็นเพราะเหตุนี้นี่เอง!

ในตอนนั้นเซียวเฟิงดูท่าจะเดินทางไปยังเมืองชนบทกุยฉาย จากนั้นก็ป่าวประกาศขอปลีกวิเวกเก็บตัวมาโดยตลอด

 หรือเป็นไปได้ไหมว่า…เย่หยวนจะมีพลังอาคมอะไรบางอย่าง จึงสามารถช่วยให้เซียวเฟิงทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้?

ฉินจ้าวหยุนทั้งสามสบตามองกันไปมา แววตาสาดสะท้อนแววอิจฉาดั่งเพลิงแผดเผา

ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้า วาจาคำนี้ช่างเย้ายวนพวกเขาเกินไป

แววตาหรี่แคบลงทันใด เขากล่าวขึ้นประดับรอยยิ้มจาง

“ตามกฎของท่านจักรพรรดิเทพสวรรค์ของเรา บัญญัติไว้ว่า ตราบใดที่เจ้าเลื่อนระดับชั้นขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้า ย่อมเป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่จะอาศัยอยู่ในเมืองหลวงหวูเมิ่งอีกต่อไป เจ้าว่าจริงหรือไม่?”

สีหน้าของเซียวเฟิงมืดทมิฬลง เขากล่าวว่า

“หลังจากเรื่องนี้ผ่านพ้น ข้าเซียวเฟิงย่อมลาจากโดยธรรมชาติ ทว่ายามนี้เกี่ยวพันถึงสหายน้อยเย่หยวน เราชายชราขอปกป้องเขาให้ถึงที่สุด!”

มิเช่นนั้นหากหอมหาสมบัติถือครองขุมกำลังระดับชั้นราชันพระเจ้าไว้ เจ้าเมืองหลวงจะถูกลดทอนความสำคัญลง ดังนั้นนี่เป็นวาจาของเจ้าเมืองหรือจักรพรรดิเทพสวรรค์กันแน่?

กลิ่นอายคุกคามระเบิดคลั่งออกจากกายาของฉินเซียว สีหน้าการแสดงออกของเซียวเฟิงแปรเปลี่ยนดูเคร่งเครียดขึ้นทันที

แม้เซียวเฟิงจะกลายมาเป็นยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้า แต่เขาก็เพิ่งเลื่อนระดับผ่านได้หมาดๆ

ในขณะที่ฉินเซียวขึ้นเป็นยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้ามาไม่รู้กี่ปีแล้ว

หากเปิดศึกสัประยุทธ์หวังตายไปข้างจริงๆ เซียวเฟิงมิใช่คู่มือแน่นอน

สีหน้าของเซียวเฟิงมืดลงอย่างมาก เขาเอ่ยกล่าวขึ้นว่า

“ขอเพียงเจ้ายอมปล่อยเย่หยวน ไม่ว่าต้องการสิ่งใดจงระบุมา!”

ฉินเซียวแสยะยิ้มกล่าวตอบเสียงเย็นว่า

“เจ้าไม่มีคุณสมบัติมาตั้งข้อตกลงกับเราเจ้าเมือง วันนี้เจ้าจักต้องยอมมอบตัวเย่หยวนแต่โดยดี มิเช่นนั้น ตั้งแต่บัดนี้ หอมหาสมบัติสาขาเมืองหลวงหวู่เมิ่งปิดร้านถาวร!”

เซียวเฟิงสังสังเกตเห็นชัดแจ้ง ฉินเซียวคนนี้หยิ่งผยองเกินไปนัก และเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะยอมปล่อยเย่หยวนง่ายๆ

เขาพรูหายใจเข้าออกลึกสุดขั้วปอด จิตใจยามนี้ปั่นป่วน ร่างเย่หยวนถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง

เย่หยวนเพียงรู้สึกว่า ภาพเบื้องหน้าพลันพร่ามัวหนัก ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นในมหาพิภพถงเทียนอีกครั้ง

ในช่วงอึดใจก่อนหน้า เย่หยวนถูกพาเข้าไปยังดินแดนที่เซียวเฟิงเพิ่งสร้างขึ้นมา

“ท่านพี่เซียว ท่าน…ท่านเลื่อนระดับชั้นแล้ว!”

เย่หยวนเหลียวมองเซียวเฟิงพร้อมความประหลาดใจ เขารู้สึกราวกับข้ามไปยังอีกดินแดนหนึ่งที่ไม่รู้จัก และมิทราบเลยว่าใครเป็นคนช่วยเหลือเอาไว้

ยามนี้เห็นหน้าเซียวเฟิงพลันเข้าใจได้ทันที

เห็นเซียวเฟิงยอมปล่อยเย่หยวนออกมา ฉินเซียวและฉินจ้าวหยุนพลางรู้สึกโล่งใจ

ดูเหมือนว่าหากพวกเขาต้องการจับตัวเย่หยวนไว้ จำต้องสร้างแรงกดดัน

ท้ายที่สุดนี้ อนาคตของหอมหาสมบัติก็ไม่คุ้มค่าเสี่ยงเพียงเพื่อช่วยเหลือเด็กน้อยอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าเพียงคนเดียว!

เซียวเฟิงกล่าวกับเย่หยวนพลางคลี่ยิ้มว่า

“หุหุ ทั้งหมดจำต้องขอบคุณตัวเจ้าเอง! หากย้อนกลับไป ถ้ามิใช่เพราะเจ้าให้คำชี้แนะข้า เราชายชราคนนี้คงเอื้อมไม่ถึงประตูมังกรได้ด้วยซ้ำ!”

เย่หยวนยิ้มกล่าวตอบว่า

“ไม่เลย ไม่เลย ขอบเขตความเข้าใจของท่านมาถึงจุดสูงสุดแล้ว แค่เพิ่มไม้ประดับเล็กน้อยก็สามารถประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย เย่คนนี้ขอแสดงความยินดีด้วยกับท่านพี่เซียว!”

สีหน้าการแสดงออกของเซียวเฟิงจางอ่อนลงเล็กน้อย เขากล่าวพลางถอนหายใจไปว่า

“สหายน้อย เป็นพี่คนนี้ที่ไร้ประโยชน์เสียเอง แม้ข้าจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้ แต่ข้าคงไร้ซึ่งพลังอะไรได้เช่นกันในวันนี้!”

เมื่อทั้งสองได้ฟังดังนั้น ดั่งคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าสู้หัวใจของฉินเซียนและคนอื่นๆจนสั่นคลอนหนัก

ยามนั้นเจ้าหนูนี่ยังเป็นเพียงเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้า แต่กลับชี้แนะให้เซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขั้นสุด ทั้งยังทำให้ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้อีก

หากมิได้ฟังเรื่องนี้ด้วยตนเอง พวกเขาคงไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด

แม้แต่ฉินจ้าวหยุนจักมิได้เอ่ยปากตะโกนออกไป ทว่าภายในใจอยากได้รับคำชี้แนะจากเย่หยวนนัก!

หากเขาสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้ ฉินจ้าวหยุนยินดีปล่อยมือเย่หยวนออกจากสถานะศัตรูย่อมได้

เย่หยวนมิได้เผยสีหน้าประหลาดใจ เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า

“สำหรับที่ท่านพี่เซียวมา นับว่าเย่คนนี้ได้รับความกรุณามากแล้ว”

เซียวเฟิงพยักหน้า หันมองฉินเซียวพร้อมกล่าวว่า

“นับจากบัดนี้เป็นต้นไป หอมหาสมบัติของเราขอถอนกิจการออกจากเมืองหลวงหวูเมิ่ง! สหายน้องเย่ห้ามมิอาจแตะต้อง หากต้องการนัก…เกรงว่าคิดอยู่กับความสามารถเจ้าแล้ว!”

เย่หยวนรู้สึกเพียงว่า ยามนี้มีภาพเบลอปรากฏขึ้นประจักสายตา ร่างทั่วกายาถูกห่อหุ้มด้วยพลังปฐพีอันยิ่งใหญ่เอาไว้ ก่อนจะอันตรธานหายไปอีกครั้ง

ภาพฉากเหตุการณ์นี้ แม้แต่ฉินเซียวก็ยังไม่ทันระวังตัว

“เซียวเฟิง นี่เจ้า!”

เซียวเฟิงเอ่ยกล่าวสีหน้าเฉยเมยว่า

“แม้เราชายชราหาใช่คู่มือของเจ้า แต่หากต้องการควบคุมข้าดั่งใจนึก เกรงว่าไม่สามารถ นอกจากนี้…เจ้าเองคงไม่กล้าสังหารเราชายชราได้โดยง่าย?”

ฉินเซียวที่ได้ยินเช่นนั้นพลันอดสำลักมิได้ เขาไม่กล้าลงมือด้วยจริงๆ!

ด้วยสถานะศักดิ์ของฉินเซียว การจะสังหารเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าสักคนสองคน ทางหอมหาสมบัติย่อมมองข้ามกันไปได้

แต่เซียวเฟิงในปัจจุบันเป็นยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้า ความสำคัญของเขาต่อหอมหาสมบัติหาใช่ไร้นัยยะสำคัญ

 ฉินเซียวจากเผยสีหน้าสุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอด ทว่าตอนนี้ใบหน้ากลับบิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่

เขาไม่คิดจริงๆว่า เซียวเฟิงจะตัดสินใจเด็ดขาดได้เช่นนี้ ถึงขั้นที่ว่ายอมถอนหอมหาสมบัติออกจากเมืองหลวงหวูเมิ่งจริงๆ!

หากถอนตัวออกกะทันหันเช่นนี้ ทางฝ่ายหอมหาสมบัตินับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่หลวง

“เจ้าตัดสินใจเช่นนี้ทั้งหมดก็เพื่อเด็กน้อยอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าคนหนึ่ง นี่เจ้าเสียสติไปแล้วรึ?”

ฉินเซียวกัดฟันแน่นกรอดเอ่ยคำรามขึ้น

เซียวเฟิงกล่าวตอบเสียงเรียบนิ่ง

“บุรุษมีหลักการที่ยึดมั่นประจำใจ ทั้งหมดเป็นเพราะโชคชะตาและการกระทำของสหายน้อยเย่หยวนในอดีต ทั้งหมดนี้จึงทำให้ข้าทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้ นี่นับเป็นวิธีตอบแทนบุญคุณของข้า และการกระทำของข้าในวันนี้ไม่มีหวนคืนเสียใจในอนาคต!”

ทั่วกายาฉินเซียวสั่นสะท้านหนัก แววตาเบิดกว้างเผยท่าทีตื่นตะลึง

“พวกเจ้ายังยืนงงอันใดกัน?! ยังไม่รีบลงมืออีก?!”

ฉินเซียวคำรามลั่นด้วยความโกรธ

………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด