Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1493 อาคันตุกะชั้นสูง

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1493 อาคันตุกะชั้นสูง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากสัญญาณถูกส่งเข้ามือเย่หยวน  พลันปรากฏคลื่นพลังงานสั่นกระเพื่อมขึ้น ทำเอาเขาพลันตระหนกเล็กน้อย

ไม่ทราบว่าสัญญานี้มาจากมือใคร ทว่าความแข็งแกร่งของบุคคลนั้นน่าสะพรึงกลัวนัก

จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนที่จมลงสู่ภายใน ทันใดนั้น เนื้อหาสัญญาณก็เปิดขึ้นมาด้วยตัวเอง

เขาครุ่นคิดวิเคราะห์เนื้อหาสัญญาโดยละเอียด หลังจากตรวจสอบถึงความครอบคลุม ก่อนพบว่าไม่มีปัญหาอันใด จึงเอ่ยขึ้นว่า

“ไม่มีปัญหาอะไรในตอนนี้ ข้าต้องการทราบข้อมูล มิทราบว่าสามารถเอ่ยถามได้หรือยัง?”

อวี้หานยิ้มและกล่าวว่า

“แน่นอน ท่านสามารถทำได้! ท่านสามารถเอ่ยถามตัวสัญญาได้โดยตรงเพื่อกำหนดระดับข้อมูลของคำถาม จากนั้นก็หยดโลหิตลงบนสัญญา และข้อมูลที่ต้องการทราบจักปรากฏขึ้นมา”

เย่หยวนสูดหายใจเข้าลึกๆและเอ่ยถามกับตัวสัญญาว่า

“เมื่อหนึ่งล้านปีก่อน ณ เมืองหลวงคาโปน มีแม่ทัพปีศาจนามว่าข่านนั่ว ข้าอยากจะทราบว่าใครกันที่เป็นคนส่งเขาไปทำภารกิจสุดท้าย รวมไปถึงข้อมูลทั้งหมดที่เขาได้รับสั่งไป!”

หลังจากที่เอ่ยถามเรื่องนี้ออกไป ตัวสัญญาณก็มีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว ทันทีทันใดคำหนึ่งก็ค่อยๆขยายใหญ่ปรากฏขึ้น

‘แปด’

ร่องรอยความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่หยวนในทันที เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ระดับข้อมูลที่เขาอยากทราบจะสูงขนาดนี้!

เมื่อเห็นเลข‘แปด’ปรากฏขั้นมาในตัวสัญญา อวี้หานพลันคลี่ยิ้มเอ่ยกล่าวขึ้นว่า

“หุหุ คาดไม่ถึงมาก่อนเลยว่า ข้อมูลที่ท่านบรรพกาลราตรีต้องการทราบจะมีมูลค่าสูงขนาดนี้…หนี้บุญคุณกลับไม่เล็กเลย”

ตั้งแต่ระดับสี่จนถึงเก้า เนื้อหาความยากของสัญญานนั้นจะแตกต่างไปจากทั่วไปโดยธรรมชาติ

ระดับสี่ยังเป็นเนื้อหาสัญญารค่อนข้างง่าย ในขณะที่ระดับเก้าอาจนำผู้ตกลงสัญญาตกลงสู่ความตาย

หากใครไม่ยอมตรวจสอบข้อมูลให้ดี และความแข็งแกร่งของพวกเขากลับไม่ตรงกับเนื้อหน้าภารกิจสัญญา นั้นก็ไม่ต่างอะไรจากหนทางสู่ความตายจริงๆ

อวี้หานจับจ้องไปที่เย่หยวนด้วยความสนใจ และนางต้องการดูว่า เขาจะเลือกอย่างไร

อย่างไรก็ตาม นางกลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

นางมิอาจเห็นคลื่นความผันผวนลังเลใจใดๆในตัวเย่หยวนเลย ราวกับว่าสิ่งที่เขากำลังถืออยู่เป็นแค่กระดาษเปล่าแผ่นหนึ่ง

ทันใดนั้นแสงเย็นประกายวับเชือนผ่านนิ้วมือเย่หยวนเล็กน้อย รอยกรีดฉีกออกพร้อมหยดเลือดสีมองลงบนสัญญาโดยไม่มีลังเล

หยดเลือดสีทองหยดหายลงไปทันที ในไม่ช้าประโยคเนื้อหาร่ายยาวอัดแน่นพลันขึ้นปรากฏบนสัญญา ทั้งหมดนั้นคือข้อมูลที่เย่หยวนต้องการจะทราบ

เย่หยวนเร่งอ่านทันทีโดยไว แต่ทันทีทันใดสีหน้าของเขาพลันบิดเบี้ยวน่าเกลียด

แน่นอนว่า ผู้ที่ส่งข่านนั่วไปยังดินแดนพฤกษานิรันดร์เป็นเจ้าเมืองในยุคนั้นนามว่า ข่านสั่ว

มิใช่แค่ข่านสั่วผู้นี้ยังไม่ตายเท่านั้น แต่เขายังทะลวงผ่านจ้าวทัพปีศาจขึ้นกลายมาเป็นราชาปีศาจชั้นสวรรค์ระดับหนึ่งแล้วในปัจจุบัน หรือก็คืออาณาจักรนภาสวรรค์หนึ่งดาวของเผ่ามนุษย์!

หลังจากที่บรรลุเต๋าทะลวงผ่านอาณาจักรราชันพระเจ้าไปได้ พวกเขาจะเข้าสู่อาณาจักรพลังใหม่ และแต่ละดาวล้วนยากแสนเข็ญจากการเลื่อนระดับ

แต่ละอาณาจักรหลักจะแบ่งออกมาเก้าสวรรค์หรือก็คือเก้าดาว

การจะเลื่อนระดับในแต่ละดาวยากเหลือ เกินพรรณนานัก อย่างน้อยต้องใช้เวลากว่าหนึ่งแสนปีเป็นขั้นต่ำ

ปัจจุบันวันเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งล้านปี ความแข็งแกร่งของข่านสั่วเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ จนได้บรรลุมาถึงระดับชั้นราชาปีศาจแล้ว!

ดูเหมือนว่าสำหรับข่านสั่วผู้นี้ ข้ายังต้องเก็บหนี้แค้นรอสะสางในภายภาคหน้า เย่หยวนลอบถอนหายใจอย่างลับๆ

ข่านสั่วผู้นี้เดินทางออกจากเมืองหลวงคาโปนเมื่อนานมาแล้ว และตอนนี้เขาก็กำลังดำรงอาศัยออยู่ในเมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะซึ่งเป็นขุมกำลังมหาศาล

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับข่านสั่วผู้นี้ ทั้งหมดล้วนเป็นข้อมูลอันมีค่าอย่างยิ่ง มากซะจนควรได้จะเป็นสัญญาระดับแปด

อย่างไรก็ตามแต่ เย่หยวนก็แอบตกใจเช่นกัน และเริ่มเข้าใจชัดแจ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับขุมพลังอำนาจของโถงโลหิตปรโลก

แม้แต่ข้อมูลของเซียนราชาปีศาจยังมีบันทึกได้โดยละเอียด สิ่งนี้หาใช่แค่กลุ่มอิทธิพลอำนาจทั่วไปที่จะสามารถจัดหาข้อมูลเหล่านี้ได้

หลังจากที่เย่หยวนจดบันทึกข้อมูลของข่านสั่วเรียบร้อยเสร็จ ประโยคเนื้อหาบนสัญญาก็ค่อยๆจางหายไป

เย่หยวนสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าตัวเขากับสัญญาได้เกิดการเชื่อมต่อที่แสนลึกล้ำขึ้นแล้ว

เย่หยวนคืนตัวสัญญาให้แก่อวี้หานและเอ่ยกล่าวอย่างเฉยเมยว่า

“ผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็มิได้แย่นัก”

เขาหาได้สนใจแม้แต่น้อย สักวันหนึ่งเขาจะก้าวขึ้นสู่อาณาจักรนภาสวรรค์และแสวงหาความเป็นธรรมให้แก่ดินแดพฤกษานิรันดร์

“หุหุ ท่านบรรพกาลราตรีหาได้สนใจ แต่อวี้หานคนนี้กลับรู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก! ข้ารู้สึกได้เลยว่า บุญคุณที่ท่านบรรพกาลราตรีได้รับไปมีมูลค่าจำนวนมหาศาล! สำหรับเรื่องผลึกปราณปีศาจ ให้อวี้หานคนนี้ได้เป็นสหายท่าน เรื่องนี้ก็ขอให้ลืมไปได้เลย”

อวี้หานกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง

เย่หยวนเหลือบมองไปที่นางและเอ่ยขึ้นเสียงเย็นว่า

“การได้เป็นสหายกับแม่นางอวี้หาน ข้าจำต้องระวังตัวให้มากขึ้น”

อวี้หานหัวเราะคิกคักพลางกล่าวว่า

“ท่านกล่าวชมอวี้หานใช่หรือไม่?”

เย่หยวนเอ่ยตอบว่า

“แม่นางจะเข้าใจเช่นนั้นก็ได้”

ความแกร่งกล้าของอวี้หานเกินหยั่งรู้ได้ โถงโลหิตปรโลกแห่งนี้ลึกลับและยากเกินเข้าใจ การได้เป็นมิตรสหายกับคนภายในนี้ กลับไม่รู้เลยว่าตนจะถูกขายให้คนอื่นเมื่อใด

เมื่อกลับมายังตระกูลฟาง ฟางอวี้ก็รู้สึกขอบคุณเย่หยวนอย่างมากเช่นกัน

ตระกูลฟางที่ทราบว่าในภายหลังว่า ในตระกูลมีนักปรุงโอสถปีศาจสุดแกร่งกล้าปรากฏตัวขึ้น พวกเขาต่างระเบิดความโกลาหลขึ้นในทันที

สมาชิกตระกูลฟางเรียกระดมพลเปิดองค์ประชุมระดับผู้อาวุโสเป็นการใหญ่ และตัดสินใจยกให้เย่หยวนกลายมาเป็นอาคันตุกะระดับพิเศษ

สิ่งที่เย่หยวนกระทำลงไปล้วนสร้างความสุขให้แก่ตระกูลฟาง ยามนี้เขามีศักดิ์เทียบเทียมได้กับผู้อาวุโสระดับจอมทัพปีศาจได้แล้ว

ส่วนพวกคนที่นินทากันว่า เย่หยวนเกาะผู้หญิงกินเพื่อให้ได้มาซึ่งสถานะศักดิ์เหล่านี้ ยามนี้กลับร้อนๆหนาวๆกันทุกคน

การยั่วยุอาคันตุกะนักปรุงโอสถปีศาจกลับหาใช่เรื่องฉลาดไม่

เม็ดโอสถเหล่านี้ไม่มีใครไม่ต้องการ

มิอาจตำหนิตระกูลฟางได้ว่ากำลังชักนำปัญหามากมายเข้าตัว ในความเป็นจริงนักปรุงโอสถปีศาจเป็นที่ต้องการอย่างมากภายในเผ่าปีศาจทั้งหมด

ด้วยสถานะของนักปรุงโอสถปีศาจ พวกเขาจึงสามารถเดินตรงเข้าไปยังประตูของตระกูลใหญ่ๆเพื่อขอกลายมาเป็นแขกอาคันตุกะได้อย่างไม่ยาก

ไม่เช่นนั้นตระกูลฟางคงไม่เร่งประชุมใหญ่โดยมิให้ปล่อยผ่านไปได้

ข่าวของนักปรุงโอสถปีศาจที่ปรากฏตัวขึ้นในตระกูลฟางจึงถูกเผยแพร่ออกไปทั่วทั้งเมืองอย่างรวดเร็วราวกับสายลม

อีกสามตระกูลที่เหลือรวมไปถึงฝ่ายตำหนักเจ้าเมืองต่างอิจฉาตาร้อนกันอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

แน่นอน ผู้ใดอิจฉาผู้นั้นย่อมไม่มีความสุข

เมื่อไคซินได้ฟังข่าวนี้ ในหัวของเขาก็พลันว่างเปล่าในทันใด

“ไอ้เด็กเหลือขอนั้นจะเป็นนักปรุงโอสถปีศาจระดับสองได้อย่างไร? หรือแขกคนสำคัญของท่านเมิ่งฉีในวันนั้นจะเป็นมันจริงๆ! นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร?”

ไคซินในยามนี้ทั้งขุ่นเคืองทั้งไม่เข้าใจอะไรด้าสักนิด เขาไม่สามารถเข้าใจได้แม้แต่น้อยว่า ชายหนุ่มที่มีฝืมือและวรยุทธต่อสู้ที่ลึกล้ำขนาดนั้น จะกลายมาเป็นนักปรุงโอสถปีศาจที่แม้แต่เมิ่งฉียอมกเมศีรษะให้ได้อย่างไร?!

สีหน้าการแสดงออกมาของเหลียนฮวาเองก็เปี่ยมล้นไปด้วยความตกใจเช่นกัน นางไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า เย่หยวนจะเป็นนักปรุงโอสถปีศาจด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น แม้กระทั่งห้าอาวุโสแห่งโถงโอสถปีศาจยังต้องเชื่อฟังรับคำชี้แนะจากเขา!

เดิมทีนางเพียงครุ่นคิดพลางเอ่ยอิจฉาแกล้งหลี่จีไปตามโอกาส นั้นจึงเป็นเหตุว่าทำไมนางจึงทำแบบนั้นกับเย่หยวน

แต่พอมาตอนนี้ เขากลับรู้สึกอิจฉาหลี่จีแทบขาดใจ!

หากนางรู้แบบนี้ตั้งแต่แรก เหลียนฮวาคงทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งบรรพกาลราตรีมาจากหลี่จีแล้ว

ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับสายเกินจะพูดอะไรแล้ว บรรพกาลราตรีกับไคซินเปรียบเสมือนน้ำกับไฟ มันเป็นไปไม่เลยที่จะทำเรื่องขวานผ่าซากเช่นนั้น

นางถอนหายใจพลางกล่าวว่า

“เรื่องนี้ปราศจากข้อสงสัยอันใดทั้งสิ้น! จากเงินไปมาขนาดนั้นให้กับโถงนักฆ่าเพื่อลอบสังหารบรรพกาลราตรี แต่กลับถูกห้าอาวุโสแห่งโถงโอสถปีศาจหยุดไว้ และนี่เป็นต้นเหตุที่ทำให้โถงโอสถปีศาจก่อสงครามกับโถงนักฆ่า โดยการคว่ำบาตรไม่สนับสนุนเรื่องโอสถให้แก่พวกเขาอีกต่อไป เรื่องนี้เป็นการบีบให้โถงนักฆ่าต้องออกมาเคลื่อนไหวแน่นอน แน่นอนว่าเมิ่งฉีคนเดียวไม่มีอำนาจมากพอที่จะทำเรื่องแบบนั้น แสดงว่าพวกเขาทั้งห้าได้รับการอนุมัติจากประมุขโถงโอสถปีศาจแล้วอย่างแน่นอน! ก่อสงครามกับตระกูลพวกนั้นเพื่อจัดการคนนอก ผลที่ได้กลับไม่เป็นดั่งที่ขาด ทั้งยังสร้างผลเสียให้กับพวกเราอีก”

สีหนเของไคซินซีดเขียวสลับดำ ตอนนี้เขามิทราบเลยว่าตนควรกล่าวอย่างไรดี

ยามนี้ค้นพบถึงความผิดหวังและโศกเศร้าทั่วเต็มลำไส้ ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะเตะชนเข้ากับแผ่นเหล็กจริงๆ!

เหลียนฮวาชะงักเล็กน้อยและกล่าวต่อว่า

“ในกรณีที่แม้แต่ท่านประมุขโถงโอสถปีศาจออกโรงอนุมัติด้วยตนเอง นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าทักษะในศาสตร์แห่งโอสถของบรรพกาลราตรีน่าทึ่งเพียงใด! ครั้งนี้ตระกูลฟางได้รับขุมสมบัติไปเต็มๆ!”

……………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด