Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1895 ข้อตกลงสองพันปี!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1895 ข้อตกลงสองพันปี! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าจะบอกว่าข้าด้อยกว่าเจ้าขยะนี่หรือ? เจ้ารู้ไหมว่าตอนนี้ศิษย์น้องเมิ่งลี่นั่นอยู่ในอาณาจักรใดแล้ว? หึ ไม่นานมานี้ศิษย์น้องเมิ่งลี่เพิ่งจะขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ไปได้! ขยะอย่างเจ้านั้นมันคงได้แต่มองดูแผ่นหลังของนางเป็นเท่านั้น! มันไม่มีค่าใดๆ คู่ควรกับศิษย์น้องเมิ่งลี่เลย!”

คำพูดนี้ของหลินฉางชิงมันทำให้ทุกผู้คนสั่นสะท้านขึ้นทันที

พวกโซชูเจียทั้งหลายนั้นย่อมคุ้นเคยกับชื่อของเยวี่ยเมิ่งลี่

ตอนที่นางอยู่ในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นนางได้แต่ใช้ชีวิตอยู่ในเงาของเย่หยวน

จนถึงวันนี้เวลามันยังผ่านไปไม่ถึงพันปีจากที่นางออกเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไป แต่นางผู้นั้นกลับสามารถบ่มเพาะจนบรรลุอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้!

ความเร็วในการบ่มเพาะเช่นนั้นมันไม่เคยมีให้เห็นมาก่อนเลย

ที่สำคัญแม้ผู้คนจะไม่สามารถมองเห็นอายุขัยที่แท้ของหลินฉางชิงนี้ได้แต่พวกเขาก็พอบอกได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้เองก็ไม่ได้มีอายุที่แก่เฒ่าใดๆ เลย

เทพสวรรค์ที่หนุ่มขนาดนี้มันย่อมเป็นสิ่งที่เหล่าโซชูเจียทั้งหลายไม่อาจคาดคิดถึงได้เลย

ต่อให้เป็นในสายตาของพวกเย่หยวนเอง พวกเขาทั้งหลายก็ไม่เคยจะพบเจอเทพสวรรค์ที่หนุ่มขนาดนี้มาก่อนเช่นกัน

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียแม้จะเป็นจอมเทพนิรันดร์ยอดอัจฉริยะที่ว่าไม่มีใครหาเปรียบได้ก็ยังต้องใช้เวลาถึงห้าหมื่นปีในการบ่มเพาะขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์

แม้ว่าเย่หยวนจะแสดงลายพระเจ้าออกมาให้หลินฉางชิงเห็นแต่เขาก็รู้สึกเพียงแค่ประหลาดใจเท่านั้น

ด้วยการคาดเดาของเขานั้นเย่หยวนคงไปได้รับสืบทอดลายพระเจ้ามาจากมิติวิเศษที่ไหนสักแห่งทำให้สามารถนำมันออกมาใช้ได้

เพราะแม้เรื่องเช่นนั้นมันจะเป็นไปได้ยาก มันก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นไปไม่ได้

ส่วนเรื่องที่ว่าเย่หยวนจะบ่มเพาะลายพระเจ้าด้วยตัวเองนั้นหลินฉางชิงไม่เคยแม้แต่จะคิดถึงมัน

เพราะเรื่องเช่นนั้นมันเป็นไปไม่ได้!

ตั้งแต่อดีตกาลมามันมียอดอัจฉริยะเกิดขึ้นรับไม่ถ้วนและในบรรดาคนเหล่านั้นมันก็ยังไม่เคยมีใครที่บ่มเพาะลายพระเจ้าได้ตั้งแต่อาณาจักรนภาสวรรค์เลย

สมบัติลายในตำนานเช่นนั้นใช้ครั้งหนึ่งมันก็หายไปครั้งหนึ่งถือว่าเป็นสมบัติที่ใช้แล้วหมดไป

แล้วเส้นทางที่เหลือต่อจากนี้ไปเย่หยวนจะสามารถใช้มันได้อีกสักกี่ครั้ง?

ที่สำคัญแม้เย่หยวนจะมีลายพระเจ้าที่ชัดเจนแต่พลังของเย่หยวนนั้นมันก็ยังไม่อาจเทียบเคียงเขาได้

“เจ้า… เจ้าเป็นใครกันแน่?” เย่หยวนกัดฟันถามหลินฉางชิงขึ้นมาด้วยอาการบาดเจ็บ

ดวงตาใกล้ตายของเย่หยวนนี้มันทำให้หลินฉางชิงรู้สึกปลาบปลื้มดีใจมาก

ดูท่าแล้วคำพูดก่อนหน้านี้มันคงไปสะกิดใจเย่หยวนเข้า

หลินฉางชิงหัวเราะขึ้น “เจ้าไม่ต้องรู้หรอกว่าข้าเป็นใคร เจ้าแค่รู้ไว้ว่าเจ้ากับศิษย์น้องเมิ่งลี่นั้นไม่อาจเคียงคู่กันได้แล้ว! เจ้าและนางนั้นอยู่ต่างกันคนละโลก! อย่าว่าเทพสวรรค์คนนี้ใจร้ายนักเลย นี่คือโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะมันคงพอช่วยให้เจ้าบรรลุอาณาจักรเทพถ่องแท้ไปได้! แต่ถึงตอนนั้นศิษย์น้องเมิ่งลี่คงขึ้นไปเป็นเทพสวรรค์แล้ว!”

เดิมทีเขานั้นไม่คิดสนใจที่จะอธิบายเรื่องราวใดๆ แก่เย่หยวน

แต่ตอนนี้เมื่อเขาไม่อาจลงมือฆ่าสังหารได้แล้ว หลินฉางชิงจึงเลือกที่จะทำการบอกเล่าความแตกต่างระหว่างเย่หยวนและเยวี่ยเมิ่งลี่ออกมา

เพราะหากทำเช่นนี้แล้วเย่หยวนมีความรู้จักประมาณตัวเสียหน่อย เขาก็คงไม่กล้าที่จะไปหาเยวี่ยเมิ่งลี่ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน

เหอชงเบิกตากว้างเมื่อเห็นมัน “โอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะ! พระเจ้าช่วย นี่มันโอสกที่จะช่วยให้ผู้คนสามารถบรรลุอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้!”

โซชูเจียเองก็พยักหน้ารับ “ตราบเท่าที่คนผู้หนึ่งขึ้นไปถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ขั้นสุดได้และกินโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะลงไป มันก็มีโอกาสถึงเจ็ดในสิบที่จะบรรลุ! แต่ด้วยฝีมือการหลอมโอสถของเย่หยวน…”

พวกเขานั้นรู้ดีว่าฝีมือวิชาโอสถของเย่หยวนมันเหนือฟ้าดินแค่ไหน

แม้ว่าตอนนี้พวกเขาทั้งหลายจะไม่ได้เจอเขามานับร้อยๆ ปี แต่พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าพลังฝีมือของเย่หยวนย่อมจะไม่มีทางถดถอยไปได้

นั่นทำให้สายตาของเหล่านักยุทธเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความอึดอัด

ฟุบ!

แสงสีเขียวเส้นหนึ่งพุ่งเข้าไปหาตัวเย่หยวน มันคือขวดโอสถนั้นนั่นเอง

มุมปากของหลินฉากชิงยิ้มขึ้นมาแต่เขาก็ไม่ได้ห้ามอีกฝ่าย

ตุบ!

เย่หยวนชี้นิ้วออกทำลายขวดโอสถสีเขียวมรกตนี้ทิ้งทันที

โอสถภายในเองก็ถูกเย่หยวนทำลายลงจนไม่อาจแยกจากฟ้าดินได้อีก

เมื่อได้เห็นเช่นนั้นคนทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บใจ

เจ้าไม่อยาก แต่คนอื่นยังอยาก!

ต่อให้เจ้าจะไม่อยากได้ เจ้าก็ไม่เห็นต้องทำลายมันทิ้งลงเลยนี่?

หลินฉางชิงไม่คิดจะทำหน้าตาตื่นตกใจใดๆ เขาแค่ยิ้มตอบ “นี่คือศักดิ์ศรีของเจ้าหรือ? ด้วยโอสถเม็ดนี้บางทีในหลายหมื่นปีข้างหน้าเจ้าอาจจะบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้ แต่เจ้ากลับทำลายมันทิ้งไป! แต่เช่นนี้ก็ดี คนเราทุกคนล้วนย่อมมีเรื่องที่ไม่อยากจำ จากวันนี้ไปเจ้าจงลืมศิษย์น้องเมิ่งลี่เสียเถอะ!”

หลินฉางชิงยกมือขึ้นไขว้หลังอีกครั้งด้วยท่าทางแสนโอหัง

แต่เขานั้นมีพลังมากพอที่จะทำตัวโอหังได้!

เทพสวรรค์ที่หนุ่มขนาดนี้ ใครจะกล้าพูดว่าวันหน้าเขาจะไม่ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์กัน?

คนเช่นนี้คือผู้ถูกเลือกที่แท้จริงในมหาพิภพถงเทียน

เย่หยวนมองดูหลินฉางชิงและยกนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว

หลินฉางชิงเองก็มึนงงไม่น้อยเมื่อเห็นเช่นนั้น แม้แต่ตงน้อยที่เห็นท่าทางนั้นของเย่หยวนเขาก็ยังรู้สึกมึนงง

“สองพันปี!”

หลินฉางชิงนั้นเป็นคนฉลาด เขาย่อมเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ได้ในเวลาไม่นาน

เย่หยวนหยุดไปนิดหน่อยก่อนจะพูดขึ้นต่อ “อีกสองพันปีข้างหน้า ข้าจะกลับมาไปหาเจ้า! ให้เจ้าและลี่เอ๋อได้ดูว่าพวกเรายังเป็นคนที่อยู่คนละโลกกันหรือไม่!”

คำพูดเดียวนี้มันทำให้ทุกผู้คนต่างเงียบปากลง

ตอนนี้แม้แต่ตงน้อยก็ยังต้องเบิกตากว้างเพราะคำโม้ของเย่หยวนนี้มันจะเกิดขอบเขตเกินไปแล้ว!

เขานั้นเป็นเทพสวรรค์เขาย่อมรู้ดีว่าความยากลำบากกว่าจะขึ้นไปถึงอาณาจักรนั้นได้มันยากเย็นแค่ไหน

แม้ว่าเขานั้นจะไม่เคยคิดสงสัยในตัวของเย่หยวนว่าจะไปถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้หรือไม่ แต่ด้วยเวลาแค่สองพันปีนั้นมันแสนสั้นจนเกินไป

“ฮ่าๆๆ! ช่างขี้โม้โอ้อวด! หากเจ้ากล้าท้าข้าก็กล้ารับ อีกสองพันปีสินะ? หลังจากนี้สิงพันปีข้ากับเจ้าจะประลองกัน! ผู้แพ้ต้องจากศิษย์น้องเมิ่งลี่ไป!” หลินฉางชิงหัวเราะบอก

คำพูดของเย่หยวนนั้นมันฟังเหมือนคำพูดของเด็กน้อยขี้อวดแสนอ่อนแอไม่รู้จักโลก

การจะบ่มเพาะจากอาณาจักรนภาสวรรค์ขึ้นสู่อาณาจักรเทพสวรรค์ในเวลาสองพันปี เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นได้!

ต่อให้เป็นตัวเขาที่มากพรสวรรค์และมีโอสถมากมายให้เลือกกินเขาก็ยังต้องใช้เวลาถึงห้าพันปีในการบ่มเพาะขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์มา

แถมจุดเริ่มต้นของเขานั้นยังสูงกว่านักยุทธในมหาพิภพถงเทียนคนอื่นๆ เป็นอย่างมาก!

เพราะเขา หลินฉางชิงผู้นี้เกิดมาพร้อมพลังบ่มเพาะอาณาจักรเทพถ่องแท้!

หากเทียบกันแล้วมันจะยังมีใครเทียบเคียงเขาได้?

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียนักยุทธจำนวนมากมายอย่างนับไม่ถ้วนบนมหาพิภพถงเทียนนี้ก็มีเพียงแค่หนึ่งในสิบเท่านั้นที่จะสามารถขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้!

แต่เขานั้นกลับมีพลังเช่นนั้นตั้งแต่เกิด

จากอาณาจักรนภาสวรรค์ถึงอาณาจักรเทพสวรรค์นั้นมันอาจจะฟังดูสั้น ห่างกันแค่สองอาณาจักรแต่ความห่างสองอาณาจักรนี้มันราวฟ้ากับเหว

คนทั้งหลายที่อวดอ้างตัวเองว่าเป็นยอดอัจฉริยะมากมายแค่ไหนแล้วที่ไม่อาจผ่านสองอาณาจักรนี้มาได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเวลาแค่สองพันปีนี้เลย

คำพูดเหล่านี้มันมิใช่ศักดิ์ศรี แต่เป็นความอวดดี!

เย่หยวนมองดูหลินฉางชิงพร้อมส่ายหัวออกมา “ข้าเย่หยวนไม่เคยคิดใช้ผู้คนเป็นหมากพนัน!”

หลินฉางชิงทำหน้าไม่พอใจออกมาพร้อมที่จะดูถูกเหยีนดหยามเต็มที่แต่กลับเป็นเย่หยวนที่พูดขึ้นต่อก่อน “อีกสองพันปีจากนี้! เจ้าและข้าจะต่อสู้กัน! ผู้ชนะรอด ผู้แพ้… ตาย! เจ้ากล้ารับคำไหม?”

เย่หยวนมองดูใบหน้าของหลินฉางชิงอย่างดุดัน

ทุกคนได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึกไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนจะตั้งมั่นได้ถึงขนาดนี้

การยอมรับศึกชี้เป็นชี้ตายนั้นเดิมทีมันคงมิใช่เรื่องใหญ่ใด

แต่ความห่างของเย่หยวนและหลินฉางชิงนั้นมันแสนยิ่งใหญ่ เวลาแค่สองพันปีมันย่อมเป็นแค่ชั่วพริบตาสำหรับพวกเขา การรับคำท้าเช่นนี้เย่หยวนจะเสียเปรียบจนเกินไป!

ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนมันก็คือการท้าทายที่ไม่มีทางชนะได้!

ตงน้อยขมวดคิ้วแน่น “เด็กน้อย อย่าได้ใจร้อนนัก!”

เย่หยวนไม่คิดสนใจคำเตือนนั้นและจ้องมองไปยังหลินฉางชิง “เจ้ากล้ารับหรือไม่?”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1895 ข้อตกลงสองพันปี!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1895 ข้อตกลงสองพันปี! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าจะบอกว่าข้าด้อยกว่าเจ้าขยะนี่หรือ? เจ้ารู้ไหมว่าตอนนี้ศิษย์น้องเมิ่งลี่นั่นอยู่ในอาณาจักรใดแล้ว? หึ ไม่นานมานี้ศิษย์น้องเมิ่งลี่เพิ่งจะขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ไปได้! ขยะอย่างเจ้านั้นมันคงได้แต่มองดูแผ่นหลังของนางเป็นเท่านั้น! มันไม่มีค่าใดๆ คู่ควรกับศิษย์น้องเมิ่งลี่เลย!”

คำพูดนี้ของหลินฉางชิงมันทำให้ทุกผู้คนสั่นสะท้านขึ้นทันที

พวกโซชูเจียทั้งหลายนั้นย่อมคุ้นเคยกับชื่อของเยวี่ยเมิ่งลี่

ตอนที่นางอยู่ในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นนางได้แต่ใช้ชีวิตอยู่ในเงาของเย่หยวน

จนถึงวันนี้เวลามันยังผ่านไปไม่ถึงพันปีจากที่นางออกเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไป แต่นางผู้นั้นกลับสามารถบ่มเพาะจนบรรลุอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้!

ความเร็วในการบ่มเพาะเช่นนั้นมันไม่เคยมีให้เห็นมาก่อนเลย

ที่สำคัญแม้ผู้คนจะไม่สามารถมองเห็นอายุขัยที่แท้ของหลินฉางชิงนี้ได้แต่พวกเขาก็พอบอกได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้เองก็ไม่ได้มีอายุที่แก่เฒ่าใดๆ เลย

เทพสวรรค์ที่หนุ่มขนาดนี้มันย่อมเป็นสิ่งที่เหล่าโซชูเจียทั้งหลายไม่อาจคาดคิดถึงได้เลย

ต่อให้เป็นในสายตาของพวกเย่หยวนเอง พวกเขาทั้งหลายก็ไม่เคยจะพบเจอเทพสวรรค์ที่หนุ่มขนาดนี้มาก่อนเช่นกัน

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียแม้จะเป็นจอมเทพนิรันดร์ยอดอัจฉริยะที่ว่าไม่มีใครหาเปรียบได้ก็ยังต้องใช้เวลาถึงห้าหมื่นปีในการบ่มเพาะขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์

แม้ว่าเย่หยวนจะแสดงลายพระเจ้าออกมาให้หลินฉางชิงเห็นแต่เขาก็รู้สึกเพียงแค่ประหลาดใจเท่านั้น

ด้วยการคาดเดาของเขานั้นเย่หยวนคงไปได้รับสืบทอดลายพระเจ้ามาจากมิติวิเศษที่ไหนสักแห่งทำให้สามารถนำมันออกมาใช้ได้

เพราะแม้เรื่องเช่นนั้นมันจะเป็นไปได้ยาก มันก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นไปไม่ได้

ส่วนเรื่องที่ว่าเย่หยวนจะบ่มเพาะลายพระเจ้าด้วยตัวเองนั้นหลินฉางชิงไม่เคยแม้แต่จะคิดถึงมัน

เพราะเรื่องเช่นนั้นมันเป็นไปไม่ได้!

ตั้งแต่อดีตกาลมามันมียอดอัจฉริยะเกิดขึ้นรับไม่ถ้วนและในบรรดาคนเหล่านั้นมันก็ยังไม่เคยมีใครที่บ่มเพาะลายพระเจ้าได้ตั้งแต่อาณาจักรนภาสวรรค์เลย

สมบัติลายในตำนานเช่นนั้นใช้ครั้งหนึ่งมันก็หายไปครั้งหนึ่งถือว่าเป็นสมบัติที่ใช้แล้วหมดไป

แล้วเส้นทางที่เหลือต่อจากนี้ไปเย่หยวนจะสามารถใช้มันได้อีกสักกี่ครั้ง?

ที่สำคัญแม้เย่หยวนจะมีลายพระเจ้าที่ชัดเจนแต่พลังของเย่หยวนนั้นมันก็ยังไม่อาจเทียบเคียงเขาได้

“เจ้า… เจ้าเป็นใครกันแน่?” เย่หยวนกัดฟันถามหลินฉางชิงขึ้นมาด้วยอาการบาดเจ็บ

ดวงตาใกล้ตายของเย่หยวนนี้มันทำให้หลินฉางชิงรู้สึกปลาบปลื้มดีใจมาก

ดูท่าแล้วคำพูดก่อนหน้านี้มันคงไปสะกิดใจเย่หยวนเข้า

หลินฉางชิงหัวเราะขึ้น “เจ้าไม่ต้องรู้หรอกว่าข้าเป็นใคร เจ้าแค่รู้ไว้ว่าเจ้ากับศิษย์น้องเมิ่งลี่นั้นไม่อาจเคียงคู่กันได้แล้ว! เจ้าและนางนั้นอยู่ต่างกันคนละโลก! อย่าว่าเทพสวรรค์คนนี้ใจร้ายนักเลย นี่คือโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะมันคงพอช่วยให้เจ้าบรรลุอาณาจักรเทพถ่องแท้ไปได้! แต่ถึงตอนนั้นศิษย์น้องเมิ่งลี่คงขึ้นไปเป็นเทพสวรรค์แล้ว!”

เดิมทีเขานั้นไม่คิดสนใจที่จะอธิบายเรื่องราวใดๆ แก่เย่หยวน

แต่ตอนนี้เมื่อเขาไม่อาจลงมือฆ่าสังหารได้แล้ว หลินฉางชิงจึงเลือกที่จะทำการบอกเล่าความแตกต่างระหว่างเย่หยวนและเยวี่ยเมิ่งลี่ออกมา

เพราะหากทำเช่นนี้แล้วเย่หยวนมีความรู้จักประมาณตัวเสียหน่อย เขาก็คงไม่กล้าที่จะไปหาเยวี่ยเมิ่งลี่ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน

เหอชงเบิกตากว้างเมื่อเห็นมัน “โอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะ! พระเจ้าช่วย นี่มันโอสกที่จะช่วยให้ผู้คนสามารถบรรลุอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้!”

โซชูเจียเองก็พยักหน้ารับ “ตราบเท่าที่คนผู้หนึ่งขึ้นไปถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ขั้นสุดได้และกินโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะลงไป มันก็มีโอกาสถึงเจ็ดในสิบที่จะบรรลุ! แต่ด้วยฝีมือการหลอมโอสถของเย่หยวน…”

พวกเขานั้นรู้ดีว่าฝีมือวิชาโอสถของเย่หยวนมันเหนือฟ้าดินแค่ไหน

แม้ว่าตอนนี้พวกเขาทั้งหลายจะไม่ได้เจอเขามานับร้อยๆ ปี แต่พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าพลังฝีมือของเย่หยวนย่อมจะไม่มีทางถดถอยไปได้

นั่นทำให้สายตาของเหล่านักยุทธเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความอึดอัด

ฟุบ!

แสงสีเขียวเส้นหนึ่งพุ่งเข้าไปหาตัวเย่หยวน มันคือขวดโอสถนั้นนั่นเอง

มุมปากของหลินฉากชิงยิ้มขึ้นมาแต่เขาก็ไม่ได้ห้ามอีกฝ่าย

ตุบ!

เย่หยวนชี้นิ้วออกทำลายขวดโอสถสีเขียวมรกตนี้ทิ้งทันที

โอสถภายในเองก็ถูกเย่หยวนทำลายลงจนไม่อาจแยกจากฟ้าดินได้อีก

เมื่อได้เห็นเช่นนั้นคนทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บใจ

เจ้าไม่อยาก แต่คนอื่นยังอยาก!

ต่อให้เจ้าจะไม่อยากได้ เจ้าก็ไม่เห็นต้องทำลายมันทิ้งลงเลยนี่?

หลินฉางชิงไม่คิดจะทำหน้าตาตื่นตกใจใดๆ เขาแค่ยิ้มตอบ “นี่คือศักดิ์ศรีของเจ้าหรือ? ด้วยโอสถเม็ดนี้บางทีในหลายหมื่นปีข้างหน้าเจ้าอาจจะบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้ แต่เจ้ากลับทำลายมันทิ้งไป! แต่เช่นนี้ก็ดี คนเราทุกคนล้วนย่อมมีเรื่องที่ไม่อยากจำ จากวันนี้ไปเจ้าจงลืมศิษย์น้องเมิ่งลี่เสียเถอะ!”

หลินฉางชิงยกมือขึ้นไขว้หลังอีกครั้งด้วยท่าทางแสนโอหัง

แต่เขานั้นมีพลังมากพอที่จะทำตัวโอหังได้!

เทพสวรรค์ที่หนุ่มขนาดนี้ ใครจะกล้าพูดว่าวันหน้าเขาจะไม่ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์กัน?

คนเช่นนี้คือผู้ถูกเลือกที่แท้จริงในมหาพิภพถงเทียน

เย่หยวนมองดูหลินฉางชิงและยกนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว

หลินฉางชิงเองก็มึนงงไม่น้อยเมื่อเห็นเช่นนั้น แม้แต่ตงน้อยที่เห็นท่าทางนั้นของเย่หยวนเขาก็ยังรู้สึกมึนงง

“สองพันปี!”

หลินฉางชิงนั้นเป็นคนฉลาด เขาย่อมเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ได้ในเวลาไม่นาน

เย่หยวนหยุดไปนิดหน่อยก่อนจะพูดขึ้นต่อ “อีกสองพันปีข้างหน้า ข้าจะกลับมาไปหาเจ้า! ให้เจ้าและลี่เอ๋อได้ดูว่าพวกเรายังเป็นคนที่อยู่คนละโลกกันหรือไม่!”

คำพูดเดียวนี้มันทำให้ทุกผู้คนต่างเงียบปากลง

ตอนนี้แม้แต่ตงน้อยก็ยังต้องเบิกตากว้างเพราะคำโม้ของเย่หยวนนี้มันจะเกิดขอบเขตเกินไปแล้ว!

เขานั้นเป็นเทพสวรรค์เขาย่อมรู้ดีว่าความยากลำบากกว่าจะขึ้นไปถึงอาณาจักรนั้นได้มันยากเย็นแค่ไหน

แม้ว่าเขานั้นจะไม่เคยคิดสงสัยในตัวของเย่หยวนว่าจะไปถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้หรือไม่ แต่ด้วยเวลาแค่สองพันปีนั้นมันแสนสั้นจนเกินไป

“ฮ่าๆๆ! ช่างขี้โม้โอ้อวด! หากเจ้ากล้าท้าข้าก็กล้ารับ อีกสองพันปีสินะ? หลังจากนี้สิงพันปีข้ากับเจ้าจะประลองกัน! ผู้แพ้ต้องจากศิษย์น้องเมิ่งลี่ไป!” หลินฉางชิงหัวเราะบอก

คำพูดของเย่หยวนนั้นมันฟังเหมือนคำพูดของเด็กน้อยขี้อวดแสนอ่อนแอไม่รู้จักโลก

การจะบ่มเพาะจากอาณาจักรนภาสวรรค์ขึ้นสู่อาณาจักรเทพสวรรค์ในเวลาสองพันปี เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นได้!

ต่อให้เป็นตัวเขาที่มากพรสวรรค์และมีโอสถมากมายให้เลือกกินเขาก็ยังต้องใช้เวลาถึงห้าพันปีในการบ่มเพาะขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์มา

แถมจุดเริ่มต้นของเขานั้นยังสูงกว่านักยุทธในมหาพิภพถงเทียนคนอื่นๆ เป็นอย่างมาก!

เพราะเขา หลินฉางชิงผู้นี้เกิดมาพร้อมพลังบ่มเพาะอาณาจักรเทพถ่องแท้!

หากเทียบกันแล้วมันจะยังมีใครเทียบเคียงเขาได้?

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียนักยุทธจำนวนมากมายอย่างนับไม่ถ้วนบนมหาพิภพถงเทียนนี้ก็มีเพียงแค่หนึ่งในสิบเท่านั้นที่จะสามารถขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้!

แต่เขานั้นกลับมีพลังเช่นนั้นตั้งแต่เกิด

จากอาณาจักรนภาสวรรค์ถึงอาณาจักรเทพสวรรค์นั้นมันอาจจะฟังดูสั้น ห่างกันแค่สองอาณาจักรแต่ความห่างสองอาณาจักรนี้มันราวฟ้ากับเหว

คนทั้งหลายที่อวดอ้างตัวเองว่าเป็นยอดอัจฉริยะมากมายแค่ไหนแล้วที่ไม่อาจผ่านสองอาณาจักรนี้มาได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเวลาแค่สองพันปีนี้เลย

คำพูดเหล่านี้มันมิใช่ศักดิ์ศรี แต่เป็นความอวดดี!

เย่หยวนมองดูหลินฉางชิงพร้อมส่ายหัวออกมา “ข้าเย่หยวนไม่เคยคิดใช้ผู้คนเป็นหมากพนัน!”

หลินฉางชิงทำหน้าไม่พอใจออกมาพร้อมที่จะดูถูกเหยีนดหยามเต็มที่แต่กลับเป็นเย่หยวนที่พูดขึ้นต่อก่อน “อีกสองพันปีจากนี้! เจ้าและข้าจะต่อสู้กัน! ผู้ชนะรอด ผู้แพ้… ตาย! เจ้ากล้ารับคำไหม?”

เย่หยวนมองดูใบหน้าของหลินฉางชิงอย่างดุดัน

ทุกคนได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึกไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนจะตั้งมั่นได้ถึงขนาดนี้

การยอมรับศึกชี้เป็นชี้ตายนั้นเดิมทีมันคงมิใช่เรื่องใหญ่ใด

แต่ความห่างของเย่หยวนและหลินฉางชิงนั้นมันแสนยิ่งใหญ่ เวลาแค่สองพันปีมันย่อมเป็นแค่ชั่วพริบตาสำหรับพวกเขา การรับคำท้าเช่นนี้เย่หยวนจะเสียเปรียบจนเกินไป!

ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนมันก็คือการท้าทายที่ไม่มีทางชนะได้!

ตงน้อยขมวดคิ้วแน่น “เด็กน้อย อย่าได้ใจร้อนนัก!”

เย่หยวนไม่คิดสนใจคำเตือนนั้นและจ้องมองไปยังหลินฉางชิง “เจ้ากล้ารับหรือไม่?”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+